คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 พระพาย...ลมพายุแห่งความปั่นป่วน
บทที่ 1 พระพาย...ลมพายุแห่งความปั่นป่วน
ไม่กี่วันต่อมา...ถือเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวของเดือนพฤศจิกายน
สายัณห์ตะวันรอนยามสนธยากำลังสาดแสงสีทองอ่อนเพริศแพร้วลงมายังต้นข้าวนาขั้นบันได ส่งให้แปลงข้าวที่กำลังออกรวงสวย ฉาบไปด้วยสีเหลืองทองอร่ามงามตาเต็มท้องทุ่ง มีกระต๊อบหญ้าคาหลังเล็กปลูกแบบง่าย ๆ แสดงวิถีชีวิตธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์เรียบง่ายของชาวแม่ฮ่องสอน แต่กลับเป็นมนตร์เสน่ห์ตรึงใจ ที่ดึงดูดให้ผู้คนจากทุกสารทิศอยากมาเยือน
ซึ่งทัศนียภาพงามตานี้ ทำให้หญิงขับรถจี๊ปสีน้ำตาลโบราณที่แล่นมาตามถนนคดเคี้ยว เริ่มผ่อนคลายจากภารกิจหนักหน่วงที่ต้องรับผิดชอบ แต่แล้ว...ขณะสาวสวยน่ารักผิวเนียนสีน้ำผึ้งอย่างรักปาย กำลังจะกดนิ้วบนแผงเครื่องเสียง พลันเสียงเพลงเรียกเข้าจากมือถือที่เสียบไว้ใกล้พวงมาลัย กลับแหวกความเงียบขึ้นมา ~จะเหน็บหนาวเท่าไหร่ ไม่กลัว...จะเปียกฝนเท่าไหร่ก็ยอม ฉันหวังแค่ให้มีคนที่ฉันรัก ยืนคอยตรงนั้น ก็ชื่นใจ...~
(เนื้อเพลงบางส่วนของเพลงรัก...ได้ยินหรือเปล่า - บัว สโรชา)
ครั้นรักปายเหลือบดูชื่อคนโทร.เข้า รอยยิ้มละไมน้อย ๆ จึงปรากฏขึ้นมุมปาก ก่อนจะกดปุ่มรับสายตรงปลายไมโครโฟนบลูทูธแบบอ้อมหลังหูที่เสียบคาไว้แทน และเอ่ยทักคนปลายสายด้วยเสียงอ่อนโยนตามนิสัยว่า
“ฮัลโหล...ว่าไงจ๊ะพริก”
“คุณหนูรักจ๊ะ…นี่ใกล้จะค่ำแล้วน้า ตอนนี้คุณหนูขับรถออกมาจากบ้านผู้ใหญ่เอื้องรึยังค้า?” พริกหวาน...ลูกสาวป้ามะเฟืองและลุงกระถิน ซึ่งบิดามารดาของรักปายอุปถัมภ์ค้ำชูเสมือนลูกอีกคน ถามด้วยความเป็นห่วง
“อ๋อ...รักขับรถออกมาแล้วล่ะจ้ะ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็คงถึงฟาร์ม”
พอพริกหวานได้ยินคำตอบจากเพื่อนสนิทที่ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้านายคนใหม่แบบเต็มตัว ดรุณีหน้านวลใส เรือนร่างเล็กบาง ผิวขาวเหลืองลออ ซึ่งมีเชื้อสายปกาเกอะญอ หรือ กะเหรี่ยงสกอร์ หรือ กะหร่าง ก็เลยได้ที หันไปเหลือบตาค้อนสัตวแพทย์สาวที่กำลังยกกระป๋องน้ำผลไม้ดื่มอยู่ข้าง ๆ
ก่อนจะแกล้งกรอกเสียงไปตามสายมือถือแบบค่อนแคะเล็กน้อยว่า
“สัตวแพทย์หญิงน้ำขิงโปรดทราบ ๆ ตอนนี้คุณหนูรักกำลังขับรถกลับฟาร์ม อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถึงแน่นอนค่ะ ฉะนั้นคุณหมอน้ำขิงกรุณาอย่าเดินเป็นหนูติดจั่น ให้คุณน้องพริกหวานต้องมึนแทนอีกนะค้า ปวดเฮดค่า”
ส่วนสาวเมืองย่าโมวัย 25 ปี ผิวพรรณสีแทนสวยเช่น สพ.ญ.น้ำขิง ซึ่งถูกแขวะประจำถึงกับสำลักน้ำส้มที่กำลังดื่มจนไอแคก ๆ แม้สัตวแพทย์สาวจะหันมาขึงตาดุใส่ แต่มีหรือที่ยัยพริกหวานก้างปลาวาฬจะเกรง ซ้ำมีหน้ามาแลบลิ้นเล็ก ๆ ยั่วเธออีก สพ.ญ.น้ำขิงเลยตอกกลับว่า
“เว่อร์ไปล่ะ...ยัยพริกกะเหรี่ยง ฉันเนี่ยะนะเดินเป็นหนูติดจั่น”
“เว่อร์ตรงไหนไม่ทราบคะ...ก็มันจริงนี่นา พี่หมอน้ำขิงขา...”
