คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Phase ที่ 1 : สันติภาพจอมปลอม
ณ โคโลนี่เฮริโอโปลิสที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่เป็นกลางอย่างออร์บ ที่สนามหญ้าแห่งหนึ่งของมหาวิทยาลัยได้มีร่างของเด็กหนุ่มผมสีดำสนิทนอนรับสายลมอยู่บนพื้นดวงตาของเด็กหนุ่มค่อยๆ เปิดขึ้นเผยให้เเห็นตาสีอำพันอันนิ่งสงบที่ช่วยแต่งแต้มใบหน้าที่เรียบเฉยของเขาให้ดุน่าดึงดูขึ้นไปอีก
“นี่เรา… หลับไปนานเท่าไหร่กัน?”
ชายหนุ่มได้ขยี้ตาของตัวเองอย่างเชื่องช้าหลังจากที่พึ่งตื่นได้ไม่นาน
โทริ~ โทริ~
ในจังหวะนั้นเองก็ได้มีนกหุ่นยนต์ตัวสีเขียวบินลงมาเกาะที่ไหล่ของเขาพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลผู้มีดวงตาสีม่วงอ่อน
“นายมาหลับอยู่ตรงนี้เองงั้นเหรอเคียวยะ ไม่ใช่ว่ามีงานวิจัยที่ต้องทำรึไง?”
เด็กหนุ่มคนนั้นได้ยื่นมือไปยังเด็กหนุ่มผมดำที่ยังคงงัวเงียจากการที่ตื่นนอนได้ไม่นาน
“ฉันแค่มาพักสายตานิดหน่อยเอง ว่าแต่นายเถอะคิระไม่ใช่ว่ามีงานที่ต้องทำเป็นภูเขาเลยไม่ใช่รึไงกัน?”
เคียวยะได้ยื่นมือไปจับมือของอีกฝ่ายที่ส่งมาเพื่อดึงตัวเขาขึ้นมาจากพื้นเมื่อเขาลุกขึ้นยืนเสร็จทั้งสองคนก็ได้พูดคุยกันไประหว่างทาง
“ว่าแต่นายโหมงานอีกแล้วงั้นเหรอ? ระวังสภาพร่างกายนายจะเสียเอานะ”
“โทษทีๆ พอดีว่าฉันไม่ได้เก่งแบบนายนิ”
“แล้วใครบอกให้นายดองงานทิ้งไวกันละ”
“นั่นสินะ”
ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ
ทั้งสองคนได้หยอกล้อกันไปมาตามภาษาเพื่อน ทั้งสองคนได้เดินมาถึงศาลาแห่งหนึ่งแล้วนั่งลงพร้อมกับหยิบคอมพิวเตอร์ของแต่ละคนขึ้นมาทำงานที่ค้างเอาไว้
“ว่าแต่รอบนี้นายไม่มีงานของศาสตราจารย์คาโต้รึไงกัน?”
“อย่าพูดแบบนั้นสิเดียวงานก็มาหรอก!!! ถ้าตาลุงนั่นตามหาฉันละก็ฉันจะส่งนายไปสังเวยอย่างไม่ลังเล”
“ใจดำจังนะนาย”
“ก็ปกติของฉันนิ หึ หึ หึ”
[จากรายงานล่าสุดที่ได้รับมา เมื่อปลายสัปดาห์กองกำลังของซาฟท์ได้บุกมาถึงคาวชุนแล้ว…]
เสียรายงานข่าวได้ดังขึ้นจากคอมของคิระที่เปิดทิ้งเอาไว้เรียกความสนใจของทั้งสองคนให้หันไปมองมันทว่ายังไม่ทันที่ทั้งสองจะทันได้ฟังเนื้อหาในส่วนที่เหลือก็ได้มีเสียงเรียกของคู่หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินเข้ามาหาเขา
“คิระ เคียวยะมาอยู่ที่นี่เองงั้นเหรอ ศาสตราจารย์คาโต้กำลังตามหาพวกนายอยู่แหนะ”
ชายหนุ่มคนชื่อว่าทอลเพื่อนของพวกเขาที่ตอนนี้กำลังเดินมากับแฟนสาวของเขาอย่างมิริอาเรีย
“ศาสตราจารย์คาโต้กำลังตามหาพวกนายอยู่แหนะ คราวนี้บอกต้องลากตัวไปให้ได้เลย”
ทอลได้พูดออกมาพร้อมกับในจังหวะที่เคียวยะได้ลุกขึ้นจากโต๊ะโดยที่เก็บของทั้งหมดของเขาลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าก่อนที่เขาจะทันได้หนีนั่นเองก็ได้ถูกมิริอาเรียเพื่อนสาวของเขาเข้ามาปิดทางหนีเสียแล้ว
“คราวนี้นายหนีไม่รอดหรอกนะเคียวยะ ถ้านายหนีไปจะเป็นพวกฉันที่ลำบากเพราะงั้น มา-ด้วย-กัน-ซะ!”
