ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เภตราทยาวีร์...ฉากแรกในความทรงจำ
เภตราทยาวีร์
ทินกรสีเทาหม่นที่กำลังสาดแสงมัวหมองลงมายังท้องสมุทรสีครามเบื้องล่างนี้ ช่างเงียบสงัดกัดกินใจผู้เฝ้ามองอย่าง เภตรา ภัทราวงศ์สกุล ไฮโซสาวที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกเมื่อไม่นานมานี้ และยังได้รับตำแหน่งอาจารย์สอนภาษาเยอรมันในโรงเรียนสตรีชื่อดัง ซึ่งตัวเองเคยเป็นศิษย์เก่าดีเด่น
ภายนอกหญิงสาวผู้นี้ดูจะสมบูรณ์พร้อมไปเสียทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวงหน้าขาวนวลจิ้มลิ้มพริ้มพราย รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นกลมกลึงไปทุกสัดส่วน กิริยามารยาทสวยสมสตรีไทยที่เกิดในสกุลรุนชาติที่เก่าแก่ นิสัยใจคอก็นอบน้อมถ่อมตน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มากไปด้วยความเมตตา ดูได้จากจำนวนเด็กน้อยที่เพิ่มขึ้นในการรับเป็นผู้อุปถัมภ์ แถมสติปัญญายังเฉียบแหลมด้วยดีกรีเกียรตินิยมยอดเยี่ยมจากเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการศึกษาสูง
ภายใต้เปลือกนอกที่สวยหรู ใครเลยจะรู้ว่า หัวใจเศร้าซึมของเธอกำลังถูกคุกคามอย่างรุนแรงจากศัตรูที่เรียกว่า โหยหารัก ทั้งที่รอบกายเต็มไปด้วยชายหนุ่มที่เรียงกันมาให้เธอเลือก ซึ่งพรั่งพร้อมด้วยชาติตระกูลศักดินาที่เท่าเทียม
ทว่า...ผู้เดียวที่เธอคะนึงหาไม่รู้คลาย กลับกลายเป็นหญิงมั่นผมยาวแสนห้าว นามว่า ทยาวีร์
ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? เธอเคยคิดถึงฉันบ้างมั้ย?
นัยน์ตามึนซึมสีน้ำตาลของเภตราเผลอถวิลหาคนไกลอีกเช่นเคย หญิงสาวยังคงปล่อยใจไปกับบรรยากาศโพล้เพล้สีทึมเทาบนกันสาดเรือยอชต์ นับแต่ย่างกรายขึ้นมาราวชั่วโมง ลมทะเลเริ่มแรง พัดปลายผมยาวน้ำตาลไหม้อย่างหยอกเย้า สะบัดชายเสื้อยืดสีเบสตัวโคร่ง กระนั้นเธอก็ไม่นำพา รวมถึงมวลเมฆาสีครึ้มที่กำลังก่อตัวอยู่เบื้องบนอย่างเงียบเชียบ กระทั่งมันเคลื่อนมาบดบังแสงอาทิตย์ยามอัสดง
ปล่อยหยาดละอองฝนให้ค่อย ๆ ปรอยลงมารดต้นแขน เธอจึงยอมล่าถอยออกจากห้วงคำนึง กลับสู่ปัจจุบัน เตรียมหันหลังก้าวเข้าสู่ห้องพักชั้นล่างลำเรือ
แต่แล้ว!
ดวงตาของเภตราต้องเบิกโพลงอย่างตกใจสุดขีดกับใบหน้าดำทะมึนที่เกือบประชิดติดหน้าเธอ ปากเลยเผยอค้าง มือเท้าเย็นเยียบอย่างเฉียบพลันตลอดหัวจรดปลายเท้า อัตราการเต้นของหัวใจยิ่งรัวแรงจนแทบรับไม่ไหว ก่อนที่ร่างจะระทวยกองลงตรงกาบเรือ เธอก็หลุดอุทานเสียงแผ่วว่า
“วีร์...”
