คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เภตราทยาวีร์...คนในความฝัน
“วีร์ ๆ ไม่นะ... อย่าเพิ่งไป รอเภก่อน...”
เสียงละเมอแผ่ว ๆ ลอดจากปากบางของเภตรา ซึ่งยังปิดเปลือกตาสนิทอยู่ เธอนอนบนเตียงเดี่ยวในห้องสีขาวโดยมีผ้าห่มสีเดียวกันคลุมถึงช่วงอก สั่นศีรษะนิด ๆ กับการปฏิเสธฝันร้ายที่กำลังเผชิญ
“วีร์!”
เภตราลืมตาตื่นทันทีที่เสียงละเมอสุดท้ายหลุดออกมา ริมฝีปากชมพูอ่อนเผยอขึ้น ลมหายใจหอบถี่ราวกับคนวิ่งทางไกล ใบหน้าเรียวสวยตอนนี้มีเหงื่อเย็น ๆ ซึมรอบไรผม หญิงสาวยังคงนอนนิ่งเพื่อรวมสติกระเจิงให้กลับเข้าที่ และคลายความตื่นกลัวจากฝันร้าย
พอสงบใจได้บ้างแล้ว เภตราก็กวาดตามองรอบๆ ห้องพัก ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างกรุกระจกใสแจ๋ว ซึ่งมีกรอบสี่เหลี่ยมหนาครอบเป็นแนวยาว ราวกับจะเชื้อเชิญให้ดูภาพท้องนภาสีทองอ่อนที่กำลังล้อแสงเล่นกับทะเลสีครามเขียวระยิบระยับ เพื่อต้อนรับอรุณรุ่งของเช้าวันใหม่ ยังมีลำนำของเกลียวคลื่นซ่า ๆ ที่ขยับแผ่วพลิ้วเป็นระลอกดุจเสียงดนตรีเพราะพริ้งที่ขับกล่อมเหล่ามัจฉาสีสวยใต้ผืนน้ำ ทุกสิ่งช่างสอดประสาน ประหนึ่งเธอถูกร่ายมนตร์เสน่หาจากมหาสมุทรผืนงาม สมญานาม...
‘ไข่มุกอันดามัน’
หลังจากละสายตาออกจากทิวทัศน์เบื้องหน้าแล้ว เภตราก็ก้มสำรวจชุดนอนชมพูอ่อนหวานแบบกระโปรงมีระบายแค่เข่าที่อยู่บนเรือนร่างอย่างทบทวน คิ้วเรียวขมวดน้อย ๆ ด้วยความแคลงใจ
“เอ...เมื่อวานที่เราคิดว่าเจอวีร์ มันก็ไม่จริงสินะ อืม...ใช่สิ! มันต้องเป็นความฝันอยู่แล้ว เพราะไม่มีทางที่เราจะเจอกับวีร์ได้เลยนี่นา ไม่มีทาง...”
