ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : -ทำใจ-
ก่อนหน้าที่ผมจะกระดกยาคร่าชีวัน ผมฝันอยากจะไปเกิดเป็นไรน้ำ ไอ้แบบที่ลอยไปลอยมารอวันตายไม่ต้องคิดอะไรน่ะนะ
“ไม่ใช่แบบนี้ว้อย!!!”
“เป็นอะไรไปครับคุณอลัน” คุณหมอซีดอนตาปูดมองผมอย่างสงสัย
“ก็บอกว่าชื่อสมศักดิ์!”
ให้ตายสินี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 10 ชั่วโมงก่อน
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงน่าจะเดิม มือเท้าถูกล็อค และมีหัวโตตาพองเสื้อฟ้าเฝ้ามองอยู่ตรงประตูห้อง โดยคุณหมอซีดอนกับหัวโตตาพองที่ช่วงกลางลำตัวมีลูกแตงโมสองลูกแปะอยู่(คาดว่าเป็นพยาบาล)ยืนดูอาการอย่างใกล้ชิด
“เอ่อ คุณอลันคระ..”
“สมศักดิ์! ฉันชื่อสมศักดิ์ เรียกสั้นๆ ว่าไอ้ศักดิ์ อลันอะไรไม่รู้จักเว้ย!”
หมอซีดอนผงะเล็กน้อย แปลก... ทำไมผมอ่านสีหน้ามันออกทั้งที่มันเป็น อ๊ะจริงสิ! เราเองก็เป็นนี่หว่า
“...หัวโตตาพอง”
“ดูท่าว่าเราจะมีปัญหาใหญ่กันซะแล้วนะครับ”
“ใช่! ใหญ่สุดๆ เลยด้วย ก่อนอื่นช่วยตอบผมซักข้อ พวกคุณ! ไม่สิๆ รวมผมด้วย เป็นตัวอะไรกันแน่!?”
“เป็นมนุษย์ไงครับ”
“มนุษย์บ้าอะไรทำไมมันหัวโตตาพองสยองแก้วตา ไม่พอยังแขนขาสั้นเต่อบวมฉึ่งยังกับพึ่งจมน้ำตายมายังไงยังงั้น”
“เอ่อ ให้หมออธิบายก่อนครับ กรุณาฟังก่อนนะครับ”
ผมจ้องตากลมโตของหมอ และสองสาวพยาบาล (อนุมาณว่าสองหน่อเป็นตัวเมียจากการมีหน้าอก)
“ก็ได้ จัดมาภายใน 30 บรรทัด”
“นี่ไม่ใช่เรียงความนะครับคุณ”
“ช่างมันเถอะน่า” ยังอุตส่าห์จะรับมุขอีกปัดโธ่!
“เรื่องมันก็คือว่า...”
สรุปจากปากหมอได้ว่าเยี่ยงนี้ ในอดีตของพวกเขาหรืออนาคตของตัวผม ดวงอาทิตย์เข้าสู่ช่วงชีวิตรองสุดท้ายกลายเป็นดาวยักษ์แดง น้ำแข็งทั่วทั้งโลกละลายกลายเป็นทะเลท่วมโลกนี้ แต่ที่บัดซบไม่มีเปลี่ยนคือความคิดของมนุษย์
ช่วงนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม พวกแรกมีแนวคิดที่จะออกเดินทางไปยังอวกาศไร้ที่สิ้นสุดเพื่อค้นหาดาวใหม่ พวกหลังคิดจะอาศัยอยู่ที่โลกเหมือนเดิมโดยการปรับร่างกายตัวเอง
“ไม่ต้องเดาก็รู้ใช่ใหมครับว่าใครชนะ”
“เออ เล่าต่อสิ”
ทั้งๆ ที่มีเทคโนโลยีสูงส่งจนถึงขั้นควบคุมดวงอาทิตย์ให้กลับไปอยู่ในระดับเดิมได้ แต่ก็ยังรบกันไม่เลิก ทั้งที่โลกเจิ่งนองไปด้วยน้ำแล้วแท้ๆ แต่ใจคนดันแห้งแล้งซะเอง ต่างฝ่ายต่างมองกันเป็นศัตรู แล้วก็ฆ่ากัน
“ตอนนั้นแนวคิดเรื่องมนุษย์ไม่ต่างจากไวรัสกำลังเป็นที่ฮือฮาในหมู่พวกอนุรักษ์นิยมครับ ก็พวกที่เปลี่ยนร่างกายให้เป็นเหมือนไรน้ำอย่างเรานี่แหละ”
ไม่ใช่เราคุณหมอ ผมไม่เกี่ยวไม่มีเอี่ยวเลยซักแอะ!
แนวคิดนี้ค้านการเดินทางออกอวกาศเพื่อเสาะหาทรัพยากรสนองความอยากไม่สิ้นสุด แต่ให้ปรับร่างกายให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ให้ถึงที่สุดเอาแทน เลียนแบบการวิวัฒนาการของพวกสัตว์ และปฎิเสธวิทยาการล้ำหน้าทั้งหมด
ผลสุดท้ายพวกที่ออกอวกาศก็จากไปโดยทิ้งวิทยาการล้ำหน้าไว้มากมาย สมบัติทางปัญญาที่พวกเราเหล่าผู้ดัดแปลงร่างกายไม่อาจเข้าใจได้อีกแล้ว
“หนึ่งในนั้นก็เป็นวิทยาการที่ทำให้คุณได้มาคุยกับผมตรงนี้แหละครับ”
“จะบอกว่าผมข้ามเวลามาจากอดีตงั้นเรอะ! เฮ้ยเป็นไปได้ไง?!” หน้าผมคงจะกำลังมุ่ยอย่างมากถ้าดูออก
“แน่นอนครับว่าเป็นไปไม่ได้ มันมีอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่คล้ายๆ กับการท่องกาลเวลาอยู่”
“มันคือ!” อยากรู้สุดๆ
“เครื่อง...อนุมัส!”
