คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 จะร้ายหรือ...จะรัก
บทที่ 6 จะร้ายหรือ...จะรัก
รถโฟร์วีลสีน้ำทะเลของสพ.ญ.น้ำขิงที่มีผู้โดยสารอีก 3 คน ได้แก่ รักปาย พรพระพายและพริกหวาน ได้แล่นฉิวออกจากฟาร์มปศุสัตว์รักปาย ซึ่งตั้งอยู่ในต.เวียงเหนือ อ.ปาย มาตามถนนบนยอดดอยอันไกลแสนไกล ข้ามภูเขาหลายลูก ผ่านโค้งภูเขาและเนินสูงชัน จนมาถึงจุดหมายปลายทาง พระตำหนักปางตองที่ประทับซึ่งเต็มไปด้วยฟาร์ม และแปลงเกษตรทดลอง
ครั้นสารถีสาวในชุดแจ๊กเกตกันหนาวเหลือบมองกระจกรถเพื่อดูผู้โดยสารตรงเบาะหลัง แล้วเห็นหญิงลูกครึ่งหน้าเรียวเก๋หัวหน้าแผนกบัญชีของฟาร์มที่ทำงานได้เดือนกว่า นั่งหลับตานิ่งกอดอก เอนตัวพิงพนักเบาะ
เห็นเช่นนั้น คุณหมอน้ำขิงก็อดกระแนะกระแหนในใจไม่ได้ว่า
หึ ๆ ขนาดแอบงีบยังวางมาดได้อีกนะผู้หญิงคนนี้...จะดูดีเกินไปล่ะ ไอ้เราก็แอบลุ้นว่า รถเข้าโค้งหักศอกเมื่อไหร่ หัวแม่เจ้าประคุณอาจจะโขกถูกกระจกมันสักโป๊ก แต่นี่...ไม่ยักกะพลาดสักชอต หัวตรงแด่วยังกับทหาร ไปฝึกที่ไหนมาเนี่ยแม่คุณ อื้อ...แต่จะว่าไป..คนอาไร้จะขยันทำงานขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ต้องการจะโชว์พาวให้น้องรักเห็น เฮ้อ...มีคู่แข่งเพิ่มซะแล้วสิเรา
อย่างไรก็ตาม สัตวแพทย์สาวเมืองย่าโมยังอยากกลั่นแกล้งคู่แข่งหญิงคนสำคัญ เลยแสร้งพูดซะเสียงดังลั่นห้องโดยสารว่า
“คุณพระพายคะ! ถึงพระตำหนักปางตองแล้วล่ะค่า”
“....?!” พรพระพายที่ต้องตรวจสอบบัญชีและงบการเงินของฟาร์มตั้งแต่ต้นปีจนถึงตีสอง สะดุ้งตื่นลืมตาทันที แต่ยังคงรักษามาดนิ่ง ๆ ไว้ได้
หากยังไม่วายที่ สพ.ญ.น้ำขิงจะแสร้งแหย่ดัง ๆ ต่ออีกว่า
“อ้าว..นี่คุณพระพายหลับอยู่หรอกหรือคะเนี่ย อุ้ย..โทษทีค่ะโทษทีที่เมื่อกี้ขิงปลุกคุณซะดังเชียว” คำพูดของสัตวแพทย์จอมแกล้งดูจะขัดกับหน้าเกลื่อนยิ้มนัก ฉะนั้นคู่กัดที่รู้เช่นเห็นชาติกันพอสมควรอย่างพริกหวานอดไม่ได้ที่จะสั่นหัวระอา ก่อนผินไปทางกระจกรถ แอบเบะปาก ทั้งเหน็บอย่างหมั่นไส้ว่า “ชิ! เสียงดังยังกะลำโพงแตกขนาดนั้น ไม่มีใครรู้เลยล่ะมั้ง”
ส่วนรักปายซึ่งนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถตรงเบาะหน้า ได้แอบชำเลืองมองหญิงสมาร์ตหัวหน้าบัญชี ผ่านทางกระจกรถด้านข้างด้วยความเป็นห่วง มาตลอดทาง เพราะรู้ดีว่า เมื่อคืน...เขามุงานจนดึกดื่นเกินเที่ยงคืนอีกแล้ว ซึ่งเธอเข้าใจดีว่า งานบัญชีปศุสัตว์ไม่ใช่ง่าย ๆ ต้องอาศัยประสบการณ์และความมุมานะอดทนสูง ไหนจะต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายและตรวจบันทึกการบริหารงานฟาร์ม เพื่อนำมาวิเคราะห์ และวางแผนการเงินต่อไป
แต่ช่างน่าชื่นชมกับการทุ่มเทของคุณพระพายเหลือเกิน...เพราะเพียงแค่เดือนกว่า ๆ คนฉลาดหัวไวอย่างเขาก็สามารถเรียนรู้งานได้หมด
แถมช่วยจัดระเบียบในการทำบัญชีฟาร์มให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้มีกำไรเพิ่มขึ้น ถือได้ว่าคุณพระพายเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันระบบทำงานภายในฟาร์ม ให้มีมาตรฐานสูง
ถึงแม้ช่วงแรก...ลูกจ้างหลายคนจะโอดโอยกับการลงบันทึกตารางการทำงานมาตรฐานประจำฟาร์ม ไม่เว้นแม้กระทั่งพริกหวาน ที่ดูแลด้านโภชนาการอาหารสัตว์ แต่พอคุณพระพายจัดประชุมชี้แจง ผลที่จะได้จากการนำเอาประสบการณ์ของพวกเขา เข้ามาบันทึกในโปรแกรมบัญชีฟาร์มแบบใหม่ ว่ามันส่งผลคุ้มค่าต่อฟาร์มมากเพียงไร ก็ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจและเล็งเห็นความสำคัญในข้อนี้มากขึ้น จึงให้ความร่วมมือดีเป็นลำดับ
ถือได้ว่า การจัดทำระบบบัญชีการบริหารงานฟาร์มแบบใหม่นี้ เป็นความดีความชอบของคุณพระพายแต่เพียงผู้เดียวจริง ๆ
เพราะต่อไปภายหน้า...ไม่ว่าลูกจ้างของเธอ ซึ่งจัดเจนในงานนั้น ๆ จะลาออก หรือมีเหตุที่ทำให้เขาต้องหยุดงานไปนาน ๆ แต่งานเลี้ยงสัตว์ หรืองานเกษตรของเธอ จะไม่สะดุดหัวทิ่มหัวตำเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เนื่องจากโปรแกรมบริหารฟาร์มนี้ จะมีบันทึกประสบการณ์ต่าง ๆ ของพวกเขาไว้หมดสิ้น เช่น หากถึงฤดูร้อน เธอจะต้องเตรียมสำรองน้ำไว้ใช้ในฟาร์มเท่าไหร่ดี หนำซ้ำโปรแกรมนี้ยังทำให้เธอสามารถวางแผนการขายได้ง่ายมากขึ้น ว่าช่วงใดถึงจะขายผลผลิตได้ราคาสูง และควรเตรียมนำสัตว์เลี้ยงเข้าฟาร์มเพิ่ม เพื่อให้ออกสู่ตลาดพอดีกับช่วงที่ราคาจะสูงขึ้นอย่างไร
แถมยังช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดจากภัยธรรมชาติได้อีกด้วย ทั้งโรคระบาด และกันการหลงลืมของเจ้าหน้าที่ เช่น ในช่วงวันที่ 1 พ.ย. เป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว มักมีลมโกรก ก็ให้นำผ้าใบมาปิดรอบ ๆ โรงเรือนป้องกันลม เป็นต้น ซึ่งเมื่อถึงวันและเวลาที่กำหนดไว้ โปรแกรมนี้จะปรากฏขึ้นใน ‘ตารางการปฏิบัติงานประจำวัน’ หรือทางเราจะกำหนดไว้ก่อนล่วงหน้าก็ได้ จะช่วยทำให้งานบริหารฟาร์ม มีประสิทธิผลสูง ได้มาตรฐาน
ทีแรกเธอไม่คาดคิดว่า แค่เปลี่ยนระบบบัญชีฟาร์มแบบใหม่จะให้ประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้ แต่เธอก็ยอมรับว่าตนเองยังด้อยประสบการณ์กับงานบริหารมากเหลือเกิน ซึ่งตั้งแต่ต้องเข้ามาจัดการงานปศุสัตว์เต็มตัวเมื่อเดือนตุลาคม เธอก็ได้แต่อาศัยวิธีครูพักลักจำจากสิ่งที่พ่อแม่เคยทำไว้
ดังนั้นการที่ฟาร์มรักปายได้นักวางแผนรอบคอบเฉลียวฉลาดอย่างคุณพระพาย เทพวายุ เข้ามา นับว่าโชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 ซะอีก!