เภตรารำพึงรำพันด้วยใบหน้าสลด ๆ เมื่อนึกถึงความฝันอันเจ็บปวดในครั้งอดีต ทั้งที่เหตุการณ์นั้นผ่านมานานถึง 7 ปี แต่เธอก็ไม่เคยลืมได้เลย โดยเฉพาะดวงตาสีนิลของทยาวีร์ที่แฝงความเจ็บร้าว มันยังฝังรากลึกอยู่ในใจเธอเสมอ
“วีร์...เภขอโทษ”
คำที่อยากเอ่ยมาโดยตลอดปนความเศร้าสร้อยของเภตราเอาไว้เต็มเปี่ยม ทั้งที่เธอรู้ว่า สายเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่มันก็ยังดีกว่าที่ต้องเก็บคำ ๆ นี้ไว้ให้ทรมานหัวใจตัวเอง
ใช้เวลาเพียงไม่นาน เภตราสาวร่างเล็กก็อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวผ้าฝ้าย สวมกางเกงผ้าคอตตอนสีฟ้าอ่อนเปิดประตูห้องนอนออก แล้วเดินตามทางเล็ก ๆ เรื่อยมาจนพบประตูสีขาวตรงหน้า
เธอบิดลูกบิดเบา ๆ พอประตูเปิดออกกว้างก็พบแผ่นหลังบอบบางของดารัณ ซึ่งเป็นเพื่อนสาวที่มีรูปร่างสูงโปร่งเกินมาตรฐานหญิงไทยอยู่ในชุดลำลองเสื้อแขนกุดสีไข่ไก่ กางเกงยีนขาสั้นอวดขาเพรียวสวย หญิงสาวกำลังง่วนอยู่กับการจัดแต่งจานอาหารเช้าแบบอเมริกันเบรคฟาสต์อยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัวเล็ก ๆ ลายไม้ ขณะเดียวกันเธอก็หัวเราะร่ากับผู้ช่วยข้างกาย ซึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าตาคมคายร่างสูงใหญ่กำยำ พลอยข่มให้ร่างของเธอดูเล็กบางไปอย่างถนัดตา
เภตรายืนมองอยู่ได้ไม่นาน ดารัณก็รู้สึกตัวหันหน้ามาทักทาย
“อ้าว...ยัยเภ เล่นมาซะเงียบเชียบเชียว ม่ะ... มาทานอาหารเช้ากัน ไงจ๊ะ... เมื่อวานคงเพลียมากล่ะสิท่า? ถึงได้เป็นลมเป็นแล้งไป นี่ละน้า... รัณบอกให้นั่งเครื่องบินมาที่นี่ด้วยกันก็ไม่เอา ดันอยากจะลองนั่งรถทัวร์เมืองไทยซะอย่างนั้น ฮิ ๆ แล้วเป็นไงล่ะ เข็ดมั้ย? หืม...”
ดารัณล้อพลางทยอยนำอาหารทั้งสามจานวางลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมสีไม้อ่อน ซึ่งหนุ่มหน้าคมสันที่เป็นลูกมือมาตลอดได้ส่งยิ้มละไมให้เช่นกัน จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม
“เภ...นี่คุณทยากร คนที่ฉันเล่าให้ฟังไง”
ดารัณแนะนำชายหนุ่มด้วยความเคอะเขิน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ในที่สุดเราสองคนก็ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการซักทีนะคะคุณกร แหม... ตัวจริงของคุณเนี่ย ไม่เห็นจะเหมือนกับที่ยัยรัณว่าเลยค่ะ อุ๊ย!”
เภตราหลุดอุทานทันทีที่โดนดารัณหยิกหมับตรงข้างเอว พอผินหน้ามาก็อยากจะขำ เพราะตัวต้นเหตุขึงตาแบบข่มขู่มากลาย ๆ ด้วยกลัวว่าจะโดนเพื่อนสนิท แฉเรื่องที่เธอเคยนินทาชายหนุ่มลับหลังจนหมดเปลือก
“ฮ่า ๆ คิดแล้วเชียวว่า รัณจะต้องนินทาผมเสีย ๆ หาย ๆ อย่างตอนเจอกันแรก ๆ เขายังตั้งฉายาให้ผมเลยว่า นายเสากระโดงยักษ์ เพราะผมทั้งสูงทั้งตัวใหญ่ แล้วผมดูเป็นยังไงบ้างละครับคุณเภ?”
“เอาจริง ๆ เหรอคะ ฮิ ๆ คุณกรน่ะดูดีเกินกว่าจะเป็นแฟนยัยรัณด้วยซ้ำไป โอ๊ย! นี่ยัยรัณ...ช่วยเขินเบา ๆ หน่อยสิจ๊ะ เภช้ำไปหมดแล้วนะ อือ...ว่าแต่คุณกรเถอะค่ะ เคยโดนยัยรัณซ้อมมั่งหรือเปล่า?”
