คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 สามสี่เรา...เอาไงกัน?
บทที่ 7 สามสี่เรา...เอาไงกัน?
เพียงแค่พริกหวาน ซึ่งอยู่ในชุดนอนผ้าสำลีเนื้อหนานุ่มสีฟ้าเขียว ย่างเท้าผ่านประตูบ้าน ขึ้นบันไดได้สามสี่ขั้นด้วยท่าทางงัวเงียสะลึมสะลือ
จู่ ๆ แสงไฟในบ้านดับพรึ่บลงดื้อ ๆ หญิงที่ความง่วงเข้าครอบงำแค่เงยหน้ามองฝ่าความมืดอย่างเคยชิน และบ่นว่า
“ดับอีกล่ะ ไมพักนี้ดับบ่อยจัง (หาววว...) แต่ง่วงอ่ะ...ไปนอนดีกว่า”
พลันเสียงกรี๊ดดด..!!! ของรักปายแว่วมาตามลมจากเรือนบาหลีล้านนาหลังใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล วินาทีนั้นเองที่นัยน์ตาหรี่ปรือของพริกหวานลุกโตด้วยความตระหนกตกใจ ความง่วงงุนหายเป็นปลิดทิ้ง
และไม่ต้องคิดถึงสิ่งใด...องครักษ์พิทักษ์คุณหนูรักอย่างพริกหวานรีบกลับหลังหัน ก้าวเท้าพรวดพราดลงกระไดบ้านทั้งที่มืด ๆ
“โอ๊ะ!” สาวผมสั้นหน้าม้าอุทานด้วยความตกใจ เพราะดันก้าวเท้าผิดจังหวะ ร่างเลยร่วงลงมาแทน หน้าเกือบคะมำในท่าจับกบตรงพื้นไม้แข็ง
ถ้าไม่มีอ้อมแขนและร่างสูงโปร่งของหมอน้ำขิงรับร่างพริกหวานไว้ ทว่าแรงกระแทกทำให้คนช่วยเอง หัวโขกกับพื้นดังโป๊ก! ล้มกองไปด้วยกัน
วินาทีนั้นเองที่กลีบปากนุ่มนิ่มของพริกหวานประกบบนปากนุ่มๆ ของสพ.ญ.น้ำขิงพอดี มิหนำซ้ำฝ่ามือเล็กยังตะปบหนึบตรงหน้าอกสุดนุ่มของคุณหมออีก ตาคนทั้งคู่เลยพองโตยิ่งกว่าไข่ห่านที่เขม็งกันผ่านความมืด นั่นยิ่งทำให้ความรู้สึกช็อกตะลึง เคอะคะ หวามไหว พลุ่งพล่านปรู๊ดปร๊าดทั่วร่างสาวน้อยพริกหวาน และดูเหมือนว่าโลหิตแห่งความเคอะเขินอับอาย จะย้อนมารวมกันบนหน้าเธอ ซึ่งร้อนจัดยิ่งกว่าถูกท่อนไฟแดง ๆ นาบลงมา
หากทว่าไม่ช้า...พริกหวานก็หลุดจากอาการตื่นตะลึง รีบลุกพรวดจากร่างหอมสดชื่นแข็งแรงของคุณหมอที่ยังกองบนพื้นแข็ง ๆ และผินหน้าแดงก่ำร้อนจัดไปทางอื่น แก้ขัดเขินตามสไตล์ แม้เสียงจะตะกุกตะกักว่า
“คะ...ใคร ใครใช้ให้มายืนแถวนี้เล่า เห็นป่ะ...เจ็บตัวกันหมดแล๊ว”
คนถูกทับที่เพิ่งลุกขึ้นจากพื้นห้องได้ ถึงกับลืมความเจ็บเรื่องศีรษะตัวเองกระแทกพื้นดังโป๊กเมื่อกี้ ร้องเสียงหลงประชดว่า
“ห๊ะ! นี่ฉันทำบุญบูชาโทษงั้นเหรอะ! ผู้หญิงอะไร...ไม่น่ารักซะเลย จะขอบคุณซักคำก็ไม่มี รู้งี้ปล่อยให้ตกบันไดคอหักตายซะก็ดี นี่คิดว่าตัวเองเบาหวิวยังกะปุยนุ่นรึยังไงไม่ทราบ จะบอกให้นะ ว่าตัวเธอน่ะ...หนักยิ่งกว่าช้างน้ำที่ฉันเคยอุ้มซะอีก โอ๊ย...กระดูกกระเดี้ยวฉันจะหักหรือเปล่าก็ไม่รู้”
หญิงซุ่มซ่ามแก่นแก้วเริ่มโมโหที่โดนแขวะอย่างนั้น เลยสวนว่า
“ชิชะ...เกินไปล่ะ! ถ้าผู้หญิงผอมเพรียวอย่างพริกหนักกว่าช้างน้ำ..โลกนี้ก็ไม่มีใครอ้วนแล๊ว แล้วเมื่อกี้ใครเขาขอให้ช่วยล่ะ คุณพี่หมออยากเอาตัวเข้ามารับพริกเองนี่นา”
“หนะ...หน็อย...หน็อยแน่...ยัยพริกแสบ! เธอนี่มัน...มัน...”