นอกจากนั้น...เพชรแท้สวยแกร่งกล้าอย่างคุณพระพายยังจะช่วยหาลู่ทางการตลาดให้เธอเพิ่ม ด้วยการขอมาดูงานปศุสัตว์ของฟาร์มอื่นบ้าง
ดังนั้นในวันนี้...เธอจึงตั้งใจพาเขามาที่นี่...ที่พระตำหนักปางตอง
เห็นที...สิ้นเดือนนี้ เธอคงต้องขึ้นเงินเดือนให้เขา ก่อนที่เขาจะผ่านโปรฯ ครบ 4 เดือนซะแล้วสิ เพราะดูเหมือนว่า คุณพระพายจะทำงานหนักยิ่งกว่าคนที่เป็นเจ้าของกิจการอย่างเธอซะอีก คุ้มเกินคุ้มนะเนี่ย คิก ๆ ^ ^
เรียกว่า ได้ทั้งนักการเงินผู้รอบคอบเชี่ยวชาญ ได้ทั้งผู้ช่วยบริหาร ที่มีสายตาเฉียบแหลม แถมยังมีแววนักการตลาดผู้มากกลยุทธ์อีกต่างหาก
โอว...ปลื้มสุด ๆ เลยผู้หญิงคนนี้ ทั้งสวยเท่ เก่งฉลาด สุดยอดอ่ะ ว่าแต่...อยากจะดูแลเจ้าของกิจการไหมคะ? อุ๊ปส์...ไม่ได้ ๆ ขืนแสดงออกมากไปว่าเราสนใจเขาเป็นพิเศษ เดี๋ยวจะเป็นที่ครหานินทา ว่าเราเป็นพวกสมภารอยากกินไก่วัด ไม่ดี ๆ โดยเฉพาะยัยพริกแสนรู้...ยิ่งเพ่งเล็งเราอยู่ แล้วคุณพระพายก็เพิ่งทำงานได้แค่เดือนกว่า ๆ เอง และที่สำคัญ...เราก็ยังไม่ชัวร์ว่าเขารู้สึกยังไงกับเรา หรือเขาจะแค่รักเอ็นดูเราเหมือนน้องสาวนะ ว้า..ถ้าเป็นแบบนี้ก็แย่สิ เฮ้อ...แล้วต้องทำไง...แบบไหนที่เขาจะรักน้า..เศร้า
จู่ ๆ ความชื่นชมประทับใจระคนกลัดกลุ้มของรักปายต้องชะงัก เมื่อสตรีผู้อยู่ในห้วงภวังค์เธอ เปิดฉากสนทนากับพี่หมอน้ำขิงที่เป็นสารถีว่า
“ที่พระตำหนักนี้ ทุกอย่างดูสวยสะอาดเรียบง่ายดีนะคะคุณหมอ”
“ค่ะ...แล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมในคอกแกะ เลี้ยงแกะ ให้อาหารแกะ หรือเราจะลองตัดขนแกะดูก็ได้น้า นอกจากนั้นยังมีแปลงผักเขียว ๆ สด ๆ ให้ซื้อติดไม้ติดมือได้ด้วย อือ...แล้วเขายังส่งเสริมให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในกิจการต่าง ๆ เช่น เลี้ยงแกะ เลี้ยงม้า รึทำผลิตภัณฑ์จากขนแกะด้วยน้า”
ครั้นได้ฟัง หญิงเท่ที่ใช้บัตรปลอมในนาม‘น.ส.พระพาย เทพวายุ’ โดยซ่อนชื่อเสียงเรียงนามจริง ‘น.ส.พรพระพาย เพชรนาคา’ ไว้เบื้องหลัง ก็ยิ่งตั้งใจสำรวจหัวใจหลักในการดำเนินโครงการของพระตำหนักปางตอง เพื่อเพิ่มมูลค่าการตลาดให้ฟาร์มรักปาย แม้นดูเหมือนสิ่งที่หลานตระกูลเพชรนาคากำลังมุมานะทำอยู่นี้ จะขัดแย้งกับเป้าหมายหลักอันแท้จริง ซึ่งครอบครัวเขาต้องการครอบครองที่ดินผืนนี้ หากทว่าสตรีสวยเปรื่องปัญญาตระหนักดีว่า ตนทำเพราะเหตุใด ยิ่งดูงาน กลยุทธ์การตลาดยิ่งผุดขึ้นในหัวพรพระพาย ถ้าทำได้ตามแผน มันจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ฟาร์มรักปายแบบก้าวกระโดดในเวลารวดเร็ว โดยทุกสิ่งที่ตั้งใจทำ...นักวางแผนชั้นยอดอย่างพรพระพายรู้ดีว่า การซื้อใจเป้าหมายได้นั้น...มันมีค่ามากมายแค่ไหน!
เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ ลูกไก่ในกำมืออย่างคุณหนูรักปาย
‘จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด!’
แต่เหมือนเพลานี้ หญิงที่กำลังเอาตัวไม่รอด เห็นจะเป็นสัตวแพทย์คนเก่งจากเมืองโคราชซะมากกว่า เนื่องจากจุดประสงค์แอบแฝงที่คุณหมอ น้ำขิงเสนอตัวเป็นสารถี ขับรถพาสามสาวมายังพระตำหนักปางตองในวันนี้ นั่นเป็นเพราะอยากจะง้อ เอ้ย...ไม่ใช่! ก็แค่...อยากจะหาบรรยากาศดี ๆ ที่ทำให้ยัยพริกกะเหรี่ยงขี้งอนนี่ ยอมหันมาต่อปากต่อคำกันเหมือนก่อนก็พอ
โธ่เอ๋ย...ใครจะไปคิดว่า กะอีแค่หอมแก้มนิดหน่อย...ยัยเด็กนี่ดันทะลึ่งงอนซะเป็นอาทิตย์ แถมหลบหน้าหลบตา พอเจอะหน้ากันเข้าจัง ๆ ก็ทำเป็นหูหนวกตาบอดซะงั้น ทนไม่ไหวแล้วน้า มันจะอะไรกันนักหนาเนี่ย เฮ้อ...แต่เอาเถอะน่า กะอีแค่พูดคำนั้นก่อน...มันจะไปเสียศักดิ์ศรีอะไรเล่า!
