ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Mobile Suit Gundam Seed : EXTENDED ] เกิดใหม่ในโลกกันดั้มก็ขอลุยให้เต็มที่เลยละกัน

    ลำดับตอนที่ #4 : Phase ที่ 3 : ลงสู่สนามรบ

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 65


    หลังจากที่ยานรบขนาดใหญ่ได้พึ่งออกมาจากพื้นของโคโลนี่ไม่ทันไรมันก็ได้ถูกหุ่นซีกูของซาฟท์เข้าโจมตีใส่ทันที

    "ไอ้ยานนั่น... มันใช่ยานของกองทัพโลกรึเปล่า?"

    ไม่ทันที่ความสงสัยของเคียวยะจะทันได้หมดไปเจ้าหุ่นซีกูก็ได้พุ่งเข้ามาหาทางพวกเขาพร้อมกับตั้งท่ายิงปืนที่โล่ของมันออกมา

    "นายคือศัตรูสินะ... คิระฝากคุ้มกันทุกคนด้วย"

    "เดี๋ยวก่อนสิเคียวยะ!"

    เคียวยะไม่ได้ฟังคำพูดของคิระอีกและได้บินเข้าไปหาหุ่นอีกฝ่ายพร้อมกับยิ่งกระสุนปืนกลที่แขนของหุ่นออกไปใส่อีกฝ่ายทันทีทำให้เจ้าซีกูต้องเคลื่อนตัวหลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    "ยอดเลยแฮะคิระมันปรับมาซะดียิ่งกว่าอะไรอีกสงสัยต้องให้ปรับแต่งให้เข้ามือเพิ่มแล้วสิ"

    ในตอนนี้การเคลื่อนไหวของโปรโตแอสเทรย์(Proto Astray)ที่เคียวยะครับนั้นเคลื่อนไหวผิดกับก่อนหน้าราวกับเป็นหุ่นคนละตัวเนื่องจากระบบของหุ่นที่ได้คิระทำการปรับแก้ไขให้ใหม่นั่นเอง

    ไม่ใช่ว่าฉันปรับไม่ได้หรอกนะ แต่แค่ขี้เกียจเท่านั้นเอง

    "อาวุธที่ติดมานี่ไม่ควรใช้จริงๆสินะ ไม่งั้นโคโลนี่ได้ระเบิดไปแน่"

    สไตรค์แพคที่เคียวยะติดให้กับแอสเทรย์ของเขานั้นคือ Luancher Strike Pack ซึ่งเป็นปืนใหญ่พลาสม่าความเข้มข้นสูงนั่นเอง เขาได้เห็นรายละเอียดต่างๆของมันมาจากคู่มือของแอสเทรย์แล้วจะบอกว่าในคู่มือนั้นมันเอาสรรพคุณของสไตรค์และอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ได้มาเขียนยำสรุปลงในเล่มก็ว่าได้

    "แกจะบินไปบินมามากไปแล้วนะเฟ้ยเจ้ายุงนี่!!!"

    ด้วยความที่อีกฝ่ายชอบบินวนไปวนมาเหมือนยุงทำให้เคียวยะอดไม่ได้ที่จะพูดคำนั้นออกมา

    ฟุบ!ฟุบ!ฟุบ!

    มิสไซน์จำนวนหนึ่งได้บินออกมาจากยานรบพุ่งเข้าใส่หุ่นของฝ่ายซาฟท์ตัวนั้น แต่ว่ามันก็หลบได้ทั้งหมดมิหนำซ้ำมิสไซน์ก็ได้มุ่งไปยังเสาที่ยึดโคโลนี่เข้าด้วยกันอีกด้วย

    "ให้ตายสิ!!"

    ตูม!ตูม!ตูม!

    เคียวยะได้ยิงปืนกลใส่มิสไซน์เหล่านั้นทันทีก่อนที่มันจะไประเบิดใส่จุดสำคัญของโคโลนี่

    "แล้วต่อไปก็ตาของแกแล้ว"

    ฟุบ!

    บีมเซเบอร์ที่ไหล่ได้ถูกชักออกมาถือแล้วฟันเข้าไปที่หุ่นตัวนั้นจนแขนมันขาดไปข้างหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าท่าไม่ดีก็ได้หนีออกจากโคโลนี่ไปในทันที

    "ไปได้สักทีนะ... แล้วดูเหมือนว่าต้องขึ้นไปบนยานลำนั้นสินะ"

    สายตาของเขาได้มองไปที่ยานรบขนาดยักษ์ซึ่งตอนนี้คิระได้พาเมอร์ริวและคนอื่นๆไปที่นั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้มุ่งหน้าไปที่ยานลำนั้นโดยทันที

