คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9 เกมวัดใจในพงไพร
นายสน...พรานเฒ่ารูปร่างผอมเกร็งใบหน้าเหี่ยวย่นดูแก่เกินวัย 50 แต่แกไม่เคยใส่ใจกับผิวคล้ำแดดหยาบกร้าน ที่เต็มไปด้วยรอยตีนกาสักนิด เพราะมันแสดงถึงร่องรอยอันโชกโชนในพงไพรที่แกสามารถหลับตาเดินได้
และคืนนี้เป็นอีกคืนที่พรานป่าผู้ยิ่งใหญ่เยี่ยงแก จะสำแดงฝีมือให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังเจริญรอยตามได้ภาคภูมิใจ ไม่ช้า...ลำแสงไฟจากลำกล้องปืนนายสนก็ส่องไปด้านหน้า ซ้าย ขวาสลับกันตรงลำต้นและปลายยอดไม้ที่ไหววูบไปมาด้วยรูปทรงแปลก ๆ ซึ่งหลาย ๆ ครั้งผู้มีจิตใจอ่อนไหว อาจเห็นต้นไม้สูงใหญ่แปลงเป็นสัตว์ร้ายหรือภูตผีตามจินตนาการ แต่ไม่ใช่คนจิตแข็งอย่างแกแน่ ป่าก็คือป่า และป่าก็คือชีวิตแกมาตั้งแต่เกิด
พลันเสียงกรอบแกรบแผ่วเบาได้แว่วเข้ามาในโสตประสาทนักล่า ผู้ช่ำชอง สองพ่อลูกหันมาสบตากันเงียบ ๆ และจังหวะที่ลูกชายวัยกลัดมันกำลังจะอ้าปาก คนเป็นพ่อก็ยกนิ้วจุ๊ปากห้าม พลางพยักพเยิดให้ลูกอ้อมไปดักมันอีกทาง ซึ่งแกคาดว่ามันน่าจะเป็นหมูป่าตัวเขื่อง เพราะน้ำหนักเท้าค่อนข้างแน่น ฝ่ายลูกชายก็ไม่รั้งรอที่จะย่องไปอีกทางตามสัญญาณมือพ่อ
ส่วนนายสนนั้นได้ย่องเท้าเงียบเชียบประดุจเสือหมอบแมวเซาไปอีกทาง โดยสองมือหยาบกร้านประคองปืนไว้ในท่าพร้อมยิง เพราะบางทีเวลามีเสียงใบไม้แห้งดังคราใด พรานมือใหม่อาจนึกว่าเป็นสัตว์ใหญ่ ทว่า...มันอาจเป็นเพียงลูกหมูป่าตัวจ้อย กระรอก จิ้งเหลน ได้เช่นกัน เนื่องจากกลิ่นสาบของผืนป่า บวกกับเครือไม้ระโยงก็เป็นที่ไต่เล่นของกระแต กระถิก บางครั้งแกยังเคยรีบร้อนตามเสียงมัน จนหนามแหลมเกี่ยวเลือดแดงซิบก็มี
เปาะ! เสียงกิ่งไม้หักดังชัดเจนจนนายสนพรานใหญ่มือฉมังต้องรีบหันขวับกลับไปส่องไฟฉายด้านหลัง ลำแสงสาดกระทบต้นไม้รกครึ้ม ทำให้แกใจเต้นแรง อะดรีนาลีนฉีดพล่านด้วยความตื่นเต้นคึกคักราวกับหนุ่ม ๆ
วินาทีนั้นเอง! หมูป่าตัวใหญ่ค่อย ๆ ย่างกีบเท้าออกมายืนเด่นมองหน้าแกอย่างไม่กลัวเกรง มันเขม็งตาสู้แสงไฟของแกอย่างไม่สะทกสะท้าน นัยน์ตาแดงวาวลุกโชนเหมือนท้าทาย มีหรือที่นักล่าเช่นแกจะรอให้มันวิ่งเตลิด หึ ๆ ไม่คิดเลยว่า แค่เดินป่ามาได้ไม่ถึงชั่วโมง จะมีหมูป่ามาเพ่นพานแต่หัวค่ำเช่นนี้ แม้แกจะไม่มั่นใจว่าปืนแก๊ปกระบอกนี้จะเอาอยู่ ทว่าตะกั่วในกระบอกเก้าลูกที่แกหล่อเองกับมือ ก็สร้างความเชื่อมั่นให้แกไม่น้อย
ไวเท่าความคิด! นายสนเหนี่ยวไกปืนทันทีดังเปรี้ยง!!!!
เสียงพิฆาตดังสะท้อนก้องหุบเขาไปมาวิเวกน่ากลัว แก๊ปส่งลูกตะกั่วเก้าเม็ดและดินประสิว ใยมะพร้าวในการยัดพิเศษ พุ่งกระแทกเข้าเป้าอย่างแม่นยำราวกับจับวาง หมูป่าร้องโฮกกก!!! อย่างเจ็บปวดทรมานสั้น ๆ แล้วล้มตึงต่อหน้าแก ไม่มีการวิ่งกระเสือกกระสนไปตายที่อื่น อย่างที่แกเคยเจอ ถึงขนาดตอนนั้นแกต้องแกะตามรอยเลือดมัน กว่าจะพบ...ก็ถึงเช้า
แต่สำหรับตัวนี้...มันช่างง่ายดายเหลือเกินจนแกอดแปลกใจไม่ได้
ไม่รอช้า...นายสนพรานใหญ่รีบปราดเข้าไปหาหมูป่าที่นอนนิ่งตรงพุ่มไม้ แสงสว่างยังส่องจับร่างมันไว้ หมูป่าใหญ่ขนแข็งสีดำสนิท แกยิ้มกริ่มพึงใจในความแม่นยำของตนนัก เพียงมันตัวเดียว...ก็คุ้มค่าแล้วสำหรับคืนนี้
ทันทีที่แกก้าวเท้าสวบสาบไปถึงที่หมาย
ทันใดนั้น! ตาพรานเฒ่าผู้ลำพองก็เหลือกลานพองโตจนแทบถลนออกนอกเบ้า แข้งขาผอมกะหร่องขยับเขยื้อนไม่ได้ดั่งถูกสาปไปชั่วขณะ
ทว่าไม่กี่วินาที...ร่างแกถึงกับทรุดฮวบกองตรงนั้นด้วยตาเบิกโพลง หัวใจเต้นถี่ยิบจนน่ากลัว เนื่องจากภาพร่างหมูป่าตัวใหญ่โตที่แกยิงโดนนั้น บัดนี้...มันดันกลายเป็นร่างชายผมบางที่เกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของแกเอง
“แกฆ่าลูกตัวเอง...อ๊ากกก...!!!”
