คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ยิปซีคีตา ตอน ยัยปีศาจ!!!
45 นาทีต่อมา ณ ป้ายรถประจำทางหน้าหมู่บ้านจัดสรร
ยิปซี สาวหมวยผู้โชคร้ายตามคำทำนาย ก็มานั่งรอรถโดยสารทั้งที่ใบหน้ามึนตึงด้วยชุดใหม่เอี่ยมอ่อง ไม่เหลือเค้าความสกปรกมอมแมมแบบลูกหมาตกน้ำอย่างเมื่อเช้าเลยสักนิด
คราว นี้สาวตาจีนเลือกใส่เสื้อยืดคอกลมสีส้มอ่อนพอดีตัว ช่วยขับให้ผิวขาว ของเธอดูผุดผ่องนวลเนียน ส่วนกางเกงยีนขายาวสีดำก็ยิ่งเน้นช่วงขายาว ๆ ให้ดูเพรียวขึ้น เข้ากันกับรองเท้าผ้าหัวมนส้นเตี้ยสีเดียวกัน ตบท้ายด้วยเครื่องประดับเดียวที่เธอมีก็คือ นาฬิกาสแตนเลสสุดรักที่พ่อแม่ให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 20
แม้ ยิปซีจะไม่ใช่สาวหน้าคมสวยที่ใคร ๆ ต้องมองเหลียวหลังอย่างวาวีเพื่อนสนิท แต่เธอก็มีใบหน้าอ่อนใสในสไตล์สาวจีน และมีดีที่ผิวพรรณขาวผุดผาดชนิดที่ใคร ๆ ก็ต้องอิจฉา เสียอยู่อย่างเดียวคือ ลำคอยาวระหงของเธอเนี่ยสิ! มันช่างทำให้เธอหมดความมั่นใจในการรวบผมไปโดยปริยาย และกลายเป็นจุดอ่อนที่นักเขียนเพื่อนซี้มักเอ่ยแซวเป็นประจำ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ลดยอมราวาศอกเช่นกัน งัดเอาความขาวแบบสาวโอโม่เข้าสู้ จนวาวีที่ชอบจิกกัดยังต้องยกธงขาวยอมแพ้
และแล้ว...ความเงียบตรงป้ายรถโดยสารก็ถูกทำลายด้วยคำพูดแบบหงุดหงิดงุ่นง่านของยิปซีเอง
“โหย...รถเมล์หายไปไหนกันหมดเนี่ย! โอย...เดี๋ยวไปไม่ทันกันพอดี ฮึ่ม...ต้องเปลืองเงินขึ้นแท็กซี่จนได้สิน่า”
ยิปซีบ่นเป็นหมีกินผึ้ง หน้ามุ่ย ๆ เมื่อเหลือบตาดูเวลาที่เริ่มกระชั้นเข้ามา
ใน ที่สุดยิปซีก็ต้องตัดใจ ละทิ้งสายเลือดเข้มข้นแห่งความมัธยัสถ์เอาไว้ชั่วคราว ลุกพรวดทันทีที่ราชรถเขียวเหลืองปาดมาจอดตรงหน้า ราวกับคนขับอ่านใจเธอได้ซะอย่างนั้น จะมัวช้าอยู่ใย สาวตาหมวยก็กระโจนไปเปิดประตูหลังของรถแท็กซี่ออกผาง ก่อนจะบอกจุดหมายปลายทางแบบเร็ว ๆ
“ไปวังสวนแก้วค่ะ”
“วังสวนแก้ว”
เอ๋...ทำไมถึงมีสองเสียงหว่า?