เปลือกตาหนาของเภตราเปิดขึ้นอีกครา ขนตางอนงามกะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับแสงพร่า ๆ เวลาอยู่ในม่านหมอกสีจาง เมื่อสายตาคุ้นชินดีแล้ว หญิงสาวได้ส่ายตามองรอบ ๆ และก็ต้องประหลาดใจ เพราะที่นี่คือ
โรงเรียนสตรีปรีดาภิรมย์ครั้งสมัยเธออยู่ ม.ปลาย
โน่นไง!
กันเกราสีเหลืองสดต้นใหญ่กำลังออกดอกบานสะพรั่งอย่างโดดเดี่ยวเหมือนเคย ภาพตรงหน้าทำให้เท้าเปล่าเปลือยเล็ก ๆ มุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความพิศวง ทว่าเมื่อผ่านแมกไม้สีเขียวครึ้มเข้ามาจนถึงดงดอกแก้วสีขาวพิศุทธ์ เธอกลับต้องชะงักฝีเท้าลงฉับพลัน มองภาพข้างหน้าอย่างตื่นตะลึง
เอ๊ะ! นั่นเรานี่
ใช่แล้ว ผู้หญิงผิวขาวนวลรูปร่างเพรียวบาง สูง 165 ซม. ถักเปียยาวสองข้างสีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตากลมโตสีเดียวกัน สวมเชิ้ตแขนยาวตามแบบฟอร์มของนักเรียน ผูกเนกไท กระโปรงลายสก็อตสีเทาที่กำลังยืนอยู่กลางกลุ่มคนนั้น คือเธอในวัยเพียง 18 ปี ซึ่งขณะนี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก มันอัดแน่นไปด้วยความอึดอัดลำบากใจ ส่วนด้านขวาของเธอจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...ทยาวีร์ สาวร่างสูงโปร่งในชุดฟอร์มเดียวกันได้ปล่อยผมยาวสีดำขลับราวเส้นไหมชั้นดีแผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง ตอนนี้กำลังใช้สายตาจดจ้องผู้หญิงที่ยืนเยื้องเธอไปอีกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ไม่ช้า...บรรยากาศก็คุกรุ่นขึ้น เพราะเสียงแว้ด ๆ ของชิดจันทร์
“ยัยเภ! ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า เธอจะกล้าทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในเวลากลางวันแสก ๆ แบบนี้ได้ อ้อ...หรือว่าทำกันจนเคยชินแล้วสิท่า ถึงได้ไม่รู้จักคำว่า ไร้ยางอาย ฮึ! นี่ถ้าคุณหญิงย่ารู้ว่า หลานสาวที่ท่านรักและหวงแหนนักหนา ดันมีรสนิยมแบบนี้ เธอคิดว่าท่านจะรับได้เหรอะ? ไหนตอบฉันมาสิ!”
ชิดจันทร์...ลูกพี่ลูกน้อง สาวสมส่วนผิวขาวเหลือง นัยน์ตารีเล็กดั่งลูกครึ่งจีนเอาแต่คาดคั้นคำตอบจากเภตรา ใบหน้ามนเกลี้ยงเกลานั้นออกแนวร้าย ๆ ซ้ำริมฝีปากยังเหยียดหยันด้วยความสะใจในสิ่งที่ตัวเองค้นพบ จากนั้นเธอก็หันไปพูดจากระแนะกระแหนเพื่อหาแนวร่วมที่ยังยืนอึ้งอยู่ข้าง ๆ
“ชิ! ดูสิคะพี่กมล พอถูกจับได้เข้าหน่อยก็มาทำตัวบื้อใบ้ซะยังงั้น อู๊ย...นี่ถ้าพวกเราไม่ได้มาพิธีปัจฉิมนิเทศ ม.6 ในวันนี้ก็คงไม่มีใครรู้ความจริงหรอก ว่า ยัยเภมีรสนิยมแปลก ๆ ชอบเพศเดียวกัน จันทร์ว่า เรารีบไปบอกคุณหญิงย่ากันดีกว่าค่ะ อยู่แถวนี้นาน ๆ พาลจะคลื่นไส้เอา”
ชิดจันทร์ประชดพลางส่งสายตาจิกกัดเภตรา ก่อนรั้งร่างสูงใหญ่ของชิดกมลพี่ชายให้เดินไปอีกทาง หากต้องชะงักงัน เมื่อ...
