คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Phase ที่ 2 : ถ้าไม่รู้วิธีบังคับก็แค่ดับเครื่องชน
โมบิลสูทที่เคียวยะขับได้เคลื่อนตัวออกมาจากโรงงานที่เริ่มพังทลายลง ด้วยความที่ยังไม่คุ้นชินกับการบังคับเท่าไหร่นักทำให้เจ้าตัวไม่สามารถคุมหุ่นได้ดังที่ใจต้องการ
“ระบบการบังคับต่างจากที่เคยฝึกมานิดหน่อยแฮะ ก็นั่นมันโมบิลอาร์มเมอร์นี่น่า… แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะบังคับไม่ได้หรอกนะ”
เคียวยะได้ลองควานหาปุ่มเซนเซอร์ของตัวหุ่นเพื่อนที่จะเปิดระบบการมองเห็นโดยรอบให้ชัดเจนมากขึ้น
“อ๊ะ! เจอแล้ว!”
เขาได้กดปุ่มอย่างไม่รังเลแล้วก็ได้มีจอภาพขนาดเล็กจำนวนมากโผล่ขึ้นมาขยายให้เห็นสิ่งที่ตรวจจับได้
“เจ้าหุ่นสองตัวนั้นใช้ตัวเดียวกันกับที่อยู่ในโรงงานก่อนหน้ารึเปล่า แถมมีจิน (Gin) อยู่ด้วย”
เคียวยะมองไปที่หุ่นสีขาวที่กำลังถูกจินไล่ตอนจนเสียหลัก ในตอนแรกเขาก็ยังคงไม่คิดจะเข้าไปยุ่งจนกระทั่งภาพที่ตรวจจับได้ผ่านหุ่นของเขานั้นแสดงให้เห็นเหล่าเพื่อน ๆ ที่กำลังอยู่ใต้ตัวหุ่นสีขาวอยู่ ถ้าเจ้าหุ่นสีขาวโดนเล่นงานจนล้มไปละก็เพื่อน ๆ ของเขาได้ตายจริงแน่
“ทุกคน!!”
เขาพยายามบังคับให้หุ่นของตัวเองเคลื่อนที่ไปหาอีกฝ่ายแต่ว่าด้วยระบบปฏิบัติการที่ยังไม่ได้ถูกตั้งค่าให้เหมาะสมทำให้เคียวยะไม่สามารถพุ่งเข้าไปช่วยเพื่อน ๆ ของเขาได้ทัน
แต่แล้วสิ่งที่เขาเห็นก็คือหุ่นสีขาวได้เคลื่อนไหวหลบการโจมตีของจินได้อย่างรวดเร็วผิดจากก่อนหน้านี้เป็นอย่างมากและยังโจมตีส่วนกลับจนจินกระเด็นถอยออกไปไกลอีกด้วย
“อะไรกันการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนไป? บังเอิญงั้นเหรอ… ไม่สิเจ้าหุ่นสีขาวมันเห็นพวกทอลแน่ๆ แปลว่ามันพยายามช่วยพวกนั้นอยู่… งั้นหมายความว่าเป็นพวกเดียวกันสินะ!!!!”
เคียวยะได้ดันคันบังคับไปข้างหน้าและเหยียบคันเร่งจนสุด ในตอนนี้หุ่นของเขาได้พุ่งไปหาจินด้วยความเร็วสูงเปรียบเสมือนรถยนต์ที่ดับเครื่องชนก็ไม่ปาน
ณ ห้องนักบินของหุ่นสีขาว
คิระที่ได้ขึ้นมาบนโมบิลสูทกับทหารสาวที่อยู่ในโรงงานก่อนหน้าได้มองไปที่ระบบปฏิบัติการของหุ่นที่ยุ่งเหยิงตัวนี้
“ไอ้ระบบปฏิบัติการแบบนี้เอามาใช้กับโมบิลสูทได้ยังไงกัน”
“ก็ช่วยไม่ได้นิ มันยังไม่สมบูรณ์สักหน่อย!”