ไวเท่าความคิด ยิปซีรีบโงหัวขึ้นจากประตูหลังรถแท็กซี่
สิ่ง แรกที่สะดุดตาคือ มือเรียวสวยของคนผิวสีแทนเรียบเนียนที่กำลังจับขอบประตูรถไว้แน่นเช่นกัน ไล่สายตาขึ้นมาอีกหน่อย ก็พบกับนาฬิกาแบบสปอร์ต สีน้ำตาลลายพรางเรือนใหญ่ยี่ห้อดังรุ่นล่าสุดที่เธอคลั่งจนอยากได้ ทำให้สาวหน้า หมวยเปลี่ยนเป็นสำรวจคนตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะความสูงที่โดดเด่น ดูแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 173 ซม. ขึ้นไป ซึ่งมากกว่าผู้หญิงไทยธรรมดาเหลือเกิน
ครั้น เพ่งมอง ยิปซีก็ยิ่งสะดุดตา เพราะสาวมาดเท่เบื้องหน้ามีวงหน้าเด่นสวยด้วยรูปไข่ ผมซอยสไลด์ปิดหูยาวระต้นคอสีน้ำตาลช็อกโกแลต ดูเก๋ไก๋ทะมัดทะแมง นัยน์ตาที่จ้องเธอเขม็งก็ดูกลมสวยดุแบบคนใต้ คิ้วสีเข้มเรียงสวยน่าชม จมูกโด่งเป็นสันเชิดรั้นอย่างคนถือดี ริมฝีปากเต็มอิ่มน่ามองออกชมพูจาง ๆ อย่างธรรมชาติ
ยิ่ง พิศนานเท่าใด สาวตาจีนยิ่งรู้สึกว่า คน ๆ นี้ ช่างเป็นผู้หญิงที่ดูดีในแบบฉบับของตัวเองเหลือเกิน ทั้งที่เขาสวมใส่เพียงแค่เสื้อยืดสีขาวแขนยาวคอวีที่รูดขึ้นมาจนถึงข้อศอก สวมกางเกงขายาวลายกราฟิกสีน้ำตาลดำ กระฉับกระเฉงในรองเท้ากีฬาสีน้ำตาลเข้มแบบผูกสาย เสื้อผ้าหน้าผมดูเซอร์ ๆ ง่าย ๆ แต่กลับโดนใจคนมองอย่างยิปซีจนไม่อาจละสายตา...แม้ซักวินาทีเดียว
ไม่ รู้ว่า เธอสองคนจดจ้องกันนานแค่ไหน แต่คงนานเกินกว่าคนขับแท็กซี่ในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าตัวเก่าวัยกลางคนจะอดทนรอได้ จึงต้องเป็นฝ่ายเปิดประตูรถออกมา เพื่อเจรจากับสาวหน้าหมวยในเสื้อยืดสีส้มแทน
“โทษทีนะน้อง พอดีคุณคนนี้เขาเรียกผมก่อน”
เสียงสุภาพของคนขับแท็กซี่ ทำให้ยิปซีเริ่มมีสติขึ้นมาบ้าง
“อ...เอ่อค่ะ”
ยิปซีพูดตะกุกตะกัก พลางหันไปค้อมหัวให้คนขับนิดนึงอย่างเก้อ ๆ ก่อนจะผินหน้ามากล่าวกับสาวมาดเก๋ที่ยังยืนมองหน้าเธอนิ่ง ๆ
“อ่า...ขอโทษค่ะ พอดีฉันรีบมากไปหน่อย เลยไม่ทันเห็นว่าคุณเรียกรถก่อน เชิญคุณเถอะค่ะ”
พูดเสร็จ สาวหมวยยิปซีก็เตรียมหันหลังกลับไปนั่งประจำที่ตรงป้ายรถโดยสารเช่นเดิม ทว่าต้องชะงักฝ่าเท้าลง เมื่อได้ยินคำเชิญนี้
“ไปด้วยกันเถอะ ไหน ๆ เราก็ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้ว ม่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ยิปซี หันมาทำหน้างงในคำชักชวนของสาวแปลกหน้า และก็ต้องเอ๋อ เมื่อเขาถือวิสาสะจับข้อมือเธอ ลากให้เข้าไปนั่งตรงเบาะหลังรถแท็กซี่เองเสร็จสรรพโดยที่เธอตั้งตัวไม่ติด พอสาวหมวยจะคัดค้าน ก็ถูกชิงพูดเสียเอง
“อ๋อ...เรื่องค่ารถไม่ต้องหรอก แค่นี้เอง ชิวชิว”
พูด เองเออเองเบ็ดเสร็จ สาวไม่คุ้นหน้าผมซอยสีช็อกโกแลตก็จัดแจงเข้าไปหย่อนตัวนั่งคู่กับคนขับ แท็กซี่เป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็บอกจุดหมายของตัวเองอีกครั้ง ด้วยคำพูดคึกคะนองอย่างคนขี้เล่น แต่กลับทำให้คนเคร่ง ๆ อย่างสาวยิปซีแทบลืมวิธีหายใจกันไปทีเดียว
“ไปวังสวนแก้วเลยพี่ เหยียบมิดเล้ยยยย...”