สพ.ญ.น้ำขิงขุ่นใจจนนึกคำโต้ท่ามกลางความมืดไม่ออก
แต่ความมืดสนิทนี้ กลับเป็นโชคดีของพริกหวาน
นั่นเพราะใบหน้าเนียนใสยังคงเป็นสีแดงสุกก่ำกับเรื่องจูบไม่ตั้งใจเมื่อครู่ และเพื่อต้องการกลบเกลื่อนอาการตื่นเต้นเขินจัดในใจ หญิงน่ารักแก่นเซี้ยวเลยแสร้งแถเข้าไปใกล้ หาเรื่องยั่วเขาได้ต่ออีกว่า
“มัน...มันอะไรเหรอคะคุณพี่หมอขา แหม ๆ หรืออยากจะบอกว่า พริกหวานเธอนี่มันน่ารักมากชิมิล๊า คิก ๆ ถ้าเป็นอันนั้น...พริกรู้แล้วล่ะค่า”
ครั้งนี้สัตวแพทย์สาวเมืองย่าโมโต้ทันทีทันควันว่า
“เฮอะ...ฝันไปเถอะ! ว่าคนอย่างฉันจะสมองเบลอ พูดคำชวนอ้วกนั่นกับเธอ อื้อ...แล้วเมื่อกี้นี้เธอจะรีบอะไรกันนักกันหนาเหอะ ถ้าแข้งขาหักขึ้นมา...ฉันมีแต่เฝือกรองเท้าม้านะจะบอกให้”
พอแพทย์สาวทักเช่นนั้น ตาหญิงผู้พิทักษ์ถึงกับเบิกโต และร้องว่า
“เฮ้ย! ตายล่ะ...” สิ้นคำ พริกหวานตั้งท่าจะสาวเท้าไปบ้านนั้นอีก
แม้กระนั้นเจ้าตัวกลับถูกคุณหมอน้ำขิงจับหมับตรงข้อมือ ทั้งขัดว่า
“จะไปไหนน่ะยัยแสบ...นี่มันดึกมากแล้วนะ”
“เอ้า...พริกก็จะรีบไปหาคุณหนูน่ะสิพี่หมอ เมื่อกี้พี่ไม่ได้ยินคุณหนูร้องเหรอะ โอ๊ะ...ตายล่ะ! ไม่รู้เป็นไรมากรึเปล่า เอ้า...ปล่อยสิ คนจะรีบไป”
พริกหวานพยายามปลดข้อมือบางของตัวเอง ออกจากการจับยึดของเขา แต่ทว่าไม่สำเร็จ แถมสัตวแพทย์หญิงร่างโปร่งผมยาวตรงเคลียไหล่ยังเปลี่ยนมายืนข้าง ๆ ตะปบหมับ แล้วคล้องไหล่เธอไว้มั่น เป็นท่าบังคับที่ทำให้เธอต้องก้าวขึ้นบันไดบ้านพร้อมเขา ทั้งฟังเขาเทศนาซะยาวเหยียดว่า
“ยัยพริกแสบ...เธอเลิกยุ่งเรื่องชาวบ้านสักทีได้ไหม ไปนั่งเฝ้าอะไรได้ทุกคืน เพื่อนเธอเขาโตแล้วนะ แถมยังเป็นถึงเจ้าของกิจการอีกต่างหาก และเมื่อกี้น้องรักคงแค่ตกใจอะไรมากกว่า เนี่ยเสียงก็เงียบไปล่ะ ที่สำคัญ...บ้านนั้นยังมีซูเปอร์วูแมนอย่างคุณพระพายทั้งคน รายนั้นเก่งกาจจะตายไป ส่วนเธอน่ะ...ก็ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำอีกตั้งเยอะ...ป่ะ”
“แต่ว่า...” เสียงเล็ก ๆ ของคนถูกโอบเป็นครั้งแรก อดแย้งไม่ได้
“ไม่ต้องแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าเธอยังขืนพูดมากอีก เดี๋ยวฉันจับกดนะ”
“หา! ว่าไงนะ” พริกหวานร้องเสียงหลงอย่างตกใจ
ทว่าพริกหวานกลับถูกสัตวแพทย์สาวลากเข้าไปในห้องนอนของเธอเอง ก่อนเขาจะย้ำชัด ๆ ให้หญิงบริสุทธิ์เช่นเธอหัวใจเต้นแรงอีกคำรบว่า
“ก็จับกดลงบนที่นอนน่ะสิ เธอจะได้หลับซะที ฉันง่วงจะตายชัก”
สิ้นคำ สพ.ญ.น้ำขิงซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ในชุดนอนลายทางสีฟ้าขาว ได้ทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียงพริกหวาน โดยไม่สนใจเจ้าของห้องเลยว่า
จะตาเหลือกพองยิ่งกว่าไข่นกกระจอกเทศแค่ไหน!!!
“ดะเดี๋ยว! พี่หมอมานอนห้องพริกทำไม ไปนอนห้องตัวเองสิ..ไป”
ดรุณีน้อยหัวใจเต้นแรงว่าพลาง พยายามใช้สองแขนฉุดร่างนั้นขึ้นจากที่นอน แต่ดูเหมือนแรงเธอยามนี้ จะเป็นแค่กำลังของมดตัวจ้อยสำหรับหญิงสูงถึง 170 และเขายังสะบัดมือพริกหวานออก หยิบหมอนขึ้นมาปิดหัวงอแงใส่เจ้าของห้องอย่างเธออีกว่า “ฮื่อ...ง่วง คนจะนอน อย่ายุ่งได้ไหม!”
“บ้าน่ะสิ! จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง ก็นี่มันที่นอนพริกน้า พี่หมอนั่นแหละออกไปซะทีสิ บ้านตัวเองอยู่ข้างหลังโน่น...ลืมแล้วเหรอะไง ไปสิ...ไป”
พริกหวานประท้วงหนัก ทั้งพยายามฉุดสาวร่างสูงอย่างคุณหมอให้เขากลับไปยังบ้านเล็กน่ารักที่สร้างด้วยการให้กำแพงชิดกับบ้านเธอ โดยมีประตูทางเข้าเป็นของเขาเอง เพื่อความเป็นสัดเป็นส่วน เนื่องจากคุณหนูรักไม่อยากให้ผู้หญิงอย่างพี่หมอต้องอยู่รวมกับคนงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และอยากจะให้บ้านที่สร้างขึ้นใหม่ดูกลมกลืนเหมือนเป็นเรือนหลังเดียวกันกับบ้านของเธอ ซึ่งอันที่จริง...ครอบครัวเธอเป็นเพียงแค่ผู้อาศัยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คุณหนูรักก็ช่างให้เกียรติพ่อกับแม่ของเธอเหลือเกิน ด้วยการเข้ามาขออนุญาตเรื่องจะต่อเติม พร้อมกับขอฝากฝังพี่หมอน้ำขิงที่จะเข้ามาทำงานใหม่ ให้พวกท่านเอ็นดูเสมือนเป็นลูกหลานอีกคน
พอพี่หมอน้ำขิงย้ายมาทำงานที่ฟาร์ม คราวนี้เธอเลยได้เห็นหน้าเขาตั้งแต่เช้ายันดึก เพราะพี่หมอไม่ค่อยจะอยู่บ้านตัวเอง ชอบขลุกอยู่แต่บ้านคนอื่น แถมประจบแม่เฟืองของเธอให้ทำนู่นนี่นั่นให้กินบ่อย ๆ จนเขากลายเป็นลูกรักแทนเธอไปซะแล้ว เวลาจิกกัดกันทีไร...แม่ก็เข้าข้างเขาทุกที
เฮ้อ...แล้วแบบนี้ เธอจะเอาหัวใจตัวเอง หนีเขาพ้นได้อย่างไรน้า เวลาไม่ได้พูด ไม่ได้คุยกับพี่เขา มันก็ช่างหงอยปาก เหงาใจยังไงไม่รู้
แต่ใช่ว่าทุกสิ่งเป็นเรื่องบังเอิญ ที่เธอและพี่หมอได้โคจรมาเจอกัน
ถ้าเมื่อหลายเดือนก่อน...คุณหนูรักไม่มาปรึกษากับเธอว่า
จะไปหาสัตวแพทย์เก่ง ๆ ดี ๆ ได้จากไหน เพราะไอ้ที่ฝีมือดีก็เรียกค่าตอบแทนซะแพงเว่อร์จนจ่ายไม่ไหว ส่วนบางคนพองานเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็ชิงลาออกไปอยู่โรงพยาบาลสัตว์ใหญ่ ๆ รึไม่ก็ไปตั้งคลินิกส่วนตัวกันหมด
ด้วยความรักและความคิดถึงที่เธอเพิ่งรู้ซึ้งถ่องแท้ ซึ่งมันเริ่มตั้งแต่ที่พี่หมอน้ำขิงต้องไปฝึกงานต่างจังหวัด การโต้คารมประจำระหว่างเธอกับพี่เขาก็หายไป พร้อมความอ้างว้างเงียบเหงาที่เข้ามาเกาะกินใจเธอ และพอเรียนจบ พี่เขายังเลือกไปทำงานในโครงการศูนย์เรียนรู้การผลิตปศุสัตว์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่ภาคใต้ นั่นยิ่งทำให้เธอห่างไกลจากเขาทุกที
นี่จึงเป็นที่มา...ที่ทำให้เธอเสนอชื่อพี่หมอน้ำขิงเป็นคนแรก เพราะได้ยินว่าครอบครัวเขาที่โคราชมีฐานะดี และเขายังต้องการหาประสบการณ์อีก 5 ปี แม้นคุณหนูรักจะแปลกใจที่เธอเสนอชื่อคู่กัด แต่เธอยังเฉไฉไปได้
แต่ว่าเธอมันเป็นคนประเภทปากไม่ตรงกับใจ พอจะคิดจะพูดอะไร ก็กลายเป็นตรงข้ามไปหมด เลยต้องแสร้งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพี่เขายังงี้
ทว่ายังไงก็เถอะ อยู่ ๆ จะให้เธอนอนกับเขาง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะ!