“โธ่ คุณเภคิดว่าผมจะรอดหรือครับ ฮ่า ๆ ลองพูดอะไรไม่เข้าหูนิดหน่อยก็โดนดีซะแล้ว ว่าแต่...คุณเภพอจะแนะวิธีปราบแม่เสือสาวให้ผมบ้างมั้ย? ผมจะน่วมตายอยู่แล้วเนี่ย ฮ่า ๆ ... โอ๊ย! พูดยังไม่ทันขาดคำเลย รัณก็เหยียบผมซะเต็มเท้าเลย คุณเภช่วยด้วยสิคร้าบ...” ทยากรแกล้งร้องขอความช่วยเหลือ
“ฮืม...เอากันเข้าไป เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว” ดารัณพูดด้วยท่าทางกระเง้ากระงอดน่ารัก
จากนั้น เสียงหัวเราะของสามคนหนุ่มสาวก็ดังประสานกันไปทั่วภายในห้องอาหารบนเรือยอชต์ส่วนตัวสีขาวฟ้าสุดหรูซึ่งกำลังแล่นเอื่อย ๆ หยอกล้อกับฟองคลื่นสีขาวนวลท่ามกลางนทีผืนงามใต้เวิ้งตะวันที่อบอุ่น ทำให้จิตใจซึมเซาของเภตราที่เกิดจากฝันร้ายในอดีตคราแรก เปลี่ยนเป็นปลอดโปร่งโล่งใจแทน
เภตราเหลือบมองหนุ่มคมสันรูปร่างบึกบึน ซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเพ่งพินิจอีกหน จัดได้ว่าทยากรเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ชวนมองยิ่งนัก บุคลิกสมาร์ตสมกับที่ต้องทำงานติดต่อกับผู้คนมากหน้าหลายตา หน้าตาเรียบเนียนหล่อเหลา ผิวพรรณขาวเหลืองลออ การแต่งกายก็ดูดีแม้จะอยู่ในชุดสบาย ๆ ที่สำคัญรวยอารมณ์ขันอย่างไม่น่าเชื่อ เหมาะกับสาวเปรี้ยวแต่ตัวอย่างดารัณ ซึ่งสนิทกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
หากใคร ๆ มองดารัณเพียงปราดเดียว หรือรู้จักกันแค่ผิวเผิน คงสรุปเอาเองว่า เธอเป็นสาวเปรี้ยวซ่าเพราะประเมินจากการแต่งกายสุดเฉี่ยว แต่ความจริงแล้วเพื่อนเธอคนนี้ หัวโบราณสุด ๆ ไม่เคยคบผู้ชายคนไหนอย่างจริงจังมาก่อน คงเป็นเพราะถูกเลี้ยงดูจากคุณยายที่แสนเจ้าระเบียบและเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก แม้คุณยายจะตายจากไปเมื่อหญิงสาวย่างเข้าสู่วัยรุ่น ลักษณะนิสัยเช่นนี้ก็ติดตัวมาโดยตลอด ฉะนั้น ทยากรจึงได้ชื่อว่า เป็นคนรักคนแรกของดารัณอย่างมิต้องสงสัย
ที่เภตรามาปรากฏตัวในวันนี้ ทั้งที่เธอเพิ่งจะกลับจากเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก และกำลังเริ่มงานในตำแหน่งอาจารย์สอนภาษาเยอรมันที่โรงเรียนสตรีปรีดาภิรมย์ ซึ่งตัวเองเคยเรียนมาก่อน ทั้งหมดเป็นเพราะดารัณขอร้องแกมบังคับด้วยไม่อยากให้เป็นที่ครหา แม้จะมีแผนแต่งงานกันในปลายปีนี้ก็ตาม
ตั้งแต่เภตรากลับมาเมืองไทย อะไร ๆ ก็ดูเปลี่ยนแปลงไปหมด ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทางที่มีมากขึ้น ทางด่วนที่ขึ้นชุกชุมยังกับดอกเห็ดในหน้าฝน หรือแม้แต่รถไฟฟ้าที่แล่นฉิวไปมาราวจงอางยักษ์เลื้อยซิกแซ็กบนฟากฟ้า มีเพียงเธอกระมังที่เคยเป็นอย่างไรก็ยังเป็นเช่นนั้น ไม่เคยลืมภาพอดีตได้เลย ทุก ๆ อย่างยังคงจำฝังใจ
