ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part2: The Distance
Part2: The Distance
จุดหมาย...ไม่สำคัญเท่าเพื่อนร่วมทาง
ตลาดบนถนนสายหลักของเมืองยังคงมีผู้คนพลุกพล่านเช่นเดียวกับทุกวัน องค์หญิงได้ใช้ผ้าคลุมปลอมตัวเช่นสามัญเดินปะปนกับผู้คนทั่วไป แต่กลับพบว่าที่แห่งนี้ช่างแตกต่างเหลือเกินจากที่เคยได้เฝ้ามอง
ถนนสายที่มักคึกคักด้วยการค้าขาย การแสดงของคนต่างเมือง หรือการเร่ขายของ ไม่ได้มีเพียงพ่อค้าวาณิช ชาวเมือง และผู้พเนจรอย่างที่เคยเห็น หรือที่นางพี่เลี้ยงชวนชี้ให้ดู
ณ ที่นี่ผู้ที่เป็นเจ้าหญิงของนครได้พบกับผู้คนที่อดอยากแร้นแค้น ความสนุกสนานที่เคยเห็นไม่มีอยู่จริงเสียแล้ว กระนั้นเธอกลับพบเห็นรอยยิ้มของคนเหล่านั้น ทั้งที่ร่างกายผอมแห้งแคระแกร็นอยู่ใต้ผ้าคลุมผืนเก่าในวันที่หนาวเหน็บ ทั้งที่ดูเหมือนไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวัน
รอยยิ้มนั้นทำให้นางไม่เข้าใจ
เจ้าหญิงเอ่ยถามคนไร้บ้านริมทาง ที่มีเพียงดอกไม้สีขาวแลกกับเศษเงินเพื่อประทังชีวิต สิ่งใดทำให้นางมีรอยยิ้มสวยงามเพียงนี้
นางตอบด้วยรอยยิ้มที่สวยงามกว่ารอยยิ้มใดๆ ที่เจ้าหญิงได้เคยพบเห็นมา “แม้ยากจนทรัพย์สมบัติเพียงใด แต่ข้ามิเคยยากจนความรักและจิตใจที่ดีงาม...นายหญิง”
ทว่าเสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นเบื้องหลังก็เรียกความสนใจให้เจ้าหญิงหันกลับไปมอง ดวงตากลมโตฉายแววฉงน
เขาคือบุตรวาณิชผู้มั่งคั่งที่สุดของเมือง มาพาพระองค์กลับไปยังพระราชวังเพื่อเข้าพิธีอภิเษก
เจ้าหญิงไม่ขัดข้องหากเขาจะทำเช่นนั้น หากเพียงตอนนี้นางปรารถนาคำตอบ... หากนางมิใช่องค์หญิงของเขา หากนางมิได้มีทรัพย์สมบัติมากมาย และหากเป็นเพียงผู้ไร้บ้านริมทางเช่นหญิงคนนี้ เขายังต้องการอภิเษกกับนางอีกหรือไม่
เขาตอบแทบไม่ต้องคิด เขารักนางแน่นอนแม้นางจะมิใช่องค์หญิง แม้จะเป็นเพียงผู้ยากไร้และไม่เสด็จกลับไปยังพระราชวัง
ทว่าเขาร้องขอให้นางรอ...บุตรวาณิชต้องการเวลาเพื่อเสาะหาเสื้อผ้าอันวิจิตรและอัญมณีสูงค่าคู่ควรมาถวาย หลังจากนั้นเขาจะจัดเตรียมรถม้ามาเพื่อรับเสด็จพระองค์กลับสู่พระราชวัง
เจ้าหญิงได้เพียงนิ่งฟังดังนั้นก็มิได้โต้ตอบอันใดอีก
หลังจากบุตรวาณิชจากไป เจ้าหญิงได้ร้องขอดอกลิลลี่สีขาวสะอาดจากคนไร้บ้าน ทว่านางกลับไม่มีสิ่งมีค่าใดตอบแทน เว้นเพียงแหวนประจำพระองค์
และเจ้าหญิงก็ไม่ลังเลเลยที่จะแลกมันกับดอกไม้ แล้วเดินจากมา
ผู้คนบนถนนหนทางเริ่มดูบางตาอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่เริ่มหม่นแสง ในที่สุดถนนที่ก้าวเดินก็กลายมาเป็นเพียงเส้นทางเดินป่าอันลดเลี้ยว แสงสว่างได้จางหายไปสิ้นแล้ว ในความมืดที่โรยตัวปรากฏเพียงหญิงสามัญที่ยังคงก้าวเดินต่อไป