บ้าน่ะสิ! ขืนให้เขานอนเตียงเดียวกัน ไอ้พริกหวานคนนี้ต่างหากที่จะนอนไม่หลับ โอ๊ย..ใจเต้นแรงทั้งคืนแน่งานนี้! ไม่เอาอ่ะไม่อาว... ( >//<)
แต่ว่าจู่ ๆ อารมณ์ความรู้สึกอันแสนสับสนหวั่นไหวของพริกหวาน กลับสะดุดหัวทิ่มไม่เป็นท่า เมื่อหมอสาวมาดเซอร์เรือนผมยาวดกดำโยกตัวขึ้นนั่ง ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ทั้งปรามาสใส่คนฟังถึงกับเอ๋อไปเลยว่า
“นี่! ยัยพริกกะเหรี่ยง ใครเขาอยากจะนอนกับเธอเฮอะ จะบอกให้นะว่า หมออย่างฉันน่ะยังมีสติดีอยู่ ฉันจึงไม่คิดอุตริจะทำอะไรเธอซักกะติ๊ด นี่ถ้าลุงถินป้าเฟืองไม่ไปธุระด่วนที่เชียงรายหลายวัน และขอให้ฉันนอนเป็นเพื่อนเธอละก็...จ้างให้ก็ไม่มา ที่สำคัญ! ต่อให้เธอแก้ผ้าล่อนจ้อนต่อหน้าฉัน ฉันยังต้องคิดดูก่อนเลย เพราะงั้นตอนนี้นอนได้ยัง...ฉันง่วง! อ้อ...แต่ถ้าเธออยากนอนพื้นก็ตามสบาย ส่วนฉันน่ะขี้หนาว ยังไงฉันก็จะนอนบนนี้...เค๊!”
เสียดสีเยาะหยันให้คนฟังอย่างพริกหวานแทบกระอักเลือดตรงนั้น คุณหมอน้ำขิงฝีปากกล้าก็ล้มตัวลงนอน พร้อมดึงผ้านวมผืนหนาสีครีมลายวินเทจขึ้นคลุมโปง โดยไม่สนหญิงเอ๋อร่างบางที่อยากจะกรีดร้องดัง ๆ ว่า
กรี๊ดดด...มันจะมากเกินไปแล้วน้า!!!!!!
ถึงอยากกู่ก้องร้องตะโกนใจจะขาด แต่พริกหวานจำต้องกดความโมโหคั่งแค้นไว้ เพราะดึกดื่นเกินไปที่จะโต้เถียง อย่างไรก็ดี สาวหน้าอ่อนใสยังค่อนว่า “ทำไมเจ้าของห้องอย่างฉันต้องนอนพื้นด้วย เฮอะ...ฝันไปเหอะ และเรื่องอะไรที่จะให้คนบ้ามานอนสบายบนเตียงคนเดียว เชอะ...เถิบป่ะ”
พริกหวานว่าพลางเบียดตัวลงบนที่นอนด้วยหน้ามุ่ย ๆ โดยไม่รู้ว่า คนคลุมโปงแอบแตะริมฝีปากตนเองที่ยังคงร้อนวูบวาบอย่างครุ่นคิดสับสนว่าตอนปากประกบกันโดยไม่ตั้งใจ ความรู้สึกแรกที่พุ่งเข้ามา...คืออะไร?!
จิ๊บ ๆ ๆ ...
เสียงสกุณานานาชนิดร้องหรีดแหลมน่าฟังท่ามกลางธรรมชาติรอบบ้านล้านนา-บาหลี ทั้งยังมีแสงแรกอรุณงามยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางแนวบานหน้าต่างกระจกใสสูงด้านหลัง ทำให้เปลือกตาคู่งามของคุณหนูรักปายที่ปิดสนิทมาตลอดทั้งคืน ค่อยกะพริบถี่ ๆ อย่างต้องการจะปรับแสง
ทว่าทันทีที่รักปายลืมได้เต็มตา หัวใจของเธอกระตุกวูบด้วยความผิดหวัง เพราะภาพแรกที่หญิงงามพิศคาดหวังนั้น คือใบหน้าเรียวเก๋มีเสน่ห์ของคุณพระพาย ซึ่งเมื่อคืน...เธอกับเขาน่าจะเผลอหลับไปบนโซฟาด้วยกัน ครั้นกวาดตาไปรอบห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งสวยเรียบง่ายสไตล์ล้านนา-บาหลี กลับพบแค่ความว่างเปล่า มีเพียงผ้านวมนุ่มผืนหนาสีเขียวนกเป็ดน้ำลายคลาสสิกเรียบหรู ที่ห่มคลุมร่างอ้อนแอ้นอรชรของรักปายไว้เท่านั้น
แค่นี้...รอยยิ้มสวยถึงกับแย้มพรายออกมาจากเรียวปากชมพูอิ่มของรักปายด้วยความรู้สึกอิ่มเอมเปรมใจ เนื่องจากผ้าห่มหอม ๆ ผืนนี้นั้นเป็นของหญิงสมาร์ตหน้าสวยเท่แฝงเสน่ห์ดึงดูด ซึ่งเธอแอบมีใจประดิพัทธ์ และยิ่งหญิงสะคราญยกผืนผ้าขึ้นสูดดม กลิ่นออเดอโคโลญจน์หอมสดชื่น มีเสน่ห์เฉพาะกายคุณพระพาย เหมือนจะหอมติดจมูกของเธอเหลือเกินนัก
อื้ม...หอมจัง เอ...ว่าแต่...คุณพระพายหายไปไหนน้า ทำไมตื่นไวจัง
คิดตั้งคำถามได้เพียงครู่ รักปายก็ได้ยินเสียงกุกกักเบา ๆ ดังมาจากทางห้องครัวด้านหลัง อนงค์นางร่างแบบบางจึงลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ที่อิงแอบแนบกายมาทั้งคืน พร้อมสาวเท้าไปทางนั้น ทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่า คิก ๆ หรือว่าพี่เขาจะเข้าไปชงอะไรร้อน ๆ ให้เราดื่มน้า
ครั้นนารีพักตร์พริ้มก้าวเข้าครัว บัดนั้นใจสดชื่นคราแรกกลับฟีบลง
เมื่อคนที่กำลังวุ่นเตรียมวัตถุดิบเพื่อมาทำอาหารเช้าบนเคาน์เตอร์คือป้ามะขาม...ลูกพี่ลูกน้องของป้ามะเฟือง ที่รับใช้กันมานานหลายปีดีดัก
แววตาของกัลยาผู้คาดหวังนั้น อ่อนแสงลง อดค่อนตนเองไม่ได้ว่า
ฮื่อ...พักนี้เราชักจะเพ้อเจ้อเกินไปล่ะ แอบคิดได้ไงว่าคุณพระพายเขาจะตื่นเช้ามาชงอะไรให้เราดื่ม ในเมื่อ...เรากับเขา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน สักหน่อย นอกจากรองผู้จัดการกับเจ้าของฟาร์ม เฮ้อ...บ้าชะมัด!