จะมีสักวันมั้ย? ที่ใจฉันจะลืมเธอได้...ทยาวีร์
เพียงชั่วแวบเดียวที่นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตของเภตราปรากฏแววเศร้า แค่เพียงนึกถึงชื่อคน ๆ นี้ คนที่เป็นอดีตตลอดกาล ครั้นดารัณผินหน้ามองด้วยรอยยิ้มแจ่มใส เธอก็โปรยยิ้มตอบเช่นกัน ซ่อนความทุกข์ไว้ในซอกใจดังเดิม
หลังทานอาหารมื้อเช้าอันแสนสำราญเสร็จสิ้น เภตราก็ขอตัวมาเดินเล่นซึมซับบรรยากาศสวย ๆ ของทะเลใสในฤดูร้อนตรงกาบเรือ
หญิงสาวปลดปล่อยอารมณ์ด้วยการสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่พลางกางแขนขาวลออในเสื้อยืดสีขาว แหงนหน้ามองดูท้องฟ้าสีกระจ่างแซมสลับด้วยปุยเมฆสีขาวนุ่ม เธอเขยิบเท้าไปข้างหน้าอีกจนต้นขาชิดติดกับราวกั้นสแตนเลสความสูงเพียงเมตรกว่า ๆ หญิงสาวหลับตาพริ้มยิ้มแย้มอย่างเป็นสุข
จังหวะนั้นเอง!
ลูกคลื่นที่ซัดเข้ามาระลอกใหญ่ได้ทำให้เธอซึ่งกำลังเขย่งเท้าอยู่แทบร่วงหล่นไปนอนใต้ท้องทะเล ถ้าปราศจากอ้อมแขนแข็งแรงของใครบางคนที่กอดกระชับจากทางด้านหลังไว้ได้ทันท่วงที แต่แล้วหัวใจของเภตราก็เต้นถี่ยิบแทบทะลุมานอกอก ยิ่งกว่าเรื่องที่ตัวเองจะตกเรือยอชต์เสียอีก เพราะสาเหตุทั้งหมดมาจากโอเดอโคโลญจ์กลิ่นมะลิขาวผสมกุหลาบอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยโชยมาแตะจมูก
อ๊ะ เป็นไปได้ยังไง! โจมาโลนกลิ่นนี้มัน
ยังไม่ทันที่เภตราจะคิดอะไรออก คนที่ยังกอดเธอไว้ก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
“หึ ๆ ผู้หญิงอะไรซุ่มซ่ามชะมัด หัดระวังตัวซะบ้างสิ”
เสียงห้าวน้อย ๆ ที่คุ้นใจมานานดังประชิดติดใบหูของเภตราที่หัวใจยังสั่นไม่หาย ยิ่งลมหายใจของเขารดตรงต้นคอเธอ อารมณ์อ่อนไหวก็กระจายไปทั่วร่าง
จากนั้น เขาก็รั้งร่างเธอให้กระเถิบเข้ามาด้านในด้วยกัน ก่อนจะถอยหลังสองสามก้าว เพื่อกันคนซุ่มซ่ามพ้นจากราวกั้นเตี้ย ๆ ไม่ให้ร่วงหล่นไปอีกรอบ เมื่อเห็นว่าสาวร่างบางอยู่ในระยะปลอดภัย ตัวช่วยจึงคลายวงแขนลงข้างตัว เภตรารีบหันขวับมามองหน้าคนช่วยชีวิตทันที ทว่าระยะห่างซึ่งใกล้แค่คืบ ก็ทำให้ใบหน้าของเธอเกือบสัมผัสกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อที่ก้มต่ำลงพอดี
ช่วงเวลานี้เองที่ดวงตาสีน้ำตาลใสของเภตราดั่งต้องมนตร์มายา ทันทีที่ได้จดจ้องปากสีแดงเชอร์รี่ของเขา ซึ่งครั้งนึงเธอเกือบจะได้สัมผัส สายตาไล่มองขึ้นมาตามสันจมูกโด่งที่รับกับใบหน้าเรียวรูปไข่ หากทันทีที่ประสานตา หญิงสาวก็ถูกสะกดด้วยดวงตาสีดำสนิทที่เต็มไปด้วยอำนาจของทยาวีร์ จนเภตรารู้สึกว่า ร่างกายเธอช่างเบาหวิวราวปุยนุ่นที่กำลังเคว้งคว้างในความฝัน แต่แล้ว...