เหอ? อนุมัส ตรง ‘มัส’ ต้องไล่ลมออกตามไรฟันด้วยมันเป็นตัว ‘S’ เดี๋ยวก่อนเดะเพ่! ตั้งแต่มุขขัดแย้ง ดัดแปลงร่างกายไปจนถึงย้อนอดีต...
“เอ่อคุณหมอครับ... ไอ้อนุมัสที่ว่าเนี่ย ใช่ไล่ความทรงจำไปตาม DNA ใช่ปะครับ” คุณหมอตาพองกว่าเดิม “คงไม่ใช่ว่าคุณอลันที่หมอเรียกผมเนี่ย เป็นลูกหลานสืบสายเลือดมาจากผมหรอกนะครับ”
“โอ้โห! คุณรู้ได้ไงเนี่ย ผมยังไม่ได้อธิบายเลยนะครับ!”
ทั้งหมอทั้งพยาบาลพากันประหลาดใจกันยกใหญ่
“ไม่ให้รู้ได้ไงเล่า! ก็ไอ้มุขเนี้ยผมจำได้ว่าเคยเล่นเกมเจอมา ที่พระเอกเป็นลูกหลานนักฆ่าน่ะเฮ้ย! นี่มันลอกมาแล้วแค่ผวนคำกลับชื่อนี่หว่า!”
“หมอไม่รู้นะว่าคุณพูดอะไร แต่มันไม่ใช่อนิมัส อุ๊ฟ!”
“นั่นไง! เมื่อกี้หมอพูดว่าอนิมัส มันคืออนิมัสชัดเจนเลยนะเฮีย!”
“สาเหตุที่ทำให้ความทรงจำคุณติดค้างในร่างแทนที่อลันก็เพราะ...”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิวะหมอ หมอเคลียร์ให้ชัดเลยนะ”
ทั้งหมอทั้งพยาบาลกลับหลังหันเดินออกไปโดยไม่ฟังเสียงผมเลย
“จะไปใหนกันวะเฮ้ย! เหตุผลดัดแปลงร่างกายก็มาจากการ์ตูนนี่หว่า! ดูยังไงก็เอาเรื่องชาวบ้านเค้ามายำชัดๆ เฮ้ยกลับม้า!!!”
หลังจากที่ถูกทิ้งไว้กับความมึน หมอก็มาพาตัวผมออกไปพร้อมอธิบายส่วนที่เหลือ ถึงสาเหตุแท้จริงที่ผมมาแทนที่นายอลัน นั่นเพราะ! ...ไฟดับ ไอ้บัดซบเอ๊ย! ทั้งที่เป็นการทดลองย้อนอดีตอันสำคัญแต่ดันไฟดับเนี่ยนะ! มันจะปัญญาอ่อนเกินไปแล้ว!
แล้วไอ้การดัดแปลงร่างกายนี่ก็ไม่สมเหตุผลเอาซะเลย ทำไมต้องเป็นไรน้ำวะ! โลมาไม่ได้รึไง อย่างน้อยก็มีเซ็กส์เพราะอยากซี้ด แต่นี่ดันเป็นไรน้ำ! แล้วดันทะลึ่งฉลาดแบบคนแทนที่จะลอยไปลอยมา
“โอ้พระเจ้า! ไอ้ที่ว่าอยากเป็นไรน้ำน่ะใช่ แต่ไม่ใช่แบบนี้ เป็นไรน้ำแล้วดันมีความคิดนี่มันไม่ใช่แล้วว้อย!!!”
...
...
...
“คุณสมศักดิ์ครับ ผมขอให้เข้าใจจุดยืนของคุณเองด้วยนะครับ เรามีสาเหตุที่ต้องใช้ร่างของคุณ”
หมอพูดขึ้นด้วยท่าทีกังวลใจ ณ ตอนนี้เราอยู่กันในห้องที่ดูแล้วเป็นห้องสอบสวน มีไรน้ำในชุดทหารเฝ้าหน้าประตู สรุปคือที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์วิจัยทางการทหารอะไรบางอย่าง
“ตอนนี้เราหาทางแก้ไขปัญหานี้อยู่”
“นั่นหมายความว่า?”
“ว่าเราไม่สามารถช่วยคุณตอนนี้ได้ครับ”
“ก็ใช้ไอ้เครื่องอนุมัสอะไรนั่นอีกสิ”
ผมพูดห้วนๆ โดยไม่สนบ้าอะไรอีก
“นั่นแหละครับปัญหา มันพังไปแล้ว...”
“ก็ซ่อมซะสิ” มันจะไปยากอะไรตรงไหนว้า
“ยากสิครับ ยากสุดๆ เลยด้วย ตรงที่เราไม่รู้วิธีซ่อมมันนี่แหละ”
หา!? ไม่รู้วิธีซ่อม แล้วสูเอามันมาใช้ทำไม แล้วพังเพราะไฟดับด้วย นี่มันเป็นหม้อแปลงไฟราคาถูกที่ไฟกระชากแล้วลวดไหม้รึไงกัน
“เราอยากซ่อมมันใจจะขาด แต่ก็อย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปก่อนหน้านั้น คือเราลืมวิทยาการพวกนี้ไปแล้ว”
“สรุปคือพวกคุณอยู่ในอารมณ์เจอพัดลมแต่เปิดสวิทช์ไม่เป็นใช่มั้ย?”