อากาศรอบตัวเริ่มหนาวเหน็บและแห้งกว่าเดิม เสียงเหยียบหิมะที่ดังใกล้เข้ามาทำให้รู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป
เหล่าโจรป่าปรากฏตัวท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำ เรียกร้องหาสิ่งของมีค่าที่นางไม่มี อาวุธคมปลาบจึงตรงเข้าหมายจะทำร้าย ทว่าเสียงหวีดร้องก็นำพาซึ่งผู้ช่วยเหลือ
แสงนวลทอให้เห็น เขาผู้นั้นคืออัศวินจากต่างเมืองบนหลังอาชาที่คงจะตามนางมา เพื่อตามนางกลับไป
ดาบในมือที่กระชับมั่นได้ยกขึ้นกวัดแกว่งหมายชีวิตผู้ทำร้ายหญิงสาว แล้วคว้าตัวนางหนีไป
ท่ามกลางป่าทึบมีเพียงเสียงพูดแผ่วเบาของหญิงสาวด้วยข้องใจว่าผู้ที่มีฝีมือเช่นเขาจะต้องการอภิเษกกับเจ้าหญิงไปเพื่ออะไร
“ชาวเมืองของข้าหวังไว้เช่นนั้นฝ่าบาท บ้านเมืองข้าต้องการพันธมิตร”
หญิงสาวคลี่รอยยิ้มบาง หลับตาลงในความมืดพลางนึกในใจ...จิตใจของเขาช่างน่านับถือ พร้อมกับที่เขาชักม้าหยุด
อัศวินจากต่างเมืองก่อกองไฟเพื่อขับไล่สัตว์ร้าย และกำลังจะเดินจากไป หากแต่หญิงสาวเอ่ย
“ท่านจะทิ้งข้าไปแล้วเช่นนั้นหรือ?”
เขามิได้ว่าอะไร... แต่นางก็พอจะรู้ได้ ชาย-หญิงไม่ควรอยู่ตามลำพังยามวิกาล จารีตว่าไว้เช่นนั้น ทว่า... แม้รอบตัวจะอันตรายเช่นนี้หรือ?
พรุ่งนี้เช้าเขาคงกลับมา แต่คงมิได้เจอนางอีก...
คล้อยหลังเพียงชั่วครู่ เหล่าโจรป่าที่ตามมาได้ลักพาตัวหญิงสาวจากเขาไปแล้ว
จุดหมาย...ไม่สำคัญเท่าเพื่อนร่วมทาง
ตลาดบนถนนสายหลักของเมืองยังคงมีผู้คนพลุกพล่านเช่นเดียวกับทุกวัน องค์หญิงได้ใช้ผ้าคลุมปลอมตัวเช่นสามัญเดินปะปนกับผู้คนทั่วไป แต่กลับพบว่าที่แห่งนี้ช่างแตกต่างเหลือเกินจากที่เคยได้เฝ้ามอง
ถนนสายที่มักคึกคักด้วยการค้าขาย การแสดงของคนต่างเมือง หรือการเร่ขายของ ไม่ได้มีเพียงพ่อค้าวาณิช ชาวเมือง และผู้พเนจรอย่างที่เคยเห็น หรือที่นางพี่เลี้ยงชวนชี้ให้ดู
ณ ที่นี่ผู้ที่เป็นเจ้าหญิงของนครได้พบกับผู้คนที่อดอยากแร้นแค้น ความสนุกสนานที่เคยเห็นไม่มีอยู่จริงเสียแล้ว กระนั้นเธอกลับพบเห็นรอยยิ้มของคนเหล่านั้น ทั้งที่ร่างกายผอมแห้งแคระแกร็นอยู่ใต้ผ้าคลุมผืนเก่าในวันที่หนาวเหน็บ ทั้งที่ดูเหมือนไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวัน
รอยยิ้มนั้นทำให้นางไม่เข้าใจ
เจ้าหญิงเอ่ยถามคนไร้บ้านริมทาง ที่มีเพียงดอกไม้สีขาวแลกกับเศษเงินเพื่อประทังชีวิต สิ่งใดทำให้นางมีรอยยิ้มสวยงามเพียงนี้
นางตอบด้วยรอยยิ้มที่สวยงามกว่ารอยยิ้มใดๆ ที่เจ้าหญิงได้เคยพบเห็นมา “แม้ยากจนทรัพย์สมบัติเพียงใด แต่ข้ามิเคยยากจนความรักและจิตใจที่ดีงาม...นายหญิง”
ทว่าเสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นเบื้องหลังก็เรียกความสนใจให้เจ้าหญิงหันกลับไปมอง ดวงตากลมโตฉายแววฉงน
