คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 ลูกฆาตกร?
บทที่ 5 ลูกฆาตกร?
แสงแรกอร่ามเรืองค่อยสาดแสงสีทองเพริศแพร้วชำแรกผ่านทะเลหมอกลงมาเบื้องล่าง ไม่ช้า...ภาพชาวเมืองสามหมอกอย่างแม่ฮ่องสอนซึ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวไทยใหญ่ ต่างแต่งชุดไตหรือชุดไทยใหญ่สดใสสวยงาม พร้อมข้าวสารอาหารแห้ง ปะปนกับนักท่องเที่ยวทุกสารทิศที่มีจิตศรัทธา ในการตักบาตรเทโว พวกเขาต่างยืนเรียงรายสองฟากฝั่งขั้นบันไดที่จะทอดคดเคี้ยวสู่ วัดพระธาตุดอยกองมู ท่ามกลางสายหมอกงามยามเช้าที่เริ่มเบาบางและกลุ่มควันปะทัดที่จุดเป็นระยะ แม้อากาศเหมันตฤดูจะยะเยือกปานใด ก็ยังพ่ายต่อพลังศรัทธาพุทธศาสนาที่มีมายาวนานหลายชั่วอายุคน
โดยคำว่า ‘กองมู’ นั้นเป็นภาษาไทยใหญ่ หมายถึง ‘พระเจดีย์’ วัดพระธาตุดอยกองมูนี้ถือเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอนมานานนับศตวรรษแล้ว และยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจแห่งความเลื่อมใสและศรัทธาของชาวเมืองสามหมอกเสมอมาซึ่งหนึ่งในพุทธศาสนิกชนคือ นักค้าหุ้นสาวพรพระพาย ที่เพิ่งซิวตำแหน่งหัวหน้าแผนกบัญชีและการเงินมาได้ไม่นาน
จะว่าไป...นับแต่ทายาทสาวแห่งสกุลเพชรนาคากระโดดเข้ามาในบ่วงเกมของคุณปู่ ชีวิตประจำวันโบรกเกอร์หญิงมืออาชีพที่เฉลียวฉลาด แต่ให้คำปรึกษาทางการเงินกับลูกค้าเงินถุงเงินถัง กลับต้องจมจ่อมอยู่กับการทำบัญชีและหัวหมุนกับการหาเศษสตางค์ที่ไม่ลงตัว กว่าจะปิดงบบัญชีฟาร์มประจำเดือนได้ ต้องขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ไม่น้อย ควบคู่กับการเรียนรู้บัญชีฟาร์มปศุสัตว์ให้เร็วที่สุดเพื่อทำให้รักปายและคนที่นี่เชื่อว่าเธอเคยมีอาชีพเป็นนักบัญชีผู้มากประสบการณ์จากธนาคารในกรุงเทพฯ
นอกจากนั้น เธอยังต้องสร้างคะแนนนิยมกับคนในฟาร์มให้มาก ๆโดยเฉพาะเจ้าของฟาร์มคนสวย ด้วยการตื่นแต่ไก่โห่มาช่วยคุณหนูรักปายและนมเฟืองจัดข้าวของใส่บาตรทุกวันพระ พร้อม ๆ กับการแอบปะทะคารมกันแบบเนียน ๆ กับแม่พริกหวานจอมซ่าที่หวงเจ้านายยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ และยังต้องคอยกันท่าสัตวแพทย์จอมกวนที่ชื่อน้ำขิงอีกต่างหาก
หึ ๆ แม่พริกหวานนั่นก็แสบสันเหลือร้าย ชอบหาเรื่องมาให้เธอต้องแก้เกมอยู่บ่อย ๆ ส่วนคุณหมอน้ำขิงนั่นก็ใช่ย่อย มีเวลาว่างเป็นไม่ได้ต้องหาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาปรึกษาคุณรักตลอดเวลาสิน่า เฮ้อ! แต่นั่นยังไม่เท่ากับการระวังตัวของคุณรักเอง ทั้งที่ดูก็รู้ว่า คุณรักน่าจะมีใจให้เธอนะ ถึงแม้เธอเองจะแค่เอ็นดูคุณรักเหมือนน้องสาวก็เถอะ แต่ว่า...ทำไมทุกครั้งที่เธอชวนคุณรักไปไหนมาไหนสองต่อสอง เพื่อสร้างความสนิทสนมคุ้นเคย คุณรักถึงต้องหาทางเลี่ยงอยู่เรื่อย แปลก...ไม่เข้าใจผู้หญิงจริง ๆ ให้ตายสิ!
ครั้นพรพระพายประเมินสถานการณ์มาถึงตรงนี้ อยู่ ๆ บทสนทนาระหว่างเธอกับผู้เป็นลุงเมื่อคืนวาน ได้ย้อนกลับมาให้รู้สึกหนักหน่วงในใจ
เมื่อลุงเพทายเปรยกับเธอตั้งแต่ประโยคแรกที่รับสายว่า ‘นี่ก็หลายอาทิตย์แล้วนะที่หลานได้เข้าไปเป็นหัวหน้าแผนกบัญชีของฟาร์มรักปายน่ะ หลานเองก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่เหรอะว่า ที่นี่...มีทรัพย์สินหนี้สินเท่าไหร่ ซึ่งนั่นน่าจะทำให้เราค้นพบช่องทางที่จะทำให้หนูรักปายยอมขายฟาร์มเร็ว ๆ ไง’
ความอึดอัดกังวลใจแผ่เข้ามาเต็มห้องหัวใจผู้ถูกถามอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่พรพระพายเริ่มห่วงใยในความรู้สึกของผู้คนในฟาร์ม รักปาย และตอนนี้เธอยังไม่อยากจะผลีผลามทำลายมิตรภาพอันดีงามที่กำลังงอกเงย โดยเฉพาะสาวน้อยผู้ใสซื่อและมากน้ำใจอย่างคุณหนูรักปาย
พรพระพายจึงอ้างเหตุผลออกไปให้น่าเชื่อถือว่า
‘อืม...คุณลุงคะ แต่พระพายไม่คิดว่า การรีบด่วนลงมือทำอะไรไปตอนนี้ มันจะเป็นผลดีกับเรานะคะ เพราะดูเหมือนว่า ที่นี่...จะมีหนี้สินมากพอตัวทีเดียว และถ้าเรารีบด่วนตัดสินใจ พระพายเกรงว่า คุณปู่ท่านอาจจะได้ไม่คุ้มเสียน่ะสิคะ เอาเป็นว่า...คุณลุงช่วยเรียนคุณปู่แล้วกันว่า ขอให้ท่านอดใจรอสักนิด แล้วอีกไม่นานเกินรอ ท่านต้องได้ครอบครองทุกตารางนิ้วบนผืนดินนี้แน่ค่ะ ไว้สักสามสี่เดือน รอให้ฟาร์มรักปายมีหนี้สินน้อยลงก่อน แล้วพอถึงตอนนั้น...ทางเราค่อยวางเกมในการขอซื้อกิจการเขาก็ได้นี่คะ’