สาวปากกล้าปกาเกอะญอ แสร้งลากเสียงยียวนใส่คู่กัดที่อายุห่างกัน 4 ปี เพราะรำคาญที่เขาเอาแต่เดินไปเดินมา และถามว่าเมื่อไหร่คุณหนูจะกลับ...เขามีเรื่องจะปรึกษา เธอเลยตัดปัญหา โทร.ตามคุณหนูให้ซะเลย
ส่วนในใจนั้น ยิ่งหมั่นไส้สัตวแพทย์หญิงหน้าตาคมขำดูดีคนนี้นักว่า
ชิชะ! อย่าคิดว่าไอ้พริกไม่รู้นะว่าคุณพี่หมอแกล้งเอางานมาบังหน้า หมอสัตว์อะไรเจ้าชู้ชะมัด มีสาวไม่ซ้ำหน้าพากันหอบทั้งหมา ทั้งหมู เอามาให้ดูถึงฟาร์ม หึ! ด่านไอ้พริกนี่ล่ะที่ผ่านยากสุด แบร่...ไม่ยกคุณหนูให้หรอก!
นั่นจึงทำให้รักปายที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท และเจ้าของฟาร์มคนใหม่ ถึงกับกลั้วหัวเราะมาตามสาย เมื่อคิดถึงภาพคู่อริที่ชอบหาเรื่องทะเลาะกันเหมือนเด็ก ๆ และว่า “หึ ๆ พริกนี่ล่ะก็...ชอบแหย่พี่หมอน้ำขิงอยู่เรื่อยเลย เอ...รึว่า...ความจริงแล้วเธอ..” รักปายแกล้งลากเสียงสงสัยไปอย่างนั้นเอง
แต่ว่าพริกหวานกลับร้อนตัว รีบประท้วงเสียงแข็งมาตามสายว่า
“อ๊ะ! ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณหนูรัก คนอย่างพริกน่ะไม่มีวันคิดสั้นอย่างนั้นเด็ดขาด ไม่มีวันจริง ๆ น้า!” หญิงแบบบางร่างเล็กอย่างพริกหวานปฏิเสธอย่างแข็งขัน ก่อนจะหันไปค้อนตาขุ่นให้สัตวแพทย์หญิงเมืองย่าโม ซึ่งเจ้าตัวก็ย่นคิ้วสงสัย ว่าพวกเธอสองคนกำลังถกเถียงอะไรกันในสาย
นั่นจึงทำให้นักโภชนาการอาหารสัตว์ประจำฟาร์มรักปายอย่างพริกหวาน ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุยกับหญิงสวยน่ารักที่อยู่ปลายสายว่า
“อ่า...งั้นแค่นี้ก่อนนะคะคุณหนู ยังไงก็ขับรถระวัง ๆ หน่อยนะค้าแถวนั้นยิ่งมีโค้งเยอะอยู่ แถมเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย ฟ้ามันมืดเร็ว”
ส่วนคนที่รู้ใจกันมานานอย่างรักปาย ก็ขำพริกหวานที่ปากกับใจ ไม่ตรงกัน จึงได้แต่กลั้วหัวร่อเสียงใส พลางรับว่า “หึ ๆ จ้า ๆ เดี๋ยวเจอกัน”
ทว่าพอรักปายจะกดวาง สาวเซี้ยวปลายสายดันร้องห้ามว่า