“พริก...คือว่าฉัน...ฉัน...ขะ...ขอ...ขอ...โธ่เว้ย!”
ซ้อมพูดได้ไม่ทันไร สพ.ญ.น้ำขิงก็ใช้ฝ่ามือขยี้ผมบนหัวตัวเองแรง ๆ อย่างหงุดหงิด เบื่อหน่ายกับการเป็นคนปากแข็งของตนนัก
ปากหนอปาก...กะอีแค่คำนี้คำเดียว ทำไมมันพูดยากเย็นแบบนี้นะ ให้ไปพูดภาษาสัตว์ยังง่ายกว่าอีก โอ๊ย...จะเอาอะไรนักหนากับคนที่วัน ๆ ขลุกอยู่แต่กับพวกช้าง ม้า วัว ควาย รวมแกะอีกฝูงด้วยเอ้า ไอ้ที่จะให้พูดหวาน ๆ น่ะเคยทำซะที่ไหน ฮึ๋ย! แต่ตอนนี้เป็นไงเป็นกันวะ ไม่งั้นคงบ้าตาย
ว่าแล้ว...สัตวแพทย์สาวเรือนร่างสูงโปร่ง 170 ผิวกายสีแทนสวย ซึ่งวันนี้ปล่อยเรือนผมยาวตรงดกดำเคลียไหล่ ท่าทางออกติสท์ ๆ เซอร์ ๆ ก็ทำใจกล้า ก้าวเท้าเข้าไปทางด้านหลังสตรีร่างเล็กบางผิวขาวเหลืองลออ ซึ่งกำลังเพลิดเพลินจำเริญใจ กับการชื่นชมความสวยสดงดงามของดอกท้อขาวบริสุทธิ์ที่พากันแตกดอกผลิใบสวยสะพรั่งในหน้าหนาวปลายเดือนพ.ย.
ขณะปลายนิ้วเรียวเล็กของพริกหวาน กำลังไล้เบา ๆ บนกลีบบางสีขาวน่ารักของดอกท้อ เสียงกระแอมกระไอได้ขัดจังหวะจากด้านหลังว่า
“อะแฮ่ม! ที่นี่...เขาห้ามเด็ดดอกไม้กันนะ”
“....!!!” นิ้วน้อย ๆ นั้นชะงัก วงหน้าน่ารักที่กำลังรื่นรมย์กลายเป็นบูดบึ้งแทน และแม้นริมฝีปากจิ้มลิ้มชมพูธรรมชาติของพริกหวานจะไม่เอ่ยคำใดกับคนข้างหลัง แต่ในใจกลับโต้ทันควันว่า เชอะ! เค้ารู้หรอก...คนบ้า!
ส่วนหญิงเท่เซอร์ข้างหลังที่มักพูดจาขวานผ่าซาก แถมใจร้อนอีกต่างหาก ไม่รอที่จะโพล่งตามสไตล์ว่า “นี่ยัยพริกกะเหรี่ยง...ป่านนี้แล้วยังไม่หายงอนอีกเหรอะ อะไรเนี่ย...ความจริงน่าจะเป็นฉันมากกว่านะที่เธอควรจะต้องมาง้อ โห...ผู้หญิงอะไร มือหนักตีนหนักชะมัด มิน่า..ถึงไม่มีใครอะ..”
ไม่มีใครเอาใช่ม่ะ!!!
เสียงกระแทกแดกดันแบบยัวะ ๆ นี้ลั่นเปรี้ยะในหัวของพริกหวานทันควัน ชนิดไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของคำพูด ต่อประโยคจนจบซะเอง
หน้ามุ่ย ๆ ของสาวเจ้ายิ่งบึ้งตึงไปกันใหญ่ ซ้ำคำกระทบกระเทียบเปรียบเปรยของหมอน้ำขิงเมื่ออาทิตย์ก่อน ยังทิ่มกระแทกใจให้อารมณ์บูดปุด ๆ อีกจนได้ ซึ่งประโยคนั้นคือ
‘อืม...จะว่าไป...กลิ่นแก้มพริกกะเหรี่ยงอย่างเธอ ก็หอมติดจมูกยิ่งกว่ากลิ่นพวกชะมดอีกนะเนี่ย เอ...แต่ถ้ากลิ่นติดทนนานกว่านี้ล่ะก็...ก็น่าจะหอมยิ่งกว่ากลิ่นอำพันของปลาวาฬหัวทุยน่ะสิ รึไม่ก็กลิ่นจากพวกบีเวอร์ อ้อ! นึกออกล่ะ กลิ่นแก้มเธอคล้ายกลิ่นจากกวางนี่เอง ฮ่า ๆ แต่เธอน่าจะ ดีใจนะ เพราะ Musk มันที่เป็นผงไขมันแข็ง ๆ คล้ำ ๆ ที่อยู่ในกระเปาะตรงถุงหนังน่ะ พอเอาไปสกัดเป็นสารหอมระเหยน้า..ราคาแพงสุด ๆ ไปเลยล่ะ’
สรุปว่า กลิ่นแก้มฉัน...มันหอมเหมือนกลิ่นเก้งกวางเนี่ยนะ!
ฮื่ม!!! ยัยพี่หมอบ้า..ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ไม่ต้องมาคุยกันแล๊ว!
อารมณ์พริกหวานเริ่มกรุ่น ๆ อีกรอบ พลันสายลมหนาวยะเยือกโบกสะบัดพัดแรง จนดรุณีน่ารักที่ใส่แค่เสื้อสเวตเตอร์ถักสีขาวลายดอกไม้ตัวบาง ต้องยกแขนขึ้นมากอดอก ห่อไหล่ แถมยังจามติด ๆ กันหลายหน
“ฮัดชิ้ว! ฮะ...ฮัดชิ้ววว...!!!”