“คะ ครับ…”
“อย่าไปสู้กับเธอเลยเพราะฉันเองก็สู้ไม่ไหวเหมือนกัน”
ทอลได้เข้ามาปลอบเพื่อนของเขาที่ตอนนี้สีหน้าได้หมดอาลัยตายอยากไปเสียแล้ว และพวกเขาทั้งสี่ก็ได้มุ่งหน้าไปยังป้ายรถขนส่งเพื่อมุ่งหน้าไปหาศาสตราจารย์คาโต้ทันที
ในระหว่างที่กำลังเดินไปอยู่นั่นเองพวกเขาก็ได้เจอกลับกลุ่มเด็กสาวที่กำลังพูดคุยอยู่ที่หน้าจุดรอรถขนส่งอยู่
“นั่นมัน… เฟรย์ อัสตาร์”
“เห๋~ แปลกนะเนี่ยที่เคียวยะจะรู้จักเฟรย์ด้วย สนใจเธอคนนั้นรึไง”
มิเลียร่างร่างหนึ่งอาส่งสายตาหยอกล้อให้อีกฝ่ายแต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือสายตาที่เจ้าตัวมองไปที่คิระเพื่อนของพวกเขา เธอจึงรู้ได้ทันทีว่าหมายถึงอะไรและได้ผละออกจากเพื่อนๆ ของเธอเข้าไปทักผู้หญิงกลุ่มนั้นแทน
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“ก็ยัยนี่นะสิได้รับจดหมายจากไซด์ เอิร์ลไกด้วยแต่ว่าไม่ยอมบอกอะไรซักคำเลย~~”
ในระหว่างนั้นเองก็ได้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาแล้วขอให้พวกเขาช่วยหลีกทางให้ขึ้นรถขนส่งก่อนถ้าเกิดว่ายังไม่ได้ใช้ พวกเคียวยะก็ทำการหลีกทางให้แต่โดยดีเพราะไม่ได้รีบร้อนอะไร
คนพวกนั้น… ไม่น่าจะใช่คนธรรมดา
เคียวยะได้มองเหล่าคนที่ขึ้นรถไปก่อนหน้าก่อนที่เขาจะเลิกสนใจแล้วหันมามองยังพวกเพื่อนของตนต่อ ไม่นานเฟรย์และเหล่าเพื่อนๆ ก็ได้ขึ้นรถขนส่งไปเหลือไว้เพียงพวกเคียวยะอยู่เช่นเดิม
“เขาว่าไซด์ส่งจดหมายแหนะ”
ทอลได้พูดออกมาพร้อมล้อเรียนเรื่องว่าคิระนั่นมีคู่แข่งเรื่องความรักเสียแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวก็พยายามปฏิเสธไปสุดตัวแต่ก็ไม่มีเพื่อนๆ คนไหนเชื่อเลยสักนิดแถมยังหัวเราะให้กับท่าทางร้อนรนของอีกฝ่ายอีกด้วย
จากนั้นพวกเขาทั้งสี่ก็ได้ขึ้นรถขนส่งมุ่งหน้าไปยังสถาบันวิจัยของศาสตราจารย์คาโต้ทันที เมื่อพวกเขามาถึงห้องวิจัยของศาสตราจารย์คาโต้ก็ได้เจอคนมาทำงานอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งก็คือไซด์และคาสึอิเพื่อนของพวกเขาและอีกคนหนึ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก
“พวกนายมาแล้วงั้นเหรอ”
ไซด์ได้ผละออกจากงานที่ทำอยู่มาทักทายเพื่อน ๆ ที่เดินเข้ามาในห้องวิจัย
“ใครน่ะ?”
“อ้อ แขกของด็อกเตอร์น่ะ”
ทอลที่เดินไปถามคาสึอิถึงบุคคลที่พวกเขาไม่รู้จักภายในห้อง พร้อมกับคิระที่เดินเข้ามาถามหาถึงศาสตราจารย์แต่ว่าคำตอบที่ได้คือเจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่นี่และฝากงานให้กับคิระทำไว้แล้ว เมื่อได้รับงานมาแล้วทั้งเคียวยะและคิระก็ได้เริ่มลงมือทำงานทันทีโดยมีเหล่าเพื่อน ๆ คอยช่วยเหลือในส่วนต่าง ๆ อยู่ใกล้
ครืนนนน!!!!!