    เมื่อเขาได้มาถึงก็ลงจากแอสเทรย์ไปรวมกับพวกเพื่อนๆในทันที การปรากฎตัวของสองนักบินปริศนาที่อายุน้อยอย่างเขาและคิระได้สร้างความตกใจให้กับเหล่าบรรดาลูกเรือของยานรบลำนี้เป็นอย่างมาก ยานรบลำนี้ก็คืออาร์คแองเจิ้ล(Archangel)ยารุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นยานบัญชาการของโมบิลสูทรุ่นใหม่ของกองทัพโลกทั้งห้าตัวโดยไม่นับรวมตัวที่เคียวยะเป็นคนขับ ซึ่งสี่ตัวในนั้นได้ถูกซาฟท์ขโมยออกไปแล้ว 

    "พวกเธอน่ะเป็นโคออดิเนเตอร์ใช่มั้ย"

    คำถามของมู ลา ฟลาก้า ที่เป็นนักบินของโมเบียสซีโร่ได้สร้างความตึงเครียดให้กับทุกคนบนยานและบรรดาเหล่าลูกเรือต่างก็หันปากกระบอกปืนมาทางพวกเคียวยะเพราะว่าสิ่งที่กองทัพโลกนั้นกำลังต่อสู้กันอยู่ก็คือกองทัพซาฟท์ที่เป็นกองทหารของเหล่าโคออดิเนเตอร์นั่นเอง

    แน่นอนว่าทอลที่รู้พื้นเพของคิระมาก่อนอยู่แล้วไม่ยอมให้คนพวกนั้นมองคิระว่าเป็นศัตรูเด็ดขาด แม้จะเป็นโคออดิเนเตอร์แต่ว่าคิระก็เป็นเพื่อนของพวกเขา

    "ลดปืนลงซะเถอะ"

    เมอร์ริวได้เดินเข้ามาบอกเหล่าลูกเรือให้ลดอาวุธลง ซึ่งแน่นอนว่าก็มีหลายคนสงสัยเช่นกัน

    "มีแต่พวกบ้าทั้งนั้น..."

    คำพูดที่ไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบข้างของเคียวยะทำให้เหล่าบรรดาคนที่ได้ยินหันไปมองด้วยสีหน้าไม่พอใจโดยเฉพาะเหล่าคนของกองทัพโลก

    "ทุกคนใจเย็นๆกันก่อนนะ ลืมไปแล้วงั้นเหรอว่าพวกเราอยู่ที่ไหนกัน? เฮลิโอโปลิสคือโคโลนี่ของประเทศเป็นกลางเพราะฉะนั้นมีโคออดิเนเตอร์ที่เกลียดสงครามก็ไม่แปลกนิ จริงมั้ยคิระคุง? เคียวยะคุง?"

    "ครับผมเองก็เป็นโคออดิเนเตอร์รุ่นที่หนึ่งน่ะครับ"

    "พ่อแม่เป็นเนเชอรัลสินะ"

    เมื่อได้ยินคำพูดของคิระแล้วมูก็เข้าใจทันทีแต่เขาก็ยังไม่หมดความสงสัยเลยหันไปมองเด็กหนุ่มผมดำที่เป็นคนขับโมบิลสูทอีกตัว

    "เนเชอรัลนั่นแหละ แล้วไม่ต้องถามต่อด้วยเพราะบอกไปพวกคุณก็คงไปสืบเพิ่มเองอยู่ดีนิจริงมั้ย?"

    "ก็จริงของเธอ"

    มูทำท่ายอมรับในคำตอบของอีกฝ่ายก่อนที่จะขอโทษทุกคนที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายและเตรียมตัวไปซ่อมบำรุงเครื่องโมเบียสซีโร่ของตัวเองเพื่อต่อสู้กับกองยานของราอูล เลอ ครูเซ่ที่อยู่ด้านนอกซึ่งถูกนับว่าเป็นกองยานระดับแนวหน้าของซาฟท์

    .

    .

    .

    .

    "ให้ตายสิเหนื่อยชะมัด"

    เคียวยะได้ล้มตัวนอนบนเตียงในห้องที่ถูกจัดไว้ให้พวกเขาอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรและคิระก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ล้มตัวหลับไปเช่นกันในระหว่างนั้นเองเหล่าเพื่อนของเขาก็สนทนาเรื่องต่างๆที่พึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

    "ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คิระสามารถแก้ระบบของโมบิลสูทได้น่ะ? แถมยังมีเรื่องที่เคียวยะขับโมบิลสูทได้อีกด้วย... เรื่องที่คิระเป็นโคออดิเนเตอร์พวกเรารู้กันดีอยู่แล้วนิ... แต่เคียวยะไม่ใช่แถมอดีตของเขานอกจากเรื่องที่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของออร์บพวกเราก็ไม่รู้อะไรเลยด้วย"

    "คาสึอินายอยากจะพูดอะไรกันแน่?"

    ไซด์ได้ถามออกไปเพราะเขาไม่ได้อยากด่วนตัดสินใจสิ่งที่เพื่อนของเขาคนนี้ต้องการจะสื่อออกมาเองซะก่อน

    "เคียวยะใช่เนเชอรัลแน่เหรอ?"