“นี่! เภจะจ้องวีร์อีกนานแค่ไหน? คนนะไม่ใช่ผี”
น้ำเสียงห้าวน้อย ๆ ของทยาวีร์แทรกเข้ามาพร้อมยกยิ้มกวน ๆ ตรงมุมปาก เภตราจึงได้สติเพ่งพิศคนที่อยู่ตรงหน้า ทยาวีร์ในวันนี้ดูแปลกตาด้วยทรงผมดกดำซอยรากไทรแบบปิดหูยาวระต้นคอ ดูเท่และเปรี้ยวซ่าในทรงเดียว เขาดูดีเหลือเกินในชุดเสื้อยืดแขนกุดสีดำพอดีตัวตัดกับลำแขนขาวเนียน ใส่กางเกงเขียวขี้ม้าลายทหารขาสั้นแค่เข่า สบาย ๆ กับรองเท้าแตะแบบสานสีทึม
เป็นเขาจริง ๆ หรือนี่!
“เอ่อ... วีร์ นี่วีร์จริง ๆ เหรอ เภไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย? เภ ๆ โอ๊ย! วีร์บ้า มาหยิกเภทำไม? เภเจ็บนะ”
เภตราประท้วงเสียงดัง เมื่อโดนทยาวีร์เล่นทีเผลอหยิกแก้มเธอซะเป็นรอยแดงจึงค้อนตาเขียวเข้าใส่
“อ้าว...ก็ช่วยพิสูจน์ให้ไงว่าไม่ได้ฝัน เอ...หรืออยากให้ใช้วิธีอื่นพิสูจน์แทน?” ทยาวีร์พูดด้วยแววตากรุ้มกริ่มเจ้าชู้ ซ้ำยังคลี่ยิ้มแบบกวน ๆ ดูไม่ได้สำนึกผิดในสิ่งที่ทำเลยสักนิด
อาจารย์สาวอย่างเภตราถึงกับหน้าเหวอ เผลออ้าปากค้างตอนถูกพูดคะนองเข้าใส่ เพราะเมื่อก่อนเพื่อนเธอคนนี้เป็นคนเงียบขรึมเอาจริงเอาจัง จะคุยมากหน่อยก็เฉพาะกับคนที่สนิทด้วยเท่านั้น
“จะว่าไป....เมื่อวานก็ทีนึงแล้ว เภเห็นวีร์เป็นผีรึยังไงไม่รู้ พอเจอหน้ากันปุ๊บก็เป็นลมปั๊บเลย”
“หา! งั้นแปลว่าเมื่อวานเราก็ได้พบกันจริง ๆ เหรอ! แล้ววีร์มาได้ยังไง? ทำไมเภไม่เห็นล่ะ?” คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความสนเท่ห์
“อ๋อ... ตอนแรกที่เภขึ้นมาบนเรือ วีร์กำลังหลับอุตุอยู่ในห้องพี่กรน่ะเพราะคืนก่อนทำงานดึกไปหน่อย พอตื่นขึ้นมาก็เห็นรัณวุ่น ๆ กับการเตรียมอาหารเย็นอยู่ วีร์เลยอาสามาตามเพื่อนของรัณให้ ซึ่งวีร์ก็เพิ่งรู้ว่า ที่แท้คน ๆ นั้นก็คือเภน่ะเอง”
แวบเดียวที่น้ำเสียงห้าวของทยาวีร์แฝงความอึดอัดในตอนท้าย
“ห้องนอนพี่กรงั้นเหรอ? อ๊ะ...อย่าบอกนะว่า วีร์เป็นน้องสาวของพี่กร!”
