คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [OS] Used to own | Elsa x Hans
Characters : Elsa x Hans
Pairing : Helsa
Movie : Frozen
Rate : PG
หลังร้องไห้อย่างไม่หยุดยั้ง ส่งเสียงครวญครางเหมือนแผ่นเสียงตกร่องมาชั่วโมงเศษ ในที่สุดเอลซ่า แอนเดอร์สันก็มีสภาพไม่ต่างจากผีในหนังบล็อกบัสเตอร์ ขอบตาบวมแดง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวซีดเซียวราวกับชีวิตนี้ไม่เคยได้รับวิตามินดีจากแสงอาทิตย์ เธอใช้ความพยายามอย่างมหาศาลในการกลั้นใจไม่ให้สะอื้น ก่อนจะร้องไห้ระลอกใหม่จนเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังร้องไห้ให้กับอะไร หรือบางทีต่อให้รู้ เธอก็ไม่มีปัญญาที่จะหยุดมัน เพราะทุกครั้งที่เข้าสู่โหมดสาวเจ้าน้ำตา สิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘สติ’ จะออกไปลาพักร้อนโดยไม่บอกกล่าว อาจต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือนในการเรียกตัวกลับ ซึ่งนั่นหมายถึงเธอและคนรอบข้างจะต้องทนกับอาการผีเข้าผีออกเป็นเดือนๆ อย่างช่วยไม่ได้
เอลซ่าสูดน้ำมูก พยุงตัวเองขึ้นมาให้อยู่ในท่านั่ง หลังเริ่มปวดหลังจากการนอนขดตัวเหมือนกุ้งมาหลายชั่วโมง เธอปาดน้ำตา มองรายชื่อในโทรศัพท์มือถืออย่างขะมักเขม้น ใจจริงเธออยากโทรหาอันนา ถ้าหล่อนดันไม่ติดฮันนีมูนกับคริสตอฟในวันครบรอบวันแต่งงาน ส่วนมาเรนเพื่อนรักเพิ่งไปพักร้อนกับครอบครัวเมื่อวานซืน จะให้โทรไปฟูมฟายขณะที่ปลายสายกำลังมีช่วงเวลาดีๆ มันก็ไม่ใช่เรื่อง
หรือจะเป็นไรเดอร์ น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของมาเรนเพื่อนสาว ถึงจะไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไร แต่ก็พอรู้จักนิสัยใจคอกันอยู่บ้าง เขาชอบมาระบายความในใจกับเธออยู่บ่อยๆ เอลซ่ามักจะเป็นคนแรกที่รู้ปัญหาของเขา ซึ่งควรจะเป็นตำแหน่งที่ถูกแทนที่ด้วยมาเรน แต่ใครจะรู้ พี่น้องก็ไม่ได้รักกันเสมอไป
ทว่าสิ่งสุดท้ายที่ไรเดอร์ทิ้งไว้ก่อนที่จะตกหลุมอากาศไปสู่ดินแดนอันไกลโพ้น คือข้อความบ่นยาวพรืดเกี่ยวกับสอบมาราธอนที่ทำเอาเขาหัวเสียเป็นวันๆ เป็นเหตุให้เขาพลาดทริปสุขสันต์กับครอบครัวอย่างน่าเสียดาย เอลซ่าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย รบกวนตอนนี้คงไม่เหมาะสม
แล้วใครดีล่ะ
เอลซ่ายกมือขึ้นปาดน้ำตาอีกครั้ง ทำไมช่วงเวลาที่เธอต้องการใครมากที่สุดกลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน เธอก็แค่ต้องการใครก็ตามที่พร้อมจะรับฟังความเฮงซวยของไอ้ห่วยนั่น ที่หักหาญทิ้งเธออย่างไม่ใยดี เอลซ่าไม่รู้จะไว้ใจใครได้อีก ทุกคนใจร้ายกับเธอตลอด… หักหลังเธอตลอด…