    คำพูดของคาสึอิทำให้การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปและเริ่มคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จริงอยู่ที่พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเนเชอรัลแต่ว่าก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นเกินกว่าเนเชอรัลให้พวกเขาได้เห็น

    ฉันก็แค่เนเชอรัล... ที่ผ่านอะไรมามากนิดหน่อยเท่านั้นเอง

    คำพูดได้ดังขึ้นในจิตใจของเคียวยะตั้งแต่แรกแล้วเคียวยะไม่ได้นอนหลับไปเหมือนกับคิระแต่เขาแค่หันหน้าเข้าหากำแพงและแสร้งหลับเท่านั้น

    "คิระคุงและเคียวยะคุงอยู่รึเปล่าฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องหน่อย..."

    เมอร์ริวได้เดินเข้ามาภายในห้องของพวกเขาและเรียกหาทั้งสองคนซึ่งคิระก็ได้ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกของเธอ ส่วนเคียวยะยังคงนอนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นมาหลังคิระและทำท่าทางเหมือนตนเองพึ่งตื่นนอนมา

    "อะไรอีกล่ะครับ"

    "ฉันอยากจะขอร้องให้พวกเธอช่วยขับโมบิลสูทปกป้องยานลำนี้จนกว่าพวกเราจะหลบหนีจากศัตรูได้น่ะ"

    "ผมขอปฏิเสธครับ! อย่าเอาพวกเราไปเกี่ยวข้องกับสงครามมากกว่านี้เลย"

    การโต้เถียงของคิระและเมอร์ริวได้เกิดขึ้นโดยมีเพื่อนๆเฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ เมอร์ริวก็รู้สึกหนักใจที่ต้องให้เด็กอย่างพวกเขานั้นออกไปสู้รบทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพ แต่ว่าคนที่สามารถขับโมบิลสูทสองตัวนั้นได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น

    "เคียวยะนั่นนายจะไปไหนกัน?!"

    มิเลียลีอาได้มองไปยังเพื่อนของตนที่เดินออกจากวงไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ด้วยความสงสัยและสิ่งที่เธอได้รับตอบมาจากอีกฝ่ายก็ทำให้ทุกคนต้องหยุดชะงักไปไม่เว้นแม้แต่คิระและเมอร์ริวที่ทำการโต้เถียงกันอยู่

    "ฉันจะไปประจำอยู่ที่หุ่น... คนที่ขับพวกมันได้มีแค่ฉันกับคิระเท่านั้นต่อให้พวกเราจะขึ้นไปขับหรือไม่ก็ตามแต่ถ้ายานลำนี้จมทุกคนก็ต้องตายอยู่ดีเพราะงั้นฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆในตอนที่ฉันทำได้"

    "เคียวยะคุง"

    เมอร์ริวได้มองไปที่อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดและขอบคุณในเวลาเดียวกัน แต่ว่านั่นก็ทำให้เธอเริ่มที่จะสงสัยในมุมมองของอีกฝ่ายที่แตกต่างจากเด็กทั่วซึ่งมักจะมีอาการต่อต้านการเข้าร่วมสงครามอย่างที่คิระทำอยู่ตอนนี้

    [ร้อยเอกราเมียส ร้อยเอกราเมียสรีบไปที่สะพานเดินเรือโดยด่วน]

    ได้มีเสียงประกาศของช่องสื่อสารติดต่อมาหาเมอร์ริวเมื่อเธอได้ทราบความจริงเธอก็ได้รู้ว่าศัตรูได้บุกมาหาพวกเขาแล้วและเธอต้องกลับไปที่สะพานเดินเรือเพื่อเป็นกัปตัน

    ในตอนนี้สัญญาณเตือนภัยอยู่ในระดับ9 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเชลเตอร์หลบภัยจึงถูกล็อกตายลงพวกคิระจึงไม่สามารถลงจากยานได้ในตอนนี้

    "ขี้โกง... พวกคุณมันขี้โกงที่สุด!"

    "คิระคุง..."

    "ยานลำนี้มีโมบิลสูทแค่สองตัวเท่านั้นและพวกคุณบอกเองไม่ใช้เหรอว่าคนที่ขับมันได้มีแต่พวกผมเท่านั้น!!!"

    .

    .

    .

    .

    .

    ซูด...ฮ่า...ซูด...ฮ่า...

    เสียงหายใจเข้าออกได้ดังขึ้นในห้องนักบินที่มืดสนิทพร้อมกับหน้าจอแสดงผลของที่เริ่มสว่างขึ้นมา

    "พร้อมออกตัวแล้วครับ"

    [เข้าใจแล้วทางนี้จะทำการปล่อยตัวให้]

    "ครับ..."

    [เคีวยะคุง... ขอโทษด้วยนะที่ต้องให้เธอมาทำอะแบบนี้กับคิระคุง]

    "ช่างมันเถอะครับ"

    เคียวยะได้ตอบกลับเมอร์ริวไปและเตรียมตัวที่ตัวเองจะออกไปสู้อีกครั้งหนึ่ง

    [MBF-P00 Proto Astray ออกตัวได้]

    "เคียวยะ... แอสเทรย์ออกตัว"

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×