อย่างไรก็ตาม ลุงเพทายยังแย้งกลับมาจนได้ว่า
‘เรื่องนี้ลุงก็เข้าใจนะพระพาย แต่คุณปู่น่ะสิ...ท่านมักจะย้ำบ่อย ๆ กับลุงว่า ท่านไม่เคยสนว่า ฟาร์มรักปายจะมีกำรี้กำไรสักเท่าไหร่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด...ท่านมีความจำเป็นเร่งด่วนที่อยากจะครอบครองที่ดินผืนนี้ให้ได้ ยิ่งจัดการได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เอาเป็นว่า...ไม่เกินสองเดือน หลานจะต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น ซึ่งตัวหลานเองก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการตามสัญญาไง ส่วนลุง...ก็ไม่อยากจะให้หลานต้องเข้าไปเสี่ยงในถิ่น ฆาตกร มากไปกว่านี้’
คำว่าฆาตกรที่ลุงเพทายเน้นหนักด้วยน้ำเสียงแห่งความเกลียดชัง ทำให้พรพระพาย ซึ่งเพิ่งรับรู้สาเหตุที่แท้จริงที่คุณปู่นาคาอยากได้ที่ดินผืนนี้แทบเป็นแทบตาย หญิงสาวจึงตัดสินใจถามผู้เป็นลุงตรง ๆ ว่า
‘อือ...พระพายถามจริง ๆ เถอะค่ะคุณลุง แค่เพียงคุณปู่ท่านฝันไม่กี่ครั้งว่า วิญญาณคุณอาเพชรแท้มาขอร้องให้คุณปู่ ช่วยตามหาร่างเขา ที่ยังอยู่ในฟาร์มรักปาย ตัวคุณลุงเอง...ก็เชื่อตามคุณปู่ท่านด้วยหรือคะว่า คนในฟาร์มนี้...เป็นฆาตกรฆ่าอาเพชรแท้จริง ๆ!’
ลุงเพทายซึ่งอยู่ปลายสายโทรศัพท์ เงียบลงชั่วครู่ ก่อนจะระบายลมหายใจออกอย่างหนักหน่วงเหมือนกำลังตัดสินใจในเรื่องสำคัญบางอย่าง
ไม่ช้า...ถึงมีเสียงสลดซึมแกมจริงจังตอบกลับพรพระพายว่า
‘ถ้าลุงเล่าอะไรให้ฟัง หลานต้องสัญญาว่า อย่าเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้คุณปู่ฟังเด็ดขาด ไม่งั้นเดี๋ยวท่านจะยิ่งใจร้อน อยากได้ที่ดินผืนนี้มากขึ้นไปอีก’
‘ได้ค่ะ...พระพายสัญญาว่าเรื่องที่คุณลุงเล่า จะเก็บไว้เป็นความลับ แล้วคุณลุงพอจะรู้ระแคะระคาย ในเรื่องที่คุณอาเพชรแท้หายไปไหมคะ?’
เสียงถอนหายใจอย่างอัดอั้นถูกระบายอีกหน พร้อมคำบอกเล่าของผู้เป็นลุงว่า ‘เฮ้อ...ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้มันผ่านมาเป็นสิบ ๆ ปี แต่ลุงก็จำได้ดีว่าคืนนั้น...มีพายุฝนเข้าถล่มแม่ฮ่องสอนตั้งแต่หัววัน คนในบ้านจึงเข้านอนกันแต่หัวค่ำ และวันนั้นลุงก็ไม่รู้เป็นอะไร ทั้งที่อากาศเย็นสบายจากสายฝนแท้ ๆ แต่ลุงกลับนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงนอนจนดึกดื่น ข่มตาไม่ลงสักที จนต้องลุกขึ้น กะจะหาหนังสือธรรมะอ่านสักหน่อย แต่แล้ว...ก็ไม่รู้มีอะไรมาดลใจให้ลุงหันไปมองนอกกระจกหน้าต่างที่ฝนเริ่มซา แล้วลุงก็เห็น...’
‘เห็นอะไรคะ?’ พรพระพายซักอย่างสงสัย และยิ่งได้ฟังคำเฉลย ถัดมา ดวงตาสีเข้มของหญิงสาวยิ่งเบิกกว้างอย่างฉงน เพราะวลีนั้นคือ
‘ลุงเห็นคุณริมเมยน่ะสิ’
‘เอ๋…แม่ของคุณรักน่ะหรือคะ?!’ หลานสาวย้ำเพื่อความแน่ใจ
‘ใช่...คนเดียวกันน่ะล่ะ คือเมื่อก่อน...คุณริมเมยเคยคบหาดูใจกับอาเพชรแท้มาก่อน แต่พอไอ้น้ำปายหนุ่มหล่อหน้าคมนักเรียนทุนอเมริกา กลับมาบ้านเกิด คุณริมเมยก็เปลี่ยนไป แถมยังบอกเลิกกับคนของเราดื้อ ๆ และทั้งที่สองคนนั้นคบกันได้แค่ไม่กี่เดือน คุณริมเมยก็ตกลงปลงใจแต่งงานกับไอ้น้ำปาย ทั้งที่มันมีที่ดินแค่ไม่กี่หยิบมือ ไม่มีอะไรสู้ตระกูลที่ร่ำรวยยิ่งใหญ่ของเราได้สักอย่าง นั่นเลยทำให้อาเพชรแท้เสียใจมากจนไม่เป็นอันทำงานทำการอะไร วัน ๆ เอาแต่กินเหล้าเมายาอยู่หน้าบ้าน แถมยังไม่ยอมไปเรียนต่อเมืองนอกอย่างที่ได้รับปากคุณปู่ไว้ ส่วนคุณปู่เอง...ท่านก็เสียใจ เสียหน้าไม่ต่างกัน เพราะใคร ๆ ต่างรู้ทั้งนั้นว่า ท่านรักและเอ็นดูคุณริมเมยแค่ไหน ถึงกับเคยประกาศว่า ลูกสะใภ้ของท่านต้องเป็นคุณริมเมยเท่านั้น’
‘ขนาดนั้นเลยหรือคะ?’ พรพระพายร้องด้วยความฉงน
‘ใช่...เพราะคุณริมเมยทั้งสวยทั้งเก่ง ช่างเจรจา และยังขยันขันแข็งคล่องแคล่วไปซะทุกอย่างผิดกับสาวสมัยใหม่ที่ไม่เอาอะไรนอกจากแต่งตัว’
‘อือ...แล้วคืนเกิดเหตุ...คุณริมเมยเธอมาทำอะไรคะ?’