เกษตรอำเภอพัดยศแกล้งหันไปส่งเสียงดังใส่สาวหน้าใสพริกหวานที่นั่งล้อมรอบกองไฟตั้งใจฟังข้างกัน ณ ใจกลางป่าอันหนาวเย็นบนเส้นทางเดินป่าแม่ฮ่องสอน ท่ามกลางเสียงแกรกกรากสวบสาบของสัตว์ป่าเล็ก ๆมิหนำซ้ำยังมีแมลงกลางคืนแข่งกันร้องระงม หลายครั้ง...ที่คนไม่เคยชินกับการใช้ชีวิตในป่า เกิดอาการขนลุกซู่ ใจสั่นไหว มือไม้เย็นเป็นพัก ๆ กับเสียงโหยหวนบาดลึกของสัตว์บางชนิดซึ่งแว่วมาตามลมสร้างจินตนาการน่ากลัว
อย่างไรก็ตาม นอกจากเภษตรอำเภอพัดยศกับพริกหวานแล้ว ยังมีผู้ร่วมผจญภัยอีก 4 คน ได้แก่ คุณหมอน้ำขิงที่นั่งบนขอนไม้เดียวกันต่อจากพริกหวาน ตามด้วยคุณหนูรักปาย..สาวอ่อนหวานน่าถนอมประจำทริป คุณพระพายรองผู้จัดการหญิงคนเก่ง ตบท้ายด้วยรองสารวัตรแผ่นดินที่เป็นตัวตั้งตัวตี ถึงขนาดลงทุนลาพักร้อนล่วงหน้าเพื่อจัดเตรียมลูกหาบกะเหรี่ยงอีก 7 คนในการแบกสัมภาระ ซึ่งพวกเขาได้ก่อกองไฟนั่งคุยกันห่างไปอีกวง
เนื่องจากทริปนี้นั้นทั้งเขาและเธอ ต้องเดินเท้าวันละ 8 – 9 ชั่วโมง ผ่านหุบเหว โตรกเขาสูงชัน ภูมิประเทศอันทุรกันดารจากเมืองแม่ฮ่องสอน จนถึงที่หมายปลายทางดอยหมากพริกเข้าอ.ปาย ซึ่งอุปสรรคยากลำบากนี้ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมทริปให้แน่นแฟ้นขึ้น ที่สำคัญ รองสารวัตรแผ่นดินและเกษตรอำเภอพัดยศนั้น ต้องการพิชิตใจสองสาวที่หมายปอง ด้วยการแสดงแก่นแท้แห่งความเป็นชายเยี่ยงชายอย่างสมบูรณ์!
กลับมายังพริกหวานที่ถูกเกษตรอำเภอแกล้งตะเบ็งเสียงใส่เมื่อครู่ทั้งที่เธอกำลังตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องเล่าอาถรรพ์ของนายสนพรานเฒ่าอยู่แท้ ๆ สาวน้อยเลยสะดุ้งตกใจ หันไปเอะอะใส่หนุ่มสูงผิวขาวที่ห่างกันถึง 8 ปีว่า
“โหย...พี่พัดอ่ะ! พริกตกใจหมดเลย เกิดคืนนี้นอนไม่หลับจะว่าไง”
พริกหวานว่าพลางค้อนตาใส่ ฝ่ายพัดยศกลับหัวเราะชอบใจด้วยความรักใคร่เอ็นดู และเย้าว่า “หึ ๆ เดี๋ยวพี่ร้องเพลงกล่อมพริกเองก็ได้น้า”
แววตาคนพูดทอประกายกรุ้มกริ่มเหลือเกินนัก ทำให้รองสารวัตรแผ่นดินที่นั่งข้างกันอดหมั่นไส้ไม่ได้ เลยแกล้งกระแอมกระไอ และแซวว่า
“อะแฮ่ม! แหม...ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเกษตรอำเภอดีเด่นอย่างคุณพัด หันมาเปลี่ยนอาชีพเป็นนักร้อง ถึงได้ขันอาสาร้องเพลงให้สาว ๆ ฟังยังงี้”
“หึ ๆ อันนี้...มันก็อยู่ที่ว่า ร้องให้ใครฟังต่างหากล่ะคร้าบท่านรอง ไม่ใช่ร้องเพลงให้สาวคนไหนฟังก็ได้สักหน่อย...จริงไหมจ๊ะพริก”
เจ้าของเสียงทุ้มกังวานไม่วายหันมาหยอดคำหวานกับสาวหน้าใสไว้ผมทรงหน้าม้า สั้นแค่คางอย่างพริกหวานอีกจนได้
“......” ฝ่ายสาวปากกล้าเชื้อสายปกาเกอะญอที่โดนหยอด ถึงกับใบ้กินเช่นกัน เอ๊า! เธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ ต้องเขินกันบ้างสิ
กระนั้นพริกหวานกลับไม่คิดว่า คนที่จะช่วยเธอให้พ้นจากอาการเหนียมอายหน้าระเรื่อ จะเป็นคู่กัดแสนรักอย่างสพ.ญ.น้ำขิงซึ่งนั่งถัดมาว่า
“โทษนะคะคุณพัด แต่เมื่อกี้ขิงสงสัยน่ะค่ะว่า ทำไมเรื่องเล่าเมื่อกี้นายสนแกถึงเห็นลูกตัวเองเป็นหมูป่าไปได้?!”
สพ.ญ.น้ำขิงแสร้งตีสีหน้าสงสัยไปทางพัดยศ ทว่าในใจสาวเซอร์นั้นกลับรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างไรชอบกล แต่จำต้องสะกดอารมณ์ขุ่นมัวไว้
อะไรฟะ! ถ้าคิดจะจีบกันโต้ง ๆ ยังงี้ล่ะก็...ทำไมต้องลำบากลำบนคนอื่นให้มาเดินป่าด้วย ไปหยอดขนมหวานกันในฟาร์มรักปายโน่นก็ได้ เฮอะ! เดือดร้อนชาวบ้านชาวช่องต้องมานั่งทนโท่เป็นก้างขวางคอแบบนี้เข้าใจมะ หน็อยแน่...พรุ่งนี้หาเรื่องกลับฟาร์มมันซะเลยดีมะ...เบื่อ!!!