เอลซ่าทิ้งตัวลงนอนเพื่อสงบสติอารมณ์สักระยะ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูหมายเลขในเครื่องอีกครั้ง ญาติ ลูกจ้างคนก่อน อดีตพ่อบ้าน เพื่อนของเพื่อนอีกที มีคนมากมายที่เธอรู้จักในลิสต์ แต่เธอไม่กล้าโทรหาใครสักคน
BASTARD — has been blocked
ตาสีฟ้าหยุดกึกวินาทีเดียวกับที่นิ้วของเธอดันกดพลาดไปที่ตั้งค่าโดยไม่ได้ตั้งใจ คิ้วของเธอขมวดเป็นปม ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะตกตะกอนว่าใครกันนะ ที่โชคร้ายถูกเธอบล็อก หมอนั่น ไอ้เฮงซวยอีกคนที่เคยทำเธอกลายเป็นผีบ้า
ฮานส์ เวสเทอร์การ์ด
ฮานส์เป็นชายร่างสูง ผมสีน้ำตาลแดง หน้าตาน่าเชื่อถือชนิดที่ใครก็ตามที่เห็นจะต้องไว้เนื้อเชื่อใจถึงขั้นยอมถวายหัว แต่แน่นอนว่าแค่ครั้งแรก แค่ครั้งแรกเท่านั้น เขามันก็งูพิษอีกตัวที่ต้องขจัด เอลซ่าควรจะเลื่อนหน้าจอปัดเป่าหมายเลขอัปมงคลนั้นให้พ้นๆ ตา จะได้ไม่ต้องมาเห็นอะไรที่รบกวนจิตใจ แต่เธอไม่ทำ มีบางอย่างเกิดขึ้นในหัว และเธอเกลียดตัวเองเหลือเกินที่ไม่สามารถสลัดมันทิ้ง เอลซ่ากัดเล็บเสียงดังกรอบแกรบ รู้สึกอยากจะกรีดร้องไปให้ถึงดาวอังคาร สาบานด้วยชีวิต เธอไม่เคยให้อภัยเขา ไม่มีวัน ไม่มีทาง แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้รู้สึกโกรธเหมือนเมื่อก่อน ออกจะอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ยินเสียงของเขาอีกสักครั้ง
ลองดูดีไหม เธอคิดหนักจนเผลอกัดเล็บตัวเองจนเข้าเนื้อ
มือของเอลซ่าสั่นขณะตรวจสอบหมายเลขที่เธอคุ้นเคยให้แน่ใจว่านั่นคือเบอร์ของเขา เธอชักมือออกอยู่สองสามครั้งกว่าจะจำใจปลดล็อคเบอร์ต้องสาปออกจากบัญชีดำ เอลซ่าไม่คิดว่านั่นจะเป็นความคิดที่ดี แต่เธอก็โทรไป ฟังเสียงรอสายอย่างกระสับกระส่าย และด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอภาวนาให้เขาหลับไปแล้ว ไม่ก็ตัดสายทิ้ง
แต่เธอคิดผิด
“ฮัลโหล”
เอลซ่าเงียบอยู่ชั่วอึดใจ “ไง”
“สวัสดี” เขาตอบ “นั่นใครครับ”
จำไม่ได้ ให้ตายเถอะ น่าอายชะมัด คงลบเบอร์ทิ้ง ไม่ก็เธอไม่มีค่าพอที่จะอยู่ในหัว
“คงโทรผิดน่ะค่ะ บาย”
“เดี๋ยว เอลซ่า นั่นเอลซ่าใช่ไหม” เสียงของเขาทั้งนุ่มและอ่อนหวาน ตาสีฟ้าเบิกกว้าง ใจพองโตเท่าคฤหาสน์ เขาจำเธอได้ จำได้จริงๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนาน
“คิดถึงสิท่า แต่แหม มาขอคืนดีหลังผ่านไปสามปีดูจะช้าไปหน่อยนะ”
“ไอ้เวร”
“ตัวจริงแฮะ” เขาหัวเราะชอบใจ “งั้นช่วยบอกเหตุผลดีๆ ที่โทรมาหาตอนห้าทุ่มหน่อย นอกจากความคิดถึง”
เอลซ่าคิดอยู่นาน “ฉันเพิ่งถูกบอกเลิก”
“งั้นผู้ชายคนนั้นก็ตัดสินใจถูกแล้ว”
เอลซ่าเม้มปากแน่น ตาเริ่มร้อนผ่าว
“ร้องไห้เหรอ”
“เปล่า”
“จริงดิ”
“อือ”
“…”
“…”
“แต่เธอสะอื้น”
“งั้นจะถามทำไมเล่า!” เอลซ่าตะโกนอัดใส่โทรศัพท์ก่อนจะเริ่มที่จะร้องไห้ออกมาจริงๆ อุตส่าห์ปล่อยโฮเป็นชั่วโมงเพื่อลืมเขา ก็ยังจะย้ำกันอยู่ได้!
