ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Part1: Fly Away
Part1: Fly Away
ยิ่งสร้างกำแพงแน่นหนาเท่าไร ยิ่งพบว่าภายในมีเพียง...ตัวเอง
ไกลออกไปสุดขอบฟ้าเป็นที่ตั้งของเมืองสีหม่นที่มีหิมะโปรยปรายตลอดปี นครที่ได้ชื่อว่าหนาวเย็นและไร้ซึ่งพืชพรรณ ทว่ากลับมีบรรยากาศคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับนักเดินทาง
ถนนปูอิฐอันเป็นเส้นทางหลักของชาวเมืองไม่เคยปรากฏคำว่าไม่มีสิ่งที่ปรารถนา และยิ่งห่างไกลจากคำว่าเงียบสงบ กลายเป็นแหล่งรวมของพ่อค้าวาณิช ชาวเมือง หรือแม้แต่ผู้พเนจรในที่สุด ทว่าความมีชีวิตชีวาดังกล่าวกลับไม่สามารถแทรกตัวผ่านก้อนอิฐก่อตัวหนาของกำแพงพระราชวังได้เลย
เนิ่นนาน...วันแล้ววันเล่า ที่เด็กสาวบนหอคอยสูงทำได้เพียงทอดสายตาลงมองความสนุกสนานเบื้องล่าง รำพึงกับพี่เลี้ยงถึงความสวยงามของโลกภายนอกเพียงลำพัง เช่นเดียวกับที่ผู้คนเหล่านั้นได้แต่พูดถึงเธอไปต่างๆ นานา
จนวันที่ประตูพระราชวังที่มิเคยเปิดต้อนรับผู้ใดได้เปิดเชื้อเชิญทั้งขุนนาง ข้าราชบริภาร เหล่าเชื้อพระวงศ์ พ่อค้าวาณิช รวมถึงผู้พเนจรทั้งหลายให้เข้ามาร่วมเฉลิมฉลองให้กับพระราชธิดาในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์
ราวกับแสงสว่างแรกในพระราชวังอันโอ่โถง... ท่ามกลางความทึมทึบของก้อนอิฐหนา เสียงดนตรีบรรเลงสนุกสนาน เคล้าไปกับเสียงสรวลเสเฮฮาของแขกเหรื่อผู้ได้รับเชิญ ณ ที่นั่นปรากฏร่างแบบบางของเด็กสาวผิวพรรณขาวสะอาดราวปุยเมฆในวันฟ้าใส นั่งสงบนิ่งราวรูปวาดอยู่เคียงข้างพระราชา ริมฝีปากสีชมพูอ่อนราวกุหลาบแรกแย้มประดับด้วยรอยยิ้มบางไร้ซึ่งคำเอื้อนเอ่ย ผิดกับนัยน์ตากลมโตสีม่วงเข้มจนเกือบดำดุจผลบลูเบอร์รี่ที่กลับเปี่ยมด้วยประกายอ่อนโยน สร้างความอบอุ่นใจให้ผู้พบเห็นท่ามกลางดินแดนที่หนาวเย็นตลอดปีเช่นนี้
ราวกับเฝ้ารอเวลานี้มานาน
ภายหลังจากการเฉลิมฉลอง พระราชาได้ทรงกล่าวพระราชทานพรแด่เจ้าหญิงองค์น้อยซึ่งดูเป็นพิธีการเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
จากนั้นได้ทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสแก่ข้าราชบริภารอย่างจริงจังดังเป็นเรื่องที่ทรงต้องการตั้งแต่แรก พระสุรเสียงดังก้องท้องพระโรงบอกให้ชาวเมืองได้ทราบ การคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมกับการอภิเษกกับเจ้าหญิงจะมีขึ้นในวันรุ่งขึ้นที่หน้ากำแพงพระราชวัง
ทั่วทั้งท้องพระโรงต่างนิ่งงัน ล้วนไม่มีใครสนใจ...รับสั่งดังกล่าวปั่นป่วนความคิดคำนึงของเจ้าหญิงเพียงใด
