ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    wileland...ดินแดนแห่งเพทุบาย

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่2

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 49


            เจนนี่ยังคงยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่างในห้องนอนของเอมี่  หญิงสาวยืนมองไปที่ปราสาทหลังงามหลังนั้น  


    "
    ดินแดนแห่งเพทุบาย"  หญิงสาวยืนพึมพำเบาก่อนจะหันกับไปมองนาฬิกาดิจิตอลเรือนใหญ่ที่พ่อมดหนุ่มเป็นผู้เสกไว้ บอกเวลาหนึ่งทุ่มสิบห้านาที


    "
    ในเมื่อไม่มีอะไรเป็นเรื่องจริง แล้วฉันจะกลัวทำไมล่ะ" เจนนี่พูดจบหล่อนก็ปีนขึ้นขอหน้าต่างก่อนจะกระโดดลงไปอย่างไม่คิดกลัว

                พอลยืนจับจ้องมองภาพหญิงสาวกระโดดหน้าต่างจากลูกแก้วยักษ์ภายในใจกลางปราสาท ก่อนที่เค้าจะหันไปพูดกับเอมี่


    "
    พี่สาวเจ้านี่กล้าดีจริงๆ ฉันคงจะไม่ต้องเหงาแล้วสิ แล้วเจ้าล่ะ สนุกไหม" ไม่มีคำพูดตอบจากเด็กน้อย นอกจากเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจากการล้อเล่นของเจ้าช๊อตกี้ ไก่ที่สามารถพูดได้จากการเสกด้วยเวทมนต์ของพอล  ช๊อตกี้ยังเป็นสมุนตัวสนิทที่สุดของพอลที่คอยรับใช้ทุกอย่าง และพอลเองก็รักช๊อตกี้เช่นกัน

                ร่างบางที่ลอยเคว้งกลางอากาศ หลังจากที่กระโดดลงมาจากหน้าต่างที่ถ้าอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วหน้าต่างห้องนอนนั้นน่าจะสูงประมาณตึก 3 ชั้นได้ แต่ในเมื่อตอนนี้หล่อนไม่ได้อยู่ในโลกของตัวเอง แต่กลับอยู่ในเมืองแห่งการหลอกลวง หล่อนจึงเริ่มรู้สึกกลัวๆขึ้นมาบ้างแล้ว เนื่องจากร่างของหล่อนลอยอยู่กลางอากาศอยู่นานพอสมควรแล้ว เพราะมันน่าจะถึงพื้นได้แล้ว แต่ยังๆไม่ถึงเสียที

               

                เจนนี่หลับตาปี๋ตั้งแต่กระโดดลงมาจนเวลาล่วงเลยไปกว่าสิบนาทีได้หล่อนยังคงลอยอยู่อย่างนั้น หญิงสาวแอบลืมตามองภาพตรงหน้า และทันใดนั้นหล่อนก็ตกลงไปในกองหญ้าแห้งขนาดใหญ่ 


    "
    อุ๊ย!!" เสียงใสอุทานเบาๆด้วยความตกใจ ก่อนจะใช้มือปัดเศษหญ้าแห้งสีน้ำตาลออกจากศีรษะ และเสื้อผ้า หลังจากนั้นหล่อนก็พยายามยันตัวเองลุกขึ้นยืน


    "
    โอ้ย!!!"  เสียงอุทานอีกครั้งแต่ครั้งนี้เปล่งออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อหญิงสาวกำลังลุกขึ้นเพื่อที่จะยืน ศีรษะก็ดันไปชนเข้ากับคานไม้ตรงหน้า


    "
    เจ็บชะมัด ไอ้คานนี่ตอนฉันหล่นลงมาไม่เห็นจะชนแกเลย ชิ"  เจนนี่ยกมือขึ้นคลึงศีรษะตัวเองไปมา พอความเจ็บปวดเริ่มทุเลาลงหญิงสาวก็ค่อยๆลุกออกมาจากกองหญ้าแห้งขนาดใหญ่นั้น หล่อนเดินออกมาจนถึงประตูทางออกจากโรงเก็บหญ้าแห้ง  และทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูออกไป ภาพที่เห็นทำให้เจนนี่ชะงักกึก  มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง

                ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ต้นใหญ่ใหญ่ร่มรื่น ดอกไม้หลากหลายพันธุ์ ที่โลกของหล่อนไม่มี และหล่อนก็ไม่เคยเห็นอะไรสวยขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต  เจนนี่ยืนอึ้งเก็บภาพตรงหน้าบันทึกลงในความทรงจำส่วนตัวอย่างประทับใจ

    "นังหนู เอ็งเป็นใครน่ะ เข้ามาที่นี่ได้ยังไงห๊ะ" เสียงห้าวๆของลุงจอห์นตะโกนถามเมื่อเห็นคนแปลกหน้ามายืนอึ้งอยู่นาน


    "
    เอ่อ...ฉันจะไปปราสาทน่ะ แต่เอ๊ะ ทำไมที่นี่มองไม่เห็นประสาทล่ะ" เจนนี่มองหาปราสาทจุดเป้าหมายไม่เจอ เมื่อหล่อนหันซ้ายหันขวาจนผมลอนสีน้ำตาลเข้านั้นกระจายเต็มแผ่นหลัง


    "
    เอ็งจะเห็นได้ยังไงล่ะ ในเมื่อที่นี่น่ะอยู่ใต้ปราสาทของพอล แล้วเอ็งจะไปปราสาทของพอลทำไมหรือนังหนู" ลุงถามอย่างสงสัย


    "
    ไปรับน้องสาวฉันคืนนะสิ"เจนนี่ตอบสั้นๆ


    "
    แน่ใจเหรอนังหนู  ที่นั้นน่ะไม่เคยมีใครเข้าไปแล้วได้กลับออกมาเลยนะ"  ลุงจอห์นพูดไปก็ก้มลงเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดม้าไป โดยไม่ได้สนใจสีหน้าที่เริ่มหนักใจหน่อยๆของหญิงสาวเลยสักนิด


    "
    แน่ใจสิลุง ยังไงฉันก็ต้องรับน้องสาวฉันกลับบ้านให้ได้" เจนนี่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่แต่ภายในจิตใจนั้นเริ่มหนักอึ้ง


    "
    ถ้าแน่ใจข้าก็จะบอกทางให้เอ็ง" ลุงจอห์นเอ่ยยิ้มๆ ก่อนที่จบอกทางไปยังปราสาทให้หญิงสาวรู้ แล้วยังเสนออย่างใจปล้ำ


    "
    ให้เจ้าออดี้พาไหมนังหนู จะได้ถึงเร็วๆไง"


    "
    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวลุงจะโดนว่าเปล่าๆ"  เจนนี่กล่าวอย่างเกรงใจ


    "
    เฮ้ย พอลน่ะใจดีจะตาย ไม่ว่าไรข้าหรอก" ลุงยังคงยิ้มกว้างชื่นชมพ่อมดหนุ่ม


    "
    ขอบคุณลุงมากค่ะ แต่ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันเดินไปเองดีกว่า" หญิงสาวกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ   ลุงนั้นแหละใจดีจะตาย แต่นายนั้นอ่ะเหรอ ชิ ใจดีตรงไหนไม่ทราบ


                เจนนี่เดินไปตามทางที่ลุงจอห์นบอกได้สักพักก็เจอกับกำแพงที่ลุงจอห์นบอกว่าด้านในนั้นเป็นเขาวงกต ที่ต้องพยายามหาทางเข้าไปด้วยการตอบคำถามให้สรรพสิ่งที่อาศัยหรือเฝ้าอยู่ตามประตูนั้นถูกใจ  อ่ะ ถูกใจไม่ใช่ถูกต้อง  ไม่งั้นก็ต้องหลงอยู่ในเขาวงกตจนออกไม่ได้ ตายอยู่ในนั้นนั่นแหละ