“ถูกต้องอย่างที่สุด”
โอย ปวดหัวอย่างแรง...
“เอาล่ะกลับมาว่ากันเรื่องร่างของคุณต่อ...” หมอหยิบหนังสือที่มีตัวอักษรยึกยือปริศนามาวางตรงหน้าผม “ต้องขอความร่วมมือจากคุณอย่างมากเลยด้วย นั่นเพราะว่าคุณอลันเจ้าของร่างนั้น...”
ผมเหลือบมองปกหนังสือ น่าแปลกที่ผมอ่านภาษาประหลาดนี้ออก คู่..มือ..การ..ควบคุม..NS...เบื้องต้น
“...เป็นนักบินของหุ่นรบนีโออาร์มสตรองที่เก่งที่สุดในโคโลนี่นี้”
หือ!? นีโออาร์มสตรอง? เก่งที่สุด?
“ต่อไปนี้จะขอเรียกย่อว่า NS..”
“ช้าก่อน! อะไรคือ NS มันคืออะไร ทำไมไม่ใช่ MS แต่เป็น NS”
“ก็เพราะมันย่อมาจากนีโออาร์มสตรองไงล่ะครับ ถ้า MS มันจะไปซ้ำกับโมบิลสุ..อุ๊ฟ!”
“นั่นไงล่ะ! มั่วนิ่มเอาเรื่องของชาวบ้านเขามาล้ออีกแล้ว แล้วนีโออาร์มสตรองนี่มันก็มั่วมาจากเรื่องอื่นเหมือนกัน!”
“บ๊ะ! คุณนี่จู้จี้จุกจิกจับผิดชาวบ้านเขาไปเรื่อยจริงๆ ก็บอกให้ฟังก่อนไงเล่า! จะหัวแข็งไปไหนวะ!”
การขึ้นเสียงของซีดอนทำเอาผมสะดุ้ง รวมทั้งทหารที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้วย
“อุ้ย! โทษทีลืมตัว อะแฮ่ม อะฮึ่มๆๆๆ เอาล่ะมาคุยกันต่อเถอะครับ”
โอ้โหแก้เขินหน้านิ่งๆ ตกลงพี่แกเก็บกดมานี่หว่า งั้นไอ้รอบก่อนหน้านี้ที่ทิ้งเราไว้ในห้องนั่นแกออกไปปรับอารมณ์หรอกเรอะ
“คือหมอเกลียดเรื่องยุ่งยากวุ่นวายน่ะครับ มันน่ารำคาญพาลจะทุบโต๊ะระเบิดตึกเอา อ๊ะ ที่หมอพูดไปเมื่อกี้คิดซะว่าไปไม่ได้ยินนะครับ เพราะที่จริงแล้ว...” หมอยื่นหน้าเอาตาโตมาจ่อตาผมแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก “ผมน่ะ ไม่ใช่แค่หมอหรอกนะครับ ข้างหลังก็เข้าใจนะ” เขาหันไปบอกทหารสองนายนั่นด้วย ซึ่งทั้งคู่ยกมือตบปืนรับขึงขัง รอยแสยะยิ้มน่าสยองพองออกมาชัดกว่าดวงตากลมโต ทั้งที่ไม่มีขนแต่ผมกลับสัมผัสได้ว่าหนังเต้นตุ้บๆ ไม่ได้กลัวเพราะหน้าตามันแหยง แต่แรงกดดันมันของจริง!
“เอาล่ะครับกลับมาเข้าเรื่องกันต่อ ว่ากันที่คู่มือนั่น คุณต้องจำให้ได้ทั้งเล่มภายในคืนนี้”
ผมส่ายหัวนิดนึงเป็นนัยว่าไม่ไหว แต่สายตาของหมอกดร่างกายผมจนต้องยอมก้ม
“สิ่งที่คุณต้องทำ มันจำเป็นสำหรับทุกคน หากคุณยอมแพ้ก็จบเห่”
“จบเห่เลยเหรอครับ?” ถามกลับไปแบบมึนๆ
“จบเห่แน่ครับถ้ายังมัวถามกล้าๆ กลัวๆ อยู่แบบนี้”
หมอทำตาพองปากย่นดุผม เหมือนอยากจะบอกว่า ถ้าไม่ทำเอ็งโดนเชือดแน่
“ใช่แล้วครับ และไม่ต้องสงสัยด้วยว่าทำไมผมรู้”
“คะ ครับผม” นี่กูกลัวไรน้ำเหรอเนี่ย!
“เป็นไรน้ำที่ฉลาดกว่าไรทั่วไปน่ะครับ” แนะ! ยังจะรู้อีกว่าคิดว่ากลัว!
ผมนั่งนิ่งอึ้งและทึ่งในความสามารถของไรน้ำพวกนี้ ทำไมกัน ทำไมต้องให้ไรน้ำมีความคิดด้วยวะ! อยากเป็นไรน้ำโง่ๆ น่ะได้ไหม ขอร้องล่ะ
“เกรงว่าคงไม่ได้ครับ” เฮ้ย! ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นี่มันอ่านใจเราออกรึไงวะ!
“คล้ายการอ่านใจเล็กน้อย แต่นี่วิทยาศาสตร์ล้วนๆ ครับ เป็นหมอมานานแล้วน่ะ”
จะคิดจะพูดอะไรต้องระวังแล้วเรา หมอพยักหน้ายิ้มหวาน... รู้อีก!
“หมอครับ คือว่านายอลันนี่...”