อย่างไรก็ตาม ความคิดเคืองขุ่นในหัวสัตวแพทย์หญิงต้องหยุดลงเมื่อเกษตรอำเภอพัดยศหันมายิ้มกว้าง เล่าอย่างอารมณ์ดีกับเธอว่า
“ในป่า...บางครั้ง มันก็มีความลี้ลับที่เรามองไม่เห็นน่ะครับคุณหมอ คุณพ่อผมเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ว่า หลายคนพอเข้าป่า บ้างก็เห็นเป็นผู้หญิงยืนร้องห่มร้องไห้ว่าหลงป่าน่าสงสาร พอเข้าไปใกล้ ก็ต้องผงะกันไปหลายราย เพราะมันดันเป็นเสือสมิงไปเฉย ๆ น่ะสิครับ หรือบางที...พรานป่าบางคนที่เจอหมูใหญ่ พอยิงจนตายก็กลายเป็นคนก็มี เหมือนกรณีของนายสนไงครับส่วนเรื่องนี้ผู้เฒ่าผู้แก่ท่านบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น...มันอาจจะเป็นคน หรือสัตว์ป่าโดนวิญญาณไพรเข้าสิงหรือพรางตา ดลบันดาลให้เป็นไปตามความต้องการของเจ้าป่า ฉะนั้นการเข้าป่าของนายพรานในแต่ละครั้ง เขาจึงต้องมีของดี หรือพวกวิชาอาคมไว้ป้องกันตัวด้วย ห้ามพูดจาลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าป่าเจ้าเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น...อาจมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”
“โห...น่ากลัวจังเลยค่ะ” รักปายที่นั่งติดกับสพ.ญ.น้ำขิงเอ่ยขึ้นบ้าง
รองสารวัตรหนุ่มเลยเล่าประสบการณ์ลี้ลับของเพื่อนให้ฟังบ้างว่า
“จริง ๆ นะครับน้องรัก อย่างเดือนที่แล้วเพื่อนพี่ที่เป็นนายอำเภอพรหมคีรีเล่าให้ฟังว่า มีชาวบ้านเข้าไปล่าสัตว์ และหาของป่ากันซักสี่ห้าคน แต่ปรากฏว่าเพื่อนเขาคนนึงได้หายตัวไปในเทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราช ถึงขนาดชาวบ้านช่วยกันปูพรมหาตั้ง 200 คนก็ยังหาไม่เจอ กระทั่งวันที่ 5 ชาวบ้านจึงตัดสินใจทำพิธีขออนุญาตเปิดป่าต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อไหมครับน้องรัก ว่าแค่ไม่กี่นาที...ชาวบ้านก็สามารถตามหาเพื่อนคนนั้นพบได้ง่าย ๆ โดยชายคนนั้นอยู่ในสภาพอิดโรยอ่อนเพลีย นอนขดบนโขดหินพร้อมอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ อุปกรณ์ล่าสัตว์ ห่างจากที่ทำการชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้ำตกวังลุงไปแค่ 3 กิโลเอง ภายหลังชายหลงป่าได้เล่าให้ฟังว่าตอนพลัดหลงกับเพื่อน เขาอดอาหารหิวโซแสบท้องไส้ไปหมด ใช้ชีวิตลำบากมาก ไม่ว่าจะพยายามตะโกน ร้องขอความช่วยเหลือยังไง แต่ก็ไม่มีใครได้ยินสักคน จากเรื่องนี้เขาคิดว่า เขาต้องโดนเจ้าป่าลงโทษแน่ ๆ”
ยิ่งได้ฟังเรื่องเล่าลึกลับจากปากตำรวจหนุ่ม ใบหน้าเนียนใสของ รักปาย ยิ่งกลายเป็นหวาดหวั่น จนต้องเอ่ยปากเสียงอ่อนอ่อยว่า
“โอ้โห...ยิ่งได้ฟังแบบนี้ รักยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ไม่กล้าเข้าป่าคนเดียวแน่ ๆ อือ...ว่าแต่...เส้นทางที่เราเข้ามาเนี่ย ปลอดภัยแน่นะคะ”
“อันนี้ไม่ต้องกลัวเลยครับน้องรัก พี่รับรองความปลอดภัยแน่นอน ป่าแถวนี้เพื่อนพี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยาน เคยพามานั่งเล่นนอนเล่นบ่อย ๆ แถมมีกะเหรี่ยงลูกหาบที่เขาชำนาญเส้นทางอยู่ด้วย รับรองไม่หลงแน่ครับ อื้อ...แต่ถ้าน้องรักยังกลัว งั้นเอาพระเครื่องของพี่ไปใส่ให้อุ่นใจดีไหมครับ?”
ว่าแล้ว รองสารวัตรแผ่นดินก็ทำท่าจะถอดสายสร้อยคอทองคำที่มีพระเครื่องล้านนามูลค่านับล้านออก นั่นทำให้พรพระพายที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันเงียบ ๆ อยู่ข้างรักปาย แอบเหลือบตาไปทางหนุ่มนั้น เยาะในใจว่า
หึ! ทุ่มจริงนะ
กระนั้นเสียงเยาะหยันหมั่นไส้ที่ดังก้องในหัวพรพระพายก็หายวับ เมื่อเสียงเล็ก ๆ ของคุณหนูรักปายที่รีบยกมือ ร้องห้ามอย่างเกรงใจว่า
“อุ๊ย! ไม่ต้องค่ะท่านรองฯ รักไม่ได้กลัวขนาดนอนไม่ได้หรอกค่ะ แค่เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า หรือ...ใครมีอะไรสนุก ๆ มาเล่นกันไหมคะ?”
“เล่นเกมหมุนขวดไหมครับ?” รองสารวัตรแผ่นดินรีบเสนอทันที
“เอ๋…เป็นยังไงคะ?” รักปายขมวดคิ้วเรียวน้อย ๆ
ส่วนพัดยศได้หันมายิ้มกว้างให้พริกหวาน พูดให้ฟังว่า “จะว่าไป...พี่ก็ไม่ได้เล่นมาหลายปีแล้วล่ะ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เล่นก็ตอนอยู่มหา’ลัย”
“ส่วนผม...ตอนเรียนนายร้อย” รองสารวัตรแผ่นดินแทรกขึ้นบ้าง
“อ้าว...นี่แสดงว่า ทุกคนเคยเล่นกันแล้วหรือคะ? พี่หมอล่ะ?”
คราวนี้พริกหวานผินหน้ามาถามสัตวแพทย์สาวที่นั่งข้าง ๆ บ้าง เพราะเธอรู้สึกเหมือนพี่เขาจะไม่ค่อยพอใจอะไรสักอย่าง ทำหน้าตูมทั้งวันตั้งแต่เริ่มเดินทาง เอ...หรือจะเป็นวันมามากของผู้หญิงหว่า?
กระนั้นพริกหวานก็ไม่กล้าถามมาก ครั้นหมอน้ำขิงพยักหน้าเฉย ๆ พริกหวานจึงไม่อยากเซ้าซี้ให้เขารำคาญ เลยหันไปมองหน้าคนอื่นที่นั่งล้อมวงรอบกองไฟ ท่ามกลางลำเนาไพรในยามราตรีอันแสนวิเวกที่มีแต่เสียงจิ้งหรีด เรไร กรีดร้องระงมวังเวงชวนให้ขนหัวลุก เกิดอาการหวาดระแวงเป็นระยะ ดังนั้นการหาอะไรเล่นเพลิดเพลิน เพื่อฆ่าเวลาก่อนนอนในป่าเป็นครั้งแรก น่าจะทำให้ความรู้สึกหวาด ๆ ของพริกหวานเบาบางลงบ้าง
อย่างไรก็ตาม พริกหวานยังอดเจรจาต่อรองไม่ได้ว่า
“ว้า...นี่แปลว่า เกมนี้มีแค่พริกกับคุณหนูรักที่ยังไม่เคยเล่นนี่นา โหย...พริกชักจะตงิด ๆ ว่าเราสองคนจะเสียเปรียบพวกพี่ ๆ ยังไงไม่รู้ เอ...ถ้าอย่างนั้น...พริกขอฟังกติกาก่อนตัดสินใจเล่นได้ไหมคะท่านรอง?”