“ถอยไปหน่อยครับ”
คิระได้เข้ามานั่งที่เก้าอี้นักบินแทนอีกฝ่ายและเริ่มเขียนระบบของหุ่นขึ้นมาใหม่ในทันทีซึ่งสร้างความตกใจให้กับทหารสาวเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมอยู่เฉยให้เขาได้มีโอกาสได้โต้กลับ หุ่นจินของซาฟท์ได้ชักดาบขนาดยักษ์ที่เอวออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่หุ่นที่คิระนั่งในทันที
“แย่แล้ว!”
โครมมม!!
ภาพที่เห็นในวินาทีถัดมาคือหุ่นที่เขาไม่เคยเห็นได้พุ่งเข้าชนใส่จินจนกระเด็นออกไปไกลกว่าเดิม
จังหวะนี่แหละ!
คิระไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดมือไปแน่ เขาได้เริ่มลงมือเขียนระบบของหุ่นใหม่จนเสร็จในที่สุด
“อาวุธล่ะ? … อาร์มเมอร์ชไนเดอร์? มีแค่นี่เองเหรอ!!!!”
เขาได้หยิบมีสั้นที่ถูกเก็บไว้ที่เอวของหุ่นทั้งสองข้างออกมาและพุ่งเข้าใส่จิน แท่งใส่มันจนหมดสภาพในที่สุดในจังหวะที่จินใกล้จะระเบิดนั่นเองนักบินของหุ่นตัวนั้นก็ได้หนีออกมาพร้อมกับสั่งระเบิดหุ่นของเขา
ตูมมมมมม!!
แรงระเบิดที่ไม่คาดคิดได้โถมเข้าใส่หุ่นของคิระจนล้มลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังและแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ขึ้น
“จบสักที…เฮ่! คุณ! ทำใจดีๆ ไวนะ!”
แม้จะรอดจากแรงระเบิดมาได้แต่ดูเหมือนว่าทหารสาวที่นั่งกับคิระไปด้วยจะหมดสติไปแล้ว เขาจึงได้ทำการเปิดห้องนักบินออกมาเพื่อดูสภาพโดยรอบ
“คิระ!!”
“เฮ่ คิระ!!”
“ทุกคนปลอดภัยดีสินะ!”
คิระได้ตอบกับเสียงเรียกของทอลและไซด์ที่วิ่งเขามาหาเขากลับไปด้วยความรู้สึกโล่งอกที่เพื่อน ๆ ของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด
“ก็เกือบแล้วเหมือนกันแต่ดีนะที่เคียวยะมาช่วยป้องกันแรงระเบิดไว้ให้”
คาสึอิที่ตามมาทีหลังได้ชี้โมบิลสูทอีกตัวหนึ่งให้คิระเห็นและเห็นเคียวยะกำลังลงมาจากมันอยู่ ซึ่งมันก็คือตัวเดียวกับที่พุ่งเข้าใส่จินตอนที่คิระกำลังทำการปรับแต่งระบบปฏิบัติการของโมบิลสูทที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านั่นเอง
“ให้ตายสิ… ไม่น่าดับเครื่องชนเลยปวดระบมไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย”
“ปลอดภัยดีสินะเคียวยะ”
“ก็ไม่ดีเท่านายหรอก”
เคียวยะได้โชว์รอยฟกช้ำที่เกิดขึ้นจากตอนเอาหุ่นพุ่งเข้าชนจินให้อีกฝ่ายดู ทุกคนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะออกมาเพราะถ้าเจ้าตัวยังพูดติดตลกแบบนี้ได้แสดงว่าไม่เป็นไรแล้ว
“ว่าแต่จะทำยังไงกับเจ้านี่ดี”
เคียวยะชี้ไปที่หุ่นด้านหลังของคิระซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน ในตอนนี้เขาจึงพาทหารสาวที่สลบในห้องนักบินออกมาให้มิริอาเรียช่วยพันแผลให้เธอ
จนกระทั่งเธอได้สติขึ้นมาก็ได้มองไปที่คิระอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองพวกคาสึอิที่กำลังสำรวจโมบิลสูทอยู่
“ออกไปให้ห่างจากหุ่นตัวนั้นซะ!”