แต่แล้วไม่ทันไรพวกเขาก็เจอเข้ากับแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่เขาจนบรรดาสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องตกกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด
“แรงสั่นสะเทือนนี่มัน…”
เมื่อต้องเจอกับแรงสะเทือนอย่างต่อเนื่องพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะอพยพไปยังเชลเตอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?!”
“ซาฟท์มันบุกโจมตีเราน่ะสิ”
ไซด์ได้ถามเหตุการณ์กับเหล่าผู้ใหญ่ที่กำลังไปยังเชลเตอร์เช่นกัน และคำตอบที่ได้รับทำให้พวกเขานั้นตกใจเป็นอย่างมาก
ฟุบ!
ได้มีร่างร่างหนึ่งพุ่งตัวออกห่างจากกลุ่มของพวกเขามุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งที่มีแรงสั่นสะเทือนมากที่สุด
“อะไรกันคนคนนั้น… เฮ้ย! คิระ เคียวยะพวกนายจะไปไหน”
“พวกฉันจะตามไปดูคนคนนั้นหน่อยพวกนายล่วงหน้าไปก่อนเลย”
คิระได้หันไปตอบทอลก่อนที่จะวิ่งตามเคียวยะและคนคนนั้นไปท่ามกลางฝุ่นควันที่เกิดจากการถล่มของอาคาร
“หยุดเลยนะเจ้าบ้า ทำไมถึงมาทางนั้นไม่รู้รึไงว่ามันอันตราย”
เคียวยะที่มาถึงตัวอีกฝ่ายก็ได้เขาไปจับไม่ให้หนีไปไหนพร้อมกับเตรียมลากอีกฝ่ายไปยังเชลเตอร์
“ปล่อยนะเจ้าบ้า ใครเขาขอให้นายตามมากัน!!”
“เฮ่! เคียวยะไม่เป็นไรใช่มั้ย อ่ะ!!!”
ไม่ทันไรที่เคียวยะตามมาสมทบก็ได้เกิดแรงระเบิดขึ้นจนสร้างกระแสลมพัดผ่านพวกเขาไป หมวกของบุคคลปริศนาที่พวกเขาไล่ตามมาได้ถูกพัดปลิวออกไปเผยให้เห็นใบหน้าที่เรียบเนียนของอีกฝ่ายที่มาคู่กันกับผมสีเหลืองทองของเธอ
“เอ๊ะ? เด็กผู้หญิง…”
“แล้วนายคิดว่าฉันเป็นอะไรกัน- อ่ะปล่อยฉันนะเจ้าบ้า”
อีกฝ่ายยังต่อว่าคิระที่มองเธอเป็นผู้ชายมาตลอดไม่ทันจบก็ได้โดนเคียวยะจับลากไปยังเชลเตอร์ที่ใกล้ที่สุดตลอดทาง
เมื่อพวกเขามาถึงโรงงานที่เป็นจุดหมายก็ได้พบกับการต่อสู้ที่ใช้ลูกปืนแทนคำพูดเข้าว่ายิงสนั่นไปทั่วโรงงาน พร้อมกับมองเห็นหุ่นยนต์โมบิลสูทนอนอยู่ข้างล่าง
“ว่าแล้วเชียว… ว่าต้องเป็นแบบนี้… คุณพ่อทรยศ!!”
เด็กสาวได้ทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา เสียงร้องของเธอได้เรียกความสนใจของทหารที่อยู่ข้างล่างให้หันปืนมาทางพวกตน
“ไม่ดีแล้ว!”
ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!
เคียวยะได้ดึงตัวคิระและเด็กสาวคนนั้นออกมาจากตำแหน่งเดิมทันทีก่อนที่กระสุน
.
.
.
.
.
“เด็กงั้นเหรอ?”
หญิงสาวที่อยู่ในชุดช่างซ่อมบำรุงได้หยุดยิงปืนทันทีเมื่อเธอสังเกตบุคคลที่เธอยิงก่อนหน้าดีๆ เพราะในตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นศัตรูแต่เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กเธอจึงได้หยุดยิง
ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!
“ร้อยตรีราเมียสอย่ามัวแต่เหม่อสิ!”
“ขอโทษด้วย”
หญิงสาวได้หันกลับไปต่อสู้กับศัตรูต่อทันทีเพื่อนของเธอนั้นได้เรียกสติให้กลับมาจดจ่อกับศึกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
.
.
.
.
และแล้วพวกเคียวยะก็ได้มาถึงเชลเตอร์ในที่สุด แต่ต้องเจอกลับปัญหาที่ว่าไม่เหลือที่เพียงพอให้พวกเขาเข้าไปได้ทั้งหมด พวกเขาเลยขอร้องคนข้างในให้รับเด็กสาวคนที่พามาไปด้วยและพวกตนจะไปหาเชลเตอร์อื่นหลบหนีแทน
“นะ นี่นาย!”