“นายอยู่ไหน” เธอถามระหว่างทำเสียงน่าเกลียดจากการร้องไห้
“สองร้อยไมล์จากที่นั่น”
“จริงเหรอ”
“ล้อเล่น อีกยี่สิบนาทีน่าจะถึง” เขาพูดเสียงเรียบ “ถ้าจะให้ไปหา”
“มา…มาเถอะนะ” เอลซ่าอ้อนวอน เกือบลืมไปว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเธอเพิ่งสาปส่งเขาในใจ
“อยู่ที่เดิมใช่ไหม”
“อือ” เธอเขย่าหัวแม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม
“เดี๋ยวไปหา” เขาว่าแล้วตัดสายโดยทันที เอลซ่าวางหู เวียนหัวเหมือนมีใครมาขย่มบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้องไห้เยอะไป หรือตกใจที่เขาจะขับรถมาหาเธอถึงบ้าน
แม้จะยังงงงวย แต่เอลซ่าก็มีสติมากพอจะรีบไปจัดการเตียงให้อยู่ในสภาพที่ดีกว่า เก็บกวาดขยะในห้อง เปลี่ยนเสื้อให้ดูเป็นผู้เป็นคน เอาผ้ากองยักษ์ที่ยังไม่ได้ซักไปซ่อนไว้อีกที่ ล้างหน้าล้างตาพอเป็นพิธี ตาเธอแดงมาก อีกหน่อยมันคงบวมและดูไม่จืด เธอถอนหายใจ ก่อนใช้ผ้าขนหนูซับมันเบาๆ
เขามาเร็วเกินไป เธอเลยมีเวลาจัดการกับผมทรงรังนก
“สภาพดูไม่ได้เลย”
“แหงสิ ก็ให้สวยเหมือนนางงามรึไง” เอลซ่ากระแทกประตูต้อนรับ ยังหน้าตาเหมือนเดิม ดีใจและน่าตบ อาจดูดีขึ้นหน่อยเพราะทรงผมยุ่งๆ เหมือนเพิ่งตื่นนอน
ตาสีฟ้าสังเกตเห็นเขาถือบางอย่าง
“ไก่ทอด!” เธอหวีดร้องพร้อมจะกระโจนใส่ แต่ฮานส์ยกมือขึ้นหนี “เข้าบ้านก่อนที่รัก” เขายิ้ม คำว่า ‘ที่รัก’ ทำเอาเธอขนลุกซู่ “เธอต้องกินอย่างอารยชน”
เอลซ่ามุ่นคิ้ว ไม่ค่อยพอใจกับท่าทางของเขาสักเท่าไร แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย เขาเดินนำเธอเข้าไปที่ครัวซึ่งควรเป็นหน้าที่เจ้าบ้าน เชิญเธอนั่งโต๊ะ ถือวิสาสะเข้าไปหยิบจานชามพร้อมกับเตรียมส้อมและมีด ดันกล่องสีแดงตัดเหลืองมาที่หน้าเธอก่อนค่อยๆ บรรจงเปิดออก เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและยักคิ้วให้หนึ่งที
มีดและส้อมถูกวางไว้ในมุมมืดอย่างเหนียมอาย ความคิดที่จะแตะต้องมันไม่เคยอยู่ในหัว มือสองข้างจัดการยัดห่าสวาปามจนอาหารเต็มปาก ฉีกชิ้นเนื้อยัดเข้าไปจนเกือบติดคอ เอลซ่าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยง และนี่ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่ม เธอหิวจนกินม้าได้ทั้งตัว
“ตอนที่เราเลิกกันเธอก็เป็นแบบนี้หรือเปล่า”
“เลิกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลสักที” เธอพูดทั้งที่ยังเคี้ยว “ไม่แปลกเลยที่เราเลิกกัน”
“นั่นสิ” ฮานส์ยิ้ม เกือบจะหัวเราะ “สรุปเรื่องมันเป็นยังไง”
เอลซ่าชะงักอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอาเป็นเอาตายเสมือนฮานส์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น เธอเลี่ยงที่จะสบตา ไม่ตอบคำถามใดๆ ที่เขาโยนมาให้ ฮานส์ขมวดคิ้ว ดูสับสนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ จนเมื่อเธอกวาดอาหารทุกอย่างถูกกวาดลงท้อง ฮานส์ถึงแน่ใจว่าเขาต้องพูดอะไรสักอย่าง
“ดูทีวีไหม” เขาถาม เธอเหลือบตามองแข็งๆ แล้วค่อยพยักหน้า ฮานส์เดินไปที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับเธอ รักษาระยะห่างและมองอย่างระมัดระวัง ยังเดินห่อไหล่เหมือนเดิม ฮานส์คิด มัดผมลวกๆ แบบนั้นก็ด้วย ผมสีบลอนด์ที่ไม่เป็นระเบียบ ยุ่งเหยิงเหมือนกับเธอ แถมยังชอบขยี้ตา ทำเอาเขาเกือบใช้มือป้องตามสัญชาตญาณ โชคดีที่ห้ามไว้ได้ทัน
ทีวีถูกเปิดทิ้งไว้ เสียงข่าวภาคดึกดังก้องไปทั่วห้อง พายุจะเข้าในวันพรุ่งนี้ อาจมีฝนหรือลมกระโชกแรง ไม่ได้เหนือความคาดหมายสักเท่าไร แต่เขาก็นึกขอบคุณที่ตัวเองจัดการธุระเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เมื่อวันวาน อย่างน้อยก็ไม่ใช่เขาแน่ๆ ที่จะติดอยู่บนถนนพร้อมกับห่ามรสุม
ข่าวอาชญากรรม มีข่าวอาชญากรรมเกินยี่สิบข่าว หนึ่งในสี่เป็นวิ่งจี้ชิงปล้น โลกมันโหดร้ายขึ้นจริงๆ กลไกที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อให้โลกหมุนต่อไปกำลังแว้งทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง น่าสงสาร น่าเวทนา
แต่ก็เหมือนเดิมทุกๆ วัน
ฮานส์เหลือบมองเอลซ่า เห็นได้ชัดว่าเธอแค่มานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้มีกะจิตกะใจรับรู้สิ่งใด “สรุปจะบอกไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขาถาม เฝ้ารอคำตอบอย่างใจเย็น เธอเกือบจะเมินเฉย แต่บางอย่างทำให้เธอต้องพูด
“ฉันเลิกกับแฟน”
“รู้แล้ว เลิกยังไง”
“ไม่รู้ จู่ๆ ก็เลิก”
“แค่นั้นเอง?”