ปัง!
ปืนได้ถูกยิงออกไปเป็นคำขู่พวกคาสึอิที่กำลังอยู่บนโมบิลสูทพร้อมกับสั่งให้พวกเขาลงมา
“อึก! นี่เธอจะทำอะไร”
ทหารสาวที่ใช้ปืนขู่พวกคาสึอิิก่อนหน้าได้ถูกจับล็อคแขนไพหลังไว้พร้อมกับปืนของเธอที่ถูกแย่งไปจากมือและตอนนี้มันก็ถูกจ่อเข้าที่หัวของเธออยู่
“ป้องกันตัวละมั้ง?”
“เคียวยะใจเย็นๆ ก่อนสิ”
“นายนี่ใจดีจังนะ ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้านัดเมื่อกี้ไม่ใช่คำขู่พวกทอลคงตายไปแล้ว”
“ตะ แต่ว่ามัน”
เคียวยะเลิกที่จะสนใจคำพูดของคิระแล้วจ้องมองไปที่ทหารสาวแทน
“ผมจะคืนปืนให้คุณแล้วเรามาคุยกันดีๆ ดีกว่านะคุณทหารจากกองทัพโลก”
“ขะ เข้าใจแล้ว…”
เมื่อไม่เห็นท่าทีขัดขืนของอีกฝ่ายเคียวยะก็ได้ปล่อยเธอพร้อมกับคืนปืนให้ไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนและได้เรียกให้พวกทอลมารวมกลุ่มกับพวกตอน
“ตอนนี้บอกพวกเรามาได้รึยังว่าทำไมกองทัพโลกถึงมาสร้างโมบิลสูทในเขตของออร์บได้กัน?”
“ถึงแม้ฉันจะขอบใจเรื่องที่ช่วยไว้ แต่คงบอกไม่ได้เพราะมันคือความลับสุดยอดของกองทัพพลเรือนไม่มีสิทธิที่จะรู้ในเรื่องนี้”
“แล้วแบบนี้คุณจะทำยังไงปิดปากพวกเราทิ้งงั้นเหรอ?”
“คงต้องขอคุมตัวพวกเธอไว้ก่อนเท่านั้น บอกชื่อพวกเธอมากันหน่อยสิ”
“ไซด์ เอิร์ลไก”
“คาสึอิ บัสเคิร์ก”
“ทอล เคนิค”
“มิริอาเรีย ฮาล์ว”
บรรดาเพื่อนๆ ของพวกเขาต่างแนะนำตัวไปจนหมดจนเหลือแต่เพียงแค่คิระกับเคียวยะเท่านั้น
“พวกเธอล่ะ?”
“คิระ คิระยามาโตะ”
“เคียวยะ แค่เคียวยะเฉยๆ”
“นามสกุลของเธอ?”
“ไอ้ของแบบนั้นไม่มีหรอก อย่าว่าแต่นามสกุลเลยพ่อแม่เป็นใครยังไม่รู้จัก”
“งั้นเหรอ… ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ส่วนฉันคือเมอร์ริว ราเมียสเป็นเจ้าหน้าที่ของสหพันธ์โลก”
เมอร์ริวได้แนะนำตัวเองให้กับพวกเคียวยะได้รู้จักพร้อมกับบอกเรื่องที่เธอไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาที่รู้ความลับของกองทัพไปได้ จนกว่าเธอจะได้รับการตัดสินใจจากผู้รับผิดชอบเธอจึงต้องพาตัวพวกเขาไปด้วย
“แล้วหุ่นตัวนี้จะเอาไปด้วนเหรอครับ? มันเป็นของของ ออร์บนะเพราะโลโก้ตอนเดินระบบเป็นของออร์บชัดเจนเลย”
เคียวยะได้ชี้ไปที่หุ่นที่เขาขับก่อนหน้าและถามความเห็นจากอีกฝ่ายเมอร์ริวก็ไม่สามารถตัดสินในเรื่องนี้ได้เพราะนอกเหนือจากอำนาจของเธอ
“ช่างเถอะเอาไปด้วยเลยแล้วกัน คิระยังไงก็ฝากปรับแต่งระบบมันหน่อยสิ”
“เอ๋? ทำไมกัน”
“เผื่อได้ใช้เพราะงั้นฝากด้วยล่ะส่วนพวกนายมาช่วยฉันหาพลังงานเติมให้เจ้าสองตัวนี้หน่อยสิ”
คำพูดของเคียวยะสร้างความสับสนให้กับเพื่อนๆเป็นอย่างมากเพราะจากการแสดงออกของเจ้าตัวนั้นไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว
“คุณเมอร์ริว แถวนี้มีพวกสไตรค์แพครึเปล่าผมจะเอามาติดให้ทั้งสองตัวนี้”
“มีอยู่ในโรงงานก่อนหน้านี้… ว่าแต่เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ไงและที่สำคัญสองตัวงั้นเหรอ? มันไม่ใช่ว่าหุ่นทุกตัวจะติดสไตร์แพคได้นะเพราะมันถูกสร้างมาใช้กับ X105เท่านั้น”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเพราะเจ้าตัวนี้มันก็ใช้แพคแบบเดียวกัน”
“เธอรู้ได้ยังไง?”