เภตราร้องออกมาอย่างตื่นเต้นยินดีกับทฤษฎีโลกกลมเหลือเกิน นี่ถ้าเธอไม่ได้มาล่องใต้ในครั้งนี้ กว่าจะได้พบทยาวีร์อีกทีคงเป็นงานแต่งปลายปีแน่นอน แต่พอฟังคำยียวนของคนตรงหน้าก็อยากเปลี่ยนความคิด
“เภนี่ก็สมองปลาทองเหมือนกันนะ วีร์เคยเล่าไม่ใช่เหรอว่า มีพี่ชาย?”
“ฮืม! เภรู้ชื่อจริงพี่ชายวีร์ซะที่ไหนล่ะ ในเมื่อวีร์เอาแต่เรียก พี่ก้อน ๆ ไม่ใช่ พี่กร สักหน่อย”
เภตราพูดจาสะบัดสะบิ้งอย่างลืมตัว แถมยังค้อนขวับเข้าให้ กอดอกเชิดหน้าดังสาวน้อยแสนงอนในอดีต ยิ่งริมฝีปากชมพูอิ่มยื่นนิด ๆ และยังแก้มเนียนใสที่ป่องออกเล็กน้อยนั่นอีก เพิ่มความอ่อนหวานด้วยใบหน้าสวยพริ้มเพรา คิ้วยังโค้งโก่งดังจิตรกรเอกบรรจงวาด ช่างรับกับจมูกโด่งพอดี ผิวพรรณเปล่งปลั่งขาวอมชมพูระเรื่อ สัดส่วนดูอรชรอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอมเหลือเกิน ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บนเรือนร่างนี้ราวกับประติมากรรมชั้นเยี่ยม
แต่เขาไม่ใช่ของเธอ! ทยาวีร์
จู่ ๆ คำพูดเสียดแทงใจก็ดังเข้ามาในสมองของคนที่กำลังพิศชม ทยาวีร์รีบเสสายตาออกจากเพื่อนสาวในวัยเรียน เพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บร้าวที่ถูกเภตราปฏิเสธในตอนนั้น ทั้งที่คิดว่าตัวเองสามารถกลบรอยแผลนั้นได้อย่างชะงัดแล้ว แต่พอได้พบเจอกันอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจก็สำแดงเดชขึ้นมาทันที มันไม่ได้ผ่านไปดังเช่นกาลเวลาอย่างที่เข้าใจเลยด้วยซ้ำ
ทยาวีร์จึงเปลี่ยนจากท่าคะนองขี้เล่นในคราแรกเป็นนิ่งเฉยแทน หญิงห้าวผมซอยขยับเท้าไปข้างหน้า จับยึดราวกั้นสแตนเลสไว้หลวม ๆ ทอดสายตาว่างเปล่าไปเบื้องหน้า ดูไม่มีท่าทีที่จะง้องอนสาวสวยที่อยู่ด้านหลังเหมือนดังเก่า ทำให้เภตราจำต้องละอาการนั้นไว้ แล้วเอ่ยปากซะเอง
“วีร์....คือเรื่องในวันปัจฉิมนิเทศน่ะ เภ...เภ”
ยังมิทันที่เภตราจะเอ่ยได้จบประโยค ทยาวีร์ก็ขัดจังหวะขึ้น
“ดูนู่นสิ! นั่นไง เกาะที่เราจะไปกัน เภเห็นหาดทรายขาว ๆ นั่นมั้ยล่ะ?”
ทยาวีร์พูดพลางชี้นิ้วไปเบื้องหน้า ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ในคำพูดของเภตราเมื่อครู่ เธอจึงได้แต่ส่งแววตาเว้าวอนจากด้านหลัง ก่อนจะตัดใจก้าวเข้าไปหาเขา
“อื้ม...เห็นแล้วจ้ะ หาดทรายสวยจัง เกาะอะไรหรือจ๊ะวีร์?”