“อ๊ะ…เดี๋ยวค่ะคุณหนู! ห้ามให้คนแปลกหน้าขึ้นรถเด็ดขาดนะคะ! หึ...ยิ่งคิด พริกก็ยิ่งโมโหในความใจดีของคุณหนูจริง ๆ ดีน้าที่วันนั้นพี่หมอโทร.มาพอดี พริกเลยทำทีว่า รองสารวัตรแผ่นดิน โทร.มาตามเราให้เข้าไป ชี้ตัวคนร้ายที่โรงพักข้างหน้านั่น แถมยังย้ำพิกัดรถที่เราอยู่ แหม ๆเป็นไงล่ะแค่นี้...ตาแก่นั่นก็แกล้งทำเป็นท้องเสีย ขอลงไปปลดทุกข์กลางป่าซะยังงั้น เห็นไหมคุณหนูอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนจะจนใจเอง ห้ามรับใครนะค้า”
เจ้าของฟาร์มรักปายที่อยู่ปลายสาย ต้องรีบเก็บเสียงหัวเราะคิกกับความช่างจินตนาการ ที่เกิดจากความระแวงขององครักษ์พิทักษ์เธออย่างพริกหวานเหลือเกิน ซึ่งบางทีวันนั้น คุณตาร่างผอมที่ขอติดรถไปลงในเมืองอาจจะท้องเสียจริง ๆ ก็ได้ แต่ที่เธอไม่ได้แย้งไปอย่างใจคิด เพราะรู้ดีว่า
ทุกสิ่งที่พริกหวานทำเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก ก็เพื่อปกป้องเธอทั้งนั้น
ซึ่งพริกหวานไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท หรือลูกน้องที่ต้องอยู่ใต้อาณัติ
แต่พริกหวาน...เปรียบเสมือนฝาแฝดที่คลานตามกันมาต่างหาก!
ดังนั้นรักปายจำต้องรับคำให้พริกหวาน ที่ยังรออยู่ในสายสบายใจ ด้วยการเย้าแบบขำ ๆ กลับว่า “หึ ๆ โอเคค่า...โอเค รักจะปฏิบัติตามคำสั่งของพริกทุ๊กอย่าง รับรองไม่อุ้มใครขึ้นรถแน่ อื้อ...แต่เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะจ๊ะพริกจ๋า พอดีรักใกล้ถึงเส้นที่มีโค้งหักศอกเยอะ ๆ น่ะ แล้วเจอกันจ้า...บาย”
จากนั้นรักปายจึงกดวางสายตรงบลูทูธ แล้วหันมาตั้งใจใช้สมาธิในการบังคับรถให้ค่อย ๆ แล่นไปตามเส้นทางขึ้นลงเขาอันคดเคี้ยว ซึ่งเวลานี้ทั้งสองฟากถนนลาดยางแคบ ๆ มีแต่ต้นไม้ใบหญ้าเขียวครึ้มเอนลู่ตามแรงลมพัด ส่วนท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มไปด้วยเมฆฝนเช่นกัน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่ตั้งเค้าเลยสักนิด เดี๋ยวฝนคงเทลงมาแน่นอน นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้รักปายไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก ซ้ำบางช่วงยังมีดินหินถล่มลงมา