“เป็นนายทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยพบ อาสามารบเอง อาสามารับการทดลองเอง และจากการสืบค้นประวัติทำให้ตัวตนของเขาสำคัญยิ่งกว่าเดิมอีก”
“งั้นก็ไม่ต้องส่งผมออกไปรบสิ! ไอ้คู่มือเนี่ยแสดงว่าผมต้องไปรบใช่มั้ย!”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยหรืออ้าปากถาม เดี๋ยวบอกให้...” หมอซีดอนถอนหายใจแล้วกล่าวต่อ “เบื้องบนไม่รู้เรื่องการทดลอง และให้รู้ไม่ได้ ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลด้วย ที่สำคัญต่อโคโลนี่นี้ที่สุดคือขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า อลันไม่เคยแพ้หรือทำพลาด ยิงศัตรูตายมากกว่าทหารทั้งโคโลนี่รวมกันซะอีก”
ผมปากเบี้ยวหน้าอึ้ง นี่ลูกหลานกูเป็นที่พึ่งได้ดีขนาดนี้เลยเหรอ และนึกย้อนกลับไปถึงชีวิตใช้การได้ยากของตัวเอง แค่เรียนให้จบยังลำบากตั้งเกือบสิบปี แล้วยังจะตกงานอีก โอย อยากมุดแผ่นดินหนี
“ร้อยเอกอลันแบกรับชะตากรรมของโคโลนี่ชายแดนนี้อยู่ครับ และยังเป็นความหวังของมนุษย์พันธุ์ไรน้ำทั้งโลกอีกด้วย”
“อยู่ๆ มาโยนภาระบ้าๆ นี่ให้ผมได้ยังไงกัน!”
“ชีวิตคนเรามันก็แบบนี้แหละคุณสมศักดิ์ เรื่องยากลำบากมันมักจะมาไม่ให้ทันตั้งตัวเสมอ แล้วคุณคิดว่าผมไม่ลำบากใจรึไงล่ะครับ”
หมอตอบอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ พอโชว์ฟันเข็มให้ได้เห็น ผมก็ได้แต่ก้มหน้ามองคู่มือการขับนีโออาร์มสตรองต่อไป แต่ในหัวผมตอนนี้ยังคงสับสน ซึ่งหมอก็ไม่บ่นอะไรอีก
เขาเดินออกไปพร้อมคาบบุหรี่ ไรน้ำทหารยั้งมือห้ามไม่ให้สูบ แต่แค่แกเอียงหัวตาพองใส่เท่านั้นถึงกับหน้าซีดตาหด ตามด้วยเสียงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่งดังห่างออกไปตามทางเดิน
“โว้ย!!! มันอะไรกันวะ จะสำเร็จอยู่แล้วดันเกิดเรื่องบัดซบนี่อีก! กูจะฆ่ามึงไอ้พวกไรแดง!!!”
ผมถูกเชิญ(ลาก)มาขังไว้ในห้องที่ถูกเตรียมไว้อย่างดีมีตู้เย็นแช่เครื่องดื่มและอาหารหน้าตาประหลาดวางไว้ให้ ซึ่งตัวผมยังคงอยู่ในศูนย์อะไรซักอย่างแห่งนี้ ไอ้ครั้นอยากจะมองออกไปภายนอกก็ดันไม่มีหน้าต่างอีก... อ๊ะจริงสิ!
“ร่างนี้เป็นของร้อยเอกอลันอะไรนั่นซึ่งเป็นลูกหลานของเรา แต่ก่อนกินยาตายเรายังไม่ได้แต่งเมียนี่หว่า!”
แล้วจะไปมีลูกได้ยังไงกัน อ๊ะ! หรือว่า.. ไอ้ที่มีอะไรไปกับแฟนก่อนหน้านั้นมัน!
“ท้อง!!!”
นี่เราทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบงั้นเร้อ! ฉับพลันเสียงของหมอก็ดังก้องเข้ามาในหู
‘ร้อยเอกอลันแบกรับชะตากรรมของโคโลนี่...คิดว่าผมไม่ลำบากใจเหรอ...เป็นความหวังของมนุษย์...เรื่องยากลำบาก...อาสามารับการทดลองเอง...มาไม่ให้ทันตั้งตัวเสมอ’
แต่เรา ตัวเรากลับยอมแพ้เพราะแค่ตกงานมาหลายเดือน! ทิ้งภาระไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่แฟนเรายอมรับเลี้ยงลูกไม่ทำแท้ง! มือผมกุมเบ้าตาแต่ที่จริงก็แค่เอื้อมมือไปแปะเปลือกตากลมโต ใบหน้าร้อนผ่าว มึนไปทั้งหัว
“เราทำอะไรลงไป” หยดน้ำตาล้นเปลือกตาออกมาหยดลงไปบนปกหนังสือ
‘เรื่องยากลำบาก...เป็นความหวังของมนุษย์พันธุ์ไรน้ำทั้งโลก’ ถ้าเป็นเราคงวิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว...
ครั้งนี้เราหนีไม่ได้แล้ว เพราะถ้าหนี ชีวิตของอลันจบเห่แน่ ถึงจะงี่เง่าแต่เราก็เป็นบรรพบุรุษของหมอนี่ เราทิ้งลูกทิ้งเมียมาแล้ว เพราะงั้นอย่างน้อยๆ ก็ขอปกป้องหมอนี่แทนล่ะ!
“จะนีโออาร์มสตรองหรืออะไรก็มาเลย!”
ผมพลิกหน้าหนังสือเปิดอ่านทันที รูปภาพของ NS พุ่งเข้าเตะเต็มเบ้าตา
“ไอ้นี่มันก็แค่ตอปิโดติดระยางพอให้มีแขนขาเท่านั้นเองนี่หว่า!”