“ทำไม ต้องมากกว่านี้เหรอไง”
“ใช่” เขาตอบเสียงแข็ง เธอชักหน้าขึ้นสี
“เขาหายไป ติดต่อไม่ได้ อพาร์ทเมนท์ เบอร์โทรศัพท์ รถ ไม่มีอะไรเหลือ อาจลบตัวตนปลอมวีซ่าเข้าประเทศอื่นไปแล้วก็ได้ใครจะรู้ แค่นี้พอไหม”
“ไม่พอ” ยังคงตอบเสียงแข็ง “ต้องมีชนวนเหตุสิ ไม่มีหรอกนะไอ้นึกจะเลิกก็เลิก”
“มีสิ ก็เขาไง”
“แล้วจะรู้ได้ไงว่าเธอไม่ได้คิดแทนเขา”
“โอ๊ย! คาดคั้นอะไรนักหนา! รู้แล้วได้อะไรขึ้นมา”
“ก็นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน” ฮานส์ยังคงใช้น้ำเสียงคงเส้นคงวา เอลซ่าผงะ เหมือนตระหนักอะไรขึ้นได้ เธอเบี่ยงหน้าออก ทิ้งเขาอยู่กับความเงียบ และเมื่อฮานส์เห็นว่าเธอสงบลง เขาจึงถามใหม่อีกครั้งอย่างใจเย็น “เขาเป็นคนยังไง”
เธอกระพริบตาปริบๆ “น่ารัก ขี้อ้อน” จากนั้นก็หัวเราะในลำคอ “และหล่อ”
“แล้ว?”
“แล้วก็เด็กกว่า”
“ไหนบอกไม่ชอบเด็ก”
“ก็แค่ตอนนั้นไหมล่ะ”
“เข้าใจๆ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” เขาเงียบ “แต่เธอห้ามฉันประหลาดใจไม่ได้หรอกนะ เห็นตอนนั้นบ่นจะเป็นจะตายว่าไม่ชอบผู้ชายอายุน้อยกว่า ต้องอายุเท่านี้ การงานเท่านี้ เธอเกือบทำฉันเชื่อว่าจะเอาดีด้านโคแก่กินหญ้าแล้วรู้ไหม พวกที่จะตายก่อนได้ใช้มรดก”
เธอพ่นลมหายใจดังพรืด “ฉันน่าจะไปทำนม ตาแก่เวเซลตันเห็นจะได้ใจเต้นรัวแล้วยกมรดกให้” ทั้งคู่ระเบิดหัวเราะ ตาแก่เวเซลตัน ชายชราน่ารำคาญที่ทำตัวเป็นลุงขี้บ่นกับทุกคน เว้นเสียแต่สาวสวยที่หน้าตาเหมือนหลุดออกมาจากเพลย์บอยยุค 60 เอลซ่าเป็นสาวผมบลอนด์ตาฟ้าตามพิมพ์นิยม แต่น่าแปลกที่ตาแก่กลับไปเคยทำทีเหมือนต้องตาต้องใจ ดีแล้ว เธอคิด เผยอยิ้มน้อยๆ ก่อนที่มันจะสลายหายไปเร็วพอๆ กับตอนที่เริ่ม
“เราคบกันสองปี แต่รู้สึกเหมือนไม่รู้จักกัน” เธอชันเข่า บีบมือเตือนสติเพื่อพึงระลึกถึงตัวเอง “ฉันรู้ว่าเขาหยอดเก่ง น่ารักน่าเอ็นดู แต่ก็แค่นั้น เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย ไม่เลยสักนิด เขาไม่รู้ว่าฉันชอบหรือไม่ชอบอะไร ไม่รู้ว่าฉันมีวันพิเศษบ้างไหม ไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง ต้องพบเจออะไรมาบ้าง ช่วงหนึ่งฉันเคยเอาใจเขาสุดๆ แต่เขาก็โง่พอที่จะไม่รู้ว่าฉันประชด ในเมื่อทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ฉันก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะเสียเวลาทำเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นอีก เราเลยเริ่มเย็นชา มันเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ แต่นั่นแหละที่น่ากลัว” เธอนิ่ง “เราเหมือนคนแสนดีที่เกรงใจกัน รู้จักกันแค่เปลือกนอก มีแต่ความใส่ใจปลอมๆ เหมือนตอนที่เราถามไถ่สารทุกข์จากคนแปลกหน้า เราไม่กล้าแม้แต่จะคุยกันอย่างเปิดอกด้วยซ้ำ เราขี้ขลาดทั้งคู่” เธอสูดน้ำมูก “บ้าจริง ฟังที่ตัวเองเล่าแล้วสมเพชชะมัด” เอลซ่าหัวเราะเยาะ รอที่จะฟังคำพูดถากถางจากเขา แต่ก็ต้องผิดหวัง