ก่อนที่เธอจะได้ทันพูดอะไรเคียวยะก็ได้ขับเธอยัดเข้าไปในท่อส่งอย่างไม่ไยดีและทำการมุ่งหน้าไปยังเชลเตอร์อีกแห่งในทันที
พวกเขาจำเป็นต้องวิ่งผ่านโรงงานอีกครั้งเพื่อที่จะไปให้ยังเชลเตอร์อีกแห่งที่อยู่ข้าง ๆ
ตูมมมม!!!
ระเบิดได้เกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเศษซากของตัวอาคารได้ตกลงมาตัดขาดพวกเขาทั้งสองให้แยกออกจากกัน
“คิระ!!!”
“ฉันไม่เป็นไร นายล่วงหน้าไปก่อนเลย”
เมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนตนว่าปลอดภัยดีเคียวยะก็รู้สึกโล่งใจในทันที
“ไม่เป็นไรแน่นะ!”
“อืม! ไม่ต้องห่วงทางนี้เดี๋ยวฉันจะอ้อมไปทางอื่นเอง”
“ต้องรอดให้ได้ล่ะเจ้าบ้า”
“นายก็เหมือนกัน”
เมื่อพูดคุยกันเสร็จเคียวยะก็ได้ผละออกจากตำแหน่งนั้นและมุ่งหน้าไปยังโรงงานที่อยู่ข้าง ๆ และเคียวยะต้องเจอกับสิ่งที่น่าตกใจอีกเช่นกันเพราะที่นี่เขาได้พบเจอกับโมบิลสูทที่ถูกสร้างขึ้นอีกจำนวนหนึ่งในโรงงานแห่งนี้
“อะไรกัน… ที่นี่กลายเป็นสถานที่สร้างโมบิลสูทไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ฟิ้วว!!!
ไม่ทันที่ความสงสัยของเคียวยะจะทันหายไปก็ได้มีหุ่นสีดำตัวหนึ่งในบรรดาหุ่นทั้งหมดได้เริ่มขยับและบินออกไปจากโรงงานแห่งนี้
“แล้วหุ่นตัวอื่น... ไม่มีนักบินงั้นเหรอ?”
หลังจากที่หุ่นตัวสีทองบินออกไปจู่ๆ ก็มีความคิดแปลกประหลาดเข้ามาภายในหัวของเคียวยะ ว่าถ้าเขาเข้าไปในเชลเตอร์แล้วไม่รู้ว่าตัวเองจะรอดรึเปล่า ถ้างั้นเขาไม่สู้ขับหุ่นออกไปกับพวกนั้นให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยล่ะ
“แบบนั้นน่าจะดีเหมือนกันว่าแต่เราจะเอาสีไหนไปดีล่ะ?”
สีแดง… สีน้ำเงิน… สีเขียว… สีม่วง?
เขาได้สายตากวาดมองหุ่นที่เหลืออยู่ในโรงงานทั้งหมดซึ่งทุกตัวนั้นมีรูปร่างที่ไม่ได้แตกต่างจากเจ้าตัวสีทองที่บินออกไปก่อนหน้านี้เลยสักนิดเดียว
แต่แล้วสายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับหุ่นอีกตัวที่นอนอยู่ตรงมุมหนึ่งของตัวโรงงานซึ่งรูปร่างส่วนใหญ่แตกต่างจากทั้งสี่ตัวที่เหลือในโรงงานเป็นอย่างมากแต่ว่าก็ยังคงมีบางส่วนที่ยังคงคล้ายคลึงกันอยู่
“เจ้านี่มัน… สีดำ?”
เมื่อเห็นรูปร่างที่แตกต่างกับตัวที่เหลือและสีดำก็ทำให้เคียวยะถูกใจเจ้าตัวนี้ขึ้นมาในทันทีและเขาก็ได้ตัดสินใจขึ้นไปขับมันอย่างไม่ลังเล
“คู่มือ? ไอ้ของแบบนั้นมันไม่จำเป็น”
เขาได้โยนคู่มือที่อยู่ในตัวหุ่นทิ้งอย่างไม่ไยดีและเมื่อทำการเดินเครื่องของหุ่นก็ได้เจอเข้ากับระบบปฏิบัติการที่เริ่มทำงานออกมา เขาได้เผลออุทานอักษรหน้าของระบบที่เขาอ่านเรียงติดกันออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“กัน…ดั้ม?”
ตูมมมมมม!!!!
โรงงานที่เคียวยะอยู่เริ่มระเบิดขึ้นเช่นกันเขาจึงได้เริ่มบังคับโมบิลสูทตัวนี้ให้ยืนขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้…
ความคิดเห็น