จังหวะที่พริกหวานกำลังตั้งท่าจะจามอีกรอบ ทว่าเจ้าตัวกลับต้องเบิ่งตาโต นิ่งตะลึงในท่านั้น เมื่ออยู่ดี ๆ มีผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่ที่ทำมาจาก ขนแกะสีขาวสวยนุ่มมือ คลุมลงบนไหล่แบบบางของเธอจากทางด้านหลัง ไม่เพียงเท่านั้น..คนทำยังช่วยจัดผ้าคลุมไหล่ให้เรียบร้อยด้วยความอ่อนโยน
ก่อนเขาจะเปลี่ยนมายึดไหล่เล็กบางสองข้างของเธอไว้มั่นด้านหลัง โน้มริมฝีปากนุ่มเข้ามาใกล้ใบหูของพริกหวาน ทั้งทอดเสียงกระซิบกระซาบอบอุ่นออดอ้อนกับหญิงแน่งน้อยผิวแก้มเรื่อว่า
“หลาย ๆ ครั้ง...ที่พี่พยายามจะพูดคำ ๆ นี้มาตลอดอาทิตย์ แต่มันกลับพูดยากเหลือเกิน เวลาอยู่ต่อหน้าเธอ พี่ขอโทษน้า...เราคืนดีกันเถอะ”
วินาทีแรกที่พริกหวานได้สดับตรับฟังคำขออภัยสุดอ่อนโยนนี้จากสัตวแพทย์สาว หัวใจเธอ..ช่างเอิ่มเอมพองโตเหลือเกิน บรรยากาศรอบกายเหมือนจะหยุดนิ่ง มวลฝันหวานยังลอยล่องเริงร่าไปทั่วผืนแผ่นฟ้าสีคราม
“.......” เป็นนาทีทีเดียว กว่าพริกหวานจะหลุดจากอาการตะลึงงัน กระนั้นดวงหทัยยังคงฉาบไล้ไปด้วยละอองไอแห่งความชุ่มฉ่ำเอิบอิ่ม
ไม่ช้า...กลีบปากสีระเรื่อโทนกุหลาบของสาวน้อย ค่อยโปรยยิ้มละไมเอียงอายด้วยความสุขสมเกษมสันต์ ส่งให้ดวงเนตรนั้นดูสดฉ่ำไปด้วย
ทว่า...เมื่อพริกหวานหันกลับมาแย้มยิ้มพริ้มพรายให้คนด้านหลังที่กระซิบเสียงขออภัยแสนอ่อนโยนน่าฟัง ก็ไม่ปรากฏร่างของสัตวแพทย์หญิงน้ำขิงอยู่ตรงนั้นซะแล้ว นารีน้อยหน้าระเรื่อถึงกับขำคิกในลำคออย่างรู้ทัน
เขินล่ะสิท่า...ยัยพี่หมอบ้าปากแข็ง ชริ ๆ ครั้งนี้ยอมคืนดีด้วยก็ด่ะ นี่เห็นแก่ของบรรณาการถูกใจหรอกนะ ไม่งั้น..จ้างให้ก็ไม่ยอม คิก ๆ ฟินอ่ะ
ครั้นสี่สาวเดินทางกลับฟาร์ม รักปายลอบเห็นจากทางกระจกรถด้านข้างว่า พริกหวานที่นั่งเบาะหลังกับคุณพระพาย เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปลื้มปริ่มอิ่มใจกับผ้าคลุมไหล่ขนแกะสีขาวผืนใหญ่ หลายครั้งที่เพื่อนสนิทยกขึ้นมาสูดดม และโอบคลุมไหล่ด้วยความสุขใจ จนรักปายอดแซวไม่ได้ว่า
“หึ ๆ ไงจ๊ะ...พริก มาคราวนี้...ท่าทางจะได้ของถูกใจจริง ๆ น้า”
“.....” พริกหวานไม่ได้ตอบว่ากระไร นอกจากส่งยิ้มละไมให้
แต่แค่ไม่กี่วินาที...หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองไปทางกระจกรถซึ่งเจ้าของเครื่องบรรณาการกำลังเก๊กท่า ขับรถกลับปศุสัตว์อย่างเงียบ ๆ กระนั้นแววตาสพ.ญ.น้ำขิงที่เผลอสบกันผ่านกระจก ก็ฉายแววเคอะคะในที
คิก ๆ อย่าบอกให้ใครรู้ชิมิคะพี่หมอ เก๊กหน้ามาก ๆ ระวังเมื่อยน้า เค้าล่ะห๊วงห่วงอ่ะตัวเอง หุหุ แต่ว่า...ยังไงวันนี้...เค้าก็ต้องขอบคุณพี่หมอจริง ๆ ที่ทำให้ไอ้พริกหวานคนนี้รู้ว่า เค้ายังพอจะมีความสำคัญกับพี่อยู่บ้าง
‘ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณจริง ๆ’
คำหวานละมุนนี้ แม้จะดังแค่เพียงในใจพริกหวาน
ทว่ามันช่างอิ่มเอมซาบซ่านไปทั้งห้องหัวใจอย่างไม่เคยเป็น
อา...ดีจัง ที่เรายังมีคนที่ให้รัก...แม้เขาจะไม่รักเราก็ตาม หึ ๆ ... ไอ้พริกเอ้ย...ได้แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ดีเท่าไหร่แล้ว...ดีแล้ว...เฮ้อ...ให้ตายสิ!
หลังจากดูงานที่พระตำหนักปางตอง พรพระพายได้เสนอโปรเจกต์ ‘สวรรค์ของคนรักสัตว์และพืชผัก’ กับรักปายที่ใช้งบไม่มาก โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ ปรับปรุงของเดิมที่มีอยู่ในปศุสัตว์มาทำให้ดีขึ้น ส่งเสริมให้คนในฟาร์มมีส่วนร่วมในการรีโนเวตฟาร์มครั้งใหญ่ นอกจากนั้นยังมีรางวัลสำหรับผู้มีไอเดียเก๋ไก๋ ทั้งนี้เพื่อต้องการเปลี่ยนให้ฟาร์มรักปาย ซึ่งเดิมมุ่งแต่การเลี้ยงสัตว์เพื่อจัดจำหน่าย ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ไม่กี่สัปดาห์...ผู้คนในฟาร์มก็ช่วยกันเนรมิตจนเสร็จสิ้นด้วยการทาสี และออกแบบปรับปรุงโครงอาคารเก่าให้เปลี่ยนเป็นสีสันสดใสน่ารัก และอบอุ่นในสไตล์ฟาร์มยูโรคันทรี ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาแห่งม่านหมอก
ทั้งมุ่งโปรโมตให้เว็บของฟาร์ม เป็นเว็บยอดนิยมของ Google ว่า
ที่นี่...เป็นปศุสัตว์ในฝันแห่งใหม่ ตั้งอยู่ท่ามกลางสายหมอกสวยในขุนเขาแห่งความรักของแม่ฮ่องสอน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นSwitzerland เมืองไทย
ไม่ช้าไม่นาน...ชื่อของ ‘ฟาร์มรักปาย’ ก็ติดอันดับ top 10 ในโลกSocial Network แบบชั่วข้ามคืน สมดั่งที่พรพระพายตั้งใจ
เพราะที่นี่นั้น คุ้มค่าสุด ๆ สำหรับผู้อยากลองเรียนรู้ชีวิตเกษตรกรแบบสั้น ๆ และยังมีสัตว์แสนรู้น่ารักให้ได้ลองเลี้ยงดู เช่น มีมุมป้อนนมให้ ลูกแกะพิการขนขาว ๆ น่ารัก ๆ อย่างเจ้านมสด ที่ออดอ้อนสาวได้ร้ายกาจ ตามด้วยกิจกรรมขี่ม้าแสนรู้สง่างามอย่างเจ้าลูกกวาดในราคาเป็นกันเอง
ส่วนเจ้าปังปิ้ง...สุนัขไทยพันธุ์บางแก้วซึ่งเป็นตัวโปรดของรักปาย ที่เก็บได้เมื่อปีกลาย และยังเป็นว่าที่เนื้อคู่ตุนาหงันของเจ้าสังขยา ก็ไม่ยอมน้อยหน้าสัตว์ใดในฟาร์มเช่นกัน มันมักจะวิ่งโชว์การต้อนฝูงแกะเข้าคอกให้นักท่องเที่ยวชม ช่างน่ารักน่าเอ็นดู จนใคร ๆ ต้องถ่ายคลิปเผยแพร่กันใหญ่
นอกจากนั้นฟาร์มรักปายยังไม่เก็บค่าเข้าชมสักสตางค์แดงเดียว แค่ขอแลกกับภาพตรงประตูทางเข้าฟาร์ม ที่ปรับปรุงใหม่ดูกิ๊บเก๋สดใสไฉไลกับ 1 ในแก๊งผู้อยากเข้าชม โดยให้แชร์ในเครือข่ายสังคมออนไลน์เขาเอง
หากนักท่องเที่ยวคนใดแอดเป็นเพื่อนกับฟาร์มรักปาย ณ เวลานั้นก็มีสิทธิ์ลุ้นได้ผักผลไม้สวยสดกรอบ ปลอดสารพิษ ติดไม้ติดมือไปกินที่บ้าน
ส่วนนักท่องเที่ยวท่านใดที่อยากจะได้พืชผลทางการเกษตรที่เพิ่งเก็บสดๆ ใหม่ ๆ หวานกรอบอร่อย ติดมือกลับบ้านไปด้วย ก็สามารถซื้อหาได้ในราคากันเอง เพราะเป็นการขายตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
ยังไม่พอ! สิ่งที่กระหึ่มในโลกโซเชียลสุด ๆ เห็นจะเป็นเรื่องที่...
