ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Mobile Suit Gundam Seed : EXTENDED ] เกิดใหม่ในโลกกันดั้มก็ขอลุยให้เต็มที่เลยละกัน

    ลำดับตอนที่ #5 : Phase ที่ 4 : เหตุผลที่ต้องสู้

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 65


    แอสเทรย์ของเคียวยะและสไตรค์ของคิระได้บินออกจากยานอาร์คแองเจิ้ลเพื่อเข้าปะทะกับหุ่นของพวกซาฟท์ ส่วนมูนั้นไม่สามารถออกมารบได้เพราะเครื่องซีโร่ของเขาต้องรับการซ่อมบำรุงหลังจากที่พึ่งโดนยิงตกไปก่อนหน้านี้เสียก่อน

    "เอาแล้วไงทางนั้นติดอาวุธหนักมาด้วย นายไหวใช่มั้ยคิระ"

    [ก็มีแต่ต้องทำไม่ใช่รึไง...]

    "นั่นสินะ"

    เคียวยะและคิระพุ่งเข้าหาหุ่นจินของซาฟท์ทันที โดยที่คิระที่ติดตั้งSword Striker Packจะทำการโจมตีจากระยะประชิดส่วนเคียวยะจะคอยสนับสนุนอยู่ระยะกลางและทำหน้าที่ปกป้องอาร์คแองเจิ้ลนั่นเอง

    "ติดอาวุธหนักมากันเลยนะพวกแก..."

    เคียวยะได้เริ่มยิงไปที่จินทั้งสองตัวที่กำลังพุ่งเข้ามาหายานรบพร้อมกับอาวุธถล่มฐานในมือของพวกนั้น

    ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!

    ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

    เสียงการยิงตอบโต้กันของทั้งอาร์คแองเจิ้ลและหุ่นจินได้เริ่มขึ้นในจังหวะนั้นเคียวยะก็ได้มุ่งเป้าไปโจมตีอีกฝ่ายเช่นกัน

    "บ้าจริง! แล้วคิระไปไหนแล้วเนี่ย... หมอนั่นสู้กับหุ่นอีกสองตัวงั้นเหรอ? แล้วรหัสแบบนี้มันไม่ใช่หุ่นที่โดนขโมยไปงั้นรึไงนี่พวกมันเอามาใช้จริงแล้วเหรอเนี่ย"

    ในเรดาห์ของเขานั้นสามารถตรวจจับได้ว่าสไตรค์กำลังต่อสู้กับหุ่นจินหนึ่งตัวและอีกหนึ่งตัวก็คือ X303 Aegis นั่นเอง แน่นอนว่าตอนนี้เคียวยะยังไม่สามารถไปช่วยทางนั้นได้เพราะเขาต้องป้องกันยานจากการโจมตีของจินที่ติดอาวุธทำลายฐานพวกนี้เสียก่อน

    "งั้นจัดการเจ้าพวกนี้ก่อนแล้วกัน!"

    เคียวยะได้ขับหุ่นพุ่งเข้าใส่จินตัวที่ใกล้ที่สุดทันทีและได้ใช้บีมไรเฟิลยิงไปใส่มิสไซน์ขนาดใหญ่ที่อีกฝ่ายกำลังจะยิงออกมาจนมันระเบิดไปพร้อมกับตัวหุ่นในที่สุด

    "เหลืออีกตัว!"

    เขาได้พุ่งเขาไปหาอีกตัวที่เหลืออยู่พร้อมกับดึงบีมเซเบอร์ออกมาฟันใส่อีกฝ่ายจนตัวขาดครึ่ง เมื่อทำการสังหารอีกฝ่ายได้แล้วเขาก็ได้รับการติดต่อมาจากอาร์คแองเจิ้ลโดยนาทาล บาจิรูล

    [แอสเทรย์ได้ยินมั้ย แอสเทรย์!]

    "ครับ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?"

    [สไตรค์กำลังต่อสู้กับหุ่นของซาฟท์อยู่และหนุ่งในนั้นยังเป็นหุ่นรุ่นใหม่ที่ถูกขโมยไปอีกด้วย รีบไปสมทบโดยด่วน]

    "รับทราบ..."

    คลืนนนน!!!

    โครมมมมม!!!!

    แรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้นโดยรอบโคโลนี่พร้อมโครงสร้างของมันที่เริ่มพังทลายจนแยกออกจากกันในที่สุด อวกาศอันกว่าใหญ่และเงียบสงบได้ปรากฏสู่สายตาของเคียวยะที่นั่งอยู่ในหุ่น

    [แอสเทรย์ได้ยินมั้ย!!]

    "ยังไม่ตายครับ"

    [กลับเข้ามาที่ยาก่อนได้เลย ตอนนี้สไตรค์ก็กำลังจะกลับมาแล้ว]

    "รับทราบ..."