เฮ้ย! ไหงพูดงั้นล่ะ ฉันยังไม่อยากตายนะ...แว๊กกก! ช่วยด้วยยย...
ยิปซีตะโกนลั่นในใจ หน้าเหวออย่างช็อก ๆ เมื่อรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองแล่นทะยานไปข้างหน้าทันทีที่คำพูดลำพองของคนนั่งหน้าสิ้นสุดลง
5 นาทีเท่านั้น!
เป็นสถิติที่แม่หมอสมัครเล่นเช่นยิปซีจะไม่มีวันลืมโดยเด็ดขาด
เพราะ หลังจากคำสั่งสนุกสนานดังออกมาจากปากหญิงแปลกหน้า คนขับแท็กซี่ก็ช่างบ้าจี้ ขับรถเร็วปรู๊ดปร๊าดราวกับจรวดตอร์ปิโดที่เผ่นโผนมาจากใต้น้ำด้วยพิกัดความ เร็วสูงและแม่นยำ กระทั่งมาถึงที่หมายในเวลาอันรวดเร็ว โดยที่เธอได้แต่นั่งหน้าซีด ตาเหลือกลาน อ้าปากหวอ พร้อม ๆ กับมือเย็นเฉียบจับพนักเบาะไว้แน่นด้วยความตื่นเต้นจนระงับใจไว้ไม่ไหว ซ้ำเลือดในกายยังพลุ่งพล่านสุด ๆ โดยลืมสิ่งสำคัญที่ควรพูดไปซะสนิท เช่น...
‘ฉันจะลง! จอดก่อน! หรือหยุดเดี๋ยวนี้!’
โอ...ทุก ๆ คำ มันหายไปจากสมองจนหมดเกลี้ยงจริง ๆ คงเหลือเพียงผู้หญิงบื้อใบ้นัยน์ตาตี่ที่เบิ่งโตเท่านั้น
สติ อารมณ์ของยิปซีในตอนนี้ดูเหมือนจะกระเจิดกระเจิงจนกู่ไม่กลับไปเสียแล้ว หากไม่มีเสียงห้าว ๆ ของคนขับแท็กซี่ดังขึ้นพร้อมสะกิดตรงหัวไหล่เธอ
“น้อง ๆ คุณคนนั้นวิ่งไปนู่นแล้ว”
พอ สาวหมวยเริ่มรู้สึกตัว ผินหน้าตามไป ก็เห็นเพียงแผ่นหลังไว ๆ ของสาวร่างสูงภายใต้เสื้อยืดสีขาวหายวับเข้าไปทางประตูรั้วอัลลอยสีเขียว เข้มของวังสวนแก้ว ยิปซีที่รู้ตัวว่าตัวเองถูกทิ้ง เธอจึงหันมายิ้มเฝื่อน ๆ ให้คนขับ ก่อนจะเปิดประตูรถแท็กซี่ออก ครั้นจะขยับเท้าก้าวตาม เสียง ๆ เดิมก็รั้งเธอเอาไว้อีก
“เดี๋ยวน้อง! ช่วยจ่ายค่ารถก่อนครับ เมื่อกี้คุณคนนั้นเขายังไม่ได้จ่ายเลย”
“หา!”