ดังกระแสรับสั่ง พระราชพิธีได้เริ่มขึ้นในรุ่งเช้าของวันใหม่ที่แม้จะมีหิมะโปรยลงมาท่ามกลางความหนาวเย็น เหล่าผู้กล้าก็ยังมาชุมนุมกันหน้ากำแพงพระราชวังที่แม้จะแลดูสูงใหญ่และแน่นหนา แต่ก็มิได้มีท่าทีหวาดกลัว ด้วยเบื้องหลังนั้นเป็นที่พำนักของโฉมงามที่ตนต่างต้องใจ
หัวหน้าเวรยามแจ้งให้เหล่าผู้กล้าได้ทราบ ท่ามกลางการรักษาเวรยามเข้มแข็งกว่าวันใดๆ ผู้ที่ปรากฏตัวบนยอดหอคอยที่สูงที่สุดในพระราชวังแห่งนี้เป็นคนแรก คือผู้ที่เหมาะสม
ขณะเดียวกัน ดวงตากลมโตดุจผลบลูเบอร์รี่กำลังทอดมองสงบนิ่งผ่านช่องหน้าต่างบนยอดหอคอยสูงไปยังเบื้องล่าง เหล่าผู้กล้าส่วนหนึ่งได้ทยอยถอนตัวไปบ้างแล้ว
ถึงจะปรารถนาเพียงใด ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่างได้เพื่อสิ่งนั้น
ริมฝีปากบางยังคงไร้ซึ่งคำเอื้อนเอ่ย มือน้อยประสานกันตรงหน้าสงบนิ่ง ขณะที่นางพี่เลี้ยงเอ่ยชี้ชวนให้ดูความพยายามของเหล่าผู้กล้าที่พยายามฝ่ากำแพงพระราชวังเข้ามา
ท่ามกลางเหล่าผู้กล้ามากมาย... นักพเนจรหนุ่มผู้ไม่เป็นที่รู้จักกำลังพินิจกำแพงพระราชวังราวจะมองให้ทะลุถึงภายใน ขณะที่หนุ่มน้อยบุตรเพียงคนเดียวจากครอบครัววาณิชที่มั่งคั่งที่สุดของเมืองกำลังติดสินบนนายทหาร เดินผึ่งผายเข้ามาตามเส้นทางที่ลดเลี้ยวในพระราชวังอย่างง่ายดาย ผิดกับอัศวินผู้เก่งกล้าจากต่างเมือง ที่กลับต้องฝ่าฟันต่ออุปสรรคนานัปการเพื่อเข้ามาในพระราชวังอย่างยากเย็น
ทว่ายิ่งเห็นเหล่าผู้กล้าใกล้เข้ามาเพียงใด องค์หญิงยิ่งต้องพยายามสงบใจให้เยือกเย็นเช่นน้ำในบึงที่จับตัวกันท่ามกลางลมหนาว
ราวกับได้ตัดสินใจแล้ว ราวกับไม่ปรารถนาจะให้มันพังทลายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
ทันทีที่รองเท้าของบุตรวานิชแตะบันไดขั้นสุดท้ายของหอคอย เพียงพริบตาร่างของหนุ่มพเนจรก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เช่นเดียวกับที่อัศวินต่างเมืองโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้ ทั้งสามต่างอ้างสิทธิในการมาถึงก่อนซึ่งล้วนเป็นเพียงลมปากไร้สิ่งยืนยัน
เจ้าหญิงที่อยู่ ณ ที่นั้นย่อมสามารถตัดสินได้อย่างเที่ยงธรรม
ทั้งสามมองไปยังหญิงสาวที่ยืนสงบนิ่งอยู่เพียงผู้เดียวบนยอดหอคอย นางผินหน้าออกไปนอกหน้าต่าง โดยมีแสงสว่างจากด้านนอกสาดสลัวให้เห็นเพียงเบื้อหลังให้ความรู้สึกสงบนิ่งดังรูปวาดของจิตรกรฝีมือดี นางหมุนตัวกลับมาเอ่ยบอกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ขณะที่ราชองครักษ์ป้องกันบุคคลภายนอกอย่างเต็มความสามารถ องค์หญิงได้หลบหนีออกไปแล้ว ข้าขอต่อพวกท่าน...จงตามนางไปและนำตัวกลับคืนมา”