อีกทั้งแสงสุดท้ายของดวงตะวันใกล้จะตกตรงเส้นขอบฟ้าเต็มที ส่งให้บรรยากาศในรถจี๊ปสีน้ำตาล ซึ่งเป็นมรดกสุดรักของคุณพ่อน้ำปาย ตกอยู่ในความเงียบเชียบอีกครา รักปายจึงทำลายความเงียบด้วยการเปิดเพลงฟังอย่างที่ตั้งใจ มิฉะนั้นความหวั่นกลัว ซึ่งต้องขับรถคนเดียวบนทางเปลี่ยวที่ล้อมไปด้วยป่าและพายุแรง จะทำให้เธอเกิดอาการปอดแหกแน่ ๆ
ไม่ช้า...ท่วงทำนองหวานใสสบาย ๆ ก็เริ่มบรรเลงให้ผู้สดับฟังรู้สึกรื่นรมย์ ทอดอารมณ์หวานซึ้งดั่งสาวช่างฝันให้ล่องลอยไปตามบทเพลงนั้น
~รักเคยพัดผ่านมา แล้วลับลาดั่งลม
ทิ้งเพียงความขื่นขมอยู่ในใจ
เฝ้ารอใครสักคน เมื่อสายลมพัดมาใกล้
อาจเจอใครสักคนที่ไม่ผ่านเลย…~
*เพียงสายลมแผ่ว ๆ ทำให้ใจสั่น ๆ
เธอคนนั้นเหมือนคนในฝันของใจ
เพียงสายตาตรงกัน ทำให้ใจไหว ๆ
อยากจะรักอีกครั้งได้ไหม ฮืม ๆ ...
**สายลมแห่งรักพัดมา ขอจงอย่าพารักไป
อย่าพัดให้เธอ ห่างไกลให้เราห่างกัน
หากลมได้ยินหัวใจ ขอจงเมตตาบ้างสักครั้ง
ให้รักได้อยู่คู่กัน ให้เธอได้อยู่คู่ฉันตลอดไป
หัวใจที่ขาดรัก เหมือนฟ้าที่ขาดดาว
ทุกค่ำคืนเงียบเหงาและอ้างว้าง
ได้เจอเธอวันนี้ เหมือนดังปาฏิหาริย์
ฟ้าบันดาลให้รักมาเกิดกลางใจ
ให้รักได้อยู่คู่กัน ให้เธอได้อยู่คู่ฉันตลอดไป
(เพลงสายลมแห่งรัก – เบน ชลาทิศ)
“หึ ๆ เมื่อไหร่เราจะได้เจอคนพิเศษแบบนี้บ้างน้า” รักปายรำพึงเสียงแผ่วหวาน เพราะหญิงสาวอยากจะมีความรักสวยงามเฉกเช่นบุพการี
ทว่า...พอรักปายขี่รถจี๊ปเลยโค้งหักศอกด้วยความชำนาญนั้นมาได้ สาวพริ้มเพราวัย 21 เห็นคนตัวสูงใส่ชุดดำ ยืนหันข้างกอดอกอยู่ริมถนนในระยะไกล เนื่องจากลมพายุเริ่มพัดแรงจนต้นไม้ใบหญ้าโยกไหวไปมาน่ากลัว แต่ยังไม่รู้ว่า เขาเป็นชายหรือหญิง เพราะความมืดสลัวกำลังเคลือบแผ่นฟ้า
ส่วนคนสวมชุดดำนั้น พอเขาเงยหน้ามาเห็นรถจี๊ปของเธอเท่านั้น เขาก็รีบโบกมือไหว ๆ อย่างดีใจ ซึ่งหญิงน่ารักมากน้ำใจอย่างรักปายก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เธอเริ่มชะลอความเร็วรถลง และนั่นทำให้เธอได้มีเวลาสังเกตว่า
ที่แท้...คนโบกรถเป็นสาวสวยเท่หน้าฝรั่ง จมูกโด่งเป็นสันสวยมาก ร่างโปร่งระหงเพรียวลมดั่งนางแบบ ผมตรงสีน้ำตาลอ่อนซอยสไลด์เคลีย ต้นคอดูปราดเปรียวเก๋ไก๋ สวมใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำทับด้วยแจ๊กเกตหนังราคาแพง แมตช์กับยีนพอดีตัวอวดขาเรียวเหลือเกิน สวมผ้าใบคอนเวิร์ส หุ้มข้อแสดงความมั่นใจ บนไหล่แบกเป้สีดำแบ๊กแพ๊กใบใหญ่ทะมัดทะแมง