ยิปซีร้องอย่างงุนงงระคนเคืองใจ พร้อมหันเร็ว ๆ กลับมามองหน้าคนขับจนแว่นไร้กรอบตกมาถึงปลายจมูก ชายวัยกลางคนเลยอธิบายเพิ่มเติม
“พอดีเขาให้แบงก์ห้าร้อยมา แต่ผมไม่มีทอน เขาเลยบอกว่าให้ผมเก็บเงินที่น้องก่อน ทั้งหมด 70 บาทครับ”
ยิปซีหน้าตึงขึ้นมาทันทีที่โดนเรียกเก็บเงิน พลางคิดเข่นเขี้ยวในใจว่า
หน็อย...จะบอกกันก่อนก็ไม่ได้ ดันชิ่งหนีเฉยเลย เฮอะ! เจอหน้าล่ะน่าดู
เมื่อคาดโทษเสร็จ สาวมึนตึงก็หยิบกระเป๋าสตางค์สีแดงลายดอกท้อใบเล็กขึ้นมาจ่าย
“อะ นี่คะ”
ไม่ รอช้า ยิปซีก็ดุ่ม ๆ ออกจากรถในทันใด มุ่งเข้าประตูวังสวนแก้วซึ่งเป็นศูนย์การสอนโหราศาสตร์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เธอพยายามเก็บอาการ ทะเลเดือด ไว้ภายในให้ได้มากที่สุด ทำเพียงส่งสายตาคมกริบดังเพชฌฆาตออกค้นหาร่างเป้าหมายอย่างเร็ว ๆ
มี อย่างที่ไหน หัวใจฉันเกือบจะวายตายเพราะรถแท็กซี่ที่ดันซิ่งเกินพิกัดตามคำสั่งของยัย นั่น หน็อย...ยังจะมีหน้ามาวิ่งหนีไปหน้าตาเฉย ปล่อยให้ฉันต้องจ่ายเงินค่ารถอีก! ฮึ่ม! คิดแล้วน่านัก คนอะไรหน้าตาดีซะเปล่า แต่ดันเผด็จการ สุด ๆ ฉันยังไม่ได้พูดซักคำว่าจะมาด้วย เจอเมื่อไหร่ละก็...ยัยโย่ง เธอตายแน่!!
แอดดด...
เสียงออดแอดเวลาเปิดประตูบานเฟี้ยมไม้สักสีเข้มออก พร้อม ๆ กับ
สาย ตานับสิบคู่ที่หันมาจ้องร่างของผู้เปิดเป็นตาเดียว สาวหมวยแววตาขุ่นจึงเปลี่ยนเป็นส่งยิ้มแบบเก้อ ๆ โค้งศีรษะน้อย ๆ แบบขออภัยในความล่าช้าของตนเพราะต้องเสียเวลาในการตระเวนหาห้องเรียน และดูท่าว่า เธอน่าจะมาเป็นคนสุดท้ายในการเปิดคอร์สเรียนดูลายมือในวันนี้ โดยเฉพาะแววตาตำหนิเล็กยิ้ม ๆ ของหญิงวัยกลางคน้ายในวันนี้กับังไม่ได้พูดซักคำว่าจะมาด้วย เจอเมื่อไหร่ละก็. ๆ จากผู้หญิงมากวัยผมขาวสลับดำที่ยืนอยู่หน้าชั้น
ครั้นกวาด ตาไปรอบ ๆ นัยน์ตาเรียวรีของยิปซีก็สะดุดกับสาวร่างสูงโย่งผมซอยสีช็อกโกแลตกำลังโบก มือให้เธอไหว ๆ ด้วยใบหน้าแช่มชื่น พลางทำมือทำไม้ให้เธอเดินมานั่งข้าง ๆ ราวกับสนิทสนมกันมาช้านาน แม่หมอสมัครเล่นไม่รอช้า จ้ำพรวด ๆ เข้าไปหาแต่โดยดีด้วยใบหน้าขรึม ๆ
พอ ก้าวมาถึงที่หมายปั๊บ ยิปซีก็หย่อนก้นบนเก้าอี้ปุ๊บ พร้อม ๆ กับการหยิกหมับตรงสีข้างเพื่อนร่วมทางบนรถแท็กซี่มหาภัยอย่างสุดแรงเกิด
“โอ๊ย!” สาวนัยน์ตาคมผมซอยร้องลั่นทันทีที่โดนลงทัณฑ์เช่นกัน
เท่า นั้นล่ะ คนทั้งห้องก็หันขวับมามองทางพวกเธอเป็นตาเดียว แทนที่คนตะเบ็งร้องจะรู้สึกผิดที่ทำลายความเงียบสงบของห้องเรียน กลับกลายเป็นว่า เขาสามารถปรับสีหน้าเจ็บปวดเมื่อครู่ ให้เป็นโปรยยิ้มหวานอย่างกับนางงามไปทั่วห้องแทน เอ่ยคำพูดติดตลกได้หน้าตาเฉย
“แหะ ๆ ขอโทษที่ร้องเสียงดังไปหน่อยนะคะ ก็มดคันไฟที่นี่น่ะสิคะ กัดเจ๊บเจ็บ ว่าป่ะจ๊ะ?”