คู่รักคู่ไหนที่ต้องการถ่ายพรีเวดดิ้งสวยหวานโรแมนติกกันถึงฟาร์ม ซึ่งมีมุมสวยแจ่ม ไอเดียเก๋ ๆ ให้เลือกมากมาย ราคาสุดพิเศษเพียง 1,999.- และถ้าหากนำไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ คู่รักคู่นั้นจะมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลเข้าพักบ้านริมลำธารอันแสนน่ารักโรแมนติกแบบฟรี ๆ 1 คืน! พร้อมมื้อค่ำอันแสนเลิศรส จากฝีมือเด็ดสะระตี่ของป้ามะเฟืองที่ใครได้ชิมเป็นต้องยกนิ้วให้
ทีแรกตอนเสนอกลยุทธ์นี้ พรพระพายแสร้งออกอุบายว่าตนจะขอย้ายจากเรือนรับรองริมลำธารไปอยู่กับคนงานอื่น ๆ ที่บ้านพักแทน เพื่อจะได้ใช้ที่นี่จัดโปรโมชั่นเต็มที่ นั่นจึงทำให้เจ้าของกิจการอย่างรักปายซึ่งมีท่าทีครุ่นคิดตลอดการฟังพรีเซนต์ ที่สุดก็ยอมเอ่ยปากขอให้เธอพักบ้านเดียวกัน
อันนี้สิที่พรพระพายคิดว่า คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มอีก Wow…!!!
“หาววว...”
เสียงหาวหวอด ๆ เป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ ลอดมาจากกลีบปากชมพูของพริกหวาน ที่นั่งเป็นก้างขวางคอระหว่างคุณหนูรักปาย...เจ้าของบ้านกับหญิงสวยเคร่งขรึมหัวหน้าแผนกบัญชี ที่เพิ่งควบตำแหน่งรองผู้จัดการ ได้ไม่นาน ตอนได้ยินคุณหนูรักประกาศในที่ประชุม เธอถึงกับอึ้งและคิดว่า
โฮ๊ะ...ไวยิ่งกว่าสายฟ้าแลบผู้หญิงคนนี้! ทั้งที่เลื่อนขั้นแทนอาป้องได้ไม่ทันไร แต่แค่เดือนเศษก็ได้เป็นถึงรองผู้จัดการฟาร์มรักปาย! โอ๊ย...นี่ถ้าคุณหนูเป็นผู้ชายล่ะก็...เธอต้องคิดว่า หญิงสวยมาดดีอย่างเขาต้องใช้เต้าไต่แน่ ๆ แต่นี่เขาดันทุ่มสุดตัว โชว์กึ๋นซะเฉียบขาด เฮอะ! แต่ไงไอ้พริกคงยอมให้คุณหนูรักชอบผู้หญิงไม่ได้อยู่ดี ก็นายท่านหวังไว้มากอยากให้คุณหนูแต่งกับคนดี ๆ มีลูกหลานสืบทอดกิจการ ฉะนั้น...สู้เว้ย! แต่ตอนนี้...หาววว...
พริกหวานเผลอหาวปากกว้างจนเห็นลิ้นไก่อีกรอบ
คราวนี้รักปายชักจะทนกับอาการหวงห่วงของเพื่อนสนิทไม่ไหว จึงแสร้งยกมือขึ้นปิดปากหาวเช่นกัน ก่อนจะเอ่ยปากไล่แบบเนียน ๆ ว่า
“พริกง่วงแล้วก็ไปนอนเถอะจ้ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดเตรียมงานกันใหม่ เพราะรักก็ชักง่วง ๆ แล้วแหละ เดี๋ยวจะขึ้นไปนอนเหมือนกันจ้ะ”
สาวผมสั้นแค่คางเชื้อสายปกาเกอะญอ เริ่มทนความง่วงงุนไม่ไหว เนื่องจาก...นอกเหนือจากงานประจำที่ต้องดูแลด้านโภชนาการอาหารสัตว์ ช่วงนี้เธอยังต้องวิ่งรอกประสานงานด้านการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในฟาร์ม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาช่วงวันหยุดยาวตอนสิ้นปีอีก
ดังนั้นดรุณีน่ารักที่หาวหวอด ๆ หลายรอบ จึงจำใจตอบคุณหนูว่า
“ก็ได้ค่ะคุณหนู แล้วยังไง...คุณหนูรักก็ต้องรีบเข้านอนไว ๆ นะคะ อย่าแอบโหมงานหนักล่ะ เดี๋ยวไม่สบาย” แต่ตาคนพูดเนี่ยสิ หรี่ปรือเต็มทน
รักปายส่ายหัวขำปนระอากับการตั้งตนเป็นผู้ปกครองของเธอแบบกลาย ๆ ของพริกหวาน ถึงเช่นนั้นหญิงสาวยังตอบเอาใจว่า
“จ้า...รู้แล้ว ๆ พริกไปนอนเถอะ ไม่ต้องห่วงรักหรอกน้า...ป่ะจ้ะ”
รักปายพูดพลางโปรยยิ้มหวานละไมให้มิตรแท้ที่ดูแลกันมาแต่เด็ก
พริกหวานเลยยอมพยักหน้า ยกก้นขึ้นจากโซฟาที่นั่งรากงอกตั้งแต่หัวค่ำ พร้อมแบบงานที่แสร้งนำใช้ซักถามเจ้าแม่โปรเจกต์อย่างคุณพระพาย ซึ่งย้ายมาพักในบ้านเดียวกับคุณหนูรักปายได้หลายสิบวันแล้ว ก่อนจะลาว่า
“งั้นพริกไปก่อนน้าค้าคุณหนูรัก คุณพระพาย...หาววว...”