ผู้เสนออย่างรองสารวัตรแผ่นดินระบายยิ้มกว้าง กล่าวเสียงทุ้มว่า
“หึ ๆ มันไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอกครับน้องพริก เล่นกันแค่สนุก ๆ จะว่าไปเกมนี้ก็คล้าย ๆ การเล่นเกมพระราชาน่ะครับ เริ่มเกมด้วยการให้ใครก็ได้หมุนขวด และถ้าปากขวดหันไปทางใคร คนหมุนก็จะสามารถถามอะไรก็ได้ 1 คำถาม โดยที่คน ๆ นั้นต้องตอบตามความเป็นจริงด้วย หรือคนหมุนจะสั่งให้เขาทำอะไรก็ได้ 1 อย่าง ส่วนคนโดนปากขวดชี้ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบ หรือไม่ทำก็ได้ แลกกับการดื่มน้ำ 1 แก้วเต็ม ๆ แต่ขืนลงโทษให้ดื่มน้ำ มีหวัง...น้ำของพวกเราคงหมดก่อนถึงปายแน่ ๆ เอาเป็นว่า คราวนี้ลงโทษให้เต้นท่าไก่ย่างถูกเผาแทนละกัน แต่ทำได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้นนะ และใครที่โดนปากขวดชี้ก็จะเป็นคนหมุนในรอบต่อไป และถ้าหมุนไปเจอะคนหมุนก่อนหน้านี้ ก็ให้หมุนใหม่อีกครั้ง...โอเคไหมครับน้องพริก น้องรัก?”
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หนุ่มถามย้ำ ส่วนสองสาวเพื่อนสนิทนั้นก็เผลอสบตาหารือกันอัตโนมัติ และแม้จะหวั่น ๆ หวาด ๆ กับเกมวัดใจประเภทนี้ แต่อย่างไรก็ตาม รักปายซึ่งรู้ดีว่าที่พริกหวานพูดจาบ่ายเบี่ยงตอนแรกก็เพื่อต้องการให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจ ดังนั้นในฐานะเจ้าของกิจการซึ่งไม่ควรจะหวาดหวั่นกับเรื่องเล็กน้อย รักปายจึงพยักหน้ายอมรับกติกานั้นเสียเอง
เห็นเช่นนั้น รองสารวัตรแผ่นดินถึงกับยิ้มกริ่มพึงใจ และเริ่มว่า
“หึ ๆ โอเค...ถ้าอย่างนั้น...เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมขออาสาประเดิมเกมขวดเป็นคนแรกแล้วกันนะครับ เอ้า...สาว ๆ ทั้งหลายระวังตัวให้ดีน้า ใครเอ่ยจะเป็นผู้โชคดีได้ตอบคำถามเป็นคนแรกน้า เอ้า...หมุน ๆ ๆ ๆ !”
บุรุษหน้าคมแกล้งเร่งเสียงเร้าอารมณ์ โดยในใจก็อธิษฐานให้มันไปหยุดตรงหน้าสตรีที่เขาหมายปอง และโชคดีเหลือเกินที่ปากขวดน้ำแร่ซึ่งถูกแกว่งเร็ว ๆ เมื่อกี้ ชี้ไปทางรักปายที่เผลอเกร็งตัวลุ้นจนมือเย็นชื้นพอดี
ทว่านาทีนั้นเองที่หญิงสวยน่ารักซึ่งถูกปลายขวดชี้ อยากจะยื่น มะเหงกเขกกะโหลกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างพริกหวานที่นั่งเยื้องกันเหลือเกิน เพราะยัยตัวแสบเล่นตบมือยิ้มร่าออกนอกหน้า แถมแซวทะเล้น อีกว่า “เย้...คุณหนูรักเป็นผู้โชคดี พริกรอดแล้ว ๆ คิก ๆ สู้เขานะค้าคุณหนู อ้อ...ท่านรองอย่าเล่นแรงนักนะคะ เดี๋ยวคุณหนูของพริกจะแย่เอา คิก ๆ”
หนำซ้ำพริกหวานยังหันไปปรบมือหัวเราะร่วนหน้าระรื่นกับลูกคู่อย่างพี่พัดยศ ปล่อยให้เธอเม้มปาก เขม่นตาอย่างเคือง ๆ จดบัญชีในใจว่า
ชิชะ! หน็อยแน่ยัยพริกหวานตัวแสบ...นี่เธอกล้าหักหลังฉันเหรอะ! เดี๋ยวเถอะ กลับไปเมื่อไหร่ จะตัดเงินเดือนให้น่าดูเชียว ชิ! ทีใครทีมันละกัน
ส่วนสพ.ญ.น้ำขิงนั้น ทำเพียงยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ผ่านเปลวฟืนแดงโร่ที่ลุกโชนท้าอุณหภูมิยะเยือกลดต่ำลงเรื่อย ๆ ในต้นเดือนมกราคมของแม่ฮ่องสอน แม้สาวห้าวผมยาวสุดเซอร์จะไม่รู้ว่า ตำรวจหนุ่มจะถามอะไร แต่คำถามของเขาก็คงไม่พ้นความในใจของน้องรักเป็นแน่
หึ ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หมอผู้มากจรรยาบรรณอย่างเธอคงต้อง แสดงความเสียใจกับท่านรองสารวัตรล่วงหน้า เพราะเธอมั่นใจเกินร้อยว่า
คู่แข่งเธอ...ไม่ใช่ผู้ชายแมน ๆ อย่างเขาแน่ แต่เป็นผู้หญิงหน้าตาสวยสมาร์ตพูดน้อยต่อยหนักอย่างคุณพระพายต่างหากล่ะ! เฮ้ย...นี่เราบ้าชื่นชมคู่แข่งได้ไงฟะ แถมยังอยู่บ้านเดียวกันอีกต่างหาก โอ๊ย..ไรเนี่ย (- -* )
สัตวแพทย์สาวคิดว่าตนเองในใจพลางเลื่อนสายตาไปจับกิริยาของรองผู้จัดการหญิงประจำฟาร์มที่นั่งฟังเงียบ ๆ ด้วยใบหน้าระบายยิ้มน้อย ๆ ดูสุขุมเยือกเย็น เธอดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่ นี่กระมังที่ทำให้เธอรู้สึกหน่วง ๆในใจ ว่าคุณพระพายทำตัวลึกลับล้ำลึกดุจสุมาอี้ในสามก๊ก!