รักปายลอบถอนหายใจผิดหวังออกแผ่วเบา ก่อนเธอจะเตรียมตัวหันหลัง สาวเท้าออกจากห้องครัว หากกระนั้นป้ามะขามยังทันหันมาเจอะจนได้ จึงเอ่ยทักนายหญิงน้อยด้วยเสียงแจ่มใสรักใคร่ดังเคยว่า
“อ้าว...คุณหนูรัก ตื่นแล้วหรือคะ เอ...นี่ป้าขามทำเสียงดังจนทำให้คุณหนูตื่นหรือเปล่าคะเนี่ย?” หญิงวัย 50 กว่า ๆ ออกตัวด้วยความเกรงใจ
ดังนั้นสาวเอวบางหน้าใสจึงเปลี่ยนใจที่จะกลับขึ้นห้อง หันไปส่งยิ้มหวานให้พร้อมก้าวเข้าไปใกล้ท็อปเคาน์เตอร์ไม้ที่ป้ามะขามยืนเตรียมของ พลางเจรจาเสียงอ่อนหวานตามนิสัยว่า “อ๋อ...ไม่หรอกค่ะป้าขาม ปกติรักก็ตื่นเวลานี้อยู่แล้วล่ะค่ะ ว่าแต่...วันนี้ป้าขามจะทำอะไรให้รักกินค้า?”
ป้ามะขามยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูเหมือนเคย ส่วนสองมือสาละวนกับการแกะเปลือกกุ้งใกล้ซิงค์ล้างจาน ทั้งพูดเจื้อยแจ้วให้ฟังว่า “อ๋อ...ป้าว่าจะทำข้าวต้มกุ้งให้คุณหนู แล้วจะคั้นส้มที่ท่านรองสารวัตรแผ่นดินอุตส่าห์เก็บจากต้นสด ๆ เอามาฝากคุณหนูเมื่อวานไงคะ แหม..ท่านรองนี่ หน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี แถมเอาใจใส่คุณหนูรักจังเลยนะคะ ส้มพวกนี้ก็ส๊วยสวย รสเปรี้ยวอมหวานกำลังดีเลย ดื่มแล้วคุณหนูจะได้รู้สึกสดชื่นไงคะ อือ...ว่าแต่...พักนี้คุณหนูของป้าโหมงานหนักเกินไปรึเปล่า ถึงได้หลับคาโซฟาแบบนั้นน่ะค่ะ”
“.......” รักปายเพียงคลี่ยิ้มอ่อน ๆ ให้ผู้ใหญ่โดยไม่ตอบว่ากระไร
อย่างไรก็ดี เมื่อรักปายเลื่อนสายตาดูในอ่างซิงค์ล้างจาน หญิงสาวต้องแปลกใจที่ในนั้นมีกาแฟถึง 2 ถ้วย จึงแซวป้ามะขามด้วยเสียงสดใสว่า
“เอ๊ะ...วันนี้ป้าขามล่อดื่มกาแฟแต่เช้าตั้ง 2 แก้วเลยเหรอคะ?”
สตรีสูงวัยหันมายิ้ม สั่นหน้าปฏิเสธ และเล่าตามนิสัยช่างคุยว่า
“อุ้ย...นี่ไม่ใช่ของป้าหรอกค่ะคุณหนูรัก ของคุณพระพายเธอน่ะค่ะ ความจริงเธอจะล้างเองแล้วล่ะค่ะ แต่ป้าขอล้างเองดีกว่า อือ...เนี่ยตอนแรกที่ป้าเข้ามาในครัว...ก็เห็นเธอยืนดื่มกาแฟเงียบ ๆ คนเดียว มองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ ดูเคร่งเครียดไม่น้อย พอถาม...เธอก็หันมายิ้มให้ แล้วบอกว่าคิดถึงเรื่องงานที่จะทำวันนี้ และดูเหมือนเธอจะล่อกาแฟดำไปตั้งสองแก้วแล้วด้วยนะคะ จากนั้นเธอก็ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัว ออกไปดูงานข้างนอกแล้วล่ะค่ะ เห็นว่าวันนี้คงจะยุ่งทั้งวัน เพราะฟาร์มเราใกล้จะมีงานใหญ่แล้วนี่คะ หึ ๆ ฟาร์มเรานี่โชคดีจริง ๆ เลยนะคะคุณหนูรัก ที่ได้คุณพระพายเข้ามาทำงาน เธอช่างขยันขันแข็งเหลื๊อเกิน คิดทำนู่นนี่ตลอดเวลา อื้อ...แต่ป้าเคยได้ยินมาว่า สาวออฟฟิศในกรุงเทพฯ เขาไม่ค่อยมีเวลากินข้าวเช้ากันหรอกค่ะ แค่ดื่มกาแฟแก้วสองแก้วก็ทำงานได้ทั้งวันล่ะ แต่ยังไงป้าว่า ดื่มแค่นั้น...จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปทำงานได้ล่ะนั่น เฮ้อ...อะไรจะคิดถึงแต่งานขนาดนั้น หึ ๆ ถ้าใครได้ไปเป็นลูกสะใภ้ล่ะก็...คงจะโชคดีน่าดูเชียวล่ะค่ะ...จริงไหมคะคุณหนู” ป้ามะขามคุยเพลิน โดยไม่รู้ว่า
เจ้าของกิจการสาวสวยอย่างคุณหนูรักปาย กำลังห่วงใยในตัวของรองผู้จัดการหญิงคนใหม่ที่ยังไม่มีข้าวตกถึงท้องสักเม็ดแค่ไหน! นี่แหละหนาคือความรู้สึกของคนมีรักสิงสถิตในหทัย ที่มักจะคิดถึง ‘คนที่รัก’ ก่อนเสมอ
อีกฟาก...คนงานชายหญิงฟาร์มรักปายกำลังช่วยกันตกแต่งเวทีที่จะมีประกวด ‘ธิดาออร์แกนิก’ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรกในวันสิ้นปีตั้งแต่ช่วงสาย
แม้นสายตาของรองผู้จัดการหญิงที่มาคุมงาน จะนิ่งอยู่ด้านบนเวทีก็จริง ทว่าแท้จริงภายในหัวสมองของพรพระพาย กลับไม่สามารถสลัดภาพใบหน้าอิ่มเอิบเนียนใสอ่อนเยาว์ของนายหญิงเจ้าของฟาร์มที่นอนหลับพริ้มดูมีความสุขเมื่อตอนเช้าตรู่ แถมกลิ่นแก้มหอมอ่อน ๆ จรุงใจของรักปายยังคงติดปลายจมูกโด่งของเธอตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งความจริงทีแรก...เธอแค่อยากจะหยอกเย้าคุณหนูรักปายเล่น ๆ ด้วยการหอมหลาย ๆ ฟอดเพราะนึกเอ็นดูที่หญิงสาวช่างหาวิธีแก้เขินเรื่องตุ๊กแกด้วยการแสร้งสลบบนอกเธอ