‘ลุงเห็นคุณริมเมยเธอยืนถือร่มอยู่ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้าน ส่วนมืออีกข้างก็หิ้วกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ๆ ไว้ ทำท่าพิรุธลุกลี้ลุกลนอย่างกับกำลังจะหนีตามใครซะอย่างนั้น จู่ ๆ อาเพชรแท้ก็สะพายเป้ใบใหญ่วิ่งเข้าไปหา สองคนนั้นต่างกอดรัดกันจูบแก้มซ้ายขวา ทำเหมือนกับว่า พวกเขาเป็นคู่รักที่โหยหากันมานาน ไม่ถึงนาที...พวกเขาก็เดินเร็ว ๆ ไปทางป่าละเมาะ ลุงรู้สึกใจคอไม่ดีจึงรีบวิ่งตาม ลืมแม้กระทั่งร่ม เนื้อตัวเลยเปียกซกไปหมด และก่อนพวกเขาจะลอดรั้วลวดหนาม ที่กั้นแบ่งเขตของฟาร์มเพชรนาคา ข้ามไปยังที่ดินของครอบครัวไอ้น้ำปายซึ่งปัจจุบันก็คือฟาร์มรักปายนี่แหละ ตอนนั้นลุงร้องตะโกนห้ามพวกเขา และพูดจาวิงวอนให้น้องชายกลับบ้าน ด้วยลุงไม่อยากจะเห็นคุณปู่ท่านต้องตรอมใจเรื่องลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเล็กหายไปอีกคน เพราะพชร…พ่อของหลานน่ะ ก็เพิ่งจะออกจากบ้านไปอยู่กินกับแม่ฝรั่งของหลานได้ไม่นาน แต่อาเพชรแท้กลับตอบว่า…’
‘…?!!’ ยิ่งฟังเรื่องราว พรพระพายยิ่งคาดเดาไม่ถูกจึงได้แต่เงียบฟัง
‘เขาขอมีชีวิตเป็นของเขาเอง ถึงกับก้มลงกราบเท้าลุง และขอร้องไม่ให้ลุงแพร่งพรายเรื่องที่เขาสองคนคิดจะหนีตามกัน ซึ่งลุงก็ได้แต่ปล่อยเขาไป และเก็บงำทุกอย่างไว้ แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่วัน…ลุงก็เห็นคุณริมเมยเข้าออกฟาร์ม ใช้ชีวิตสามีภรรยากับไอ้น้ำปายตามปกติ ทำเหมือนกับว่าเรื่องในคืนนั้น…ไม่เคยเกิดขึ้น ส่วนอาเพชรแท้…กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมทั้งทรัพย์สินเงินทองมูลค่าหลายล้าน ที่เขาขโมยไปจากตู้เซฟคุณปู่’
‘ทำไมคุณลุงถึงไม่เล่าให้คุณปู่ฟังละคะ?! ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่’
‘อืมก็เพราะว่าตอนนั้น…คุณปู่ท่านโมโหมากจนเส้นเลือดแตกต้องอยู่ในห้องไอซียูเป็นเดือน ๆ และถ้าท่านรู้ว่า ลุงเอง...เป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ ซ้ำยังไม่ฉุดรั้งน้องไว้ คุณปู่ต้องโกรธเกลียดลุงมากแน่ ๆ ซึ่งลุงก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่จะดูแลท่านได้ ดังนั้นลุงจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทน เฝ้าเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และพยายามสืบหาอาเพชรแท้ด้วยตนเอง แต่ก็ไร้ผล กระทั่งหลายปีต่อมา…ลุงเองก็ต้องทำใจยอมรับว่า นั่น! คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ลุงได้เห็นหน้าน้องชาย มิหนำซ้ำยังต้องทนดูนังผู้หญิงสารเลวริมเมยนั่นระริกระรี้กับผัวที่ร่ำรวยผิดหูผิดตา ซึ่งพวกมันเที่ยวโอ้อวดกับใครต่อใครว่ามันถูกสลากรัฐบาลที่ซื้อจากคนตาบอดซะปึกใหญ่ เฮอะ! ลุงก็ไม่เชื่อหรอก น้ำหน้าอย่างไอ้น้ำปายขี้ครอกนั่นน่ะเหรอะ! จะถูกหวยรวยเบอร์เป็นล้าน ๆ มันต้องเป็นคนฆ่าน้องชายลุงแน่ ๆ ส่วนเมียของมันก็ต้องเป็นนางนกต่อที่แกล้งเข้ามาล่อลวงให้อาเพชรแท้ขโมยทองหยองของคุณปู่ และหลอกว่าจะหนีไปด้วยกัน แล้วพอมันฆ่าน้องชายลุงเรียบร้อย มันก็จัดการเอาเงินเป็นล้าน ๆ นั่น ไปซื้อที่ดินขยายอาณาจักรของตัวเองไง หึ ! พวกนี้มันสารเลวกันจริง ๆ ก็สมควรแล้วล่ะ ที่ลูกสาวมันจะต้องชดใช้ จำไว้นะพระพาย...หลานอย่าได้ตกหลุมพรางของคนตระกูลนี้เด็ดขาด เฮอะ! เพราะบาปกรรมที่พวกมันทำกับเราไว้…มันมากมายเกินกว่าจะให้อภัย!’