“เพราะนี่…”
เคียวยะได้หยิบสมุดคู่มือของหุ่นออกมาโชว์ให้อีกฝ่ายดู ในนั้นมีรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับหุ่นตัวนี้อย่างชัดเจนรวมไปถึงเรื่องที่ต้นแบบของมันมาจาก GAT X105 Strike อีกด้วยเพราะแบบนี้ทั้งสองตัวจึงสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้
“ว่าแต่… Proto Astrayงั้นเหรอ? ให้ตายสิแปลว่านี่เป็นรุ่นต้นแบบสินะ”
แม้จะไม่ค่อยพอใจเรื่องที่ตัวเองหยิบหุ่นที่เป็นต้นแบบของหุ่นตัวอื่นๆ มาใช้ แต่ถ้าต้องกลับไปเลือกใหม่ระหว่างเจ้าตัวนี้และบรรดาหุ่นที่หน้าตาเหมือนกันไม่ต่างกับก็อปวางเขาก็คงจะเลือกตัวนี้อยู่อีกเช่นเดิม
“สมุดคู่มืองั้นสินะเธออ่านมันอย่างกับดูสรรพคุณเครื่องใช้ไฟฟ้าเลยนะ”
“ก็ไม่เห็นแปลกเลยนิครับผมก็แค่หาดูอะไรที่พอใช้ได้เท่านั้นเอง”
หลังจากการพูดคุยของพวกเขาได้จบลงพวกไซด์ก็ได้ขับรถบรรทุกที่ขนสไตรค์แพคกลับมาในที่สุดและพวกเขากำลังจะติดตั้งมันให้กับหุ่นทั้งสองตัว
“เอาล่ะติดตั้งแพคกันเลยดีกว่า… คิระนายติดตั้งไอ้ตัวที่เหมือนดาบไปนะแพคพลังงานมันติดกับอาวุธนั่นแหละ”
“เข้าใจแล้ว”
และทั้งสองคนก็ได้ทำการติดตั้งอาวุธเสริมให้กับหุ่นทั้งสองตัวเป็นที่เรียบร้อย ทว่าในจังหวะนั้นเองโมบิลสูทของซาฟท์ ซีกู (Cgue) และโมเบียสซีโร่ (Moebius Zero) ได้เข้ามาจากข้างนอกของโคโลนี่และทำการต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ตูมมมม!!!!!!
เสียงระเบิดได้ดังขึ้นอีกครั้งแต่ว่าครั้งนี้มันหนักกว่าครั้งไหนๆ เพราะมันคือแรงระเบิดที่เกิดจากการยิงปืนใหญ่ของยานรบที่พุ่งออกมาจากพื้นดินของโคโลนี่นั่นเอง
“อะไรอีกล่ะเนี่ย…”
เคียวยะได้มองไปที่ยานรบขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาและสร้างความตกตะลึงให้แก่ใครก็ตามที่ได้พบเห็นมัน
ความคิดเห็น