“ไม่ใช่แบบนี้ว้อย!!!”
“เป็นอะไรไปครับคุณอลัน” คุณหมอซีดอนตาปูดมองผมอย่างสงสัย
“ก็บอกว่าชื่อสมศักดิ์!”
ให้ตายสินี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 10 ชั่วโมงก่อน
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงน่าจะเดิม มือเท้าถูกล็อค และมีหัวโตตาพองเสื้อฟ้าเฝ้ามองอยู่ตรงประตูห้อง โดยคุณหมอซีดอนกับหัวโตตาพองที่ช่วงกลางลำตัวมีลูกแตงโมสองลูกแปะอยู่(คาดว่าเป็นพยาบาล)ยืนดูอาการอย่างใกล้ชิด
“เอ่อ คุณอลันคระ..”
“สมศักดิ์! ฉันชื่อสมศักดิ์ เรียกสั้นๆ ว่าไอ้ศักดิ์ อลันอะไรไม่รู้จักเว้ย!”
หมอซีดอนผงะเล็กน้อย แปลก... ทำไมผมอ่านสีหน้ามันออกทั้งที่มันเป็น อ๊ะจริงสิ! เราเองก็เป็นนี่หว่า
“...หัวโตตาพอง”
“ดูท่าว่าเราจะมีปัญหาใหญ่กันซะแล้วนะครับ”
“ใช่! ใหญ่สุดๆ เลยด้วย ก่อนอื่นช่วยตอบผมซักข้อ พวกคุณ! ไม่สิๆ รวมผมด้วย เป็นตัวอะไรกันแน่!?”
“เป็นมนุษย์ไงครับ”
“มนุษย์บ้าอะไรทำไมมันหัวโตตาพองสยองแก้วตา ไม่พอยังแขนขาสั้นเต่อบวมฉึ่งยังกับพึ่งจมน้ำตายมายังไงยังงั้น”
“เอ่อ ให้หมออธิบายก่อนครับ กรุณาฟังก่อนนะครับ”
ผมจ้องตากลมโตของหมอ และสองสาวพยาบาล (อนุมาณว่าสองหน่อเป็นตัวเมียจากการมีหน้าอก)
“ก็ได้ จัดมาภายใน 30 บรรทัด”
“นี่ไม่ใช่เรียงความนะครับคุณ”
“ช่างมันเถอะน่า” ยังอุตส่าห์จะรับมุขอีกปัดโธ่!
“เรื่องมันก็คือว่า...”
สรุปจากปากหมอได้ว่าเยี่ยงนี้ ในอดีตของพวกเขาหรืออนาคตของตัวผม ดวงอาทิตย์เข้าสู่ช่วงชีวิตรองสุดท้ายกลายเป็นดาวยักษ์แดง น้ำแข็งทั่วทั้งโลกละลายกลายเป็นทะเลท่วมโลกนี้ แต่ที่บัดซบไม่มีเปลี่ยนคือความคิดของมนุษย์
ช่วงนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม พวกแรกมีแนวคิดที่จะออกเดินทางไปยังอวกาศไร้ที่สิ้นสุดเพื่อค้นหาดาวใหม่ พวกหลังคิดจะอาศัยอยู่ที่โลกเหมือนเดิมโดยการปรับร่างกายตัวเอง
“ไม่ต้องเดาก็รู้ใช่ใหมครับว่าใครชนะ”
“เออ เล่าต่อสิ”
ทั้งๆ ที่มีเทคโนโลยีสูงส่งจนถึงขั้นควบคุมดวงอาทิตย์ให้กลับไปอยู่ในระดับเดิมได้ แต่ก็ยังรบกันไม่เลิก ทั้งที่โลกเจิ่งนองไปด้วยน้ำแล้วแท้ๆ แต่ใจคนดันแห้งแล้งซะเอง ต่างฝ่ายต่างมองกันเป็นศัตรู แล้วก็ฆ่ากัน
“ตอนนั้นแนวคิดเรื่องมนุษย์ไม่ต่างจากไวรัสกำลังเป็นที่ฮือฮาในหมู่พวกอนุรักษ์นิยมครับ ก็พวกที่เปลี่ยนร่างกายให้เป็นเหมือนไรน้ำอย่างเรานี่แหละ”
ไม่ใช่เราคุณหมอ ผมไม่เกี่ยวไม่มีเอี่ยวเลยซักแอะ!
แนวคิดนี้ค้านการเดินทางออกอวกาศเพื่อเสาะหาทรัพยากรสนองความอยากไม่สิ้นสุด แต่ให้ปรับร่างกายให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ให้ถึงที่สุดเอาแทน เลียนแบบการวิวัฒนาการของพวกสัตว์ และปฎิเสธวิทยาการล้ำหน้าทั้งหมด
ผลสุดท้ายพวกที่ออกอวกาศก็จากไปโดยทิ้งวิทยาการล้ำหน้าไว้มากมาย สมบัติทางปัญญาที่พวกเราเหล่าผู้ดัดแปลงร่างกายไม่อาจเข้าใจได้อีกแล้ว
“หนึ่งในนั้นก็เป็นวิทยาการที่ทำให้คุณได้มาคุยกับผมตรงนี้แหละครับ”
“จะบอกว่าผมข้ามเวลามาจากอดีตงั้นเรอะ! เฮ้ยเป็นไปได้ไง?!” หน้าผมคงจะกำลังมุ่ยอย่างมากถ้าดูออก
“แน่นอนครับว่าเป็นไปไม่ได้ มันมีอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่คล้ายๆ กับการท่องกาลเวลาอยู่”
“มันคือ!” อยากรู้สุดๆ
“เครื่อง...อนุมัส!”