ทันใด! คำเคียดแค้นอาฆาตของลุงเพทายได้หายวับไปจากมโนของพรพระพาย เมื่ออยู่ ๆ คำออดอ้อนปัญญาอ่อนของทอมข้าง ๆ แทรกขึ้นว่า
“อภัยให้เค้าเถอะน้าตัวเอง...มุ๊งมิ๊ง ๆ ปีนี้เค้าอยู่ฉลองวันเกิดกับตัวเองไม่ได้จริง ๆ เพราะถ้าปีนี้เค้าไม่ยอมมาตักบาตรเทโวกับเด็จแม่ล่ะก็...เด็จแม่จะตัดเค้าออกจากกองมรดกแล้วน้า แล้วเค้าจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงตัวเองล๊า จริงไหมจ๊ะตัวเอง ยังไง...เอาเป็นว่า ถ้าเค้าเสร็จธุระกับที่บ้านแล้ว เค้าจะรีบกลับกรุงเทพฯ ไปให้ตัวเองลงโทษหนัก ๆ น้า จุ๊บุ๊ ๆ งุ๊งิ๊ ๆ คริ ๆ”
พรพระพายเหล่ตามองสาวหล่อหน้าตาดีผิวขาวในชุดเสื้อม่อฮ่อม สีน้ำเงินกางเกงสะดอได้เพียงนิด สาวลูกครึ่งไทย-เดนมาร์กหน้าสวยก็อยากแจกมะเหงกทอมแสบมันสักป้าบ! เมื่อทอมห้าวหันไปเห็นผู้หญิงหน้าตาดี ในชุดไต เดินยิ้มสดใสก้าวขึ้นมาตามขั้นบันไดวัด แล้วชูช่อดอกเอื้องแซะ สีแสดแกมเหลืองสองช่อประมาณว่า ซื้อได้แล้ว ซึ่งผู้คนที่นี่นิยมถวายพระ
คนสับรางเก่งก็สามารถเลี่ยงขอวางสายได้อย่างรวดเร็วทันใจว่า
“โอ๊ะ! เด็จแม่เรียกแล้วล่ะ เค้าต้องไปก่อนน้า รักตัวฝุดๆ จ๊วบ ๆ”
ผู้เห็นฉากชีวิตรักสั้น ๆ อย่างพรพระพายถึงกับสั่นหัวน้อย ๆ อย่างเอือมระอา ว่าที่ไหน ๆ ก็มีแต่คนมีกิ๊กกันทั้งนั้น ไม่เห็นจะมีใครจริงจังกับความรักกันสักคน พอจริงจังแล้วเป็นไงล่ะ เจ็บร้าวไปถึงหัวใจจนลืมไม่ลงไง!
ดังนั้นสาวอกกลัดหนองผู้ถูกหักหลังจึงเลิกสนใจเรื่องไร้สาระที่เห็นชินตา แล้วหวนกลับมาคิดถึงเรื่องคาดไม่ถึงที่ได้รับรู้จากลุงเพทายเมื่อคืนว่า
อือ...คนที่ดูใจดีมีเมตตาอย่างคุณน้ำปายกับคุณริมเมยน่ะเหรอะ จะเป็นฆาตกรฆ่าคุณอาเพชรแท้จริง ๆ ใจมนุษย์สุดยากแท้หยั่งถึงขนาดนี้เลยหรือ แล้วคุณรักล่ะ...เราจะไว้ใจเธอได้มากแค่ไหน เฮ้อ...แต่อะไรคือจริงอะไรคือเท็จ คงต้องให้วันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ซะแล้วสิ
หลานสาวสุดสมาร์ตแห่งตระกูลเพชรนาคาคิดในใจ ก่อนจะค่อย ๆ ระบายลมหายใจของความรู้สึกหน่วง ๆ ออกเบา ๆ แล้วหันไปมองดูผู้คนนับหมื่นต่างยืนนั่ง รอตักบาตรเทโวอยู่ตามขั้นบันไดวัดพระธาตุดอยกองมูด้านล่างที่ทอดยาว ซึ่งหมอกยามเช้า ยังคงดูขาวโพลนปกคลุมไปทั่วเมือง โดยมีสีเขียวแก่ของใบไม้และสีสันเครื่องแต่งกายของหนุ่มสาวชาวไทยใหญ่มากมาย มาช่วยแต่งแต้มบรรยากาศให้เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังของวันวาน
ครั้นนักเล่นหุ้นมืออาชีพอย่างพรพระพายผินหน้ากลับมาทางเดิม แม่เหาฉลามพริกหวานที่ยืนหาคลื่นโทรศัพท์มือถือข้าง ๆ เมื่อครู่ ก็หายตัวไล่ ๆ กันกับที่คุณหมอน้ำขิงขอตัวไปหาห้องน้ำ และเมื่อสาวสูงเท่ตาสวยหันมาทางกระไดด้านล่างอีก เพื่อชมละครชีวิตของคลื่นมนุษย์ที่มารวมตัวกัน
แต่แล้วนาทีนั้นเอง...ที่พรพระพายเหมือนดั่งถูกสะกด! ให้สายตาหยุดอยู่แค่เพียงโฉมสะคราญงามพิศที่ค่อย ๆ เยื้องย่างร่างแช่มช้อยมาตามขั้นบันได พร้อมโปรยยิ้มหวานละไมมาทางเธอ ซึ่งเผยอปากค้างอย่างตะลึง
มีเพียงคำเพ้อแกมฉงนในใจว่า คุณรัก!
นั่นเป็นเพราะวันนี้สาวน้อยเจ้าของฟาร์มรักปายนั้นได้ลองสวมใส่ชุดไทยใหญ่สีสว่างสดใสเป็นครั้งแรก กายอ่อนอรชรสวยพริ้งน่ารักมากเป็นพิเศษด้วยการนุ่งซิ่นส่วยต่องสีเหลืองสดช่วยขับผิวพรรณ ใส่เสื้อไตแขนยาวสีขาวต่อไหล่ ที่มีสาบเสื้อป้ายทับไปทางด้านขวา ติดกระดุมผ้าน่าชมสมวัย
ยิ่งสวยพิศงามแปลกตาอย่างสาวโบราณ เมื่อรักปายเกล้าผมมวยตั้งมีกุ้กไว้ทรงสะต๊อก เป็นพุ่มเหนือศีรษะเยี่ยงอิสตรีชาวไทยใหญ่สมัยก่อน ใส่เครื่องประดับเงินลายดอกตะเกายกชุด มีแหวน สร้อยคอ ต่างหู สร้อยข้อมือ ปิ่นปักผม สวยงามตามแบบอารยธรรมโบราณ โดยมีเข็มขัดคาดทับรัดเอวคอดน่าพิศชม เติมวงพักตร์ให้น่ามองด้วยโทนสีธรรมชาติเนื้อเนียนบางเบา เน้นเฉดสีตรงเนตรกลมโต และยิ่งขนตางอนงามเป็นแพสวยหนาอยู่แล้ว ยิ่งขับให้ตาดูสวยซึ้งหวานฉ่ำ ส่วนกลีบปากเอิบอิ่มได้แต่งแต้มด้วยลิปครีมโทนชมพูกลีบบัวอมนู้ดนิด ๆ เพิ่มเสน่ห์แวววาวสดใสด้วยลิปกลอส
อา...ช่างยากยิ่งนักหากจะต้องละสายตาในเวลานี้
ผู้หญิงคนนี้...ช่างสวยน่ารักเหลือเกิน ยิ่งมอง ก็ยิ่งสวยวันสวยคืน แถมยังสวยเป็นธรรมชาติ น่ารักเรียบร้อยนิสัยดีมีน้ำใจอีกต่างหาก
พรพระพายหลงเพ้อในภวังค์มาถึงตรงนี้
ทันใดนั้นเอง!