                หญิงสาวเดินเข้าไปตามทางเล็กๆ  เดินไปเรื่อยๆสักพักก็เจอทางแยก ซ้ายกับขวา หล่อนยืนคิดอยู่สักพักก่อนจะเลือกเดินไปทางซ้าย   เจนนี่เดินไปสลับกับวิ่งบ้างเป็นช่วงๆก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอทางเชื่อมต่อไปไหนได้ มันมีแต่ทางตรงๆอย่างเดียวมองไปก็เห็นแต่ทางตรง ๆ เจนนี่จึงหยุดเดินด้วยความหงุดหงิดก่อนจะนั่งลงหันหลังพิงกำแพงอย่างเหนื่อยหอบจากการวิ่ง


    "
    สวัสดีจ๊ะ สาวน้อย" เสียงเล็กแหลมดังอยู่ข้างหูหญิงสาว


    "
    ใครน่ะ?" เจนนี่หันไปหันมามองไปตามทางที่วิ่งผ่านมาเมื่อครู่แล้วมองไปทางที่ยังไม่เคยผ่านก็ไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตใดๆที่พูดหล่อน


    "
    ฉันอยู่นี่จ๊ะ สาวน้อย"  เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งแล้วหญิงสาวก็รู้สึกว่ามันใกล้หูหล่อนมาก


    "
    ลองมองมาที่กำแพงซิจ๊ะ" ภาพที่เจนนี่เห็นทำให้หล่อนงงไปชั่วขณะ หนอนตัวอ้วนกลมสีเขียวอ่อนๆใส่ผ้าฟันคอกันลมแรงๆเหมือนที่มนุษย์ใส่กันนั้นกำลังพูดกับหล่อน


    "
    คุณพูดกับฉันเหรอเจนนี่ลองถามดูเพื่อความแน่ใจ


    "
    ใช่สิจ๊ะ ฉันพูดกับหนูนั้นแหละ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม ฉันเห็นหนูวิ่งไปวิ่งมาหลายรอบแล้ว " หนอนอ้วนเอ่ย


    "
    ฉันหาทางไปใจกลางปราสาทนะ แต่วิ่งมาตั้งนานแล้วยังหาทางไปไม่ได้เลย" เจนนี่พูดจบก็ถอนหายใจยาวออกมา


    "
    อ๋อ" หนอนอ้วนตัวเขียวอุทานเสียงสูงปี๊ด


    "
    ตรงหน้าหนูไงจ๊ะ"  หนอนอ้วนเอ่ยหลังเสียงอุทานที่เกือบทำให้เจนนี่หูหนวกเสียแล้ว


    "
    กำแพง?" เจนนี่ถามอย่างสงสัย


    "
    ไม่ใช่จ๊ะ ไม่ใช่กำแพงนะ ไม่เชื่อหนูก็ลองเดินเข้าไปซิ" เจนนี่มองกำแพงตรงหน้าอย่าง งงๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆกำแพงนั้น สองมือเรียวยื่นไปด้านหน้าอย่ากลัวๆกล้าๆ แต่เมื่อเหมือนจะสัมผัสกำแพงนั้นได้  กลับไม่มีสิ่งใดโดนมือหญิงสาวเลย หล่อนเดินเข้าไปทั้งตัวก่อนจะหัวเราะร่า เมื่อรู้ว่ากำแพงที่เห็นนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาที่หลอกให้คิดว่ามีกำแพงอยู่   แต่จริงๆแล้วตรงนั้นคือประตูเข้าไปภายในอีกชั้นหนึ่งต่างหาก


    เจนนี่เดินกลับออกมากล่าวขอบคุณหนอนอ้วนตัวเขียวอย่างร่าเริง

    "ขอบคุณนะค่ะ ที่บอกทางให้" เจนนี่เอ่ย


    "
    เดี๋ยวสาวน้อย  ฉันไม่ได้บอกฟรีๆนะ" หนอนอ้วนกล่าว


    "
    อ้าว แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ" เจนนี่ถาม


    "
    เอ่อ คือฉันว่าสร้อยที่ข้อมือเธอมันสวยดีนะ" เจนนีได้ยินดังนั้นก็รีบถอดสร้อยข้อมือที่พ่อหล่อนซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีก่อนให้ไปอย่างเสียดาย