เหอ? อนุมัส ตรง ‘มัส’ ต้องไล่ลมออกตามไรฟันด้วยมันเป็นตัว ‘S’ เดี๋ยวก่อนเดะเพ่! ตั้งแต่มุขขัดแย้ง ดัดแปลงร่างกายไปจนถึงย้อนอดีต...
“เอ่อคุณหมอครับ... ไอ้อนุมัสที่ว่าเนี่ย ใช่ไล่ความทรงจำไปตาม DNA ใช่ปะครับ” คุณหมอตาพองกว่าเดิม “คงไม่ใช่ว่าคุณอลันที่หมอเรียกผมเนี่ย เป็นลูกหลานสืบสายเลือดมาจากผมหรอกนะครับ”
“โอ้โห! คุณรู้ได้ไงเนี่ย ผมยังไม่ได้อธิบายเลยนะครับ!”
ทั้งหมอทั้งพยาบาลพากันประหลาดใจกันยกใหญ่
“ไม่ให้รู้ได้ไงเล่า! ก็ไอ้มุขเนี้ยผมจำได้ว่าเคยเล่นเกมเจอมา ที่พระเอกเป็นลูกหลานนักฆ่าน่ะเฮ้ย! นี่มันลอกมาแล้วแค่ผวนคำกลับชื่อนี่หว่า!”
“หมอไม่รู้นะว่าคุณพูดอะไร แต่มันไม่ใช่อนิมัส อุ๊ฟ!”
“นั่นไง! เมื่อกี้หมอพูดว่าอนิมัส มันคืออนิมัสชัดเจนเลยนะเฮีย!”
“สาเหตุที่ทำให้ความทรงจำคุณติดค้างในร่างแทนที่อลันก็เพราะ...”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิวะหมอ หมอเคลียร์ให้ชัดเลยนะ”
ทั้งหมอทั้งพยาบาลกลับหลังหันเดินออกไปโดยไม่ฟังเสียงผมเลย
“จะไปใหนกันวะเฮ้ย! เหตุผลดัดแปลงร่างกายก็มาจากการ์ตูนนี่หว่า! ดูยังไงก็เอาเรื่องชาวบ้านเค้ามายำชัดๆ เฮ้ยกลับม้า!!!”
หลังจากที่ถูกทิ้งไว้กับความมึน หมอก็มาพาตัวผมออกไปพร้อมอธิบายส่วนที่เหลือ ถึงสาเหตุแท้จริงที่ผมมาแทนที่นายอลัน นั่นเพราะ! ...ไฟดับ ไอ้บัดซบเอ๊ย! ทั้งที่เป็นการทดลองย้อนอดีตอันสำคัญแต่ดันไฟดับเนี่ยนะ! มันจะปัญญาอ่อนเกินไปแล้ว!
แล้วไอ้การดัดแปลงร่างกายนี่ก็ไม่สมเหตุผลเอาซะเลย ทำไมต้องเป็นไรน้ำวะ! โลมาไม่ได้รึไง อย่างน้อยก็มีเซ็กส์เพราะอยากซี้ด แต่นี่ดันเป็นไรน้ำ! แล้วดันทะลึ่งฉลาดแบบคนแทนที่จะลอยไปลอยมา
“โอ้พระเจ้า! ไอ้ที่ว่าอยากเป็นไรน้ำน่ะใช่ แต่ไม่ใช่แบบนี้ เป็นไรน้ำแล้วดันมีความคิดนี่มันไม่ใช่แล้วว้อย!!!”
...
...
...
“คุณสมศักดิ์ครับ ผมขอให้เข้าใจจุดยืนของคุณเองด้วยนะครับ เรามีสาเหตุที่ต้องใช้ร่างของคุณ”
หมอพูดขึ้นด้วยท่าทีกังวลใจ ณ ตอนนี้เราอยู่กันในห้องที่ดูแล้วเป็นห้องสอบสวน มีไรน้ำในชุดทหารเฝ้าหน้าประตู สรุปคือที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่เป็นศูนย์วิจัยทางการทหารอะไรบางอย่าง
“ตอนนี้เราหาทางแก้ไขปัญหานี้อยู่”
“นั่นหมายความว่า?”
“ว่าเราไม่สามารถช่วยคุณตอนนี้ได้ครับ”
“ก็ใช้ไอ้เครื่องอนุมัสอะไรนั่นอีกสิ”
ผมพูดห้วนๆ โดยไม่สนบ้าอะไรอีก
“นั่นแหละครับปัญหา มันพังไปแล้ว...”
“ก็ซ่อมซะสิ” มันจะไปยากอะไรตรงไหนว้า
“ยากสิครับ ยากสุดๆ เลยด้วย ตรงที่เราไม่รู้วิธีซ่อมมันนี่แหละ”
หา!? ไม่รู้วิธีซ่อม แล้วสูเอามันมาใช้ทำไม แล้วพังเพราะไฟดับด้วย นี่มันเป็นหม้อแปลงไฟราคาถูกที่ไฟกระชากแล้วลวดไหม้รึไงกัน
“เราอยากซ่อมมันใจจะขาด แต่ก็อย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปก่อนหน้านั้น คือเราลืมวิทยาการพวกนี้ไปแล้ว”
“สรุปคือพวกคุณอยู่ในอารมณ์เจอพัดลมแต่เปิดสวิทช์ไม่เป็นใช่มั้ย?”