คำอาฆาตของลุงเพทายในประโยคสุดท้าย ก่อนวางสายลงเมื่อคืน ได้ยับยั้งอารมณ์เตลิดของทายาทสาว...หนึ่งในผู้ใช้สกุลเพชรนาคาว่า
‘จำไว้ให้มั่นนะพระพาย...ว่านังหนูรักปายนั่น มันเป็นลูกฆาตกร! อย่าไว้ใจเด็ดขาด เพราะชาตินี้! ไม่มีวันที่ตระกูลเรา...จะยอมให้อภัยมัน!’
ถึงเช่นนั้น หากเรื่องนี้...ยังไม่มีหลักฐานแน่นหนามามัดตัวคนในตระกูลพันธุ์บริบูรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาอย่างรักปาย พรพระพายเองซึ่งได้ฟังเรื่องต่าง ๆ เพียงฝ่ายเดียวจากคนในวงศ์สกุล เธอก็ยังไม่อยากจะปักใจเชื่อว่า นารีผู้มีดวงพักตร์จิ้มลิ้มพริ้มเพราแสนซื่อบริสุทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้าเธอนี้ จะมีเลือดชั่วของฆาตกรไหลวนในกาย แต่...อะไร ๆ ก็อาจเป็นไปได้ทั้งนั้น!
แม้นเพลานี้ ในใจพรพระพายจะยังมีความคลางแคลงใจเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของอาเพชรแท้ แต่ทว่าเธอยังอยากลองให้ความเป็นธรรมกับเลือดเนื้อเชื้อไข ที่เกิดจากคุณน้ำปายและคุณริมเมยสักครั้ง!
ดังนั้นหลานของตระกูลเพชรนาคา ที่ชีวิตเพิ่งจะโคจรเกี่ยวข้องกับคนในวงศ์วาน จึงสลัดความรู้สึกเคลือบแคลงออกไป แล้วเลือกที่จะยิ้มกริ่มน้อย ๆ และเปิดเผยตามความรู้สึกแรกเห็นต่อหญิงเจ้าของฟาร์มรักปายว่า
“ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า เวลาคุณรัก...สวมชุดแบบนี้แล้วจะดู...”
ตาระยับวับวาวพิจารณาตลอดเรือนร่างสาวน้อยจิ้มลิ้มพริ้มเพราตรงหน้าอีกหน พร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างพึงใจ ซึ่งไม่ใคร่จะเห็นบ่อยนักจากสาวไทย-เดนมาร์ก ซึ่งวันนี้...ร่างโปร่งระหงอยู่ในชุดพื้นเมืองผ้าฝ้ายทอมือ สีไม้ประดู่ กางเกงผ้าสะดอสีน้ำตาล ดูสวยเก๋แปลกตามีราศีไปอีกแบบ
ทั้งรูปลักษณ์การแต่งกาย และกิริยาหยอกเย้าในทีของพรพระพาย ยิ่งส่งให้สาวงามพิศรักปายในชุดไทยใหญ่ ยิ่งรู้สึกชื่นชมปนเหนียมอายจนต้องเบี่ยงสายตา และเป็นฝ่ายแก้เขินด้วยการถามเขากลับว่า
“รัก...เอ่อ...รักดูเป็นยังไงคะคุณพระพาย?”
รักปายกัดริมฝีปากน้อย ๆ ด้วยความขัดเขินตื่นเต้น แอบลุ้นในใจว่าเขาจะว่าอย่างไร กระนั้นต้องสะเทิ้นเขินอายหนักกว่าเดิม เมื่อได้ยินคำเอื้อนเอ่ยนี้ว่า “ก็คุณรัก...ดูสวยน่ารักมาก ๆ จนพี่ตะลึงน่ะสิคะ หึ ๆ ชักจะหลงเสน่ห์มนต์เมืองเหนือซะแล้วสิ ถ้าตั้งรกรากอยู่ที่นี่ได้...ก็คงจะดีนะคะ”
อย่างไรก็ตาม คำพูดเปรย ๆ ของพรพระพายในประโยคท้ายนี้นั้นกลับทำให้ดวงใจอ่อนไหวของรักปายกระตุกวูบ จนตัวเธอมิอาจห้ามใจไม่ให้ถามคำถามนี้ได้ว่า “คุณพระพายยังไม่คิดจะปักหลักอยู่ที่นี่หรอกหรือคะ?”
“อ๊ะ...อ๋อ...อืม...อันนี้ก็ไม่รู้สิคะ ว่าจะมีใครทำให้พี่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดไปหรือเปล่า? เพราะบางที...ความรักของคนสมัยนี้ มันก็น่ากลัวเกินกว่าที่จะเอาหัวใจไปเสี่ยง หากจะเปรียบง่าย ๆ ความรักก็เหมือนกับหุ้นที่ไม่รู้จะดิ่งเหวเมื่อไร และถ้าเลวร้ายสุด ๆ ก็ทำให้เราตกม้าตายไม่เป็นท่า”
รักปายไม่คิดว่าเขาจะมีทัศนคติเกี่ยวกับความรักเช่นนี้ ฉะนั้นผู้เห็นความรักเป็นความงดงามตลอดมา จึงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับเขาต่อว่า
“แต่ถ้าสมมุติว่า มีคน ๆ หนึ่งที่เขารักคุณพระพายมาก ๆ ถึงขนาดยอมมอบกายถวายชีวิตของตัวเองได้ ถึงตอนนั้น...คุณพระพายยังคิดที่จะปฏิเสธความรักอยู่อีกไหมคะ?”
นักเล่นหุ้นสวยสุขุมผู้เจนโลกที่ถูกตั้งคำถาม กลับเพ่งลึกเข้าไปในดวงตางามซึ้งพิสุทธิ์คู่นั้นของรักปาย แล้วยกยิ้มเอ็นดูน้อย ๆ ให้กัลยาผู้มองความรักงดงามโรแมนติกดุจเทพนิยาย ก่อนเอ่ยให้สาวน้อยโลกสวยฟังว่า
“คุณรักคะ...ความรักมันไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างในละครเกาหลีที่เขาสร้างให้เราดูหรอกนะคะ บ่อยครั้งที่เรามักพบว่า มันมีตัวกิเลสตัณหา และความลุ่มหลงมัวเมาเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนความรักบริสุทธิ์ที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนน่ะ...ไม่มีจริงหรอกค่ะ หรือถ้ามี...ก็เห็นจะมีแต่ความรักของบิดามารดาผู้ให้กำเนิดมั้งคะ แล้วคุณรักละคะ...เคยมีความรักรึเปล่า?”