    เมื่อสิ้นสุดการติดต่อเคียวยะก็ได้ทำการขับหุ่นกลับไปที่ยานในทันที ระหว่างที่กำลังเอาหุ่นเข้าไปจอดในยานเขาก็เห็นสไตรค์ของคิระหิ้วอะไรบางอย่างติดมือมาด้วย ซึ่งมันคือกระสวยกู้ภัยของเฮลิโอโปลิสที่ส่วนขับเคลื่อนเสียหายซึ่งแน่นอนว่าในตอนแรกนาทาลไม่อนุญาตให้นำขึ้นยานแต่ก็ผ่านไปด้วยดีด้วยคำพูดของกัปตันเมอร์ริว ราเมียส

    เมื่อพวกเขาเปิดกระสวยดูคนแรกที่โผล่ออกมาคือเฟรย์ อัสตาร์นั่นเอง เมื่อเธอเห็นคิระที่เป็นเพื่อนของไซด์ก็ได้พุ่งเข้าไปหาทันทีหลังจากนั้นเหล่าผู้อพยพก็ได้ถูกลูกเรือพาไปที่ส่วนที่พักในทันทีและคิระกับเคียวยะก็ได้กลับมาหาเหล่าเพื่อน ๆโดยที่รอบนี้มีเฟรย์ติดมาด้วย

    ทั้งที่คิดว่าจะได้ความสงบสุขกลับมาแล้วแท้ๆ แต่ว่าไม่ทันไรมูก็ได้มาตามคิระกับเคียวยะให้ไปดูแลหุ่นที่พวกตนเองขับใน เคียวยะนั้นเดินไปที่โรงเก็บหุ่นโดยไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่ายไปเลยสักนิดแต่คิระนั้นย่อมแตกต่างเขาได้เถียงกลับอีกฝ่ายว่าไม่อยากเขาร่วมสงครามอยู่แล้วและไม่อยากบังคับหุ่นนั่นอีก เลยโดนมูพูดเตือนสติแบบจึ้ใจไปนิดหน่อยก่อนที่จะวิ่งไปโรงเก็บหุ่นด้วยท่าทางไม่พอใจ

    "นี่อะไรเหรอ? ที่พวกเขาพูดถึงเมื่อกี้มันเรื่องอะไรกัน"

    "กระสวยที่เธอนั่งมามีโมบิลสูทช่วยไว้ใช่มั้ย ไม่คิระก็เคียวยะนี่แหละที่เป็นครช่วยเธอเอาไว้เพราะในยานลำนี้มีโมบิลสูทสองตัวและทั้งสองคนก็เป็นคนขับพวกมัน"

    "เด็กพวกนั้นน่ะเหรอ!!"

    เฟรย์ตกใจกับสิ่งที่ไซด์พูดออกมาแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองคนนั้นถึงไปขับโมบิลสูทได้กันแน่ คาสึอิเลยบอกไปว่าคิระเป็นโคออดิเนเตอร์ ซึ่งมันทำให้ทอลไม่พอใจเป็นอย่างมากไซด์เลยต้องอธิบายให้กับเฟรย์ฟังไปว่าคิระไม่ใช่ศัตรูเพื่อลดความกังวลของเธอและความไม่พอใจของทอลลง

    "และอีกคนล่ะ?"

    "เคียวยะก็เป็นเนเชอรัลเหมือนพวกเรานั่นแหละแต่ว่าเรื่องที่เขาขับหุ่นได้ยังไงพวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน..."

     

    ณ โรงเก็บโมบิลสูท

     

    เมื่อคิระมาถึงโรงเก็บโมบิลสูทก็ได้เจอกับเคียวยะที่ปรับระบบของหุ่นที่เขาขับอยู่ในห้องนักบินของแอสเทรย์

    "นายมาช้านะคิระ"

    "เคียวยะ..."

    "เป็นอะไรไปทำหน้าไม่พอใจอย่างนั้น?"

    "ดีแล้วจริงๆเหรอ... ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้มันดีจริงๆงั้นเหรอ?!! พวกเราเป็นแค่พลเรือนนะไม่ควรจะต้องเข้ามาพัวพันกับสงครามแบบนี้!!!"

    คิระได้ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นให้อีกฝ่ายฟังพวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่ที่คิระได้ย้ายมาเฮริโอโปลิสใหม่ ๆก่อนที่จะเจอพวกทอลเสียอีกและด้วยที่พวกเขาต่างก็เป็นคนที่ขับโมบิลสูทเข้าต่อสู้โดยไม่เต็มใจทำให้คิระคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเข้าใจความรู้สึกเขาแน่

    "อ่อ...  เรื่องนั้นเองงั้นเหรอก็มันช่วยไม่ได้ละมั้ง?"

    "ช่วยไม่ได้งั้นเหรอ! แต่ว่านี่มันสงครามนะ..."