“ทรมานน่าดู” เสียงทุ้มของเขาทำให้ตาเธอร้อนผ่าว แต่เอลซ่าสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้อีก “แน่นอน” เธอเม้มปาก กระพริบตาปริบๆ ห้ามต่อมน้ำตาไม่ให้ทำอะไรเพ้อเจ้อ “นายมีแฟนรึยัง”
“มีแล้ว” เขายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “เป็นสาวบรูเน็ตสุดสะบึม หล่อนพยายามสอนฉันพูดละตินบนเตียงด้วย”
“ยินดีด้วยนะ ดูแลหล่อนดีๆ ล่ะ”
“อือ” เขาตอบสั้นๆ ชั่ววินาทีหนึ่งเหมือนฮานส์จะพูดอะไรสักอย่างเพื่อรักษาบรรยากาศ แต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเฉย
โทรทัศน์น่าเบื่อเหลือเกิน มีแต่ข่าวชวนหลับกับวาไรตี้ตลกฝืดๆ ฮานส์คว้ารีโมทปิด สังเกตเห็นเอลซ่าสะลึมสะลือจนเกือบหลับ
“พอไหวแล้วใช่ไหม”
เอลซ่าขยี้ตาพลางหาวหวอด “ใช่ ฉันดูแลตัวเองได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้” นิ้วเรียวดึงด้ายร้อยตามตะเข็บโซฟาอย่างสนุกมือ เอลซ่าคิดว่าไม่เธอก็เขาควรพูดมากกว่านี้ เหมือนเขากำลังเสียเวลาขับรถไม่รู้ตั้งกี่สิบไมค์เพื่อมานั่งหายใจทิ้งกับเธอแป๊บๆ ก็กลับ แต่นั่นคือคำบอกลา เธอเข้าใจ และเธอก็ไม่อยากรั้งเขาไว้ “กลับบ้านเถอะ ให้ฉันไปส่งที่ประตูนะ” เอลซ่าลุกขึ้นบิดเนื้อตัวไปมาขณะที่เขาเข้าไปที่โต๊ะอาหารเพื่อหยิบเสื้อโค้ท เอลซ่าเข้าไปในครัว หาอะไรให้เขาเอาไปติดไม้ติดมือกลับบ้าน แต่แล้วฮานส์ก็เดินดุ่มๆ เข้ามาหา
“ฝนตกล่ะ”
เอลซ่าเปิดม่านออก มันตกอย่างเขาว่า เริ่มจากเม็ดฝนโปรยปราย ก่อนจะกลายร่างเป็นมรสุมห่าใหญ่ อันตรายเกินกว่าจะปล่อยให้เขากลับทั้งอย่างนี้
“อยู่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวทำอะไรให้กิน” เอลซ่าพูด ซึ่งทำอะไรให้กินของเธอหมายถึง แกะอาหารแช่แข็งไปต้มหรือเวฟง่ายๆ เพียงไม่กี่นาที แต่เธอคิดว่าฮานส์รู้ข้อนี้ดีอยู่แล้ว เขาคงไม่ถือสา
เอลซ่าคุยกับเขา ไม่ได้ถามเรื่องชีวิตรักอะไรทำนองนั้นอีก แค่เรื่องทั่วไป หน้าที่การงาน ซีรีส์ที่ชอบ หนังที่ใช่ เพลงฮิตติดหู ความตึงเครียดถูกชะล้างด้วยสายฝน ออกจะมากเกินไปหน่อย เพราะนอกจากเธอจะไม่รู้สึกรับรู้ถึงความโกรธ บรรยากาศเก่าๆ ครั้งยังหวานชื่นก็กลับมาอย่างที่ไม่ควรเป็น
ตีหนึ่ง พระเจ้า เธอบอกตัวเอง ตีหนึ่งจริงๆ และฝนก็ตกอย่างกับจะมีพายุมาหอบบ้าน ฮานส์มองนาฬิกาอย่างลำบากใจ เธอรู้ว่าเขาคิดอะไร
“ต้องกลับแล้ว”
“ฝนยังตกหนักอยู่เลย”
“ให้รอถึงตีสองคงไม่ไหว” เขารีบคว้าโค้ท “ขอบคุณที่เลี้ยง โชคดี สุขสันต์สุดสัปดาห์”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ” เธอรีบพูดราวกับกลัวว่าเขาจะวิ่งหายไปไหน ฮานส์ยิ้ม กำลังจะเดินออกไปหารถตัวเอง