“ถูกต้องอย่างที่สุด”
โอย ปวดหัวอย่างแรง...
“เอาล่ะกลับมาว่ากันเรื่องร่างของคุณต่อ...” หมอหยิบหนังสือที่มีตัวอักษรยึกยือปริศนามาวางตรงหน้าผม “ต้องขอความร่วมมือจากคุณอย่างมากเลยด้วย นั่นเพราะว่าคุณอลันเจ้าของร่างนั้น...”
ผมเหลือบมองปกหนังสือ น่าแปลกที่ผมอ่านภาษาประหลาดนี้ออก คู่..มือ..การ..ควบคุม..NS...เบื้องต้น
“...เป็นนักบินของหุ่นรบนีโออาร์มสตรองที่เก่งที่สุดในโคโลนี่นี้”
หือ!? นีโออาร์มสตรอง? เก่งที่สุด?
“ต่อไปนี้จะขอเรียกย่อว่า NS..”
“ช้าก่อน! อะไรคือ NS มันคืออะไร ทำไมไม่ใช่ MS แต่เป็น NS”
“ก็เพราะมันย่อมาจากนีโออาร์มสตรองไงล่ะครับ ถ้า MS มันจะไปซ้ำกับโมบิลสุ..อุ๊ฟ!”
“นั่นไงล่ะ! มั่วนิ่มเอาเรื่องของชาวบ้านเขามาล้ออีกแล้ว แล้วนีโออาร์มสตรองนี่มันก็มั่วมาจากเรื่องอื่นเหมือนกัน!”
“บ๊ะ! คุณนี่จู้จี้จุกจิกจับผิดชาวบ้านเขาไปเรื่อยจริงๆ ก็บอกให้ฟังก่อนไงเล่า! จะหัวแข็งไปไหนวะ!”
การขึ้นเสียงของซีดอนทำเอาผมสะดุ้ง รวมทั้งทหารที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้วย
“อุ้ย! โทษทีลืมตัว อะแฮ่ม อะฮึ่มๆๆๆ เอาล่ะมาคุยกันต่อเถอะครับ”
โอ้โหแก้เขินหน้านิ่งๆ ตกลงพี่แกเก็บกดมานี่หว่า งั้นไอ้รอบก่อนหน้านี้ที่ทิ้งเราไว้ในห้องนั่นแกออกไปปรับอารมณ์หรอกเรอะ
“คือหมอเกลียดเรื่องยุ่งยากวุ่นวายน่ะครับ มันน่ารำคาญพาลจะทุบโต๊ะระเบิดตึกเอา อ๊ะ ที่หมอพูดไปเมื่อกี้คิดซะว่าไปไม่ได้ยินนะครับ เพราะที่จริงแล้ว...” หมอยื่นหน้าเอาตาโตมาจ่อตาผมแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก “ผมน่ะ ไม่ใช่แค่หมอหรอกนะครับ ข้างหลังก็เข้าใจนะ” เขาหันไปบอกทหารสองนายนั่นด้วย ซึ่งทั้งคู่ยกมือตบปืนรับขึงขัง รอยแสยะยิ้มน่าสยองพองออกมาชัดกว่าดวงตากลมโต ทั้งที่ไม่มีขนแต่ผมกลับสัมผัสได้ว่าหนังเต้นตุ้บๆ ไม่ได้กลัวเพราะหน้าตามันแหยง แต่แรงกดดันมันของจริง!
“เอาล่ะครับกลับมาเข้าเรื่องกันต่อ ว่ากันที่คู่มือนั่น คุณต้องจำให้ได้ทั้งเล่มภายในคืนนี้”
ผมส่ายหัวนิดนึงเป็นนัยว่าไม่ไหว แต่สายตาของหมอกดร่างกายผมจนต้องยอมก้ม
“สิ่งที่คุณต้องทำ มันจำเป็นสำหรับทุกคน หากคุณยอมแพ้ก็จบเห่”
“จบเห่เลยเหรอครับ?” ถามกลับไปแบบมึนๆ
“จบเห่แน่ครับถ้ายังมัวถามกล้าๆ กลัวๆ อยู่แบบนี้”
หมอทำตาพองปากย่นดุผม เหมือนอยากจะบอกว่า ถ้าไม่ทำเอ็งโดนเชือดแน่
“ใช่แล้วครับ และไม่ต้องสงสัยด้วยว่าทำไมผมรู้”
“คะ ครับผม” นี่กูกลัวไรน้ำเหรอเนี่ย!
“เป็นไรน้ำที่ฉลาดกว่าไรทั่วไปน่ะครับ” แนะ! ยังจะรู้อีกว่าคิดว่ากลัว!
ผมนั่งนิ่งอึ้งและทึ่งในความสามารถของไรน้ำพวกนี้ ทำไมกัน ทำไมต้องให้ไรน้ำมีความคิดด้วยวะ! อยากเป็นไรน้ำโง่ๆ น่ะได้ไหม ขอร้องล่ะ
“เกรงว่าคงไม่ได้ครับ” เฮ้ย! ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว นี่มันอ่านใจเราออกรึไงวะ!
“คล้ายการอ่านใจเล็กน้อย แต่นี่วิทยาศาสตร์ล้วนๆ ครับ เป็นหมอมานานแล้วน่ะ”
จะคิดจะพูดอะไรต้องระวังแล้วเรา หมอพยักหน้ายิ้มหวาน... รู้อีก!
“หมอครับ คือว่านายอลันนี่...”