‘สุมาอี้’ บุรุษนามกระเดื่องนี้คือผู้สร้างความสำเร็จให้โจโฉ และยังเป็นทายาทอริที่แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างขงเบ้งยังต้องเกรงขาม ทั้งกลการศึก กลการเมือง หากคนผู้นี้คิดการสิ่งใด เขาจะวางแผนได้ล้ำลึกแยบยล อดทนรอที่จะดำเนินการอย่างสุขุมใจเย็น แม้วิถีนั้น..อาจทำให้เขาเจ็บเจียนตาย!
ถึงเช่นนั้นใจลึก ๆ เธอสัมผัสได้ว่าคุณพระพายเป็นคนดีมีคุณธรรมไม่น้อย เอ...หรือเธอจะคิดมากไปเอง! ใช่ว่า...การที่เขาไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟัง นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เขาต้องการปิดบังอะไรนี่นา คนเราก็มีโลกส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น เฮ้อ...เรานี่ยังไม่ทันแก่ก็คิดมากละ...แย่!
กลับมายังรักปายที่โดนปลายขวดชี้ ถึงกับเม้มปากด้วยความกังวล และแล้วความรู้สึกอัดแน่นในใจของรองสารวัตรก็ถูกถ่ายทอดออกมาตามสายตารักใคร่ห่วงใย ก่อนเขาจะจ้องตาจริงจังพร้อมยิงคำถามอุกอาจว่า
“น้องรักครับ...คบกับพี่ได้ไหม? หึ ๆ ทีนี้จะตอบหรือจะเต้นดีล่ะ”
ผู้พิทักษ์หนุ่มแสร้งพูดจาขำ ๆ ตอนท้าย เพื่อให้รักปายผ่อนคลาย ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกวิตกตื่นเต้น หากแต่ว่าเวลานี้...ความอยากรู้คำตอบนั้น มันมีมากกว่าเหลือเกิน ว่าเขาควรจะเดินต่อไปข้างหน้า หรือถอยกลับไปคิดทบทวนใหม่ เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา เขามั่นใจว่า ได้แสดงออกทุกอย่างอย่างชัดเจน เหลือเพียงคำตอบรับจากสาวสวยบริสุทธิ์ในดวงใจเท่านั้น
จบคำถามของสารวัตรหนุ่ม บรรยากาศในวงกลายเป็นเงียบเชียบ สายตาทุกคนจับจ้องไปยังรักปาย หญิงงามพิศร่างอรชรเผลอตัวเม้มปากก่อนจะหลุบตาแห่งความอึดอัดลง เพื่อเอ่ยประโยคนี้ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ขอโทษค่ะ...”
แค่นั้น..หัวใจรองสารวัตรแผ่นดินที่กำลังตื่นเต้นตึกตัก ฟีบลงทันตา
ถึงกระนั้นคำพูดถัดมาของรักปาย กลับทำให้คนถามที่หัวใจกำลังเหี่ยวเฉาซึมเซายิ่งกว่าต้นไม้ขาดฝนกลางทะเลทราย หลุดยิ้มออกมาจนได้ เมื่อประโยคนั้นคือ “รักขอโทษที่รักเต้นท่าไก่ย่างไม่เป็นน่ะค่ะ ยังไง...ท่านรองสารวัตรคนเก่งช่วยเต้นให้รักดูก่อนได้ไหมคะ? ช่วยหน่อยนะค้า”
รักปายทอดเสียงอ้อนตบท้าย ทั้งยังแย้มพรายให้อย่างน่ารักน่าใคร่เหลือเกิน แค่นี้ผู้ชายอย่างเขาก็อดใจอ่อนไม่ได้ หนำซ้ำทุกคนยังตบมือเชียร์ให้เขาลุกขึ้นเต้นท่าตลก ๆ แทน ก่อนจะสามัคคีกันร้องเพลงเชียร์ลั่นป่าว่า
“ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ มันจะถูกไม้เสียบ
เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา
เอ้า! ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ”
ยิ่งท่อนสุดท้าย รองสารวัตรแผ่นดินยิ่งโยกตัวพลิ้วสะเด็ดสะเด่าเป็นที่สนุกสนานเฮฮามาก จนพริกหวานถึงกับเป่าปากวี้ดวิ้ว ชมเปาะว่า
“โว้ ๆ ๆ ท่าสะเด็ดมากค่าท่านรองฯ เอาอีก ๆ”
“โอย...อย่าดีกว่าครับน้องพริก แค่นี้เอวพี่ก็เคล็ดจะแย่อยู่แล้วเนี่ยเมื่อกี้ดันลืมตัวมากไปหน่อย ปล่อยซะลืมอายุเลย เอาเป็นว่า...เมื่อกี้พี่เต้นแทนน้องรักแล้วนะ งั้นเล่นเกมต่อเลยละกัน เชิญน้องรักหมุนขวดเลยครับ”
ตำรวจหนุ่มหันไปผายมือให้รักปาย แต่ต้องหันมาขำกับคำค้านของพริกหวานว่า “อ๊า...ได้ไงอ่ะ ขี้โกงนี่นา แล้วถ้าเกิดพริกตอบไม่ได้บ้างล่ะ ใครจะเต้นท่าไก่ย่างแทนพริกเล่า ท่านรองฯ เต้นแทนได้ม๊า? น้า ๆ นะค้า”
พริกหวานแสร้งออดอ้อนอยู่ดี ๆ เสียง ๆ นี้ก็แทรกขึ้นว่า
“ก็อ้อนให้คุณพัดเต้นแทนสิ ไม่เห็นจะยาก”
ดรุณีจอมแก่นหันไปค้อนตาขุ่นใส่คนแนะอย่างสัตวแพทย์สาวทันที
ก่อนคู่กัดประจำฟาร์มจะแง่ง ๆ กัน พัดยศรีบเสนอตัวว่า “สำหรับพริก...ไม่ต้องอ้อนก็ได้น้า แค่ยิ้มหวาน ๆ ให้ พี่ก็เต้นสุดใจขาดดิ้นเลยเอ้า”
ยิ่งได้ฟังคำพูดเอาอกเอาใจเช่นนี้ออกจากปากลูกชายผู้ใหญ่เอื้อง หมอน้ำขิงยิ่งรู้สึกกรุ่น ๆ อย่างบอกไม่ถูก หากกระนั้นคำสัพยอกที่ไม่ได้ออกจากปากบ่อยครั้งของคุณพระพาย พลอยทำให้บรรยากาศผ่อนคลายว่า
“หึ ๆ แย่จังเลยนะคะคุณหมอ ดูเหมือนเราสองคนต้องลำบากซะแล้วสิ ไม่มีใครอาสาเต้นแทนมั่งเลย”
คนในวงล้อมต่างขำคิกกับคำแซวนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวรักปายเองที่เผลอตัวหันมาสบตากับรองผู้จัดการหญิงตรง ๆ ลืมความขัดเขินเรื่องตนแลกจุมพิตดูดดื่มกับเขาในคืนข้ามปีไปชั่วคราว ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่เขาจำเรื่องพิศวาสรัญจวนคืนนั้นไม่ได้ ไม่เช่นนั้น...ผู้หญิงหน้าบางอย่างเธอคงต้องหลบหน้าหลบตาเขาไปทั้งชาติแน่ ไม่ใช่แค่อาทิตย์เดียวอย่างที่ผ่านมา
โธ่เอ๋ย...ก็แหงล่ะ...ในเมื่อเธอยังไม่ได้เป็นอะไรกันกับคุณพระพาย นอกจากเจ้านายกับลูกน้อง อ๊าย..เหมือนเธอเป็นคนใจง่ายยังไงไม่รู้ (>//<)
เหอ ๆ แต่เรื่องที่ทำให้เธอต้องหลบหน้าเขาเป็นอาทิตย์ ๆ นั้น เพราะโชคดันไม่ยอมเข้าข้างคนสวยหน้าบางอย่างเธอบ้างน่ะซิ
เมื่อสายวันรุ่งขึ้น...พอเธอเปิดประตูห้องออกมา แล้วเห็นประตูห้องนอนคุณพระพายปิดอยู่ ความรู้สึกพิศวาสรัญจวนใจระคนเหนียมอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เธอไม่อาจห้ามรอยยิ้มแห่งความขวยเขินเอาไว้ได้ ก่อนเปลี่ยนเป็นย่องปลายเท้าในช่วงต้องเดินผ่านห้องเขาให้เบาที่สุด แหม...เธอยังไม่อยากเจอหน้าเขาจัง ๆ ตอนนี้นี่นา เขินจะตายอยู่แล้ว
ครั้นเธอลงบันไดพร้อมฮัมเพลงบอกรักเบา ๆ ด้วยความสุขสดชื่น
‘คำว่ารักต้องพูดเบา ๆ ได้ยินไหมต้องพูดเบา ๆ ...’