    "ยังไงก็ขอบคุณนะค่ะ" เจนนี่เอ่ยอีกครั้ง


    "
    ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เธอจะเข้ามาดื่มชาในบ้านฉันก่อนก็ได้นะ" หนอนอ้วนตัวเขียวเชื้อเชิญ

    เจนนี่ได้แต่ยิ้มอย่างสุภาพแล้วออกเดินไปตามทางที่หล่อนเพิ่งคุ้นพบ  เส้นทางเหมือนกับทางแรกไม่มีผิด เป็นแค่ทางตรงๆ เดินไปเรื่อยๆ  ไม่มีอะไรบ่งบอกใดๆทั้งสิ้น หญิงสาวหยุดยืนมองกำแพงตรงหน้า  หล่อนเห็นกำแพงมีรอยแตกเหมือนกับที่หนอนอ้วนตัวเขียวเมื่อกี้อยู่ไม่มีผิดเลย

    เอ๊ะ หรือว่าฉันจะโดนหลอกเนี่ย

    เจนนี่เดินเข้าไปใกล้ๆกำแพงก่อนจะเอามือเคาะเบาๆที่ข้างๆรอยแตกนั้น

    "โอ้ย ใครมาเคาะบ้านฉันเนี่ย"เสียงห้าวทุ้มของแมลงตัวหนึ่ง ดังออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่หน้าตาอันแปลกประหลาดออกมาให้เชยชม


    "
    นี่เธอเคาะบ้านฉันเหรอ"  เจ้าแมลงถาม


    "
    เอ่อ...ใช่ค่ะ คือฉันอยากทราบว่าทางไหนไปใจกลางปราสาทค่ะ"เจนนี่บอกจุดประสงค์


    "
    งั้นเจ้ามาตอบคำถามข้าหน่อยไหม ถ้าเจ้าตอบถูกข้าจะบอกเจ้า" ตัวประหลาดยื่นข้อเสนอ



    "
    ค่ะ ว่ามา"  ตัวประหลาดหายเข้าไปด้านในกำแพงครู่หนึ่งก่อนจออกมาพร้อมกรอบรูปในมือ เอ๊ะ หรือขา


    "
    เจ้าว่าตัวไหนรูปข้า"  เจ้าแมลงยื่นกรอบรูปเล็กๆให้เจนนี่ดู  ในภาพ มีรูปแมลงหน้าตาประหลาดอยู่ สี่ ตัว ทุกตัวหน้าตาเหมือนกันหมด เจนนี่ถึงกับแอบถอนหายใจทันทีเมื่อลองก้มลงไปดูภาพใกล้ๆแล้ว

    แล้วฉันจะรูปไหมเนี่ย  เออ เอาตัวที่ สาม แล้วกัน เหมือนเวลาเดาข้อสอบชอบออกข้อCนี่น่า

    "เอ่อ ตัวนี้หรือเปล่าค่ะ"  เจนนี่ชี้นิ้วไปที่ตัวที่สามนับจากขวามือ

    "เฮ้ย ถูกต้องเก่งมาก เจ้ารู้ได้ไง ข้าหล่อแบบแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอ นี่ข้าก็เก็บๆแล้วน้า"  เจ้าตัวประหลาดยังคงพล่ามไปเรื่อยจนหญิงสาวต้องทวงสัญญา

    "นี่บอกสักทีซิ  ว่าปราสาทไปทางไหน"

    "อ่อ  โทษที เดี๋ยวเจ้าเดินตรงขึ้นไปตามทางอีกหน่อย เจ้าจะเจอประตูเสือกับประตูวัว  เจ้าต้องเลือกประตูวัวนะ แล้วเจ้าจะโชคดี"  แมลงประหลาดกล่าว

     "ขอบใจมาก"   พูดจบเจนนี่ก็ออกวิ่งไปทันทีเพื่อที่จะได้ถึงปราสาทไวๆ โดยหล่อนไม่ทันได้ยินเจ้าแมลงประหลาดพูดบางอย่างต่อมา


    "
    เพราะถ้าไปประตูเสือเจ้าจะเข้าไปในใจกลางประสาททันที"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×