ซ้ำคนพูดยังหันมาทำตาแพรวพราวใส่สาวจีนด้วยใบหน้าทะเล้น ๆ อีก ยิปซีเลยเป็นฝ่ายทำหน้าไม่ถูกเสียเอง
เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอนี่ล่ะ คนกวน ๆ แบบนี้
สาว หน้าหมวยได้แต่คิดอย่างขุ่นใจ ขึงตาดุ ๆ ใส่สาวใต้ที่ยังทำหน้าระรื่น และก่อนที่สงครามเย็นระหว่างผู้หญิงผิวต่างสีจะปะทุไปมากกว่านี้ หญิงอายุ 40 ตอนปลาย ผมเริ่มหงอก ซึ่งยืนอยู่หน้าชั้นนานแล้ว ก็ส่งเสียงกระแอมกระไอขึ้น เพื่อดึงความสนใจของนักเรียนต่างเพศต่างวัยที่มีร่วม ๆ 20 คนกลับเข้ามา
“เอา ล่ะค่ะ หลังจากได้ฟังเทปที่หมอดาวเกตุกล่าวเปิดงานไปแล้ว ครูเชื่อว่า ทุก ๆ คนในที่นี้ก็ต้องการที่จะเป็นหนึ่งในทีมงานคุณภาพของหมอดาวเกตุกันทั้งนั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริงและความเพียร ขอให้พยายามจดจำเทคนิค ต่าง ๆ ที่ครูจะถ่ายทอดให้ดี นับแต่นี้ไป คุณทุกคนจะถูกทดสอบอย่างลับ ๆ จนกว่าการเรียนจะสิ้นสุดลง เดี๋ยวเรามาเริ่มเรียน เพื่อปรับพื้นฐานวิชาโหราศาสตร์กันก่อนดีกว่า เปิดบทแรกเลยค่ะ ตรง...”
เสียงนุ่ม ๆ ของอาจารย์ไม่ได้เข้าหูของยิปซีเลย นับตั้งแต่ที่หญิงสาวได้ยินว่า หมอดาวเกตุกล่าวเปิดงานไปแล้ว อาการของเธอตอนนี้ประหนึ่งคนที่สู้อุตส่าห์ต่อแถวยาวเหยียดเพื่อรอซื้อตั๋ว คอนเสิร์ตของนักร้องขวัญใจ แต่ต้องหน้าเหวอ เมื่อตั๋วใบสุดท้ายถูกขายจนหมดเกลี้ยงไปต่อหน้าต่อตา
อ่ากกก...หมอดาวเกตุของฉันนนน!
ในที่สุด เวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง เมื่อการเรียนทฤษฎีลายมือแบบมาราธอนตลอด 3 ชั่วโมงในช่วงเช้าของวันแรกจบลง
หาก เป็นหลักวิชาการล้วน ๆ ก็ถือว่าหนักหนาสาหัสสำหรับคนที่ไม่ได้เรียนในคลาสแบบนี้มาเนิ่นนานอย่าง ยิปซี นับแต่จบมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนเกียรตินิยมในสาขาบริหารการบัญชีเพื่อให้พ่อ แม่ภูมิใจ และถ้านี่ไม่ใช่วิชาโหราศาสตร์ที่เธอ ชื่นชอบแล้วล่ะก็...ไม่มีทางที่คนเช่นเธอจะยอมเข้ามานั่งเรียนแบบนี้เด็ดขาด!
ขณะที่สาวหน้าใสนัยน์ตารีเล็กกำลังเก็บสมุดปากกาใส่ในกระเป๋าสะพาย สี ส้มขาว นิ้วเรียวยาวแบบผิวสีแทนของคนข้าง ๆ ก็มาจิ้มจิ๊ก ๆ จั๊ก ๆ ตรงต้นแขน พร้อมกับเรียกขานด้วยน้ำเสียงสดใส ประหนึ่งไม่เคยมีเรื่องคาใจกันมาก่อน
“เธอ...เธอชื่ออะไร?” สาวเท่ตาโตผมซอยถามด้วยแววตาใสซื่อ แต่กลับถูกยิปซีปรายตามองอย่างเหยียด ๆ และตอบอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่บอก!”