    "ก็เพราะว่าเป็นสงครามไงมันจึงช่วยไม่ได้ที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี้ พวกเราก็แค่ได้รับผลกระทบจากมันเท่านั้นต่อให้เราจะอยู่ในประเทศที่เป็นกลางก็ตาม"

    เคียวยะได้ตอบกลับอีกฝ่ายไปอย่างเรียบเฉยโดยที่เขายังคงก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อมูลที่ต้องแก้ไขอยู่ แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดมือลงเพราะจับสังเกตสีหน้าที่ไม่สู้ดีของเพื่อนตนเนื่องจากคำตอบที่เคียวยะให้ไปไม่ใช่ในสิ่งที่คิระต้องการ

    "นายเนี่ยนะ... งั้นลองมองกลับกันดูหน่อยมั้ย?"

    "กลับกัน?"

    "ใช่ ที่นายต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ไม่ใช้เพราะเข้าร่วมสงครามในฐานะทหารแต่ว่านายสู้เพราะไม่อยากให้พวกมิลรี่(มิริอาเรีย)ต้องตายเพราะยานโดนยิงตกไง"

    "แบบนั้นมัน..."

    "จริงอยู่ว่ามันเหมือนข้ออ้างในการเข้าร่วมสงคราม แต่ว่าถ้าพวกเราไม่ทำก็ไม่มีใครทำแล้ว... ฉันไม่อยากมานั่งเสียใจในภายหลังหรอกนะ นายเองก็ด้วยถ้าไม่สู้ตอนนี้ก็จะช่วยใครไม่ได้หรอกนะ"

    เมื่อพูดคุยกับคิระเสร็จเคียวยะก็กลับไปนั่งปรับปรุงหุ่นของเขาตามเดิม

    ถ้าเราไร้พลังมันช่วยใครไม่ได้หรอกนะคิระ...

    .

    .

    .

    .

    [ตรวจพบข้าศึก! ตรวจพบข้าศึก! เข้าสู่ภาวะสงครามระดับ1 ขอให้ลูกเรือทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง]

    เสียงสัญญาณเตือนภัยการสู้รบได้ดังขึ้นคิระกับเคียวยะที่กำลังมุ่งหน้ากลับไปหาเพื่อน ๆของเขาก็ได้หยุดมองหน้ากันครู่หนึ่งเพื่อตัดสินใจบางอย่าง

    "คิระ! เคียวยะ!"

    เสียงเรียกของทอลได้ดังขึ้นเมื่อพวกเขาหันไปมองก็ได้เห็นทุกคนนั้นมากับลูกเรือของยานลำนี้ แต่ว่ามีสิ่งที่แตกต่างก็คือพวกเขากำลังส่วมใส่ชุดของกองทัพโลกอยู่

    "เล่นอะไรของพวกนายเนี่ย?"

    "อย่าทำหน้าสงสัยแบบนั้นสิเคียวยะ ก็เพราะพวกนายนั่นแหละ"

    ทอลได้มองไปที่เพื่อนทั้งสองของเขาก่อนยิ้มออกมา

    "พวกเราไม่ปล่อยให้พวกนายสู้กันแค่สองคนหรอกนะ"

    "สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปแล้วนิน่า เราเองก็จะทำสิ่งที่พวกเราทำได้นะ"

    เมื่อได้ยินคำพูดของทอลและมิริอาเรียพูดออกมาแบบนั้นคิระก็ได้มองไปยังเหล่าเพื่อนของเขาที่แสดงสีหน้าที่อบอุ่นออกมาก่อนที่พวกเขาจะโดนลูกเรือของยานพาตัวไปที่สะพานเดินเรือในฐานะทหารอาสา

    "ตอนนี้หาเหตุผลที่จะสู้ได้รึยัง?"

    "อืม เคียวยะ... ฉันอยากปกป้องยานลำนี้ ปกป้องทุกๆคน"

    "ก็เหมือนกันแหละน่า"

    ทั้งสองคนได้มุ่งหน้าไปยังห้องแต่งตัวของนักบินในทันทีและเมื่อพวกเขาแต่ตัวจนเสร็จในตอนนั้นมูก็ได้เขามาพอดีและเริ่มอธิบายแผนการรบให้พวกเขาฝั่งในระหว่างที่กำลังไปที่โรงเก็บโมบิลสูท

    "ถ้าไม่สู้ก็ปกป้องอะไรไม่ได้ มีแต่ต้องสู้เท่านั้น... มันคือสิ่งเดียวที่ฉันทำได้..."

    เคียวยะที่นั่งอยู่ในห้องบังคับของแอสเทรย์ได้พูดกับตัวเองก่อนที่เข้าจะเริ่มเดินระบบของหุ่น ในตอนนี้ภาพฉายบนจอของเขาได้ปรากฏภาพของมิริอาเรียขึ้นมา เธอนั้นได้มาทำหน้าที่สั่งการการปล่อยตัวโมบิลสูทและโมบิลอาร์มเมอร์

    [MBF-P00 Proto Astray ออกตัวได้]

    "เคียวยะ แอสเทรย์พร้อมโจมตีสกัด!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×