ยิ่งสร้างกำแพงแน่นหนาเท่าไร ยิ่งพบว่าภายในมีเพียง...ตัวเอง
ไกลออกไปสุดขอบฟ้าเป็นที่ตั้งของเมืองสีหม่นที่มีหิมะโปรยปรายตลอดปี นครที่ได้ชื่อว่าหนาวเย็นและไร้ซึ่งพืชพรรณ ทว่ากลับมีบรรยากาศคึกคักที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับนักเดินทาง
ถนนปูอิฐอันเป็นเส้นทางหลักของชาวเมืองไม่เคยปรากฏคำว่าไม่มีสิ่งที่ปรารถนา และยิ่งห่างไกลจากคำว่าเงียบสงบ กลายเป็นแหล่งรวมของพ่อค้าวาณิช ชาวเมือง หรือแม้แต่ผู้พเนจรในที่สุด ทว่าความมีชีวิตชีวาดังกล่าวกลับไม่สามารถแทรกตัวผ่านก้อนอิฐก่อตัวหนาของกำแพงพระราชวังได้เลย
เนิ่นนาน...วันแล้ววันเล่า ที่เด็กสาวบนหอคอยสูงทำได้เพียงทอดสายตาลงมองความสนุกสนานเบื้องล่าง รำพึงกับพี่เลี้ยงถึงความสวยงามของโลกภายนอกเพียงลำพัง เช่นเดียวกับที่ผู้คนเหล่านั้นได้แต่พูดถึงเธอไปต่างๆ นานา
จนวันที่ประตูพระราชวังที่มิเคยเปิดต้อนรับผู้ใดได้เปิดเชื้อเชิญทั้งขุนนาง ข้าราชบริภาร เหล่าเชื้อพระวงศ์ พ่อค้าวาณิช รวมถึงผู้พเนจรทั้งหลายให้เข้ามาร่วมเฉลิมฉลองให้กับพระราชธิดาในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์
ราวกับแสงสว่างแรกในพระราชวังอันโอ่โถง... ท่ามกลางความทึมทึบของก้อนอิฐหนา เสียงดนตรีบรรเลงสนุกสนาน เคล้าไปกับเสียงสรวลเสเฮฮาของแขกเหรื่อผู้ได้รับเชิญ ณ ที่นั่นปรากฏร่างแบบบางของเด็กสาวผิวพรรณขาวสะอาดราวปุยเมฆในวันฟ้าใส นั่งสงบนิ่งราวรูปวาดอยู่เคียงข้างพระราชา ริมฝีปากสีชมพูอ่อนราวกุหลาบแรกแย้มประดับด้วยรอยยิ้มบางไร้ซึ่งคำเอื้อนเอ่ย ผิดกับนัยน์ตากลมโตสีม่วงเข้มจนเกือบดำดุจผลบลูเบอร์รี่ที่กลับเปี่ยมด้วยประกายอ่อนโยน สร้างความอบอุ่นใจให้ผู้พบเห็นท่ามกลางดินแดนที่หนาวเย็นตลอดปีเช่นนี้
ราวกับเฝ้ารอเวลานี้มานาน
ภายหลังจากการเฉลิมฉลอง พระราชาได้ทรงกล่าวพระราชทานพรแด่เจ้าหญิงองค์น้อยซึ่งดูเป็นพิธีการเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
จากนั้นได้ทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสแก่ข้าราชบริภารอย่างจริงจังดังเป็นเรื่องที่ทรงต้องการตั้งแต่แรก พระสุรเสียงดังก้องท้องพระโรงบอกให้ชาวเมืองได้ทราบ การคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมกับการอภิเษกกับเจ้าหญิงจะมีขึ้นในวันรุ่งขึ้นที่หน้ากำแพงพระราชวัง
ทั่วทั้งท้องพระโรงต่างนิ่งงัน ล้วนไม่มีใครสนใจ...รับสั่งดังกล่าวปั่นป่วนความคิดคำนึงของเจ้าหญิงเพียงใด