เขาคือบุตรวาณิชผู้มั่งคั่งที่สุดของเมือง มาพาพระองค์กลับไปยังพระราชวังเพื่อเข้าพิธีอภิเษก
เจ้าหญิงไม่ขัดข้องหากเขาจะทำเช่นนั้น หากเพียงตอนนี้นางปรารถนาคำตอบ... หากนางมิใช่องค์หญิงของเขา หากนางมิได้มีทรัพย์สมบัติมากมาย และหากเป็นเพียงผู้ไร้บ้านริมทางเช่นหญิงคนนี้ เขายังต้องการอภิเษกกับนางอีกหรือไม่
เขาตอบแทบไม่ต้องคิด เขารักนางแน่นอนแม้นางจะมิใช่องค์หญิง แม้จะเป็นเพียงผู้ยากไร้และไม่เสด็จกลับไปยังพระราชวัง
ทว่าเขาร้องขอให้นางรอ...บุตรวาณิชต้องการเวลาเพื่อเสาะหาเสื้อผ้าอันวิจิตรและอัญมณีสูงค่าคู่ควรมาถวาย หลังจากนั้นเขาจะจัดเตรียมรถม้ามาเพื่อรับเสด็จพระองค์กลับสู่พระราชวัง
เจ้าหญิงได้เพียงนิ่งฟังดังนั้นก็มิได้โต้ตอบอันใดอีก
หลังจากบุตรวาณิชจากไป เจ้าหญิงได้ร้องขอดอกลิลลี่สีขาวสะอาดจากคนไร้บ้าน ทว่านางกลับไม่มีสิ่งมีค่าใดตอบแทน เว้นเพียงแหวนประจำพระองค์
และเจ้าหญิงก็ไม่ลังเลเลยที่จะแลกมันกับดอกไม้ แล้วเดินจากมา
ผู้คนบนถนนหนทางเริ่มดูบางตาอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่เริ่มหม่นแสง ในที่สุดถนนที่ก้าวเดินก็กลายมาเป็นเพียงเส้นทางเดินป่าอันลดเลี้ยว แสงสว่างได้จางหายไปสิ้นแล้ว ในความมืดที่โรยตัวปรากฏเพียงหญิงสามัญที่ยังคงก้าวเดินต่อไป
อากาศรอบตัวเริ่มหนาวเหน็บและแห้งกว่าเดิม เสียงเหยียบหิมะที่ดังใกล้เข้ามาทำให้รู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป
เหล่าโจรป่าปรากฏตัวท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำ เรียกร้องหาสิ่งของมีค่าที่นางไม่มี อาวุธคมปลาบจึงตรงเข้าหมายจะทำร้าย ทว่าเสียงหวีดร้องก็นำพาซึ่งผู้ช่วยเหลือ
แสงนวลทอให้เห็น เขาผู้นั้นคืออัศวินจากต่างเมืองบนหลังอาชาที่คงจะตามนางมา เพื่อตามนางกลับไป
ดาบในมือที่กระชับมั่นได้ยกขึ้นกวัดแกว่งหมายชีวิตผู้ทำร้ายหญิงสาว แล้วคว้าตัวนางหนีไป
ท่ามกลางป่าทึบมีเพียงเสียงพูดแผ่วเบาของหญิงสาวด้วยข้องใจว่าผู้ที่มีฝีมือเช่นเขาจะต้องการอภิเษกกับเจ้าหญิงไปเพื่ออะไร
“ชาวเมืองของข้าหวังไว้เช่นนั้นฝ่าบาท บ้านเมืองข้าต้องการพันธมิตร”
หญิงสาวคลี่รอยยิ้มบาง หลับตาลงในความมืดพลางนึกในใจ...จิตใจของเขาช่างน่านับถือ พร้อมกับที่เขาชักม้าหยุด
อัศวินจากต่างเมืองก่อกองไฟเพื่อขับไล่สัตว์ร้าย และกำลังจะเดินจากไป หากแต่หญิงสาวเอ่ย
“ท่านจะทิ้งข้าไปแล้วเช่นนั้นหรือ?”
เขามิได้ว่าอะไร... แต่นางก็พอจะรู้ได้ ชาย-หญิงไม่ควรอยู่ตามลำพังยามวิกาล จารีตว่าไว้เช่นนั้น ทว่า... แม้รอบตัวจะอันตรายเช่นนี้หรือ?
พรุ่งนี้เช้าเขาคงกลับมา แต่คงมิได้เจอนางอีก...
คล้อยหลังเพียงชั่วครู่ เหล่าโจรป่าที่ตามมาได้ลักพาตัวหญิงสาวจากเขาไปแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น