สาวหน้าเด็กพริกหวานไม่วายหาวโชว์อีกรอบ ทำให้พรพระพาย อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำกับพฤติกรรมก้างปลาวาฬตัวนี้ ซึ่งทำมาหลายสิบวัน
เออนะ...อะไรจะหวงเพื่อนขนาดนั้น มาเฝ้าได้ทุกคืนจริง ๆ หึ ๆ
และยิ่งขำ เมื่อพริกหวานเดินสะโหลสะเหลตาแทบปิด สะดุดโน่นนี่นั่นตลอดทาง กว่าจะเข้าไปในบ้านสีขาวกะทัดรัด ที่อยู่ห่างกันไม่กี่สิบเมตร
แต่แล้วจู่ ๆ แสงไฟในบ้านของรักปายเกิดดับลงเฉียบพลัน!
“อ๊ะ...ไฟดับ! ว้า...แย่จัง” เจ้าของบ้านคนสวยร้องเป็นคนแรก
เนื่องจากราตรีนี้เป็นคืนเดือนมืด จึงยิ่งมืดสนิทไร้แสงดาวไปใหญ่ มองอะไรแทบไม่เห็น ฉะนั้นเจ้าของบ้านสาวถึงหันไปบอกหญิงผู้อาศัยว่า
“คุณพระพายคะ เดี๋ยวรักจะไปหยิบไฟฉายในครัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้เองดีกว่าค่ะ...อยู่ตรงไหนคะ?”
เสียงน่าฟังในความมืดย้อนถาม กระนั้นรักปายจำต้องปฏิเสธว่า
“เอ...รักเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ถ้ารักไปหา...ก็น่าจะไวกว่า เอาเป็นว่า คุณพระพายรออยู่ตรงนี้แล้วกันนะคะ เดี๋ยวรักมา”
“มันมืดมาก...ระวังด้วยนะคะคุณรัก” พระพายเตือนไม่ทันไร
เสียงน่าขนลุกนี้สะท้อนก้องท่ามกลางความดำมืด ตั๊กแก...ตั๊กแก!
“กรี๊ดดด...!!!” รักปายถึงกับหวีดร้องลั่นบ้านอย่างขลาดกลัวสุดขีด ขนแขนลุกเกรียวไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ขาเขอที่จะฝ่าไปในความมืดทีแรก พลิกมากระโจนกอดรัดสาวลูกครึ่งไทย-เดนมาร์กซะเต็มแรงอย่างอัตโนมัติ
“อ๊ะ!” เสียงอุทานลอดจากปากพรพระพายซึ่งไม่ทันตั้งรับแรงโถมของหญิงอรชรที่คร่อมทับเธอบนโซฟา และดูเหมือนว่ารักปายจะกลัวจัดกับเสียงทักไม่หยุดของตุ๊กแก ทั้งยังลืมตัวซุกอกเธอ แถมยังรัดตัวไว้ซะแน่น
ส่วนกัลยาหน้าสวยที่ลืมตัวดีดดิ้นทับบนร่างพรพระพาย ยังคงร้องหวาด ๆ ว่า “อ๊ายยย!!! ไอ้ลายจุดบ้า ไปสักทีสิ...ไปไป๊...ฉันกลัวแล้ว...ไปสิ!”
นั่นเพราะแค่รักปายได้ยินเสียงสัตว์ชนิดนี้ เหตุจำฝังใจสุดแขยงได้ แล่นพล่านไปทั่วอณูเนื้อ ขนลุกชัน เมื่อนึกถึงตอนรับน้องใหม่ของคณะฯ
ครั้งนั้นหญิงรุ่นพี่เล่นเกม Blind Test มัดข้อมือเธอไว้พร้อมปิดตา จากนั้นรุ่นพี่ผู้ชายก็เอาตัวนุ่มนิ่มอะไรไม่รู้วางลงบนมือเธอ...พอทายไม่ถูก รุ่นพี่ต่างขำกันใหญ่ แล้วถึงเปิดตาให้เธอดูสัตว์เลี้ยงของรุ่นพี่ผู้ชาย ซึ่งนาทีที่เห็นว่าอุ้งมือเธอ...มีตุ๊กแกลายพร้อยตัวเบ้อเริ่มนอนแอ้งแม้งอยู่ ตาของเธอก็พองโต หัวใจแทบหยุดเต้น ยิ่งมันอ้าปากกว้างร้องตั๊กแก ๆ ! ดังน่ากลัว ซ้ำพลิกตัวกระโจนเกาะอกเธอ ความหวาดกลัวขยะแขยงยิ่งฉีดพล่านไปทั่วร่างเธออย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นเองที่เธอถึงกับเป็นลมล้มตึงต่อหน้าพวกเขา!
พอฟื้นขึ้นบนเตียงพยาบาลถึงรู้ว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เป็นรุ่นพี่ปี 3 ถูกพริกหวานโดดชกซะเต็มเบ้าตา! ซ้ำด่ากราดเรียงตัวอย่างไม่เกรงกลัวใคร
‘ถ้าคุณหนูรักเป็นอะไรไป รุ่นพี่ทั้งคณะต้องรับผิดชอบ!’
ทว่าตอนนี้องครักษ์พิทักษ์เธออย่างพริกหวานไม่ได้อยู่ที่นี่...เวลานี้
มีเพียงคุณพระพายที่นอนเป็นหลักยึดให้เธอกอดรัดเท่านั้น
เดี๋ยว! เมื่อกี้ว่าไงนะ คุณพระพายนอนให้เรากอดงั้นเหรอะ!!!
กรี๊ด ๆ !!! นี่เรานอนอยู่บนตัวเขาเลยเหรอะเนี่ย โอว...ตายแล้ว ๆ ยัยรักปาย!!!! สติเธอหลุดหายไปไหน...น่าขายหน้าชะมัด เอาไงดี ๆ หรือว่าเราควรจะเอ่ยปากขอโทษเขาดี แล้วก็รีบวิ่งหนีขึ้นบันไดไปที่ห้องนอนเลย โธ่...แต่มืด ๆ ยังงี้ เดี๋ยวก็ตกกระไดคอหักตายกันพอดี โอย...แล้วเอาไงดีล่ะ เอ๊ะ! หรือจะแกล้งทำเป็นหมดสติ แล้วปล่อยให้เขาดันร่างเราออกไปเองดี ว่าแต่...เขาจะจับได้ไหมว่าเราแกล้งสลบ อ๋อย...ไม่ไหวแล้วใจเต้นแรงจนจะกระเด้งออกมาข้างนอกแล้ว แกล้งสลบล่ะกัน ไม่ต้องพูดไรแล้ว..อายเขา!!!
ตัดสินใจปุ๊บ รักปายก็หยุดดิ้น หยุดร้อง คลายวงแขนที่กอดรัดกายเขาไว้แน่นเมื่อครู่ออก แกล้งสลบเหมือดบนอกอบอุ่นของคุณพระพายดื้อ ๆ และโชคดีที่เสียงร้องก้องน่าเกลียดน่ากลัวของตุ๊กแกตัวลายเงียบไปเช่นกัน
แม้สภาพร่างกายภายนอกของรักปายจะนิ่งงัน ช่างต่างกันลิบลับกับใจพิสุทธิ์ดวงน้อยภายใน มันเต้นถี่ยิบโครมครามมากขึ้น เพราะไหนจะกลิ่นโคโลญจน์เฉพาะตัวตรงซอกคอขาวผ่องของคุณพระพาย ที่จมูกเธอ ซุกซบใกล้ ๆ ช่างหอมเย็นสดชื่นสะอาดสะอ้านมีเสน่ห์รัญจวนใจเหลือเกิน จนเธอนั้นอยากจะสูดกลิ่นกายเขาร่ำไป และไหนจะเนื้อตัวอุ่น ๆ นุ่มนิ่ม น่ากอดของเขา ที่แนบชิดสนิทกันจนไม่มีที่ว่างสักกระเบียดนิ้วอีกล่ะ โอ...