สาวสะคราญรีบปรับสีหน้าให้ร่าเริง ขณะถามทยาวีร์ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ต้องเสียไปเพราะเรื่องในอดีต และก็ได้ผล เมื่อสาวร่างสูงผินหน้ามามองเธอ คลี่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะตอบคำถาม
“มันคือเกาะรังนกขาว เมื่อก่อนเป็นเกาะที่เปิดให้สัมปทานรังนก แต่ตอนนี้หมดสัมปทานได้หลายปีแล้วล่ะ ที่นี่จึงกลับมาสงบอีกครั้ง อีกอย่างที่นี่ก็ไกลจากฝั่งมาก ต้องใช้เวลาเดินทางตั้งหลายชั่วโมง จึงไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวหรอก”
“ฮืม...มิน่าล่ะ ชายหาดถึงยังคงความสวยและเม็ดทรายก็ดูขาวนวลยังกับแป้งเด็กแน่ะ เภว่า การที่เกาะรังนกขาวอยู่ไกลจากฝั่งก็ดีเหมือนกันนะ เพราะถ้าใกล้มากเกินไป นักท่องเที่ยวก็มากตาม ทำให้ธรรมชาติหลาย ๆ อย่างถูกทำลายลง เช่น การทิ้งสมอเรือลงไปในทะเล มันก็เป็นการทำลายปะการังที่อยู่ข้างล่างด้วย”
“หึ ๆ เภนี่สมกับเป็นครูจริง ๆ”
ทยาวีร์อดอมยิ้มกับสัญชาตญาณของความเป็นครูในตัวของเภตราไม่ได้
“โธ่...เภก็พูดในฐานะของคนรักธรรมชาติเท่านั้นล่ะ ไม่ได้คิดจะมาเลคเชอร์อะไรให้วีร์ฟังซะหน่อย อื้ม...แต่มีอย่างนึงที่เภสงสัยมานานแล้ว วีร์พอจะรู้มั้ยจ๊ะว่า รังนกทำมาจากอะไร?” คิ้วสวยของเภตราขมวดเป็นปมนิด ๆ
“ก็พอรู้อยู่บ้างว่า รังนกทำมาจากน้ำลายของรังนกนางแอ่น หรือนกอีแอ่นที่สำรอกออกมาแล้วจับตัวแข็งมีรูปร่างคล้าย ๆ รังนก อย่างชื่อเกาะนี่ก็มีที่มานะ เพราะการสำรอกน้ำลายของนกนางแอ่นเป็นครั้งแรกจะมีสีขาวบริสุทธิ์ไง เขาเลยเรียกกันว่า รังนกขาว ซึ่งถือว่าเป็นรังนกที่มีคุณภาพที่สุดเลยล่ะ”
ทยาวีร์ตอบพลางผินหน้ามองเพื่อนเก่าเล็กน้อย แต่ก็ต้องหลุดมาดที่เก๊กไว้เสียสนิท เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป
“เอ...แล้วที่เภเคยได้ยินมาว่า นกนางแอ่นต้องสำรอกน้ำลายจนกระอักเลือด เพื่อสร้างรังนกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าจ๊ะ? เพราะเภเคยเห็นภาพรังนกเป็นสีแดง ๆ ด้วยนะ” เภตราทำหน้าจริงจังเกินเหตุ
“ฮ่า ๆ ๆ นี่เภก็เชื่ออย่างนั้นเหรอ อ๊ะ ๆ บอกแล้ว ๆ คุณครูอย่าเพิ่งงอนสิคะ ที่เห็นเป็นสีแดง ๆ นั่น ก็เกิดจากสนิมในถ้ำที่นกทำรังไว้ได้รับความชื้นสูง สนิมจึงแทรกซึมเข้าไปในรัง โดยเฉพาะรังนกที่สร้างขึ้นในช่วงที่สองและสามซึ่งอยู่ในช่วงฤดูฝน ผิดกับรังแรกที่สร้างขึ้นในฤดูหนาวประมาณเดือนกุมภา เรื่องมันก็มีแค่นี้เอง”
ทยาวีร์ตอบได้ฉะฉานอย่างคนรู้จริง
“อ๋อ...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เภก็หลงเข้าใจผิดตั้งนาน ไม่กล้าแม้แต่จะลองดื่มซะด้วยซ้ำ อืมว่าแต่... เราเข้าไปเที่ยวในถ้ำที่เขาเก็บรังนกกันได้มั้ยจ๊ะ?”