โดนย้อนถามแบบนี้ รักปายถึงกับอึกอักไปไม่เป็นเลย “....?!!!”
เมื่อหน้าสวยสุขุมเคร่งขรึมของพี่พันตะวันที่เป็นทั้งแชมป์เทควันโดและมือกลองตอนเรียนสตรีปายมองบลังค์ผุดขึ้น ก่อนรักปายจะเผลอเลื่อนแววตาเก้อ ๆ ขึ้นสบกับสาวสวยสมาร์ตตรงหน้าจัง ๆ ซ้ำแววตาเขายังฉายแววยิ้มกริ่มยั่วหยอกในที ทำให้แก้มเนียนงามของรักปายเริ่มร้อนขึ้นซะแล้ว
พอดีกันกับที่ขบวนพระเดินเนิบช้าเรียงแถวลงมาตามขั้นบันได วัดพระธาตุดอยกองมูอันคดเคี้ยว รักปายจึงรีบแก้เก้อด้วยการตัดบทว่า
“อ่า...นั่น...พระท่านกำลังมาแล้วล่ะค่ะคุณพระพาย เอ๊ะ...ว่าแต่...พริกหวานกับพี่หมอน้ำขิงหายไปไหนคะ? นึกว่าอยู่ที่นี่กันหมดแล้วซะอีก”
“อืม...คุณพริกคงไปหาที่โทรศัพท์มั้งคะ ส่วนคุณหมอ...เห็นเธอบอกว่า จะไปหาที่เข้าห้องน้ำน่ะค่ะ แต่เอ...ก็หายกันไปนานแล้วนะคะ”
“เหรอคะ อือ...แปลกจัง ทำไมป่านนี้ยังไม่มากันอีกน้า...”
คำรำพึงรำพันของรักปายหยุดอยู่เพียงแค่นั้น
เมื่อสองสาวต้องหันมาเตรียมพวกข้าวสารอาหารแห้งและดอกเอื้องแซะ เพื่อรอตักบาตรทโวโรหณะต่อจากเหล่าพุทธศาสนิกชนทุกเพศวัย ที่พากันยกสิ่งของที่จะถวายพระขึ้นเหนือศีรษะ ต่างอธิษฐานขอพรในใจ และพากันหยิบของที่ตระเตรียมไว้ใส่ลงไปในบาตรพระอย่างสงบสำรวม
ครั้นถึงคราวรักปายทำบุญตักบาตรบ้าง....หญิงกตัญญูจิตใจงามก็ตั้งจิตอุทิศกุศลให้บุพการี ญาติมิตรผู้ล่วงลับ เจ้ากรรมนายเวรทั้งปัจจุบันชาติและอดีตชาติ รวมถึงอาปกป้องที่เพิ่งเสียชีวิตในบ่อนแถวชายแดนด้วย
แม้นว่าเธอจะอึ้งตะลึงงันในตอนทราบจากรองสารวัตรแผ่นดินว่า อาปกป้องร่วมสมคบกับนายคำรณวัฒน์...นายแบบที่เป็นทั้งพ่อค้ายาและ ผีพนันตัวยง ซึ่งถูกจับกุมในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา ได้รับสารภาพผิด อีกคดีว่า พวกเขาร่วมกันวางแผนชิงเงินสดห้าแสนบาทของฟาร์มรักปาย!
ถึงเช่นนั้น รักปายซึ่งรู้ซึ้งถึงนิสัยหัวหน้าแผนกบัญชีผู้นี้มาหลายปี ก็คิดว่า ที่อาป้องทำผิดพลาดไปเช่นนั้น คงเป็นเพราะเล่ห์ลมปากของคนที่ใช้คำว่า รัก กับคนสูงวัยหัวใจเหงา ที่ต้องการใครสักคนไว้ดูแลตอนแก่เฒ่า
ดังนั้นรักปายจึงตั้งมั่นอธิษฐานจิตว่า
ขอให้อำนาจกุศลผลบุญนี้ จงช่วยให้ดวงวิญญาณของอาป้องไปสู่สุคติด้วยเถิดค่ะ รักอโหสิกรรมให้แล้วทุกอย่าง...หลับให้สบายนะคะคุณอา
โดยหญิงรู้อภัยจิตใจงามมิล่วงรู้ว่า หัวหน้าแผนกบัญชีคนใหม่ที่ชื่อพระพายนั้น ก็ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้กับคุณปกป้องผู้ล่วงลับเช่นกัน
เสร็จจากตักบาตรเทโวโรหณะ ซึ่งแปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก ใบหน้าผู้สืบสานประเพณีอันดีงามของเมืองสามหมอก ต่างยิ้มย่องผ่องใสไปตามกัน เฉกเช่นน.ส.รักปาย พันธุ์บริบูรณ์ และน.ส.พรพระพาย เพชรนาคา ที่ได้ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันอีกครา โดยไม่รู้ว่า เมื่อครั้งอดีตชาติพวกเธอก็เคยสั่งสมบุญวาสนาร่วมกันเช่นนี้มาแล้วหลายชาติภพ
ถึงกระนั้น...บาปกรรมของเธอสองคนที่เคยทำร่วมกันโดยไม่ตั้งใจ ก็ส่งผลถึงชาติภพนี้เฉกเช่นกัน ส่วนบ่วงกรรมจะตามทันเมื่อใด...วิธีไหน?
ไม่มีใครรู้...แม้แต่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า!
“นี่! เลิกขำกันได้ยังพี่หมอ มันแปลกประหลาดมากนักรึไง..เฮอะ!”
พริกหวานแม่สาวปากกล้าผิวขาวเหลืองเชื้อสายปกาเกอะญอว่าแบบยัวะ ๆ พร้อมท้าวสะเอวอย่างจะเอาเรื่อง ทั้งที่เธออุตส่าห์จะสงบศึกให้วันนึง เพราะเห็นแก่เป็นวันพระใหญ่แท้ ๆ แต่หมอภาษาอะไรไร้มารยาท...เอาแต่ขำชุดที่เธอใส่อยู่นั่นล่ะ โธ่เว้ย...เซ็งเป็ดชะมัด! บุญก็ไม่ได้ทำ เพราะมัวแต่เดินหาคลื่นโทรศัพท์มันอยู่นั่นล่ะ เฮ้อ...แล้วฉันจะแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่กว่า ๆ มาช่วยแม่เตรียมของทำไมล่ะเนี่ย เฮอะ! ในเมื่อทำบุญไม่ได้ ก็ทำบาปมันซะเลยดีม่ะ บีบคอสัตวแพทย์ขี้ขำคนนี้ให้ตายคามือมันซะเลย
พอคิดแบบโมโห ๆ มาถึงตรงนี้ พริกหวานก็พาลพาโลไปถึงผู้ให้กำเนิด ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอต้องถูกหัวเราะเยาะว่า
เฮ้อ...แม่นะแม่...ทำไมต้องบังคับให้ใส่ชุดประจำเผ่าด้วยน้า โอ๊ย...อายจะตายอยู่แล้ว! ก็ตั้งแต่เรียนจบมา เธอเคยหยิบกระโปรงกระเปิงมาใส่ซะที่ไหนเล่า แล้วนี่...คนเขาแห่มาจากไหนกันเยอะแยะมากมายล่ะเนี่ย สัญญาณมือถือก็เลยล่มซะงั้น โทร.กี่ที ๆ ก็ไม่ได้ แถมดันมาติดแหงกใกล้ ๆ ยัยพี่หมอบ้านี่อีก เอ้า...ขำมันอยู่นั่นล่ะ ฮึ๋ย...ไอ้พริกหงุดหงิดเฟ้ย!