ทว่าย่างไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงนุ่ม ๆ ของผู้หญิงสวยสมาร์ตที่เธอคิดว่าเขายังหลับอยู่ กลับเปิดประตูผัวะออกมา เรียกขานเธอทางด้านหลังว่า
‘บอกรักใครหรือคะคุณรัก...”
แค่นั้นร่างเธอเหมือนดั่งถูกสาปไปชั่วขณะ ความตื่นเต้นเขินอาย วิ่งพล่านไปมาตามอณูขุมขน ใบหน้าแดงระเรื่ออย่างช่วยไม่ได้ เคยพยายามห้ามใจไม่ให้เต้นตึกตักโครมครามตามเสียงนุ่มนวลชวนฝันของคุณพระพาย แต่ก็ไม่เคยห้ามได้สักที เป็นแบบนี้ตลอดเลย โอ๊ย..แย่แล้วรักปาย นับวันอาการเธอชักจะหนักข้อขึ้นทุกที หันไปสิ เก๊กหน้าให้เป็นปกติ ตอบเขาซะ
แม้นกระนั้นขาเรียวเล็กของรักปายยังคงยืนจังงังตรงขั้นบันไดนั้น ด้วยยังคิดไม่ออกว่า ควรจะพูดกระไรดี?! กระทั่งเสียงไพเราะนิ่มนวลของคุณพระพายทักเข้ามาอีกครั้งว่า ‘คุณรักคะ...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?’
ที่สุดรักปายก็สูดลมหายใจเข้าปอดรวบรวมความกล้า ค่อยหันไปฉีกยิ้มหวานให้เขา ถึงเช่นนั้นภาษากายของดวงใจที่ล้นไปด้วยความขัดเขินยังเปิดเปลือยออกมาตามแววตาใสนั้นอยู่ดี ในตอนทักทายคุณพระพายว่า
‘เอ่อ...อ่า..อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพระพาย เมื่อคืนหลับสบายไหมคะ?’
พลั้งปากเช่นนั้น รักปายก็อยากจะตบปากตัวเองซักเพียะซะจริง ๆ โถ ๆ ดันถามเรื่องเมื่อคืนทำไม๊...เกิดเขาจำได้ล่ะ อ๊ายยย...ปากหนอปาก!
ถึงอย่างนั้นก็เป็นโชคดีของเธอที่คุณพระพายตอบพร้อมรอยยิ้มว่า
‘อ๋อ...เมื่อคืนพี่หลับยาวจนถึงเช้าเลยล่ะค่ะ แล้วคุณรักละคะ?’
ครั้นรักปายเผลอสบตาสกาวใสดุจดั่งแสงดาวของเขาที่ทอดมองมา บวกกับแก้มสีเลือดฝาดนั่น มันช่างส่งผลมากมายต่อใจของเธอเหลือเกินนัก
ดังนั้นสตรีสวยพิศุทธ์เลยออกอาการเงอะงะ หน้ากลายเป็นสีแดงซ่านร้อนผ่าวเพียงชั่วพริบตา ประหนึ่งรสจุมพิตแสนหวานดูดดื่มลึกซึ้งของคุณพระพายเมื่อคืนนั้น ยังคงติดอยู่ตรงปลายลิ้นเธอ และต้องรีบหลบตาหันหน้าหนีสาวลูกครึ่งแววตาคมทันควัน แถมลิ้นยังพันกัน พูดจาติดขัดว่า
‘อ่ะ...อ๋อ...รัก...รักก็หลับสบายเหมือนกันค่ะ เอ่อ...เดี๋ยว...เดี๋ยวไงรักขอไปหาป้าเฟืองก่อนนะคะ พอดีมีกับข้าวที่อยากทานเป็นพิเศษน่ะค่ะ’
อ๊าย...นี่เธอไม่มีอะไรจะอ้างแล้วเหรอะยัยรักปาย บ้าบอชะมัดเลยเฮ้อ...ไม่รู้ยังไง พออยู่ใกล้ ๆ คุณพระพายตามลำพังทีไร หัวใจเธอจะเต้นแรงทุ๊กที แถมยังพูดติดอ่างเป็นประจำ ให้มันได้ยังงี้สิ๊..ขายขี้หน้าชะมัด T-T
แต่แล้ว! ความคิดตำหนิตนในหัวรักปาย กลับขาวโพลนไปดื้อ ๆ
เมื่อคุณพระพายได้ก้าวลงบันไดมาเกือบถึงขั้นที่เธอยืนแค่หนึ่งขั้น จู่ ๆ เขาก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ เหมือนสังเกตเห็นอะไรสักอย่างตรงด้านหลังเธอ และถามว่า ‘เอ๊ะ! ทำไมหลังคอคุณรักตรงนี้ ถึงมีรอยแดง ๆ จ้ำ ๆ คะ?’
คำถามนี้ของเขาเสมือนสายฟ้าฟาดตรงกลางหัวรักปายดังฉึก!