ถึงเช่นนั้นพอทำไปทำมา กลับกลายเป็นว่าอารมณ์ความรู้สึกเธอ ชักจะเตลิดไปใหญ่ เนื้อตัวเริ่มร้อนรุ่มด้วยแรงลมปรารถนาที่ลึกซึ้งมากขึ้น ดังนั้นเธอจำต้องสะกดอารมณ์อย่างหนัก ไม่ให้แตะต้องเนื้อนุ่ม ๆ หอมกรุ่นของผู้หญิงคนนี้อีก โดยการพยายามข่มตาให้หลับ แต่ช่างยากเย็นเหลือเกิน
แล้วพอรู้สึกว่าคุณหนูรักปายลูบเนื้อตัวเพราะอากาศเย็นยะเยือก เธอเลยอดสงสารผู้หญิงตัวเล็กบอบบางอย่างเขาไม่ได้ ตอนนั้นคิดจะปลุกคุณหนูรักปายอยู่เหมือนกัน แต่ปีศาจน้อยที่อยู่ในใจก็ท้วงว่า
เธอต้องการหว่านเสน่ห์กับเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่เหรอะ!
นั่นเลยทำให้เธอต้องแกล้งละเมอ หันไปโอบกอดร่างผู้หญิงคนนี้ไว้เพื่อให้ความอบอุ่น ทว่านั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะตลอดคืน...เธอได้แต่นอนมองหน้าสวยน่ารักบริสุทธิ์ของคุณหนูรักปาย!
เรื่องที่เกิดขึ้น...คงเป็นเพราะเรากำลังเหงาและอ่อนไหวมากกว่า ล่ะมั้ง เฮ้อ...กาแฟดำสองแก้วก็ไม่ช่วยอะไร! ตอนนี้สมองเบลอ ๆ ยังไงไม่รู้
ยังไงก็ตาม...เธอจะรู้สึกแบบนี้กับเป้าหมายไม่ได้เด็ดขาด…มันผิด! และที่เธออุตส่าห์ลงทุนวางแผนมากมาย เพราะต้องการนำเงินมรดกในส่วนของบิดาที่จะได้จากคุณปู่นาคา ไปแก้แค้นพวงหยกกับบัวบูชาไม่ใช่เหรอะ
ฉะนั้น...เธอต้องหยุดคิด หยุดรู้สึกกับผู้หญิงคนนี้สักที...หยุด!
“หยุด…” สาวเคร่งขรึมพรพระพายเผลอหลุดคำนั้นออกไป
พลอยทำให้คนงานหญิงหูดีที่ปีนอยู่บนบันไดพาดตรงผนังบนเวที ชะงักการเลื่อนป้ายธิดาออร์แกนิกที่จะติด แล้วหันมาถามอย่างเกรง ๆ ว่า
“ให้หยุดแค่นี้รึคะท่านรองฯ เอ่อ...รองผู้จัดการคะ...รองผู้จัดการ อ่า...คุณพระพายคะ...คุณพระพาย...”
เสียงเรียกของคนงานที่ชื่อ ‘ข้าวเกรียบ’ ทำให้พรพระพายได้สติ ก่อนหญิงสวยห้าวจะพ่นลมออกทางปาก ตั้งสมาธิดูงานตรงหน้าและถามว่า
“อ้อ...โทษที เมื่อกี้ว่าไงนะข้าวเกรียบ”
“เมื่อกี้ข้าวเกรียบถามว่า วางตัวอักษรอย่างนี้ ดีแล้วหรือยังคะ?”
“อือ...เดี๋ยวข้าวเกรียบช่วยเลื่อนปลายอักษรตัวนี้ขึ้นอีกนิดซิ อืม ๆ โอเค..อย่างนั้นล่ะ เสร็จแล้วก็นำกรอบรูปเรซิ่นพวกพืชผักผลไม้ที่ทางร้านเพิ่งส่งมาให้เรา เอามาติดตรงฉากหลังแบบเอียง ๆ ให้ดูศิลป์ ๆ หน่อยนะ”
สาวสุขุมนัยน์ตาสีกาแฟสั่งการ พลางเดินขึ้นไปกำกับถึงข้างบนเวที โดยไม่รู้ว่า สตรีสวยน่ารักผิวสีน้ำผึ้งที่อยู่ในห้วงคำนึงของเธอมาตลอดทั้งคืน ได้เดินถือกล่องอาหารตามมาถึงด้านหลัง และร้องเรียกเสียงเล็ก ๆ ว่า
“คุณพระพายคะ...คุณพระพาย”
สตรีร่างระหงที่ถูกเรียกหันขวับไปทางเสียงหวานใสอย่างแปลกใจ ก็เห็นนายจ้างสาวยิ้มสวยสดใสไปทั้งดวงตา ทั้งชูกล่องพลาสติกให้เธอดู
ครั้นพรพระพายเลื่อนแววตาปรัศนีจดจ้องนิ่ง ๆ ตรงดวงตาผู้เรียก เพียงแค่นั้นก็ทำให้คุณหนูรักปายเกิดอาการใจเต้นแรง อาย ๆ ทำตัวไม่ถูก แถมยังเป๋อ หาเรื่องเกริ่นให้เขาฟังซะยาวว่า “คือ...เมื่อเช้านี้รักอยากทานแซนด์วิชน่ะค่ะ เลยทำซะเยอะเลย แล้ว...แล้วพอดีรักรู้จากป้าขามมาว่า คุณพระพายยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า รักเลยเอามาฝากน่ะค่ะ อ่า...นี่ค่ะ”
จากนั้นรักปายที่ลงมือทำแซนด์วิชแฮมชีสอย่างสุดฝีมือให้เขาทาน ก็มัวแต่ก้มหน้า หลบแววตายิ้มกริ่มเอ็นดูของรองผู้จัดการหญิงที่เหมือนจะรู้แกวว่า เธอตั้งใจทำขนาดไหน ทำให้ปลายเท้าของรักปายที่กำลังก้าวเท้าเข้าไปใกล้เขา สะดุดขอบพื้นเวทีที่ไม่เสมอกัน ถึงกับหลุดร้อง “โอ๊ะ!” ตกใจ
ทั้งเซถลาไปข้างหน้า หากทว่าโชคดีที่พรพระพายสามารถคว้าร่างอรชรอ้อนแอ้นไว้ได้ทัน ใบหน้าแดงเรื่อขัดเขินของรักปายจึงซวนซบอยู่กับอ้อมอกหอมจรุงของสาวลูกครึ่งซึ่งทุกสิ่งเป็นไปตามสัญชาตญาณในส่วนลึก
ครั้นสองสาวสวยเงยหน้าสบตากัน เปรียบประหนึ่งดั่งเข็มนาฬิกาหยุดนิ่งนาทีนั้น เนตรสวยซึ้งของรักปายสั่นไหวด้วยความตื่นเต้นเคอะเขิน ส่งให้วงหน้านวลเนียน แดงซ่านสุกปลั่งมากขึ้นตามจังหวะหัวใจ
แต่นั่น! ยังไม่เท่ากับอารมณ์ความรู้สึกแรกของพรพระพายที่โถมกระแทกเข้ามา ซึ่งหลานตระกูลเพชรนาคาถึงกับตระหนกกับตนเองเช่นกัน หากกระนั้นเธอยังตระหนักดีว่า ต้องกำจัดความรู้สึกนี้ให้สิ้นซากเร็วที่สุด!