โดยเฉพาะทรวงอกอ่อนนุ่มของเขาที่ถูกหน้าอกนุ่มหยุ่นของเธอเบียดทับอยู่นี้ล่ะ ช่างสร้างอารมณ์ตื่นเต้นสยิวทรวงให้สาวพรหมจารีวัย 21 อย่างรักปายเหลือคณา พลอยทำให้ร่างอ้อนแอ้นแบบบางที่แกล้งสลบเริ่มสั่นน้อย ๆ เต้าอกกลมกลึงกำลังงามยิ่งกระเพื่อมตามแรงลมหายใจเคอะคะ
ยิ่งอยู่ในท่ากระอักกระอ่วนนี้นานเท่าใด ตัวรักปายยิ่งต้องควบคุมอารมณ์รักใคร่เสน่หาที่กำลังแตกซ่านสั่นพร่า ด้วยการต้องตีหน้านิ่งหลับตาให้สนิทที่สุด ไม่อย่างนั้น...ถ้าความลับแตกขึ้นมา...
เธอตายแน่ยัยรักปาย! มองหน้าเขาไม่ติดไปทั้งชาติแน่..อั๋ย! (>//<)
“.....?!!!” ส่วนพรพระพายที่ปล่อยให้สาวขี้กลัวรัดกายไว้แน่นต้องขมวดคิ้วฉงน เมื่ออยู่ ๆ คุณหนูรักปายที่ร้องเสียงหลงอยู่บนอกก็นิ่งไปดื้อ ๆ
หญิงสวยสมาร์ตซึ่งนอนอยู่ใต้ร่าง จึงยกลำแขนเรียวขาวผ่องที่ตกข้างตัวขึ้นมาจับไหล่แบบบางของรักปายเขย่าเบา ๆ ร้องเรียกว่า
“คุณรักคะ...คุณรัก! คุณรักเป็นอะไรหรือเปล่าคะ...คุณรัก!”
“......” ริมฝีปากอิ่มสวยของนารีแสร้งสลบ ปิดสนิทก็จริง แต่ในใจกลับวอนว่า อ๊า...อย่าเรียกกันนักได้ไหมค้า...ให้รักสลบอย่างนี้น่ะดีแล้วน้า
หากทว่าดรุณีน่ารักที่แสร้งหมดสติ ไม่คิดไม่ฝันว่า การกระทำของรองผู้จัดการคนใหม่จะทำให้หัวใจสั่นไหวของเธอแทบระเบิดออกมานอกอก แต่ต้องทนทรมานกัดฟันอย่างสุดกำลัง แสร้งใช้มุขนี้ต่อไปกันความอับอาย
เมื่อคุณพระพายพลิกร่างหนัก ๆ ของตัวเขาขึ้นมาคร่อมเธอแทน แถมโน้มหน้าสวยเท่เข้ามาใกล้ ๆ จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รินรดกัน
นี่เขาจ้องเราอยู่ใช่ไหมเนี่ย! โอ๊ย...ตาย ๆ ยัยรักปายเธอตายแน่!
ไม่กี่วินาที...เขาก็ตบแก้มเธอเบา ๆ เรียกสติซ้ำ ๆ อย่างห่วงใยว่า
“คุณรักคะคุณรัก...คุณรัก! โห...นี่กลัวตุ๊กแกจนเป็นลมเลยเหรอะตายล่ะ...จะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย เอ...หรือจะโทร.เรียกรถพยาบาลดี?”
พรพระพายรำพึงกับตนเบา ๆ โดยไม่ได้ยินเสียงตะโกนแย้งในใจของสาวสะคราญที่แสร้งหลับตาว่า
ไม่ดีค่ะ...ไม่ดี! ไม่ต้องเรียกมาน้า...แง ๆ อยากสลบจริง ๆ ซะแล้วสิ
อย่างไรก็ตาม รักปายต้องโล่งใจลงทันที เมื่อได้ยินประโยคนี้ของหญิงตรงหน้าพูดกับตัวเองอย่างหงุดหงิดว่า
“โธ่เอ้ย...แล้วนี่เราเอาโทรศัพท์ไปทิ้งไว้ไหนเนี่ย มืดก็มืด...เฮ้อ...”
คำพูดของพรพระพาย ช่างขัดแย้งกับรอยยิ้มกริ่มรู้ทันและแววตาที่ฉายแสงแพรวพราวระยับวับวาว ราวแสงดาวประกายพรึกบนนภาซะอีก
เป็นอีกครั้งที่สาวพรหมจรรย์รักปายซึ่งแกล้งสิ้นสติ ตอบเขาในใจด้วยอารมณ์หวามไหวว่า ไม่ต้องทำไงหรอกค่ะคุณพระพาย แค่ลุกไปจากตัวรักก่อนได้ม๊า...ตอนนี้หัวใจรักใกล้จะวายตายอยู่แล๊ว! ( >////<) (>////< )
และเป็นโชคของรักปายที่รองผู้จัดการอย่างคุณพระพายยอมเขยิบเขยื้อนเคลื่อนกายลงจากร่างเธอ แต่ดันโชคไม่ดีตรงที่ว่า สาวเท่แค่อยากจะเปลี่ยนท่าใหม่ มานอนเท้าคางเพ่งมองเธออยู่ข้างกันบนโซฟามากกว่า
อนงค์นางที่รู้สึกว่าถูกเพ่งพิศ ยิ่งเคอะเขินกระดากอายไปกันใหญ่
โอย...เลิกมองรักซักทีได้ไหมค้าคุณพระพาย รักจะแย่แล้วน้า...!
แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง ซ้ำรักปายยังต้องยิ่งเก๊กหน้าให้นิ่งสุดฤทธิ์ เมื่อเขาใช้ปลายนิ้วเรียวอบอุ่น แตะและลากไล้เบา ๆ อย่างอ่อนโยนนุ่มนวลมาตามหน้าเนียนใสของเธอ สร้างอารมณ์วูบวาบปั่นป่วนใจให้คนถูกกระทำเหลือเกินนัก ส่งผลให้จังหวะหัวใจเต้นโครมครามหนักจนเธอเกรงว่า มันจะทะลุออกนอกอกให้อับอายมากไปกว่านี้ ถึงเช่นนั้นรักปายยังคงได้ยินเสียงขำน้อย ๆ ในลำคอของคุณพระพาย ก่อนจะทอดเสียงหวานเอ็นดูให้ผู้รอฟังเช่นเธอ รู้สึกเคลิบเคลิ้มอ่อนไหวไม่หยุดหย่อนว่า “หึ ๆ น่ารักจัง...”
สิ้นคำหวานอันแสนละมุนของคุณพระพาย ดวงหทัยของรักปายก็แทบพุ่งทะลุออกมาในนาทีนั้น ถ้าหากตัวเธอสะกดใจอย่างหนัก...ไว้ไม่ทัน!