จากรูปร่างลักษณะการแต่งกายและสีผม ทำให้รักปายคิดไปว่า หญิงผู้นี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ครั้นจี๊ปโบราณของเธอแล่นไปใกล้ ดวงตาสีกาแฟของหญิงหน้าฝรั่งเปล่งแสงปราโมทย์ด้วยความยินดี กระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงความดีใจจนออกนอกหน้า ทำเพียงแย้มละไมไปทั้งดวงตาทอแสงให้รักปาย ถึงเช่นนั้น มันกลับเป็นรอยแย้มยิ้มที่มีเสน่ห์จับใจ และน่าค้นหาอย่างแปลกประหลาด จะว่าไปก็คล้ายยิ้มละมุนปริศนาของโมนาลิซ่า
ไม่ช้า...สตรีหน้าสวยเท่สไตล์ฝรั่งก็ก้าวเข้ามาใกล้รถจี๊ปที่จอดนิ่งของเธอเอง แรงลมพัดทำให้ปลายผมนุ่มสลวยสีน้ำตาลอ่อนเงางามซอยสไลด์เคลียต้นคอของเขา...สะบัดพลิ้ว ช่างสวยขรึมแลลึกลับ ดูน่าเกรงขาม ราวรูปสลักวิจิตรของเทพีกรีก ที่ยืนตระหง่านหน้ามหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์นัก
ทว่าในเสี้ยววินาทีที่ต้องมนตรานี้เอง จู่ ๆ ใจดวงน้อยของรักปาย กลับหวิวไหวอย่างไรไม่รู้ เมื่อนัยน์ตาสีดำกลมโตของเธอได้สบประสานกับตาสีน้ำตาลกาแฟสวยระยับเร้นลับของสาวต่างชาติ ซึ่งเป็นฝ่ายแย้มพรายแสดงไมตรีมาให้เธอ ก่อนเขาจะชะโงกหน้าเก๋ไก๋ได้รูป ลงใกล้กระจกรถที่แง้มไว้เล็กน้อยของรักปาย ซ้ำถามเป็นภาษาไทยชัดแจ๋วให้ประหลาดใจว่า
“คุณคะ...ฉันขอติดรถเข้าไปในเมืองได้ไหมคะ? พอดีรถที่ฉันอาศัยมาด้วยทีแรก เขาต้องแยกไปทางอื่นน่ะค่ะ” พลางจดจ้องด้วยแววตาคม ๆ
ส่งให้อรชรพริ้มเพราที่ถูกจ้องตรง ๆ รู้สึกเขินระคนตื่นเต้นอย่างประหลาด มือไม้เริ่มเย็น ส่งผลให้คำพูดของรักปายติดแค่ลำคอว่า “เอ่อ...”
ทั้งที่ปกติ...นิสัยของรักปายนั้น ไม่ใช่สาวขี้อายสักหน่อย แต่ตอนนี้ทำไม...หัวใจบริสุทธิ์ของหญิงช่างฝันอย่างเธอ ถึงได้เต้นตึกตักแรงผิดปกติอย่างนี้นะ จนเธอมิอาจสบตาสกาวแสงแฝงเสน่ห์ลี้ลับของเขาได้ ถึงขนาดต้องเบี่ยงตาเคอะคะไปด้านข้างแทน
หากทว่า...คำเตือนของพริกหวานกลับดังทะลุโสตรักปายขึ้นมาว่า
‘ห้ามให้คนแปลกหน้าขึ้นรถเด็ดขาดนะคะคุณหนู!’