สัตวแพทย์บ้าที่พริกหวานแอบค่อนว่าในใจ ยังคงไม่รู้สึกรู้สาอันใด มิหนำซ้ำยิ่งส่งยิ้มยั่วเย้ากวาดตาพราวระยับขำคิกคักไปทั่วเรือนร่างเล็กบางของสาวหน้ามุ่ยเชื้อสายปกาเกอะญอ ซึ่งวันนี้...พริกหวานดูแปลกตามาก ๆ ในชุดพื้นเมืองของชนเผ่า ที่ทำจากผ้าทอสีสันสดใส ลวดลายเป็นเอกลัษณ์ เห็นว่าเจ้าตัวถูกแม่บังคับให้นั่งหลังขดหลังแข็งทอผ้าผืนนี้เป็นเดือน ๆ ด้วย
หึ ๆ นึกไม่ถึงเลยว่า ยัยตัวเล็กปากกล้านี่จะทอผ้าเป็นตั้งแต่ ป.3ตอนแรกนึกว่าทอเสร็จแล้วจะดูเหมือนเศษผ้าขยุกขยุยซะอีก แต่ก็ทอเนี้ยบใช้ได้นี่นา อืม...แต่ป้าเฟืองนี่แกเจ๋งชะมัด ที่ทำให้ยัยวานรยอมใส่ชุดนี้จนได้ อือ...จะว่าไป พอยัยพริกกะเหรี่ยงนี่แต่งตัวแต่งหน้าเข้าหน่อย ก็สวยน่ารักไม่เบานี่นา ห๊ะ...เฮ้ย! สวยน่ารักเนี่ยนะ! นี่เราเห็นกงจักรเป็นดอกบัวได้ไง ยัยนี่น่ารักตรงไหน ปากก็จัดยิ่งกว่ากรรไกรโรง’บาล ไม่งั้น...ยัยนกหวีดนี่ ไม่โสดสนิทมาจนถึงป่านนี้หรอก แถมทำตัวเป็นก้างปลาวาฬอีกต่างหาก
ฉะนั้นพอพริกหวานเปิดฉากกระทบแพทย์ผิวน้ำผึ้งเมืองย่าโมว่า
“นี่! เลิกมอง เลิกจ้องคุณน้องพริกหวานสักทีสิคะคุณพี่หมอสัตว์ขาตั้งแต่เกิดมา...ไม่เคยเห็นคนสวยที่สุดในสามโลกหรือยังไงกันคะ!”
สพ.ญ.น้ำขิงเลยยกยิ้มหยัน สวนกลับทันควันให้คนฟังเจ็บใจเล่นว่า
“หึ...อันนั้นน่ะทั้งเคยเห็น และก็เคยจับจนเบื่อซะแล้วน่ะสิ อือ...แต่ไอ้ที่ไม่เคยเห็น...ก็คงเป็นลิงเจี๊ยก ๆ ที่ถูกจับใส่ผ้าถุงตรงหน้าซะล่ะมั้ง”
“ลิง...ลิงใส่ผ้าถุงเนี่ยนะ! อ๊ายยย...ยัยพี่หมอบ้า! ทนไม่ไหวแล้วน้า”
พริกหวานเงื้อง่ามือหมายจะเข้าประทุษร้ายสัตวแพทย์สาวร่างสูงที่สวมเสื้อผ้าฝ้ายทอมือสีขาว กางเกงสะดอสีม่วงเปลือกมังคุดขายาวสบาย ๆ
ฉะนั้นคนจะถูกทำร้ายจึงสามารถเบี่ยงตัวหลบได้อย่างคล่องแคล่ว ผิดกับพริกหวานที่ถูกจำกัดระยะก้าวขาในชุดผ้าถุงของชนเผ่า ซ้ำเนื้อตัวรูปร่างยังเล็กบางกว่า พริกหวานจึงเพลี่ยงพลั้งตกอยู่ในวงแขนแข็งแรงของหมอน้ำขิง ซึ่งกอดรัดหญิงสาวไว้แน่นจากทางด้านหลัง
เมื่อรู้ว่าสู้แรงกำลังกันไม่ได้ หญิงผมม้าแค่คางผิวหน้าอ่อนใสอย่างพริกหวาน เลยได้แต่ขู่ฟ่อด ๆ ประหนึ่งงูจงอางกับคนรัดข้างหลังว่า
“ปล่อยนะ แน่จริงมาสู้กันซึ่ง ๆ หน้าสิ! ฮื่ม...ปล่อยน้า...ปล่อยสิ!!!”
ยิ่งได้ยิน สัตวแพทย์ยิ่งตีรวนเล่นลิ้นว่า “เฮอะ! เรื่องไร...ไม่มีทาง!!! ขืนปล่อย...เดี๋ยวลิงกระหายเลือดแถวนี้ก็โดดงับคอเอาน่ะสิ”
เดี๋ยวก็ลิงใส่ผ้าถุง เดี๋ยวก็ลิงกระหายเลือด...หมอสัตว์อะไรปากจัดหยาบคาย พริกหวานคิดแล้วอยากจะตั๊นหน้ายวน ๆ ที่อยู่ข้างหลังชะมัด แต่ทว่า...ยิ่งดิ้น ก็ยิ่งเหมือนเธอจะถูกเขาแกล้งกอดรัดกายแนบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก มิหนำซ้ำเขายังพูดจาหาเรื่องให้เธอหงุดหงิดใจขึ้นไปอีกว่า
“นี่ยัยลิงกะเหรี่ยง! เลิกดิ้นซักทีได้ไหม...คนเขามองกันใหญ่แล้ว”
“ฮื่อ…โธ่เว้ย! ก็ปล่อยสักทีเซ่ ใครเขาอยากให้กอดตายล่ะ ชิ้ว ๆ ไปกอดสาวอื่นเลยไป๊ ไม่ต้องมากอดพริก ปล่อยน้า...ปล่อยยยย!!!”