อย่างไรก็ตาม ภาพสองสาวสวยที่กอดรัดกันโดยไม่ตั้งใจบนเวทีนั้น อยู่ในคลองจักษุของสพ.ญ.น้ำขิงที่ยืนกอดอก เขม็งมอง ห่างไปไม่กี่สิบเมตร
อยู่ ๆ เสียงแหลมเล็กที่คุ้นเคยเป็นสิบปี เตือนปนถากถางจากทางด้านหลังว่า “คิก ๆ ระวังน้า...เดี๋ยวตาอยู่จะฉกชิ้นปลามันไปกิน”
สัตวแพทย์สาวร่างสูงโปร่งผมดำยาวนิ่งฟังด้วยใบหน้าขรึมเพียงนิด
ไม่ช้า...หมอสาวมาดเซอร์ได้ลดแขนที่กอดอกลง ก่อนจะผินหน้ามายกยิ้มมุมปาก แขวะสาวผิวใสหน้าเด็กอย่างพริกหวานว่า
“หึ ๆ ฟังดูเหมือนจะหวังดีนะ แต่ฉันว่า ถ้างานนี้...ไม่มีเหาฉลามปากจัดที่คอยจิกกัด และใส่ไฟฉันตั้งแต่สมัยเรียนปายมองบลังค์แล้วล่ะก็...รับรองฉันได้กินพุงปลาชิ้นนี้นานล่ะ..จริงม่ะ” ยักคิ้วแถมแบบกวนประสาท
“เหอะ...ความสามารถมีไม่ถึงเอง ถึงเป็นได้แค่พวกมดแดงแฝงพวงมะม่วง อื้อ...แต่ถ้าติดสินบนน้องพริกแพง ๆ บางที...พริกอาจยอมเปลี่ยนใจไปบอกคุณหนูให้ก็ได้นะว่า หมอสัตว์ผู้แสนดีคนนี้...รักคุณหนูม๊ากมาก”
พลั้งปากเหน็บแนมไปแบบนั้น แต่ดันทำให้คนพูดเจ็บจี๊ดซะเอง
อย่างไรก็ดี พริกหวานกลับต้องเป็นฝ่ายหลุบตาเกรง ๆ ลงเสียเอง
เมื่อแววตาขี้เล่นที่สพ.ญ.น้ำขิงฉายแสงเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นซีเรียสจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงไม่กี่วินาที...เสียงกระซิบข้างหูที่เธอไม่อยากได้ยินจากปากเขา ดังขึ้นใกล้ ๆ ให้เจ็บแปล๊บไปทั้งใจพริกหวานว่า
“คำว่า รัก ฉันพูดเองได้ ว่าแต่เธอ...รู้จักคำนี้ด้วยเหรอะ”
น้ำเสียงประชดประชันข้างหูดังเพียงแผ่วเบาก็จริง แต่กลับทำให้คนได้ยินอย่างพริกหวานนิ่งงันไปเกือบนาที กว่าเจ้าตัวจะฝืนเงยหน้าซึม ๆขึ้นพร้อมนัยน์ตาปวดร้าว มองตามแผ่นหลังบางในเชิ้ตลายสก็อตน้ำเงิน-ดำของคุณหมอน้ำขิงที่เดินจากไปทางคอกม้า ปล่อยให้หญิงปากหนักหัวใจช้ำอยากจะตบปากตัวเองซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น
ใช่...คำว่ารัก ใคร ๆ ก็อยากบอกกับคนที่รักด้วยตัวเองกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่ง...ผู้หญิงปากแข็งอย่างไอ้พริกหวานคนนี้...รู้ไหมคนโง่!