“อยู่ต่อก็ได้นะ” เธอพูด เกือบจะตะโกน “มันอันตราย ฉันปล่อยนายออกไปไม่ได้หรอก” เขาหันกลับมา สบตาเธอด้วยความงงงวย “แค่คืนนี้คืนเดียว ฉันจะไม่บอกแฟนนาย รับรองได้ คืนนี้จะหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น” ความละอายผุดขึ้นมาผ่านผิวหนัง แสดงเป็นจ้ำระเรื่อตามพวงแก้ม ดูแย่มาก เหมือนอีตัวใจง่ายที่หาผู้ชายแก้ขัดยามไม่มีใคร แต่สาบานด้วยชีวิต ความคิดเหล่านั้นไม่เคยอยู่ในหัวเธอ
ฮานส์ดูไม่แน่ใจ “คืนเดียว” เขาตอบ “แค่คืนเดียว” ย้ำอีกครั้ง เหมือนกำลังจะสื่ออะไรบางอย่าง
“อยาก…เอ่อ อยากอาบน้ำไหม ห้องน้ำชั้นล่างไม่ค่อยได้ใช้ ถ้าอยากอาบก็ตามสบาย ฉันไปเอาผ้าขนหนูให้” มันกระอักกระอ่วนอย่างที่ควรจะเป็น เอลซ่าไม่เข้าใจ ทำไมบรรยากาศถึงกลับตาลปัตรเสียได้ และเธอก็คิดว่าคนที่กำลังพุ่งตรงไปห้องน้ำจะรู้ แต่มันเกิดขึ้นจริง เอลซ่าดึงแก้ม สัมผัสทั้งห้าโดยเฉพาะความรู้สึกผ่านผิวหนังยังทำงานได้ดี ย้ำเตือนว่านี่ไม่ใช่ฝันกลางวันหรือมโนภาพในอากาศ และเธอไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร
เขาออกมาหลังใช้เวลาไปสิบนาทีในห้องน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวที่เธอคะยั้นคะยอส่งให้เขาระหว่างแปรงฟันเพราะกลัวอีกฝ่ายเกิดอุตริดคิดทำอะไรแผงๆ ฮานส์เดินไปที่ห้องนั่งเล่น เห็นเสื้อผ้าเตรียมอยู่ก่อนแล้ว และเอลซ่าที่นั่งอยู่บนโซฟาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ยังเก็บไว้อยู่อีกเหรอ”
“ไม่ได้เก็บ แค่นึกได้ว่ายังอยู่”
ฮานส์หัวเราะ “ขอบใจ” เขาสวมเสื้อตรงนั้นโดยหันหลังให้เอลซ่า ใช้ผ้าขนหนูซับผมที่ยังเปียกปอน เสื้อผ้าของเขาถูกตากไว้ที่ชั้นบน ฮานส์คว้าของใช้ที่เหลือเตรียมจะลงไปข้างล่าง
“นายไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้”
“ทำอะไร”
“เป็นสุภาพบุรุษ” เธอยิ้ม “เตียงของฉันใหญ่พอจะนอนได้สามคน แค่สัญญาข้อเดียว” เธอยกนิ้วชี้ขึ้น “ห้ามมีเซ็กซ์”
เขาหัวเราะอีกแล้ว เหมือนกำลังฟังเรื่องไร้สาระที่สุดในโลก เอลซ่าเริ่มเสียความมั่นใจ “ตกลง นำทางเลยคุณหญิง”
เอลซ่าไม่ได้พูดเล่น เธอพาเขามาที่ห้องนอนจริง และเตียงก็ใหญ่อย่างที่เธอพูด หล่อนทิ้งตัวลงนอนอย่างไม่ใส่ใจ ดึงผ้าห่มขึ้นมาเสมออก ม้วนตัวเองเข้าไปอยู่ข้างในเหมือนครัวซองไส้กรอก ดูตลกชอบกล “ปิดไฟด้วย” เธอสั่ง ฮานส์ทำตามอย่างว่าง่าย และกำลังนอนร่วมเตียงกับเธอ แค่นอนข้างกัน หันหน้าไปคนละทาง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เป็นหลายนาทีแห่งความเงียบงัน ฮานส์ไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งได้ยินเสียงขยับตัว “ฮานส์” เธอเรียกเขา เบาและอ่อนหวาน
“อือ”
“เรากอดกันได้ไหม”
ฮานส์ลืมตาขึ้น คงตกใจน่าดูแม้จะอยู่ภายใต้เงามืด ฮานส์ใช้เวลาตัดสินใจครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมให้เธอดันตัวเข้ามา เธอวางมือใกล้กับเอวของเขา ยังประหม่า แต่ก็ยังน้อยกว่าเขา
“ฮานส์”
“หืม?”