ดังกระแสรับสั่ง พระราชพิธีได้เริ่มขึ้นในรุ่งเช้าของวันใหม่ที่แม้จะมีหิมะโปรยลงมาท่ามกลางความหนาวเย็น เหล่าผู้กล้าก็ยังมาชุมนุมกันหน้ากำแพงพระราชวังที่แม้จะแลดูสูงใหญ่และแน่นหนา แต่ก็มิได้มีท่าทีหวาดกลัว ด้วยเบื้องหลังนั้นเป็นที่พำนักของโฉมงามที่ตนต่างต้องใจ
หัวหน้าเวรยามแจ้งให้เหล่าผู้กล้าได้ทราบ ท่ามกลางการรักษาเวรยามเข้มแข็งกว่าวันใดๆ ผู้ที่ปรากฏตัวบนยอดหอคอยที่สูงที่สุดในพระราชวังแห่งนี้เป็นคนแรก คือผู้ที่เหมาะสม
ขณะเดียวกัน ดวงตากลมโตดุจผลบลูเบอร์รี่กำลังทอดมองสงบนิ่งผ่านช่องหน้าต่างบนยอดหอคอยสูงไปยังเบื้องล่าง เหล่าผู้กล้าส่วนหนึ่งได้ทยอยถอนตัวไปบ้างแล้ว
ถึงจะปรารถนาเพียงใด ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำทุกอย่างได้เพื่อสิ่งนั้น
ริมฝีปากบางยังคงไร้ซึ่งคำเอื้อนเอ่ย มือน้อยประสานกันตรงหน้าสงบนิ่ง ขณะที่นางพี่เลี้ยงเอ่ยชี้ชวนให้ดูความพยายามของเหล่าผู้กล้าที่พยายามฝ่ากำแพงพระราชวังเข้ามา
ท่ามกลางเหล่าผู้กล้ามากมาย... นักพเนจรหนุ่มผู้ไม่เป็นที่รู้จักกำลังพินิจกำแพงพระราชวังราวจะมองให้ทะลุถึงภายใน ขณะที่หนุ่มน้อยบุตรเพียงคนเดียวจากครอบครัววาณิชที่มั่งคั่งที่สุดของเมืองกำลังติดสินบนนายทหาร เดินผึ่งผายเข้ามาตามเส้นทางที่ลดเลี้ยวในพระราชวังอย่างง่ายดาย ผิดกับอัศวินผู้เก่งกล้าจากต่างเมือง ที่กลับต้องฝ่าฟันต่ออุปสรรคนานัปการเพื่อเข้ามาในพระราชวังอย่างยากเย็น
ทว่ายิ่งเห็นเหล่าผู้กล้าใกล้เข้ามาเพียงใด องค์หญิงยิ่งต้องพยายามสงบใจให้เยือกเย็นเช่นน้ำในบึงที่จับตัวกันท่ามกลางลมหนาว
ราวกับได้ตัดสินใจแล้ว ราวกับไม่ปรารถนาจะให้มันพังทลายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
ทันทีที่รองเท้าของบุตรวานิชแตะบันไดขั้นสุดท้ายของหอคอย เพียงพริบตาร่างของหนุ่มพเนจรก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เช่นเดียวกับที่อัศวินต่างเมืองโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้ ทั้งสามต่างอ้างสิทธิในการมาถึงก่อนซึ่งล้วนเป็นเพียงลมปากไร้สิ่งยืนยัน
เจ้าหญิงที่อยู่ ณ ที่นั้นย่อมสามารถตัดสินได้อย่างเที่ยงธรรม
ทั้งสามมองไปยังหญิงสาวที่ยืนสงบนิ่งอยู่เพียงผู้เดียวบนยอดหอคอย นางผินหน้าออกไปนอกหน้าต่าง โดยมีแสงสว่างจากด้านนอกสาดสลัวให้เห็นเพียงเบื้อหลังให้ความรู้สึกสงบนิ่งดังรูปวาดของจิตรกรฝีมือดี นางหมุนตัวกลับมาเอ่ยบอกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ขณะที่ราชองครักษ์ป้องกันบุคคลภายนอกอย่างเต็มความสามารถ องค์หญิงได้หลบหนีออกไปแล้ว ข้าขอต่อพวกท่าน...จงตามนางไปและนำตัวกลับคืนมา”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น