“อ้าว...ทำไมล่ะ?” คนถามเกาหัวแกรก ๆ แบบงง ๆ
“เราสองคนไม่จำเป็นต้องรู้จักกันเป็นดีที่สุด เพราะตั้งแต่เจอกัน ฉันรู้สึกตงิด ๆ ว่า ความซวยกำลังจะมาเยือนยังไงก็ไม่รู้”
ยิปซี พูดด้วยใบหน้าตึง ๆ นึกถึงเรื่องเมื่อเช้าอย่างเจ็บใจไม่หาย ที่ต้องนั่งรถแท็กซี่ ซึ่งขับซิ่งยิ่งกว่าการแข่งรถฟอร์มูล่าวัน โดยที่ตัวเธอไม่ได้เต็มใจสักนิด
แต่สาวแปลกหน้ากลับถามย้ำแบบยิ้ม ๆ “ไม่ยอมบอกชื่อแน่นะ?”
“ไม่! แล้วตอนบ่ายฉันก็จะย้ายไปนั่งข้างหน้าด้วย เชิญเธอนั่งสัปหงกน้ำลายยืดต่อตามสบาย” ยิปซีประชดด้วยความหมั่นไส้
“โหย...ใจร้ายมาว่าเค้า นั่นเขาเรียกว่า ท่านั่งสมาธิของจริงต่างหาก”
“เชอะ! จะเรียกอะไรก็ตาม แต่ฉันไม่นั่งกับเธอแน่ ๆ”
ยิปซีหันมาจิกตาใส่สาวผิวแทนก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ไม่บอกแน่นะ?”
“เอ๊...แน่สิ!” ยิปซีชักเสียงดุด้วยความรำคาญ
“งั้นเราเรียกอะไรก็ได้ใช่มั้ย?”
“นี่! ต่อให้เธอจะเรียกว่าอะไร ฉันก็ไม่สน เพราะนั่นมันไม่ใช่ชื่อของฉัน ถอยไป! เกะกะ” น้ำเสียงของสาวตาจีนออกอาการว่าหงุดหงิดเต็มที
พูด ออกไปแล้ว ยิปซีก็สำนึกได้ว่า เธอไม่น่าพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้ เพราะความจริงเธอก็ไม่ได้จงเกลียดจงชังเขาสักหน่อย แต่ทำไมเวลาจะพูดจะจาอะไร กลับรู้สึกอยากจะเอาชนะคะคานผู้หญิงคนนี้อยู่ร่ำไป แถมยังทำท่าเป็นคนอันธพาล โดยการผลักไหล่เขาออกแรง ๆ ค้อนขวับเข้าให้อย่างลืมตัวอีกต่างหาก ครั้นจะกลับหลังหัน เตรียมก้าวออกไป สาวผิวแทนก็เรียกขึ้นเสียงดังด้วยชื่อแปลก ๆ
“คิริน”
“เอ๋?” ยิปซีหันขวับมามองคนผมซอยนัยน์ตาโตทันที
“คิก ๆ ไหนบอกว่าเรียกยังไงก็จะไม่หัน...ไม่ใช่เหรอ? เห็นม่ะว่าชื่อนี้น่ารักจะตาย แล้วฉันก็ว่า มันเป็นชื่อที่เหมาะกับเธอสุด ๆ ไปเลย น่ารักป่ะ คิริน ๆ”
สาวนิรนามยั่วยิ้มด้วยการเรียกชื่อซ้ำ แถมยังส่งแววตาพราวระยับปนขบขันมาให้คนถูกเรียกอีก
“เดี๋ยว ๆ ชักรู้สึกตงิด ๆ แฮะ บอกมาเดี๋ยวนี้ ว่ามันแปลว่าอะไร?!”
น้ำเสียงและหน้าตายิปซีในตอนถาม ออกแนวขึงขังจริงจัง
“คิรินเหรอ?”
สาวแปลกหน้ายังแสร้งลอยหน้าลอยตา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“จะบอกไม่บอก!”
คราว นี้น้ำเสียงสาวยิปซีเปลี่ยนเป็นข่มขู่พร้อมถลึงตา ทว่าสาวร่างสูงผมซอยก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด กลับเดินดุ่ม ๆ นำหน้าเธอออกไปหยุดยืนตรงประตูหน้าห้อง ซึ่งคนอื่น ๆ ต่างแยกย้ายกันไปทานข้าวกลางวันหมดแล้ว ก่อนจะกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า
“ในภาษาญี่ปุ่น คิริน แปลว่า ...”