“นายยังไม่มีแฟนใช่ไหม”
เขานิ่งงัน เลื่อนศีรษะหันมามองคนตัวเล็กกว่า “ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
“คนอย่างนายไม่มีทางเข้ามาในห้องนี้ทั้งที่ยังมีแฟนหรอก” เสียงนั้นแผ่วเบา “ช่วยบอกฉันทีว่าฉันไม่ได้ทำบาป” เธอว่าต่อ ใจเต้นโครมครามแทบจะระเบิด เขาเงียบไปนาน นานมาก นานจนเธอชักจะแน่ใจว่าประสบการณ์ร่วมเตียงในวันนี้คงไปปรากฏอยู่ในบัญชีหนังหมาในมฤตยู
“ฉันยังไม่มีแฟน” เขาตอบ ใช้มือลูบใบหน้าเธอเบาๆ เสริมความมั่นใจให้เอลซ่าเขยิบเข้ามาใกล้อีกระดับ ใช้หัวหนุนที่ต้นแขน รับสัมผัสจากฝ่ามือที่ทั้งอบอุ่นและนุ่มนวลของเขาเหนือศีรษะ – อบอุ่นและนุ่มนวล
“ยังชอบให้ทำแบบนี้อยู่หรือเปล่า” เขาลูบหัวเธอก่อนจะไล่มาที่ท้ายทอย ขยุ้มเส้นผมตรงนั้นเบาๆ ก่อนเฝ้าสังเกตคนข้างกาย เธอไม่ตอบ แต่การเอาหัวมาดุนก็ถือเป็นการยินยอม
ร้องไห้แน่ เธอคิด เอลซ่ารู้สึกอ่อนไหวกว่าปกติเวลามีใครมาลูบหัว น่าแปลกที่มันไม่เป็นอย่างนั้น ไม่มีน้ำตาค้างอยู่ที่ขอบตาล่าง ไม่มีเลย เธอแค่อยู่เฉยๆ ส่งยิ้มที่ไม่มีใครเห็นในความมืด ยิ้มที่เธอเองก็ไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร
เธอไม่มีวันให้อภัยเขา เอลซ่าไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอคิดแบบนั้นจริงๆ หรือมันจะเป็นเพียงกำแพงที่เธอสร้างขึ้นเพื่อกันตัวเองออกจากฮานส์ เป็นเรื่องโกหกเหมือนกับที่เธอพร่ำบอกตัวเองว่าคืนนี้จะวันหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีทาง เธอรู้อยู่แก่ใจ เธอรู้ว่าตัวเองจะไม่มีวันลืมกอดของเขาในวันนี้ เหมือนกับที่ไม่เคยลืมกอดของเขาเมื่อหลายปีก่อน วันที่เคยเป็นของกันและกัน
จะเป็นไปได้ไหม จะเป็นไปได้ไหม เอลซ่ารำพึงรำพันเป็นร้อยครั้งในใจ ได้แต่หวังว่าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คนที่กำลังสวมกอดเธอจะได้ยิน
Talk;
สวัสดีจ้า เรา pury จากจักรวาล new 25 มาแต่งฟิคแทนไรท์คนเก่าเพราะสังเวชที่นังนั่นเอาแต่รีไรท์ after the storm จนไม่มีอะไรคืบหน้า แต่นางก็สัญญานะว่าจะคัมแบค จ้อจี้มั้ยต้องรอดู
จ้อจี้แหละ *finger crossed*
อะแฮ่ม เอาใหม่ สวัสดีนักอ่านและคนที่หลงทางทุกท่าน ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ไรท์ขอบอกว่าไรท์ดีใจมากกกกกกกกที่คุณนักอ่านตะกุยตะกายมาถึงโน้ตนี้ได้ บอกตรงๆ ลงฟิคในช่วงที่กระแสหายเป็นปลิดทิ้งไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร แต่นั่นก็ว่าคุณๆที่มาถึงจุดจุดนี้ต้องมีเหตุผล อาจชิป อยากลองของแปลก หรือหลงทางอย่างเราว่าจริงๆ xD ยังไงก็ขอขอบคุณที่สนับสนุนนะคะ ทุกหัวใจ เมนต์ หรือแม้กระทั่งยอดวิวเล็กๆน้อยๆก็ถือเป็นกำลังใจต่อชีวิตของเราแล้วล่ะค่ะ