มิหนำซ้ำภาพรัญจวนป่วนใจที่เธอกับเขากำลังแลกจูบหวาน ๆ กันท่ามกลางเสียงพลุไฟในตอนเที่ยงคืน กลับกระหน่ำเข้ามาให้เธอรู้สึกเขินจัดเสียความมั่นใจ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แถมเลือดแดงซ่านร้อนผ่าวทุกหยดยังพุ่งกระฉูดขึ้นมารวมกันบนหน้าเธอซะแล้ว โอ้...แม่เจ้า! ให้ตายสิ
ทว่า...กว่าเธอจะคิดได้ว่าควรตะปบมือปิดรอยคิสมาร์กนั้นซะ ก็ปาเข้าไปหลายวินาที ก่อนจะชิ่งหนีด้วยเสียงตะกุกตะกักหน้าแดงจัดยิ่งกว่าผลเชอร์รี่ว่า ‘อ๊ะ! คะ...คือ...สงสัย...เมื่อคืนรักคงถูกมดคันไฟกัดแน่ ๆ เลยค่ะ มะ...มิน่าล่ะ ถึงรู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ งั้น...ดะ...เดี๋ยวรักขอไปทายาก่อนนะค้า’
จากนั้นเธอก็วิ่งหนีตุ้บ ๆ เข้าไปแอบในห้องน้ำชั้นล่างด้วยอาการใจสั่นรัวเพราะความลับดันรั่วต่อหน้าเขา พอเธอหมุนตัวดูหลังคอในกระจกเท่านั้น เธอก็อยากจะกรีดร้องดัง ๆ เพราะรอยคิสมันดันเป็นรอยจ้ำแดง ๆ ชัดเจน กรี๊ดดด...แล้วทีนี้เธอจะเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะเนี่ย…ยัยรักปายยย!
นั่นจึงเป็นที่มาว่า ทำไมเธอถึงหลบหน้าคุณพระพายตลอดอาทิตย์ ใจปลาซิวลิ้นพันกันทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเขา เลยบ่นเพ้อให้พริกหวานฟังว่า ทำงานหนักทั้งเดือนแทบไม่ได้พัก อยากจะไปเดินป่าไกล ๆ ดูบ้าง แต่ไม่คิดว่า ยัยพริกหวานจะจัดแจงเสร็จสรรพกับรองสารวัตรแผ่นดินและพี่พัดยศ มันจึงเป็นที่มาของทริปเดินป่าแม่ฮ่องสอน-ปาย เป็นเวลาสามวันสองคืนเพื่อเติมพลังในการทำงาน โดยมีคุณพระพายและพี่หมอน้ำขิงร่วมแจมด้วย
ส่วนเรื่องรอยคิสมาร์กนั่น คุณพระพายเขาจะคิดไหมว่า
เธอแอบไปทำอะไร...กับใคร ในคืนข้ามปีนั้น!
อ๊า...ไม่น้า! เขาจำไม่ได้เองนี่นา อ๊ะ! แต่ถ้าจำได้..มันก็ไม่ดีอีกนั่นล่ะ กรี๊ด ๆ ยัยรักปายเอ๋ย...ยังไงมันก็ไม่ดีวันยังค่ำ แง...อยากจะบร้า! TT-TT
แล้วห้วงภวังค์อิหลักอิเหลื่อระหว่างคุณพระพายกับรักปายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องสะดุดลง เมื่อพัดยศเรียกเธอว่า “น้องรักครับน้องรัก”
พอสาวแฉล้มกะพริบตาเรียกสติไปทางเกษตรหนุ่ม พัดยศก็เริ่มบิ้วอารมณ์สนุก ๆ ให้กับวงเล่นรอบกองไฟต่อว่า
“อ่า...น้องรักครับ เชิญหมุนขวดได้เลยครับ เอ้า...พวกเราได้เวลาลุ้นกันอีกแล้วครับท่าน เอ้า...หมุน ๆ ๆ เอ้...คราวนี้จะเป็นทีของใครน้า....ม่ะ...มาดูกัน อ๊ะ ๆ ๆ ท่านรองแอบเกร็งตัวนิด ๆ นะคร้าบ ผมแอบเห็นน้า หรือกลัวว่าจะถูกล้วงลับตับแตก จนหมดไส้หมดพุงเหรอคร้าบเนี่ย ฮ่า ๆ”
ฝ่ายคนโดนแซวถึงกับลุกพรวดทำหน้าถมึงทึง พลอยทำให้สาว ๆ งุนงงไปตาม ๆ กัน ยิ่งรองสารวัตรหนุ่มหันมาเขม็งตาดุใส่พัดยศ พูดขึงขังว่า
“หึ! ผู้ชายเต็มตัวอย่างคุณพัดจะไปรู้อะไร คนเรามันต้องมีเรื่องลับด้วยกันทั้งนั้น คิดดูสิ เกิดมีใครพิเรนทร์ถามว่า คุณไปขลิบอันนั้นแล้วรึยัง อันนี้...ชายชาติอาชาไนยอย่างแผ่นดิน...” ตำรวจหนุ่มเว้นจังหวะ
ก่อนจะหันมาดัดเสียงกระแดะน่าหยิกอย่างสาวประเภทสองว่า
“ก็แย่น่ะสิฮ้า เพราะแม่ดันจับผิด ตัดให้เป็ดกินไปนานแล้วล่ะฮ่า เค้าเลยต้องเป็นแบบนี้” แถมสะดีดสะดิ้งสะบัดบ๊อบสะบัดตูดแบบกะเทยควายเดินโชว์รอบกองไฟ เรียกเสียงหัวเราะครืนจากทั้งสี่สาวได้มากโข
และทันทีที่รองสารวัตรแผ่นดินเลิกเล่นเป็นกะเทยเรียกเสียงฮา แล้วหย่อนก้นนั่งบนขอนไม้เดียวกันกับพัดยศ เกษตรหนุ่มได้ยื่นปากกระซิบข้างหู แซวเพื่อนสนุกปากต่อว่า “ตกลงว่า ไอ้ลำกระบอกปืน 9 นิ้วที่ผมเห็นคุณเอาออกมายิงกระต่ายเล่นเมื่อตอนบ่าย เพิ่งเอามาต่อเหรอครับ ฮ่า ๆ”
“หึ ๆ ถ้าลำกล้องปืนคุณเล็กไป เดี๋ยวผมจัดให้...เอามะ?”