ในที่สุด...วันสำคัญของฟาร์มรักปายก็มาถึง
นักท่องเที่ยวเงินหนาจากทั่วทุกภาค โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่พิสมัยอากาศหนาวเย็น และหลงมนต์เสน่ห์เมืองสามหมอกแม่ฮ่องสอน ต่างหลั่งไหลเข้ามาช่วงสิ้นปี เพื่อต้องการสัมผัสบรรยากาศอันสุดแสนน่ารักโรแมนติก ในปศุสัตว์สไตล์ยูโรคันทรีของฟาร์มรักปายที่กำลังฮิตอินเทรนด์
ซึ่งที่นี่นั้น ช่างมีกิจกรรมให้ร่วมมากมาย อาทิ การเยี่ยมชมสวนผักผลไม้ไร้สารพิษ พร้อมรับประทานสด ๆ จากต้น ชมการประกวดสัตว์แสนรู้หลากชนิด มีทั้งช้าง ม้า วัว ควาย สุนัข สุกร นก แพะ แกะ แมว เป็นต้น การประกวดครั้งนี้พิเศษตรงที่ว่า มันไม่ได้ประชันขันแข่งกันทางด้านรูปร่างลักษณะ แค่พวกมันใช้ธรรมชาติแห่งความแสนรู้น่ารัก เอาชนะใจผู้ชมก็พอ
นอกจากนั้นยังมีการละเล่นพื้นบ้านชิงรางวัล เช่น การปิดตาตีหม้อ แข่งเดินกะลา การยิงหนังสติ๊กใส่กระป๋อง การเล่นทอยเส้น สาวน้อยตกน้ำ เป็นต้น โดยเจ้าหน้าที่แต่ละแผนกในฟาร์มรักปาย ช่วยกันคิดไอเดียเก๋ ๆ จัดทำซุ้มน่ารัก ๆ ขึ้นซึ่งรายได้จากการจำหน่ายบัตรจะเป็นของพวกเขาเอง
และที่เป็นสุดยอดไฮไลต์ในวันนี้คือ ‘การประกวดธิดาออร์แกนิก’ มีคอนเซปต์ว่า ต้องผิวใส...สมองสวย โดยผู้เข้าประกวดที่เชิญจากฟาร์มต่าง ๆ ในอ.ปาย งานนี้...ไม่ต้องพอกหน้า รองพื้นหนาเตอะ เขียนคิ้วโก่งแต่งตัวแต่งหน้าซะโอเว่อร์ เหมือนการประกวดประชันทั่วไป เตรียมมาแค่การโชว์หน้าสด ๆ และสมองอันปราดเปรื่องในเรื่องผักผลไม้ไร้สารพิษกับการตอบคำถามของคณะกรรมการนับสิบ ที่เป็นตัวแทนจากฟาร์มต่าง ๆ
ส่วนกรรมการกิตติมศักดิ์ท่านอื่น ๆ ได้แก่ นายอำเภอปาย เกษตรอำเภอ รองนายกสมาคมปศุสัตว์แม่ฮ่องสอน ปศุสัตว์จังหวัด เป็นต้น
และยังมีรางวัลพิเศษอีกสองรางวัล คือรางวัลหน้าสดผิวใส กับรางวัลขวัญใจมวลมหาชน โดยผู้เข้าประกวดต้องได้รับกุหลาบจากคนดูมากที่สุด สพ.ญ.น้ำขิงที่เป็นหนึ่งในกรรมการจะไม่หนักใจเลย ถ้าตัวแทนของฟาร์มรักปาย จะไม่ใช่ยัยตัวป่วนพริกหวาน! เฮอะ! ยัยนี่ต้องจับฉลากได้ หรือไม่ก็...ข้อสอบของน้องรักที่วัดเรื่องผักผลไม้ไร้สาร ต้องรั่วชัวร์ป้าบ!
และแล้ว...กรรมการอย่างสัตวแพทย์หญิงร่างสูงมาดเซอร์ต้องลุ้นจนตัวโก่ง เมื่อถึงคราวพริกหวานจับฉลากชื่อคณะกรรมการที่จะเป็นผู้ตั้งคำถามกับเธอ ซึ่งไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน นั่นก็คือ เกษตรอำเภอพัดยศ...ลูกชายคนโตของผู้ใหญ่บ้านหญิงเอื้องคำที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก
พอรู้ว่าใครจะถามคำถามยัยพริกแสบ หมอน้ำขิงถึงกับเหล่ตามองเกษตรอำเภอพัดยศที่นั่งข้างกันทันที และแอบเห็นว่า เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพอใจ เหอะ...แล้วนี่จะหาความเป็นกลางได้จากที่ไหนล่ะเนี่ย! (- -*)
ครั้นได้ฟังคำถามของเกษตรอำเภอพัดยศ สัตวแพทย์สาวก็แอบลุ้นปนเยาะ ๆ ว่าพริกหวานจะตอบอะไรให้ขายขี้หน้าหรือเปล่า คำถามนั้นคือ
“คุณพริกหวานครับ ช่วยเปรียบเทียบให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับว่าระหว่างสาว ๆ ที่เลือกกินผักออร์แกนิกกับผักไฮโดรโปนิกส์ ต่างกันอย่างไร และอะไรดีกว่ากันครับ” พัดยศถาม พลางทอดมองพริกหวานด้วยความชื่นชม ที่หญิงสาวสามารถคว้ารางวัลหน้าสดผิวใส ได้ผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายในการประชันโฉมรอบแรก ซึ่งมีผู้เข้าประกวดมากถึง 50 คน
นั่นเป็นเพราะวันนี้พริกหวาน ช่างสวยน่ารักน่ามองมากมายในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีเขียวเหลืองมะนาวสดใส ทั้งยังหว่านยิ้มหวานละลายใจมาทางเขาอีกครั้ง ก่อนจะตอบคำถามเมื่อครู่อย่างฉะฉานว่า
“ขอบคุณค่ะสำหรับคำถาม ซึ่งในเรื่องนี้ ผู้รักสุขภาพหลายท่านอาจคิดว่าผักออร์แกนิกกับผักไฮโดรโปนิกส์นั้น ปลอดสารพิษเหมือน ๆ กัน เพราะดูสะอาดสะอ้านน่ากินใช่ไหมละคะ แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ผักไฮโดรฯ ปลูกโดยใช้น้ำเป็นหลัก และใช้สารอาหารสำหรับพืชที่สร้างขึ้นจากสารสกัดทางเคมี ซึ่งจะดูสะอาดและน่ากินมากกก...ราคาก็สูงตามลำดับ แต่พอรับได้ ทว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้คือ สารสกัดทางเคมีที่ใช้นั้น นำมาจากปุ๋ยเคมีค่ะ เปรียบง่าย ๆ ก็เหมือนผู้หญิงสวย ๆ ที่ประโคมผิวด้วยครีมบำรุงนานาชนิด ซึ่งไม่รู้ว่าผิวขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะของเธอที่ได้มา...มีสารตกค้างในร่างกายรึเปล่า ต่างกับสาวหน้าสดผิวใสที่เลือกบริโภคพืชผักออแกนิกส์ ซึ่งผลิตมาจากการเจริญเติบโตตามธรรมชาติล้วน 100% เธอเลยบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนสาวพรหมจรรย์ยังไงยังงั้น ดังนั้นทุก ๆ คำที่ลิ้มลอง ไม่มีสารพิษช่วยก่อมะเร็งให้ท่านแน่นอนค่ะ และเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว...ท่านยังอยากจะมีความสุขเพียงเพราะรูปลักษณ์สวยแจ่มของนักประทินผิวไฮโดรโปนิกส์ หรืออยากจะมีสุขภาพดียั่งยืนยาวกับสาวสดซิงบริสุทธิ์ออร์แกนิกกันละคะ...ขอบคุณค่า”
พริกหวานทอดเสียงนิ่ม ก่อนจะส่งยิ้มกว้างน่ารักสดใส โค้งให้คนดู ท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังก้องไปทั่วงาน ไม่เว้นกระทั่งเกษตรอำเภอพัดยศ ที่ตั้งคำถาม ทำให้หมอสาวชักหมั่นไส้ว่า ชิ! มันจะดี๊ด๊าระริกระรี้เกินไปป่ะ! และยิ่งผลรวบรวมคะแนนจากคณะกรรมการทั้ง 15 ท่านเป็นเอกฉันท์ว่า
ธิดาออร์แกนิกในปีนี้เป็นของ น.ส.พริกหวาน ผลงามพรรณ!