อ่า ที่เล่นใหญ่ขนาดนี้ก็เพื่อจะมาบอกว่า ไรท์ยังไม่ทิ้งโปรเจกต์ฟิค non/disney นะคะ5555 (แม้จะดูเหมือนทิ้ง แฮะๆ) กำลังจัดเวลาชีวิตให้ตัวเองสามารถจมอยู่กับฟิคสักสามชั่วโมง และเลิกติดนิสัยรีไรท์อย่างบ้าคลั่งโดยไม่จำเป็นสักที ตอนนี้เรามีฟิคอยู่ในไหดองอยู่สองเรื่อง เป็น one shot jelsa กับ elsamaren ที่แต่งไว้ตั้งแต่เมื่อปีละโว้ ความเป็นไปได้ที่จะลงฟิค jelsa ก่อนดูมากกว่า แต่เราอาจฮึดสู้แต่ง em ก่อนก็ได้ไม่แน่
อ๊ะๆ มีหยอดเรียกน้ำย่อย มีโปรเจกต์ฟิคสั้น helsa ด้วยแหละ ใจจริงอยากแต่งให้ทันคริสต์มาส เพราะทุกๆ คริสต์มาสไม่รู้ทำไมเราจะต้องลงฟิคเป็นของขวัญให้ตัวเอง แต่ไม่รับปากนะว่าจะลงทันมั้ย 2020 เป็นปีที่ลำบากจริงๆ ไม่รู้อนาคตข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เวลาแต่งฟิคอาจไม่พอก็ได้ แต่สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด
มาถึงช่วง Fact ที่ไม่มีใครอยากรู้ : พล็อตฟิคเรื่องนี้เราได้แรงบันดาลใจมาจากสคริปต์เก่า frozen ที่เอลซ่ายังเป็นตัวร้าย โดยในสคริปต์เจ้ากรรมดูเหมือนนางจะมีซัมติงกับฮานส์ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่มีการยืนยันจากทางทีมงานนะคะว่าจริงมั้ย เป็นแค่ข้อสันนิษฐานจาก deleted scene ตอนทหารขึ้นภูเขาหาเอลซ่า โดยนางมีการกล่าวถึง admiral westergaard ในทำนองเหมือนรู้จักกันดี และคุณเจนนิเฟอร์ ลี ผผก. ก็ยืนยันแล้วว่า westergaard คือนามสกุลของฮานส์ (นามสกุลหล่อเนอะ กรี๊ด)
บทเก่าฉบับกะทัดรัด (ผสมการคาดเดา) — เอลซ่าเป็นควีนที่กำลังจะได้แต่งงานมีชีวิตอย่างมีความสุขกับหนุ่มคนหนึ่ง แต่ดั๊นนนโดนตาหนุ่มนั่นทิ้งไปดื้อๆ ปล่อยให้ราชินีของเราช้ำใจจนสาปเมืองเป็นน้ำแข็ง เหตุการณ์พอเหมาะพอเจาะขนาดนั้น ก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะคิดว่าเอลซ่าคือ a frozen heart ตามคำทำนาย แต่แน่นอนว่าบทนางวร้ายไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะคนที่วร้ายกว่าก็คือกิ๊กเก่าชีนั่นแหละ บทชงเข้มจนเกือบแต่งดราม่า ดีนะที่ไม่ได้แต่ง ไม่งั้นคงได้ดองยาวเหมือนฟิคเรื่องนึง…
หมดเรื่องจะโม้ ขอบายตรงนี้เลยละกัน เจอกันวันคริสต์มาสถ้าโชคชะตาไม่เล่นตลก
Note from 12.07.2021
เด็กดีทำโค้ดพังจ้า แก้ไม่ได้ เซ็งเป็ด
ความคิดเห็น