“เฮอะ! พอเลยคุณ สาว ๆ เยอะ เล่นเกมต่อเถอะ อ่ะ...ตกลงว่าปากขวดชี้ไปทางใครคร้าบ มีใครแอบโกงหันไปทางตัวเองบ้างหรือเปล่าน้า อ้าว ๆ นั่น ๆ ที่แท้ผู้โชคดีของน้องรักก็คือ...คุณหมอน้ำขิงนั่นเองคร้าบ”
ทั้งที่มันเป็นคำแซวธรรมดา ๆ แท้ ๆ แต่คนได้ฟังอย่างพริกหวานกลับวูบไหวแปลบปลาบในหัวใจ ใช่สินะ...ใคร ๆ ก็มีความลับที่ไม่อยากจะเปิดเผยด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องลับในหัวใจของคนแอบรักแบบเธอ
แต่แล้วพริกหวานแทบจะลืมหายใจไปชั่วขณะ เมื่อคุณหนูรักปาย ส่งยิ้มสวยให้คุณหมอน้ำขิงด้วยความสนิทสนม ก่อนจะถามประโยคเด็ดว่า
“ถ้างั้น...รักสงสัยอยู่เรื่องนึง ว่าทำไมจู่ ๆ พี่หมอถึงเปลี่ยนใจจากการเป็นสุดยอดหมอผ่าตัดเหมือนคุณลุงหมอ แล้วหันมาเป็นหมอสัตว์ล่ะคะ ทั้งที่ตอนนั้นพี่หมอเคยบอกรักว่า ร่างกายคน...ถึงจะลึกลับซับซ้อนไปบ้างแต่มันก็เหมือนกันหมด แต่สัตว์น่ะ มันมีหลายพันธุ์เกิน จำไม่หวาดไม่ไหว ตกลงว่า ใคร หรือ อะไร ที่เป็นแรงบันดาลใจให้พี่หมอยอมเปลี่ยนสายมาเป็นหมอรักษาสัตว์แทนคะ? เอ...อันนี้จะตอบหรือจะเต้นดีคะพี่หมอน้ำขิง”
รักปายเย้ารุ่นพี่ที่คบกันมานับสิบปีตั้งแต่สมัยเรียนปายมองบลังค์ โดยไม่รู้เลยว่า คนที่อยากฟังคำตอบใจจะขาด...ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวเท่านั้น หากแต่ยังมีคู่กัดแอบรักเขาอย่างพริกหวาน ที่รอลุ้นจนตัวโก่งเช่นกัน
ส่วนพรพระพายนั้น แม้ภายนอกเธอจะเก็บอาการได้ แต่ใจชักเริ่มหวาดหวั่น อย่าบอกนะว่า ผู้หญิงคนนั้นก็คือคุณรัก! แล้วตกลงว่าไอ้รอยจูบดูดดื่มเป็นจ้ำแดง ๆ ตรงคอคุณรักอาทิตย์ก่อน เป็นฝีมือเราหรือหมอกันแน่! โฮ๊ะ! แต่ไงก็เถอะ อย่าเพิ่งมาทำซึ้งสารภาพรักกันกลางป่าบ้าบอตอนนี้เลย เปล๊า...ไม่ได้หึง ไม่ได้หวงสักนิด นิดเดียวก็ไม่มี...ไม่มีจริง ๆ โธ่เว้ย!!!
ทั้งที่พรพระพายอยากจะสบถหัวเสียออกจากปากดัง ๆ ทว่าผู้ที่ผ่านการฝึกควบคุมอารมณ์และสีหน้ามานานหลายปี ยังคงบังคับสีหน้าให้นิ่งเฉย นั่งบนขอนไม้เดียวกับรักปายได้ดังเดิม พยายามสงบใจให้เยือกเย็น รอฟังคำตอบจากคุณหมอน้ำขิงที่หันมาคลี่ยิ้มละมุนปนเศร้า ก่อนจะเล่าว่า
“พี่ตอบตามตรงว่า ที่พี่หันหลังให้กับความฝันที่จะเป็นแพทย์ผ่าตัดเฉพาะทาง หันมาเป็นสัตวแพทย์นั้น ก็เพราะ...”
“....?!” พริกหวานลุ้นจนตัวเกร็ง อธิษฐานขอไม่ให้เขาทำเพื่อใคร ทว่าคำสารภาพถัดมาของหมอน้ำขิงกลับทำให้ดวงใจหญิงสาวยอกแสลงว่า
“พี่ทำเพื่อผู้หญิงคนนึงค่ะ เธอเป็นคนน่ารักจิตใจดี รักสัตว์มาก ๆ โดยเฉพาะสุนัข จนอยากจะเป็นสัตวแพทย์ แต่...” หมอน้ำขิงหยุดคำพูดไว้
เพียงเท่านี้ พริกหวานก็สามารถต่อประโยคนั้นได้ทันทีทันใดว่า
แต่เธอหัวไม่ดีขนาดนั้น เลยเลือกที่จะเรียนสัตวบาลแทนใช่ไหมคะพี่หมอ ทำไมพี่ไม่สารภาพไปตรง ๆ ล่ะว่า คุณหนูรักเป็นแรงบันดาลใจให้พี่! นี่เราลืมไปได้ยังไงว่าพี่หมอรักคุณหนู รักมานานตั้งสิบ ๆ ปี เราลืมได้ยังไง!!!
ระหว่างห้วงภวังค์อันแสนชอกช้ำของพริกหวานกำลังแล่นเตลิด
ฉับพลันโขลงช้างกลับแผดเสียงลั่นดังแปร๋น!!! ก้องสะท้อนสะท้านไปทั่วไพรกว้างอันแสนมืดมิดในระยะใกล้ กลุ่มของพริกหวานและลูกหาบกะเหรี่ยงอีก 7 คนที่กำลังนั่งผิงไฟแก้หนาว หันขวับไปตามทิศนั้นทันควัน โดยไม่มีใครคาดคิดว่า เสียงโขลงช้างนับสิบเชือกที่กำลังตื่นเตลิดนั้นจะมุ่งมาทางพวกเขาในระยะประชิดเช่นนี้! ทุกคนตะเบ็งลั่นพร้อมกันดัง“เฮ้ย!!!”
นาทีแห่งความโกลาหลอึงอลนั้น! กะเหรี่ยงทั้งเจ็ดที่นั่งล้อมวงแรก ต่างลุกพรวดหน้าตั้ง เปิดตูดแน่บกันไปคนละทาง ฝ่ายรองสารวัตรแผ่นดินหันไปจะคว้ามือสาวในดวงใจอย่างรักปาย แต่ยังช้ากว่ารองผู้จัดการหญิงอย่างคุณพระพาย ที่เป็นฝ่ายคว้ามือเย็นชื้นของรักปายได้ก่อน ซึ่งสาวเจ้ามัวแต่ตาโตตะลึงงัน และพากันเตลิดฝ่าความมืดเข้าไปในป่ารกทึบเร็ว ๆ
เขาเก้อเช่นเดียวกับเกษตรอำเภอพัดยศที่หันขวับมาก็เห็นแค่แผ่นหลังไว ๆ ของสพ.ญ.น้ำขิงกำลังลากคู่กัดเช่นพริกหวาน พากันเปิดเปิงไปในป่าทึมอีกทาง แต่สองหนุ่มไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งใด นอกจากโกยแน่บตับแลบเหมือนกัน เมื่อโขลงช้างบ้าคลั่งอยู่ห่างแค่เพียงระยะเมตร ฤานี่คืออาถรรพ์ลี้ลับแห่งพงพีที่จะทดสอบว่า ใครคือผู้แกร่งกล้าที่จักรอดชีวิตไปจากมัน!
ความคิดเห็น