“ได้สิ...เดี๋ยววีร์จะพาไปดู หลังจากที่เราดำน้ำดูปะการังกัน เพราะมันอยู่ตรงท้ายเกาะนู่น อ่า...แต่ตอนนี้วีร์หิวจัง เภช่วยทำอาหารไทยให้วีร์กินหน่อยสิ วีเบื่อพวกขนมปังไส้กรอกของรัณเต็มทน ที่จริงในครัวก็มีเครื่องปรุงสำเร็จแบบซองหลายอย่างนะ เสร็จแล้ว วีร์จะยอมเป็นทาสรับใช้เภไปตลอดทริปเลย...ดีมั้ยคะคุณครู?”
โดยเฉพาะคำพูดสุดท้าย ทยาวีร์จงใจขยิบตาโปรยเสน่ห์แบบทีเล่นทีจริง ซ้ำยังกระชากใจคนมองด้วยรอยยิ้มสดใสเข้าให้อีก
เภตราถึงกับอึ้งในท่าทีของทยาวีร์ที่อยู่ตรงหน้าเหลือเกิน เพราะเขาเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ มีทั้งสุขุมเงียบขรึมและสนุกสนานในคน ๆ เดียวกัน แต่ตอนนี้หัวใจของอาจารย์สาวกำลังเต้นตึก ๆ ตัก ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ และยิ่งระรัวแรง เมื่อคนเจ้าเสน่ห์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ มองยิ้ม ๆ ด้วยแววตาพราวระยับ พร้อมจับปลายคางเธอส่ายไปมาน้อย ๆ
“เป็นอะไรไป? หืม เอาแต่จ้องหน้าวีร์อยู่ได้ ตอนนี้แดดเริ่มแรงแล้ว เราเข้าไปข้างในกันเถอะเภ”
ทยาวีร์พูดพลางโอบไหล่เล็กบางของเพื่อนสาวเข้าหาตัว พาเดินเข้าไปด้านในเรือยอชต์ด้วยกัน ไม่ได้รู้เลยว่า คนที่ถูกโอบเกิดอาการหวั่นไหวเพียงใด หากใครเอามือมาอังที่หน้าผากเภตราตอนนี้ คงคิดว่าเธอเป็นไข้จับสั่นแน่ ๆ เพราะใบหน้าสีเรื่อได้กลายเป็นสีแดงขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังเกิดอาการร้อนวูบ ๆ วาบ ๆ ตามเนื้อตัว แต่มือกลับชื้นไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ หญิงสาวจึงก้มหน้างุด ซ่อนความขัดเขินและทรมานใจในคราวเดียว ด้วยความคิดกำลังสับสนปนเปกันไปหมด
ได้โปรดเถิด อย่าทำให้อาการโรคหัวใจของเภกำเริบอีกเลย เพราะทุกอย่างระหว่างเรา มันเป็นไปไม่ได้!
.................................................................................................................................................................
^ - ^ สวัสดีค่ะ ไม่อยากจะบอกเลยว่า ทั้งที่ลงตัวอย่างนิยายเรื่องนี้ในวันและเวลาเดียวกัน
แต่ทว่า...ที่บ้านในคัมออนอ่ะ ตอนนี้ยอดคนอ่าน 630 กว่าคนแล้วจ้ะ ทั้งที่ลงแค่ 2 วันเอง 555 แต่ยังไงก็จะลงให้บ้านนี้เหมือนเดิมน้า เผื่อใครหลงหูหลงตามาอ่าน จะได้รู้ว่า นิยายดี ๆ อยู่ในหน้านี้นะจ้ะ คิก ๆ
ความคิดเห็น