ประกอบกับเหตุหวาดระแวงสงสัยของพริกหวาน ที่ย้ำถึงแววตาหลุกหลิกของชายแก่ร่างผอมกะหร่อง ที่ขอติดรถพวกเธอเข้าไปลงในเมืองเมื่อวันก่อน ซึ่งตอนเขานั่งอยู่บนเบาะหลัง เขามักจะถามวนในเรื่องส่วนตัวของเธอกับพริกหวาน อย่างเช่น พวกเธอกำลังจะไปไหน ทำอาชีพอะไร ครอบครัวยังอยู่กันครบไหม สวยน่ารักและใจดีแบบนี้มีแฟนหรือยัง เป็นต้น
ดังนั้นเมื่อคิดถี่ถ้วน ที่สุดคุณหนูรักปายจำต้องเล่นบทใจไม้ไส้ระกำ หลุบตาตอบอึกอักว่า “อ่า...เอ่อ...ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ไปทางนั้น”
หนำซ้ำรักปายยังรีบเข้าเกียร์ เหยียบคันเร่ง บึ่งรถออกจากตรงนั้นทันทีทันใด ทิ้งให้สาวเท่สูงระหงที่โบกรถเกิดอาการหน้าเหวอ เบิกตากว้างอย่างงุนงง ก่อนเขาจะได้สติ รีบป้องปากตะโกนไล่หลังรถจี๊ปสีน้ำตาลทรงโบราณของรักปายที่กำลังแล่นห่างไปว่า
“เดี๋ยวค่ะ...อย่าเพิ่งไป! ฉันให้ค่ารถพันนึงก็ได้ ขอไปด้วยคนสิค้า”
ส่วนนารีที่เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเช่นรักปาย ทำได้แต่เหลือบตารู้สึกผิด มองดูคนโบกรถตรงกระจก ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำขออภัยจากใจว่า
“รักขอโทษนะค้า แต่รักรับคุณไปด้วยไม่ได้จริง ๆ ไม่งั้นยัยพริกจะต้องงอนรักแน่ ๆ เดี๋ยวคงมีรถผ่านมาให้คุณโบกอีกหรอกค่ะ ยังไง...ต้องขอโทษจริง ๆ น้า ว้า...รู้สึกแย่จัง ที่ต้องทำเป็นคนใจจืดใจดำแบบนี้ เฮ้อ...”
อย่างไรก็ดี รักปายถอนหายใจไม่ทันไร ฝนหลงฤดูกลับตกซู่ลงมาอย่างหนัก อีกทั้งลมพายุวี้ดวิ้วก็โหมรุนแรงมากขึ้นทุกที ๆ ซึ่งกลายเป็นดั่งบททดสอบที่ทำให้รักปายเกิดอาการร้อนรุ่มในความใจดำของตนเสียเอง
ในที่สุด...มโนธรรมอันดีงามที่หยั่งรากลึกอยู่ในใจของรักปาย ทำให้หญิงสาวอดตำหนิตนเองไม่ได้ว่า “ว้า...เรานี่แย่ชะมัดเลย มัวแต่คิดมากอยู่นั่นล่ะ ดูสิ...เขาเปียกซกไปหมดแล้ว แถมฟ้ายังมืดแล้วด้วย”
จากนั้นเจ้าของปศุสัตว์คนสวยได้ตัดสินใจหักพวงมาลัยกลับรถจี๊ป แล้ววิ่งย้อนกลับมาทางเดิม ทว่าแทนที่สตรีร่างเพรียวหน้าเคร่งขรึมที่ยืนตากฝนเปียกโชกไปทั้งตัวจะซึ้งน้ำใจ เขากลับเย้ยด้วยปาก ถากด้วยตาว่า