คนทะเล้นยังแกล้งลากเสียงเว้นจังหวะ ให้คนฟังโมโหเล่น
“ว่าไง!”
“ยีราฟคอยาวไง ฮ่า ๆ ...คิริน ๆ ...”
พูดเสร็จยังมีหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เธออีกต่างหาก ส่วนคนที่ได้ฟังคำเฉลย ก็เกิดอาการจี๊ดขึ้นสมองอย่างแรง
“หน็อย! จะมากไปแล้ววว...”
ยิปซีลืมตัวตะโกนเสียงดังพร้อมพุ่งตัวไปข้างหน้า หวังประชาทัณฑ์คนช่างล้อหลาย ๆ ป้าบให้หายเจ็บใจ
แต่โชคกลับไม่เข้าข้าง! เมื่อสาวหมวยผิวบางดันสะดุดเท้าตัวเองจนล้มกระแทกพื้นปูนดังพลั่ก!
“อ่อก!”
“เฮ้ย! เป็นไงมั่ง?!”
คนนิรนามช่างหยอกถึงกับผงะ หน้าซีด รีบไปมดสภาพก้มลงประคองร่างสาวผิวขาวที่ล้มคะมำไม่เป็นท่า และยังนอนหน้าคว่ำกองกับพื้นอย่างหมดสภาพขึ้นมาเร็ว ๆ ปากก็พร่ำคำว่า ขอโทษ ๆ ไปเรื่อย ยิ่งเห็นใบหน้าอ่อนใสของหญิงสาวกลายเป็นริ้วแดง ๆ โดยเฉพาะตรงปลายจมูกดูแดงก่ำจนน่ากลัว สาวสูงผิวแทนก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“โหย...เราขอโทษจริง ๆ น้า ขอโทษ ๆ”
ถึงแม้ตัวต้นเหตุจะย้ำคำขออภัยแค่ไหน แต่สิ่งแรกที่สาวหน้าช้ำสนใจก็คือ
“แว่น ๆ แว่นฉันอยู่ไหน?”
แม้ ยิปซีจะรู้สึกเจ็บจมูกมากเพียงใด เธอก็ยังพยายามควานหาสิ่งสำคัญสำหรับดวงตาก่อนเป็นอันดับแรก ครั้นจับวัตถุชิ้นนั้นได้แล้ว ก็จับหมับใส่กลับที่เดิมทันที ทว่าสิ่งแรกที่เห็น คือ รอยร้าวบนเลนส์ทั้งสองข้างของแว่นคู่ใจเนี่ยสิ!
“อ๊ายยย...”
และ ทันทีที่เธอตะเบ็งเสียง เลือดสีแดงสดก็ไหลจากจมูกทั้งสองข้างเข้าปากกว้าง ๆ ที่อ้าค้างอีกด้วย และรสชาติคาว ๆ ของเลือดตัวเองที่เพิ่งลองลิ้มเป็นครั้งแรก ก็ทำให้ยิปซีเกิดอาการอึ้ง ตะลึงงัน เบิ่งตาค้าง ทำอะไรไม่ถูก
“ตายล่ะ!” คนช่างแกล้งอุทานลั่นด้วยความตกใจ
ก่อนจะแสดงความหวังดีจนโอเวอร์ ด้วยการใช้ฝ่ามือดันปลายคางยิปซีให้แหงนเงยขึ้นเร็ว ๆ ดังกล๊อก! โดยไม่รู้ว่า น้ำหนักมือที่ทำนั้นจะทำให้คนเจ็บ แทบคอหักซะมากกว่า คนที่ถูกยันหน้าถึงกับน้ำตาปริ่มเต็มขอบตาด้วยความเจ็บปวด และพยายามส่งแววตาแห่งความทรมาน ผ่านแว่นทรงรีกรอบร้าวด้วยใบหน้าซีดเผือดเหยเก แค่นเสียงพูดอย่างแค้น ๆ ก่อนจะหมดสติว่า
“อั่ก...ยัย...ปีศาจ...”
ความคิดเห็น