เกษตรอำเภอพัดยศถึงขนาดลุกขึ้นตบมือ ยิ้มปากกว้างฉีกไปถึงหู สพ.ญ.น้ำขิงยิ่งหงุดหงิด แต่ยังเก็บสีหน้าขุ่นใจไว้มิดชิด ก่อนเจ้าตัวจะแอบคายหมากฝรั่งที่เคี้ยว แล้วดีดก้อนเหนียว ๆ เปรี้ยะลงบนเก้าอี้เขาซะงั้น
จากนั้นสัตวแพทย์สาวร่างโปร่งก็ลุกจากเก้าอี้ของคณะกรรมการ จังหวะเดียวกันกับคุณพัดยศนั่งลงมาทับหมากฝรั่งก้อนเหนียวหนึบจั๋งหนับ มีเพียงรอยเหยียดยิ้มหยันเยาะ เบ้จากปากคนทำซึ่งเดินจากมา เย้ยในใจว่า
หึ! สั่งสอนเล็ก ๆ น้อย ๆ น่าคุณพัดยศ ก็ตัวเป็นกรรมการซะเปล่าแต่อยากกระดี๊กระด๊าเกินเหตุทำไม ส่วนยัยพริกม้าดีดกะโหลกนั่น ก็ไม่เคยโดนผู้ชายจีบด้วยสายตาเหรอะไง ถึงเอาแต่ฉีกยิ้มจนจะแหวกไปถึงหูอยู่ล่ะ แหวะ...อยากจะอ้วก ทีกับเราล่ะเรียกหมอสัตว์งั้นงี้ เชอะ...ยัยเด็กนิสัยไม่ดี!
ใช่ว่าอารมณ์ขุ่นมัวจะเกิดกับสพ.ญ.น้ำขิง โพธิการุณ เพียงผู้เดียว
น.ส. พรพระพาย เพชรนาคา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองผู้จัดการของฟาร์มรักปาย ก็ไม่ใคร่จะชอบใจสักเท่าไรที่วันนี้รองสารวัตรแผ่นดินเกิดจะว่างงานขึ้นมา และเอาแต่ป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ คุณหนูรักปาย แถมยังพูดจาขายขนมจีบได้เลี่ยนมาก จนอยากจะอาเจียนเอาง่าย ๆ เช่น...
‘แหม...น่าเสียดายจังเลยนะครับที่น้องรักเป็นเจ้าของฟาร์ม’
‘เอ๋…ทำไมละคะ?’ คิ้วเจ้าของกิจการโก่งขึ้นด้วยความสงสัย
‘ก็ถ้าไม่อย่างนั้น...พี่คงส่งน้องรักเข้าร่วมประกวดไปแล้วล่ะครับ ซึ่งพี่เองก็มั่นใจว่าน้องรักต้องได้เป็นธิดาออร์แกนิกแน่นอน จริง ๆ นะครับ’
มิหนำซ้ำรองสารวัตรหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงสมาร์ตน่ามองยังทอดแววตาลึกซึ้งจริงจัง เปิดเผยความในใจ ส่งผลให้คุณหนูรักปาย ซึ่งวันนี้แต่งกายได้สวยน่ารักโดนใจในชุดเดรสสีเหลืองอ่อน ขับผิวพรรณเนียนผ่อง จำต้องเบนสายตาเคอะคะไปทางอื่น พลางแก้เก้อว่า ‘เอ่อ...ไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะรองสารวัตร ผู้หญิงที่ทั้งสวยฉลาดน่ารักกว่ารัก...มีออกเยอะแยะ และอีกอย่าง..วันนี้พริกหวานก็ดูสวยน่ารักมาก ๆ อาจคว้าตำแหน่งนี้ก็ได้นะคะ’
แต่ดูเหมือนหนุ่มเรือนร่างสันทัดในเครื่องแบบ จะรุกต่อไม่หยุดว่า
‘อือ...อันนี้พี่ก็ยอมรับนะครับว่า วันนี้น้องพริกดูสดใสน่ารักไม่เบาเลยทีเดียว แต่พี่ว่า...น้องรักเป็นผู้หญิงประเภทงามพิศ ยิ่งพินิจ ยิ่งสวยขึ้นเรื่อย ๆ มองยังไงก็ไม่เบื่อ แถมพูดจาเพราะ นิสัยก็อ่อนโยน โอบอ้อมอารี หึ ๆ ผู้ชายที่ไหนก็อยากได้เป็นแฟนกันทั้งนั้นล่ะครับ รวมทั้ง...’
รองสารวัตรแผ่นดินยังหยอดคำหวานไม่ทันเสร็จ พรพระพายซึ่งยืนฟังคำเลี่ยน ๆ มาหลายนาที ได้ขัดขึ้นว่า
‘อ่า...โทษทีนะคะท่านรอง พอดีดิฉันกับคุณรักคงต้องไปเตรียมตัวตรงหลังเวทีแล้วล่ะค่ะ เพราะใกล้จะรวบรวมคะแนนจากคณะกรรมการกันเต็มที เดี๋ยวยังไงค่อยคุยกันอีกทีหลังเสร็จงานนะคะ เชิญทางนี้ค่ะคุณรัก’
จากนั้นพรพระพายก็เดินนำนายจ้างสาวมาเตรียมตัวตรงด้านหลังเวทีการประกวด โดยตัวเองได้แต่ยืนมองคุณหนูรักปายที่กำลังอ่านสคริปแบบเงียบ ๆ เฮ้อ...ไม่รู้ทำไม...พักหลังมานี้...เธอจะรู้สึกหงุดหงิดใจทุกครั้งที่รองสารวัตรแผ่นดินโผล่หน้าหล่อ ๆ มาให้เห็น ทั้งที่เขาก็ปฏิบัติตัวสุภาพ ให้เกียรติผู้หญิง ไม่วางท่า พูดจาดีเป็นผู้ใหญ่ เข้าทางตรอกออกทางประตู
ยิ่งระยะหลัง ๆ ดูเหมือนรองสารวัตรแผ่นดินจะยิ่งรุกคุณรักหนักขึ้นเรื่อย ๆ เฮอะ! จะรีบอะไรกันนักกันหนาเล่าท่านรองฯ เดี๋ยวเธอก็ไปล่ะ รอให้งานเธอสำเร็จก่อนไม่ได้เหรอะ ค่อยมาสารภาพรักกันตอนนั้นก็ได้
เปล๊า! เธอไม่ได้หึงหวงอะไรผู้หญิงคนนี้นะ แค่ไม่ชอบใจเท่านั้นล่ะ ที่ตารองสารวัตรนี่อาจเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งทำให้แผนผิดพลาด ที่สำคัญ! เธอไม่ต้องการให้ใครมีอิทธิพลเหนือจิตใจคุณหนูรักปาย เพราะไม่ว่ายังไงฟาร์มรักปายแห่งนี้ต้องเป็นของเพชรนาคา ใช่...ของเพชรนาคาเท่านั้น!!!
ความคิดเห็น