“เป็นนายทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยพบ อาสามารบเอง อาสามารับการทดลองเอง และจากการสืบค้นประวัติทำให้ตัวตนของเขาสำคัญยิ่งกว่าเดิมอีก”
“งั้นก็ไม่ต้องส่งผมออกไปรบสิ! ไอ้คู่มือเนี่ยแสดงว่าผมต้องไปรบใช่มั้ย!”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ครับ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยหรืออ้าปากถาม เดี๋ยวบอกให้...” หมอซีดอนถอนหายใจแล้วกล่าวต่อ “เบื้องบนไม่รู้เรื่องการทดลอง และให้รู้ไม่ได้ ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลด้วย ที่สำคัญต่อโคโลนี่นี้ที่สุดคือขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า อลันไม่เคยแพ้หรือทำพลาด ยิงศัตรูตายมากกว่าทหารทั้งโคโลนี่รวมกันซะอีก”
ผมปากเบี้ยวหน้าอึ้ง นี่ลูกหลานกูเป็นที่พึ่งได้ดีขนาดนี้เลยเหรอ และนึกย้อนกลับไปถึงชีวิตใช้การได้ยากของตัวเอง แค่เรียนให้จบยังลำบากตั้งเกือบสิบปี แล้วยังจะตกงานอีก โอย อยากมุดแผ่นดินหนี
“ร้อยเอกอลันแบกรับชะตากรรมของโคโลนี่ชายแดนนี้อยู่ครับ และยังเป็นความหวังของมนุษย์พันธุ์ไรน้ำทั้งโลกอีกด้วย”
“อยู่ๆ มาโยนภาระบ้าๆ นี่ให้ผมได้ยังไงกัน!”
“ชีวิตคนเรามันก็แบบนี้แหละคุณสมศักดิ์ เรื่องยากลำบากมันมักจะมาไม่ให้ทันตั้งตัวเสมอ แล้วคุณคิดว่าผมไม่ลำบากใจรึไงล่ะครับ”
หมอตอบอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ พอโชว์ฟันเข็มให้ได้เห็น ผมก็ได้แต่ก้มหน้ามองคู่มือการขับนีโออาร์มสตรองต่อไป แต่ในหัวผมตอนนี้ยังคงสับสน ซึ่งหมอก็ไม่บ่นอะไรอีก
เขาเดินออกไปพร้อมคาบบุหรี่ ไรน้ำทหารยั้งมือห้ามไม่ให้สูบ แต่แค่แกเอียงหัวตาพองใส่เท่านั้นถึงกับหน้าซีดตาหด ตามด้วยเสียงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่งดังห่างออกไปตามทางเดิน
“โว้ย!!! มันอะไรกันวะ จะสำเร็จอยู่แล้วดันเกิดเรื่องบัดซบนี่อีก! กูจะฆ่ามึงไอ้พวกไรแดง!!!”
ผมถูกเชิญ(ลาก)มาขังไว้ในห้องที่ถูกเตรียมไว้อย่างดีมีตู้เย็นแช่เครื่องดื่มและอาหารหน้าตาประหลาดวางไว้ให้ ซึ่งตัวผมยังคงอยู่ในศูนย์อะไรซักอย่างแห่งนี้ ไอ้ครั้นอยากจะมองออกไปภายนอกก็ดันไม่มีหน้าต่างอีก... อ๊ะจริงสิ!
“ร่างนี้เป็นของร้อยเอกอลันอะไรนั่นซึ่งเป็นลูกหลานของเรา แต่ก่อนกินยาตายเรายังไม่ได้แต่งเมียนี่หว่า!”
แล้วจะไปมีลูกได้ยังไงกัน อ๊ะ! หรือว่า.. ไอ้ที่มีอะไรไปกับแฟนก่อนหน้านั้นมัน!
“ท้อง!!!”
นี่เราทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบงั้นเร้อ! ฉับพลันเสียงของหมอก็ดังก้องเข้ามาในหู
‘ร้อยเอกอลันแบกรับชะตากรรมของโคโลนี่...คิดว่าผมไม่ลำบากใจเหรอ...เป็นความหวังของมนุษย์...เรื่องยากลำบาก...อาสามารับการทดลองเอง...มาไม่ให้ทันตั้งตัวเสมอ’
แต่เรา ตัวเรากลับยอมแพ้เพราะแค่ตกงานมาหลายเดือน! ทิ้งภาระไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่แฟนเรายอมรับเลี้ยงลูกไม่ทำแท้ง! มือผมกุมเบ้าตาแต่ที่จริงก็แค่เอื้อมมือไปแปะเปลือกตากลมโต ใบหน้าร้อนผ่าว มึนไปทั้งหัว
“เราทำอะไรลงไป” หยดน้ำตาล้นเปลือกตาออกมาหยดลงไปบนปกหนังสือ
‘เรื่องยากลำบาก...เป็นความหวังของมนุษย์พันธุ์ไรน้ำทั้งโลก’ ถ้าเป็นเราคงวิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว...
ครั้งนี้เราหนีไม่ได้แล้ว เพราะถ้าหนี ชีวิตของอลันจบเห่แน่ ถึงจะงี่เง่าแต่เราก็เป็นบรรพบุรุษของหมอนี่ เราทิ้งลูกทิ้งเมียมาแล้ว เพราะงั้นอย่างน้อยๆ ก็ขอปกป้องหมอนี่แทนล่ะ!
“จะนีโออาร์มสตรองหรืออะไรก็มาเลย!”
ผมพลิกหน้าหนังสือเปิดอ่านทันที รูปภาพของ NS พุ่งเข้าเตะเต็มเบ้าตา
“ไอ้นี่มันก็แค่ตอปิโดติดระยางพอให้มีแขนขาเท่านั้นเองนี่หว่า!”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น