เมื่อคุณพระพายหันมาใช้ฝ่ามือเรียวอันแสนอบอุ่นอีกข้างเข้ามารั้งใบหน้าเธอไว้ ก่อนเขาจะใช้จมูกเป็นสันสวยงามที่เธอชอบแอบมอง จรดลง กลางหน้าผากเธออย่างทะนุถนอม และยังลากไล้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมตามดวงหน้าเธออีก แต่นั่น! ยังไม่วาบหวิวสยิวซ่านทั่วทั้งสรรพางค์กายของรักปาย จนมือหญิงสาวเริ่มชื้นด้วยเหงื่อเย็น ๆ เท่ากับการที่เขาใช้จมูกโด่งสวยไซ้สยิวแผ่วเบาบริเวณผิวเนื้อตรงซอกคอเธอ ที่ทาแค่แป้งเด็กอ่อน
ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก!!! ใจรักปายเต้นกระหน่ำเพราะตื่นเต้นจัด วงพักตร์เนียนน่ารักร้อนซู่อย่างห้ามไม่อยู่ สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก
รู้สึกตัวอีกที ก็ตอนใบหูเธอ ถูกเขาใช้ปากนุ่มระอุเม้มและขบเบา ๆ ซ้ำปล่อยลมหายใจร้อนผ่าวออกมา ทำให้ขนกายเธอลุกชันอย่างห้ามไม่ไหว
ไม่เพียงแค่นั้น หูยังเป็นอวัยวะที่ออกแบบมารับอารมณ์ความรู้สึกทางเพศรสของหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง มันจึงถูกกระตุกกระตุ้นให้มีอารมณ์ร่วมได้อย่างเหลือร้าย แม้คนขบกัดอยากจะแค่หยอกเย้ารักปายเล่น ๆ ก็ตามที นั่นยิ่งทำให้รักปายต้องกลั้นใจอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เต้าทรวงอวบของเธอในเสื้อนอนสีครีมแขนยาว กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงอารมณ์ที่กำลังถูกยั่วเย้าปั่นป่วนรัญจวนใจ ไม่เช่นนั้น...เขาอาจจะจับได้ว่า เธอไม่ได้เป็นลมหมดสติ
โอ...แต่ตอนนี้ทำไงดี?! เธอกำลังจะช็อกตายเพราะเขาแล้วรู้ไหม โอว..ได้โปรดหยุดก่อนได้ไหมคะคุณพระพาย..หยุดก่อน..รัก..รัก...อ๊ะ...อา..
อนงค์พิสุทธิ์ได้แต่ครวญครางเสียงกระเส่าเว้าวอนผู้ยั่วหยอกในใจ ถึงกระนั้นรักปายยังเผลอกำมือชื้นเหงื่อสะกดอารมณ์อย่างหนัก ไม่ให้แสดงอารมณ์เสียวสยิววาบหวามที่กำลังพลุ่งพล่านในกายสาว ให้คุณพระพายซึ่งเพลินกับการใช้ลิ้นชมพูอ่อนนิ่มร้อนเร่า ดูดเล็มแผ่วกระเส่าตรงติ่งหูเธอ
หยะ...อย่าค่ะ...โอว...อย่า...อา...ได้โปรดอย่าทรมานรักแบบนี้เลย
แต่แล้วในนาทีต่อมา...กัลยาณีงามไร้ราคีที่แสร้งนอนนิ่งเป็นตุ๊กตา ทั้งแสนทรมานกับการถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์กระสันอยากใคร่ในสิเน่หาเป็นครั้งแรก ก็รับรู้ถึงลมหายใจยาว ๆ ที่ค่อย ๆ ผ่อนออกมาจากริมฝีปากระอุร้อนของเขาอย่างเชื่องช้า เสมือนว่าต้องการสะกดอารมณ์อะไรบางอย่าง
ที่สุด...นารีแสนพิศุทธิ์ต้องแอบโล่งใจ ที่คุณพระพายยอมหยุดการหยอกเอินกับร่างเธอ แต่ทว่า...อีกใจซื่อสัตย์ ก็นึกเสียดายที่การลองเรียนรู้อารมณ์รักใคร่ระหว่างอิสตรีด้วยกันเป็นครั้งแรก...ได้สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้
กระนั้นไม่ช้า...สาวลูกครึ่งผู้คุกคามได้ยื่นริมฝีปากเข้ามาใกล้อีกหน ครั้งนี้น้ำเสียงคุณพระพายที่กระซิบชิดริมหูเธอ ออกจะสั่นพร่ารัญจวนอย่างประหลาดว่า “ฝันดีนะคะ...สาวน้อย” แล้วยังจูบลาเบา ๆ ตรงหน้าผากเธอ
จากนั้นคุณพระพายที่รักปายแอบชื่นชอบรักใคร่ ก็หันไปพลิกตัวนอนตะแคงกอดอก หันหน้าไปทางห้องโถงกว้างที่มีเพียงแสงสลัว และผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ กระทั่งรักปายที่ยอมนอนหลับตานิ่ง ๆ เช่นกัน รับรู้ถึงจังหวะการหายใจของเขาว่าเริ่มเข้าที่สม่ำเสมอ แสดงถึงอาการหลับลึก
เพียงเท่านี้ เนตรกลมโตที่เต็มไปด้วยความเคอะเขินกระดากอายของรักปายก็เปิดขึ้น เจ้าตัวถึงกับผ่อนลมหายใจแห่งความโล่งใจออกแผ่ว ๆ แทบจะทันที หากทว่ายังเป็นไปอย่างระมัดระวังในความสลัวเช่นเดิม
ดูเหมือนไฟดับในค่ำคืนนี้...จะยาวนานและทรมานใจยิ่งกว่าครั้งใด
หนำซ้ำอากาศกลางเดือนธันวาคมของเมืองปาย ก็ช่างยะเยือกเย็นจนรักปายต้องยกมือขึ้นมาลูบต้นแขน และช่วงที่เจ้าตัวกำลังนอนคิดว่า
เธอควรย่องจากโซฟา เดินคลำขึ้นบันได ไปหยิบผ้านวมผืนใหญ่ในห้องนอนมาห่มให้คุณพระพายดีไหม? รึเธอควรแกล้งงัวเงีย ปลุกเขาให้ลุกขึ้นไปนอนบนห้องเขาเองดีกว่า? ว้า...แต่ดูเขาหลับสบายจัง...เอาไงดีล่ะ?
ระหว่างรักปายกำลังลังเลสับสน เพราะใจหนึ่งสาววัยใสก็อยากจะใกล้ชิดเขาเช่นนี้มานานแล้ว อา...มันช่างอิ่มเอิบซาบซ่านในหัวใจเหลือเกิน
นี่สินะ...ความสุขของคนแอบรัก ทว่าหญิงผุดผ่องไม่ต้องหาคำตอบอีกต่อไป เมื่อพรพระพายที่ยังนอนหลับ ละเมอพลิกตัวผินมาทางรักปาย ทั้งวาดแขนโอบกอดกายหอมยวนใจของหญิงสาวไว้อีก
อา...อุ่นจัง (หาว) ฝันดีนะค้าคุณพระพาย...ของรัก...จุ๊บ ๆ (^ 3 ^)
ความคิดเห็น