“หึ! นี่ล่ะน้า...ธาตุแท้คน เห็นแก่เงินทั้งนั้น โดยเฉพาะ...ผู้หญิง”
เพียงสิ้นคำถากถาง หญิงลูกครึ่งมาดเก๋ร่างเปียกปอนก็ปลดเป้ที่มีน้ำหนักมากขึ้นลงบนถนนเปลี่ยวกลางป่า เพื่อรอจี๊ปคันนั้นแล่นกลับมารับ
ทันใดนั้น! อยู่ ๆ เสียงท่อไอเสียมอเตอร์ไซค์ที่ได้รับการดัดแปลงถูกบิดเสียงดังแว้น ๆ ๆ!!! แหวกมาตามถนนเงียบสงบด้านหลัง
ครั้นสาวโบกรถผมสไลด์สั้นหันไปเห็นมอเตอร์ไซค์สองคันแล่นคู่คี่กันมา คนขี่เป็นชายวัยรุ่นที่ใส่แค่เสื้อกล้ามบาง ๆ ยีนสั้นขาด ๆ มีสก๊อยสาว ใส่สายเดี่ยวเกาะอก กอดรัดแผ่นหลังชายคนขับซะแนบแน่นด้วยความหนาวเหน็บจนปากคอสั่น ซึ่งหนึ่งในนั้นตะเบ็งเสียงดังท่ามกลางห่าฝนว่า
“ไอ้สาดเอ้ย...เสือกตกมาได้ ของกูหดหมดแล้วเนี่ยไอ้เชี้ยะ”
พี่ชายที่ชื่อเหวงสบถอารมณ์เสีย
นั่นเพราะเขาเพิ่งจะสอยสก๊อยแรกรุ่นมาจากการดวลแข่งรถตอนโพล้เพล้นี่เอง และตามกฎ...เขาจะได้แอ้มยัยเด็ก 11 รด. ที่เบียดอกนุ่มนิ่มกับแผ่นหลังเขามานาน จนอารมณ์หนุ่มกำหนัดกระเส่ากระสันไปหมดแล้ว
ซึ่งไอ้กี้น้องชายที่เพิ่งซิวสาวได้เช่นกัน ก็ร่วมเออออหัวเสียว่า
“เหมือนกันเลยพี่เหวง แม่ง...ขี่ตากฝนยังงี้ หนาวฉิบหาย”
ทว่าทันทีที่หนุ่มแว้นใจกล้าที่ชื่อกี้ เหลือบเห็นสาวลูกครึ่งหน้าตาสวยเก๋หุ่นเพรียวลมในชุดดำที่ยืนกอดอกตัวเปียกริมถนน โดยข้างตัวมีเป้ แบ๊กแพ๊กใบใหญ่วางไว้ ซ้ำพอเขาเหลียวกลับมามองถนนด้านหน้า เขายังเห็นผู้หญิงเค้าหน้าสวยขับจี๊ปโบราณสีน้ำตาลแล่นเข้ามาใกล้ในอีกฟากเลน
ดังนั้นยิ้มชั่วร้ายเกินวัยจึงปรากฏขึ้น ก่อนไอ้กี้จะร้องบอกพี่แท้ ๆ
“พี่เหวง ๆ มีเรื่องให้เล่นแก้หนาวแล้วพี่ หึ ๆ เดี๋ยวไอ้กี้จัดให้!”
แค่สิ้นคำเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย! น้องไอ้เหวงได้คว้าขวดเบียร์สีน้ำตาลเข้มที่วางตรงตระกร้าในใบเล็ก ซึ่งติดหลังบังลมมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา ง้างสุดแขน
ทันใดนั้น! ขวดเบียร์ธรรมดากลายเป็นอาวุธมหาภัยในชั่วพริบตา
เมื่อชายวัยรุ่นที่รอจังหวะ ปาใส่กระจกหน้ารถจี๊ปที่แล่นเข้ามาใกล้แตกดังเพล้ง!!! พร้อมเสียงหวีดร้องตกใจจากเจ้าของรถจี๊ปดังกรี๊ดดด...!!!
