ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิทานเรื่องนี้ไม่่มีเจ้าชาย

    ลำดับตอนที่ #2 : Part2: The Distance

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 52


    Part2: The Distance
    จุดหมาย...ไม่สำคัญเท่าเพื่อนร่วมทาง


    ตลาดบนถนนสายหลักของเมืองยังคงมีผู้คนพลุกพล่านเช่นเดียวกับทุกวัน องค์หญิงได้ใช้ผ้าคลุมปลอมตัวเช่นสามัญเดินปะปนกับผู้คนทั่วไป แต่กลับพบว่าที่แห่งนี้ช่างแตกต่างเหลือเกินจากที่เคยได้เฝ้ามอง

    ถนนสายที่มักคึกคักด้วยการค้าขาย การแสดงของคนต่างเมือง หรือการเร่ขายของ ไม่ได้มีเพียงพ่อค้าวาณิช ชาวเมือง และผู้พเนจรอย่างที่เคยเห็น หรือที่นางพี่เลี้ยงชวนชี้ให้ดู

    ณ ที่นี่ผู้ที่เป็นเจ้าหญิงของนครได้พบกับผู้คนที่อดอยากแร้นแค้น ความสนุกสนานที่เคยเห็นไม่มีอยู่จริงเสียแล้ว กระนั้นเธอกลับพบเห็นรอยยิ้มของคนเหล่านั้น ทั้งที่ร่างกายผอมแห้งแคระแกร็นอยู่ใต้ผ้าคลุมผืนเก่าในวันที่หนาวเหน็บ ทั้งที่ดูเหมือนไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวัน

    รอยยิ้มนั้นทำให้นางไม่เข้าใจ

    เจ้าหญิงเอ่ยถามคนไร้บ้านริมทาง ที่มีเพียงดอกไม้สีขาวแลกกับเศษเงินเพื่อประทังชีวิต สิ่งใดทำให้นางมีรอยยิ้มสวยงามเพียงนี้

    นางตอบด้วยรอยยิ้มที่สวยงามกว่ารอยยิ้มใดๆ ที่เจ้าหญิงได้เคยพบเห็นมา “แม้ยากจนทรัพย์สมบัติเพียงใด แต่ข้ามิเคยยากจนความรักและจิตใจที่ดีงาม...นายหญิง”

    ทว่าเสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นเบื้องหลังก็เรียกความสนใจให้เจ้าหญิงหันกลับไปมอง ดวงตากลมโตฉายแววฉงน

    เขาคือบุตรวาณิชผู้มั่งคั่งที่สุดของเมือง มาพาพระองค์กลับไปยังพระราชวังเพื่อเข้าพิธีอภิเษก

    เจ้าหญิงไม่ขัดข้องหากเขาจะทำเช่นนั้น หากเพียงตอนนี้นางปรารถนาคำตอบ... หากนางมิใช่องค์หญิงของเขา หากนางมิได้มีทรัพย์สมบัติมากมาย และหากเป็นเพียงผู้ไร้บ้านริมทางเช่นหญิงคนนี้ เขายังต้องการอภิเษกกับนางอีกหรือไม่

    เขาตอบแทบไม่ต้องคิด เขารักนางแน่นอนแม้นางจะมิใช่องค์หญิง แม้จะเป็นเพียงผู้ยากไร้และไม่เสด็จกลับไปยังพระราชวัง

    ทว่าเขาร้องขอให้นางรอ...บุตรวาณิชต้องการเวลาเพื่อเสาะหาเสื้อผ้าอันวิจิตรและอัญมณีสูงค่าคู่ควรมาถวาย หลังจากนั้นเขาจะจัดเตรียมรถม้ามาเพื่อรับเสด็จพระองค์กลับสู่พระราชวัง

    เจ้าหญิงได้เพียงนิ่งฟังดังนั้นก็มิได้โต้ตอบอันใดอีก

    หลังจากบุตรวาณิชจากไป เจ้าหญิงได้ร้องขอดอกลิลลี่สีขาวสะอาดจากคนไร้บ้าน ทว่านางกลับไม่มีสิ่งมีค่าใดตอบแทน เว้นเพียงแหวนประจำพระองค์

    และเจ้าหญิงก็ไม่ลังเลเลยที่จะแลกมันกับดอกไม้ แล้วเดินจากมา


    ผู้คนบนถนนหนทางเริ่มดูบางตาอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่เริ่มหม่นแสง ในที่สุดถนนที่ก้าวเดินก็กลายมาเป็นเพียงเส้นทางเดินป่าอันลดเลี้ยว แสงสว่างได้จางหายไปสิ้นแล้ว ในความมืดที่โรยตัวปรากฏเพียงหญิงสามัญที่ยังคงก้าวเดินต่อไป

    อากาศรอบตัวเริ่มหนาวเหน็บและแห้งกว่าเดิม เสียงเหยียบหิมะที่ดังใกล้เข้ามาทำให้รู้ว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป

    เหล่าโจรป่าปรากฏตัวท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำ เรียกร้องหาสิ่งของมีค่าที่นางไม่มี อาวุธคมปลาบจึงตรงเข้าหมายจะทำร้าย ทว่าเสียงหวีดร้องก็นำพาซึ่งผู้ช่วยเหลือ

    แสงนวลทอให้เห็น เขาผู้นั้นคืออัศวินจากต่างเมืองบนหลังอาชาที่คงจะตามนางมา เพื่อตามนางกลับไป

    ดาบในมือที่กระชับมั่นได้ยกขึ้นกวัดแกว่งหมายชีวิตผู้ทำร้ายหญิงสาว  แล้วคว้าตัวนางหนีไป

    ท่ามกลางป่าทึบมีเพียงเสียงพูดแผ่วเบาของหญิงสาวด้วยข้องใจว่าผู้ที่มีฝีมือเช่นเขาจะต้องการอภิเษกกับเจ้าหญิงไปเพื่ออะไร

    “ชาวเมืองของข้าหวังไว้เช่นนั้นฝ่าบาท บ้านเมืองข้าต้องการพันธมิตร”

    หญิงสาวคลี่รอยยิ้มบาง หลับตาลงในความมืดพลางนึกในใจ...จิตใจของเขาช่างน่านับถือ พร้อมกับที่เขาชักม้าหยุด

    อัศวินจากต่างเมืองก่อกองไฟเพื่อขับไล่สัตว์ร้าย และกำลังจะเดินจากไป หากแต่หญิงสาวเอ่ย

    “ท่านจะทิ้งข้าไปแล้วเช่นนั้นหรือ?”

    เขามิได้ว่าอะไร... แต่นางก็พอจะรู้ได้ ชาย-หญิงไม่ควรอยู่ตามลำพังยามวิกาล จารีตว่าไว้เช่นนั้น ทว่า... แม้รอบตัวจะอันตรายเช่นนี้หรือ?

    พรุ่งนี้เช้าเขาคงกลับมา แต่คงมิได้เจอนางอีก...

    คล้อยหลังเพียงชั่วครู่ เหล่าโจรป่าที่ตามมาได้ลักพาตัวหญิงสาวจากเขาไปแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×