“เดี๋ยวจันทร์! เธออย่าเพิ่งเข้าใจเภกับวีร์ผิดสิ เมื่อกี้ผงเข้าตาเภ วีร์ก็เลยช่วยเขี่ยให้ จันทร์อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ไปเลยนะ เพราะคุณหญิงย่าเพิ่งจะหายป่วยด้วย ถือว่าเภขอร้องล่ะ” เภตราพยายามวิงวอนด้วยคำพูดและแววตา
“ฮึ! จ้างให้ก็ไม่เชื่อ กอดกันซะกลมดิกแถมหน้ายังติดกันซะขนาดนั้น เธอจะอธิบายว่ายังไง?” คำถามแทงใจของชิดจันทร์ยังซัดเข้ามาอีก ไม่ปล่อยเวลาให้เธอได้ตั้งตัวสักนิด ดวงตาไหวระริกของเภตราจึงหลุบมองพื้นแทน เพราะภาพที่เห็น...มันยากเกินกว่าจะอธิบาย ให้พ้นข้อกล่าวหาจริง ๆ
“โอ๊ย...จันทร์ทนไม่ไหวแล้วล่ะพี่กมล แหม...เวลาอยู่ต่อหน้าคุณหญิงย่าละก็ทำตัวเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย ที่แท้ข้างในก็เน่าเฟะยิ่งกว่าหนอนชอนไชซะอีก”
ชิดจันทร์กระทบกระเทียบใส่ไม่หยุด จนคนที่นิ่งฟังมานานหมดความอดทน ส่งเสียงเข้มโต้กลับทันควัน
“หยุดดูถูกเภเดี๋ยวนี้เลยนะจันทร์!”
นัยน์ตาสีดำสนิทของทยาวีร์ลุกวาว บ่งบอกว่าเอาจริง
“อะ...วีร์! นี่วีร์กล้าตะโกนใส่หน้าจันทร์เลยเหรอะ? ทั้ง ๆ ที่เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กนะ ก่อนที่วีร์จะรู้จักยัยเภได้แค่ 3 ปีด้วยซ้ำ ฮึ! ก็ได้...ถ้ายังงั้น ยัยเภ...เธอกล้ายืนยันต่อหน้าฉันมั้ยล่ะว่า เธอไม่ได้คิดอะไรกับวีร์จริง ๆ”
คำถามกระแทกใจส่งเข้ามาอีกคราทำให้ความสงัดปกคลุมทั่วอาณาบริเวณ นำมาซึ่งความอึดอัดคับข้องใจกันไปทุกฝ่าย ไม่เท่านั้น สายตากดดันทั้งสามคู่ยังเพ่งเล็งมาที่เธออย่างรอคอยคำตอบ จนเภตราเผลอกัดริมฝีปากล่างด้วยความอึดอัดลำบากใจ แต่แล้ว ตัวเร่งเวลาอย่างชิดจันทร์ก็ระเบิดเสียงเล็กแหลมขึ้น
“ยัยเภ! ถ้าเธอยังทำตัวเป็นคนใบ้อยู่ยังงี้ ฉันก็จะไปบอกคุณหญิงย่าตามที่เห็นละกัน ไปค่ะพี่กมล”
“ฟังก่อนสิจันทร์! เภไม่เคยคิดอะไรกับวีร์เลย ต่อให้ถามอีกซักกี่ครั้ง เภก็จะตอบแบบเดิม ที่สำคัญเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน จะมีความคิดแบบนั้นได้ยังไง? มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ...” แววตาของเภตรายังดูละล้าละลังเวลาตอบ แม้เจ้าตัวจะพยายามปกปิดแค่ไหน แต่คนที่กำลังจับพิรุธก็สังเกตได้อยู่ดี
“งั้นเธอกล้ามองหน้าวีร์ แล้วพูดว่าไม่ได้รักวีร์ได้หรือเปล่า?” คำท้าของชิดจันทร์ทะลุขึ้นกลางปล้อง
คนที่ยังไม่พ้นข้อหาก็ตาลุก หัวใจเต้นถี่ยิบ ริมฝีปากเผยอค้าง มือเปียกชื้นสั่นน้อย ๆ จนต้องกำเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เภตราได้พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อผ่อนความรู้สึกกดดันที่อยู่ภายในให้คลายลง ก่อนจะรวบรวมสติ ผินหน้ามาทางคนเคียงข้าง จับจ้องดวงตาสีนิลนิ่ง ๆ ของทยาวีร์ที่แฝงแววซีเรียสปนออกมา ถึงกระนั้น สาวเภตราแววตาสั่นก็ยังทำใจกล้า เดินหน้าประกาศคำ ๆ นี้ออกไป!