สาวร่างเล็กที่สูงแค่ 158 เริ่มแผลงฤทธิ์อาละวาดด้วยการลากเสียงร้องยาว ๆ ให้ผู้คนสนใจ อย่างไรก็ตาม หญิงสาวไม่คาดคิดว่า
สัตวแพทย์หญิงน้ำขิงจะกล้าทำกับเธอเช่นนี้...ต่อหน้าคนมากมาย!
เมื่อจมูกโด่งเป็นสันของหมอสาวฝังจมลงบนพวงแก้มนุ่ม ๆ ของพริกหวานซ้ำหลายต่อหลายครั้ง ทำให้คนถูกละเลงจมูกหอมแก้มครั้งแรกในชีวิตถึงกับยืนอึ้งตะลึง อ้าปากค้าง แต่ใจกลับเต้นตึกตักสั่นรัวไม่หยุด
แถมพอเขาเงยหน้าขึ้นมา แล้วเห็นพวกไทยมุงโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นกำลังจ้องมองและซุบซิบกันแบบเขิน ๆ ช่างต่างกับแววตาค้อนตำหนิจาก ผู้สูงวัยที่ยืนใกล้ ๆ เพราะเธอสองคนกำลังทำสิ่งที่ไม่สมควรในบริเวณวัด
ถึงกระนั้นสัตวแพทย์สาวยังหัวไวเอาตัวรอดได้ว่า
“อ๊ะ...อ๋อ...เอ่อคือ...พอดีพวกเราสองคนพี่น้องไม่ได้เจอกันมานาน เลยหอมแก้มแสดงความคิดถึงกันมากไปหน่อยน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่พี่น้องต่างแม่กันเท่านั้น...แหะ ๆ พี่น้องต่างแม่ ใช่ไหมจ๊ะ...น้องสาว”
แค่ได้ยินประโยคแก้ตัวนี้ พริกหวานยิ่งฉุนจัดแกมอับอายหนักเข้าไปใหญ่ คิดโมโหในใจว่า พี่น้องต่างแม่งั้นเหรอะ!
“....!!!” แต่หญิงแน่งน้อยหน้าบูดบึ้งก็กล่าวคำใดไม่ได้ นอกจากยิ้มเก้อ ๆ ให้พวกไทยมุง แถมยังต้องสะกดอารมณ์ปรี๊ดแตกไว้ ไม่ให้หันไปฆ่า สัตวแพทย์สาวที่บังอาจใช้ฝ่ามือกดหัวเธอลงแบบให้ยอมรับอีกต่างหาก
หน็อยแน่...มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!!
โดยเหตุนี้ ทันทีที่เหล่าไทยมุงสลายตัวกันไปสักการะพระธาตุเจดีย์สวยงาม 2 องค์บนยอดวัดพระธาตุดอยกองมู ผู้ถูกแอบอ้างว่าเป็นน้องสาวต่างมารดา เลยกระทืบเท้าป้าบ ๆ! ลงบนเท้าพี่สาวกำมะลอซะเต็มเหนี่ยว
“โอ๊ย!!!” สัตว์แพทย์หญิงร้องดังลั่น พร้อมปล่อยแขนที่รัดร่างคู่กัด เลยเสียท่าให้พริกหวานกระทุ้งศอกแหลม ๆ ใส่ท้องบาง ๆ ซ้ำซะเต็มแรง เจ็บจุกจนพูดไม่ออก ทรุดร่างคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ได้แต่เงยหน้าเหยเกเขม่นอย่างโมโหเจ็บแค้น อยากจะกระโจนใส่ยัยวานรตัวแสบมาตีก้นป้าบ ๆ นัก
มิหนำซ้ำพริกหวานยังหันมาลอยหน้าลอยตา เยาะเย้ยถากถางใส่เธออีกว่า “ชิ! ใครเป็นน้องมิทราบ...แบร่ ๆ! รอชาติหน้าเถอะไป๊”
“....!!!!” ด้วยความที่จุกจนพูดไม่ออก สพ.ญ.น้ำขิงจึงได้แต่จ้องอย่างคาดโทษ อยากจะกระชากลิ้นชมพูเล็ก ๆ ที่แลบออกมานั่นซะจริง ๆ
โธ่เว้ย!!! ฝากไว้ก่อนเถอะยัยพริกกะหร่าง สักวันจะตีให้ก้นลายเลย!
ดูเหมือนพริกหวานจะอ่านออกว่า แววตาของคนเจ็บจุกตรงหน้าอยากจะลงทัณฑ์เธอมากแค่ไหน ซึ่งนั่นยิ่งทำให้นารีจอมแก่นร่างแน่งน้อยแสร้งยักไหล่ เบ้ปากอย่างกวนส้นแถมให้อีกครั้ง ก่อนหญิงผู้ก่อเหตุจะเดินเชิดหน้าหนี ไม่ดูดำดูดีคนถูกทำร้ายร่างกายสักนิด หากทว่าสิ่งที่พริกหวานแสดงออกอย่างก๋ากั่นนั้น ช่างตรงข้ามกับเนื้อแท้ของจิตใจอันแสนสับสนว่า
หึ...ทีใครทีมันละกันคุณพี่หมอขา! เหอะ...ว่าแต่...ใครเขาอยากเป็นน้องสาวมิทราบ!!! เชอะ...ยัยหมอสัตว์บ้า หูตาบอด สมองฝ่อแค่ไข่แมลงวัน เคยมองเห็นอะไรมั่งไหม?!!! แค่อยากดูดีในสายตาใครก็เอาแต่หัวเราะอยู่ได้ แน่ล่ะสิ...คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด โธ่เว้ย...เกลียดตัวเองชะมัด...เกลียด...เกลียด…
“เกลียด...”คำรำพึงแสนซึมเซาแลแผ่วเบาหลุดลอดออกจากกลีบปากจิ้มลิ้มของพริกหวาน ซึ่งนาน ๆ ทีเจ้าตัวจะยอมแต่งแต้มลิปสีโทนดอกกุหลาบหวานฉ่ำเช่นนี้ แล้วมีเหตุผลกลใดกัน...ที่จะทำให้ทาซานหญิงยอมจำแลงแปลงกายเป็นซินเดอเรลล่าผู้งามพร้อมในวันนี้ ถ้าไม่เป็นเพราะ...
ความคิดเห็น