“วีร์
วีร์ก็รู้ใช่มั้ยว่าเราสองคนเป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น เภไม่เคยรักและไม่มีวันรักวีร์ในแบบที่จันทร์กำลังคิดอยู่ เภไม่อยากให้ใคร ๆ เข้าใจเราสองคนในแบบผิด ๆ อีก โดยเฉพาะคน ๆ นั้นคือ คุณหญิงย่า วีร์เข้าใจเภนะ เภ...”
และแล้ว สาวน้อยเภตราก็ไม่สามารถเอ่ยวาจาตัดรอนต่อไปได้อีก เธอจึงเสหลบตาไหวระริกไปทางอื่นแทน
“พอได้แล้วล่ะเภ ไม่ต้องพูดอีกแล้ว”
ทยาวีร์ห้ามด้วยการใช้มือปิดริมฝีปากอิ่มของเภตราด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ก่อนจะหันไปกล่าวเสียงเคร่งเครียดกับชิดจันทร์
“ทุกอย่างที่เภพูดมานั้นกระจ่างหมดแล้ว หวังว่าจันทร์จะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดให้เภเสีย ๆ หาย ๆ นะ ถือว่าวีร์ขอ” คำพูดของทยาวีร์อ่อนลงในเชิงขอร้อง
ครั้นเห็นแววตาอ่อน ๆ ของทยาวีร์ ชิดจันทร์ก็จำต้องพยักหน้าแบบจำใจ
แล้วทยาวีร์ก็หันมาสิ่งยิ้มอ่อน ๆ ระคนเจ็บปวดให้เภตราแทน ถึงแม้จะเป็นเพียงชั่ววินาทีสั้น ๆ แต่มันกลับกระแทกใจคนมองยิ่งนัก ก่อนเขาจะเอ่ยประโยคนี้
“นี่ก็ได้เวลาเข้าหอประชุมแล้ว วีร์ไปก่อนนะ... เภ”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของทยาวีร์ ก่อนเขาจะฝืนยิ้ม ตบไหล่เธอเบา ๆ ในเชิงอำลา แล้วหันหลังเดินจากไปอย่างเนิบช้า โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่าแสนยานุภาพแห่งคำอำลาของเขานั้น มันช่างร้ายกาจและสั่นคลอนความรู้สึกหนักแน่นที่เภตราประกาศขึ้น เพื่อเป็นเกราะกำบังตัวเองให้พ้นจากข้อกล่าวหามากเพียงไร
และนั่นก็เป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายเกี่ยวกับทยาวีร์ ที่นำความร้าวรานใจมาสู่เธออย่างมากมายจนกระทั่งทุกวันนี้
แล้วทันทีที่เภตราในร่างปัจจุบันได้เห็นร่างระหงของทยาวีร์ในชุดนักเรียนวัย 18 ปีเดินผ่านพุ่มไม้ไปด้านหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ
“วีร์ ๆ วีร์อย่าเพิ่งไป ฟังเภก่อน
” เสียงแหลมใสของเภตราวัย 25 ก็ลืมตัว ตะโกนขึ้นอย่างสุดเสียง แต่กลับไร้ผล
ดังนั้น สาวร่างเล็กจึงรีบออกจากพุ่มไม้ที่ซ่อนตัว เร่งซอยเท้าตามไป ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถตามทยาวีร์ได้ทันเลย ต่อให้เธอวิ่งเต็มกำลังสักแค่ไหน ระยะห่างระหว่างกันก็ยังคงเดิมอยู่ดี
และจู่ ๆ ร่างของทยาวีร์...คนใจร้าวก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาเธอ!
.........................................................................................
.........................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น