ส่วนคนโบกรถที่เห็นเหตุระทึกขวัญแบบสด ๆ ตรงหน้า ถึงกับตาพองโตตะลึงพรึงเพริด หัวใจแทบหยุดเต้นซะให้ได้
แต่แล้ว! คนอยู่ในเหตุการณ์ที่กำลังยืนจังงังเหมือนถูกสาปไปชั่วเสี้ยววินาทีเมื่อกี้ กลับตะเบ็งเสียงตระหนกสุดขีดว่า “เฮ้ย..!!!” ทั้งรีบพุ่งตัวกระโจนหลบออกด้านข้างอย่างหวุดหวิด ร่างทั้งร่างโถมกระแทกลงบนพื้นหญ้าริมทางดังพลั่ก! เป็นจังหวะเดียวกับที่รถจี๊ปของผู้เคราะห์ร้ายอย่างคุณหนูรักปาย เกิดเสียหลักเพราะฝนตกหนัก ถนนลื่น พุ่งเข้าชนต้นยางนาสูงใหญ่อย่างจังเสียงดังโครม!!! ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่คนโบกรถเพิ่งยืนเมื่อครู่
เสียงรถชนต้นไม้ดังสนั่นนั้น ทำให้คนโบกรถที่ล้มหน้าคว่ำกระแทกอย่างแรงเมื่อครู่ ต้องรีบแหงนหน้าเจ็บปวดเหยเกขึ้นดู ซึ่งโชคดีที่บนบ่าเธอขณะนี้ไม่มีเป้ใบใหญ่ยักษ์ ไม่อย่างนั้น..เธอคงทั้งเจ็บทั้งจุกจนลุกไม่ขึ้นแน่ ๆ
อย่างไรก็ดี...วินาทีที่หญิงสวยห้าวเห็นสภาพตัวรถจี๊ปด้านขวายุบเสียหาย ติดอยู่กับต้นยางนาขนาดใหญ่ ใจคนมองแทบจะหยุดเต้นเดี๋ยวนั้น
จิตใต้สำนึกดีทำให้สาวสวยแกร่งหน้าฝรั่งเผลอตัว พุ่งร่างระบมช้ำเข้าไปดูอาการหญิงเจ้าของรถจี๊ปทันทีทันควัน ทั้งร้องเสียงหลงดังลั่นว่า
“คุณ!!! คุณ...คุณ เป็นยังไงบ้าง คุณ!!!”
โชคดีที่แค่ไม่กี่วินาที นารีอรชรเจ้าของรถจี๊ปสามารถเงยหน้ามึนงงระคนเจ็บปวดขึ้นมาจากถุงลมนิรภัยพองโต ครางน่าสงสารว่า “อะ...โอ๊ย!”
ไม่รอช้า...สาวเปรี้ยวเท่ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่ได้รีบวิ่งเข้าไปเปิดประตูรถออกกว้าง จัดการหิ้วปีกเจ้าของรถจี๊ปออกมายืนตรงถนนด้วยกัน
ฉับพลันหัวใจของสองสาวร่างช้ำ กระตุกวูบลงตาตุ่มทันทีทันควันที่เด็กวัยรุ่นซึ่งเป็นตัวต้นเหตุเขวี้ยงขวดใส่เมื่อกี้ ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาขวางพวกเธอไว้ ก่อนหนึ่งในนั้นจะลงมายืนเต๊ะท่าเสยผม พูดเกี้ยวเสี่ยวจัดว่า
“หึ ๆ โทษทีคร้าบ...พี่สาวคนสวย ที่อยู่ ๆ ศรรักมันดันปักอกผมดังฉึก ๆ จนเจ็บไปหมดแล้ว เลยทำให้พวกผมอยากจะทำความรู้จักพวกพี่คนสวยมากไปหน่อย หึ ๆ คงไม่ว่ากันน้าคร้าบ...”
มิหนำซ้ำอันธพาลหนุ่มยังทำท่าแบมือ ยักไหล่ ยกยิ้มหยันเย้ย ประหนึ่งเรื่องเลวระยำที่มันทำให้คนเกือบตายนั้น เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
ดังนั้นสาวตาคมลูกครึ่งผมซอยที่กำลังพยุงร่างหญิงเจ้าของรถจี๊ป ซึ่งเกือบจะตายคาต้นยางนา ถึงกับเลือดขึ้นหน้า ด่าสวนทันควันว่า
“ไปตายซะ...ไอ้บ้า! เมื่อกี้พวกฉันเกือบตายเพราะแกรู้ไหม!”
ทว่าเด็กหนุ่มวัย 17 ตัวสูงโย่งเย่งกลับไม่รู้สึกรู้สา ซ้ำยกยิ้มมุมปาก ยียวน หันไปหาพี่แท้ ๆ ที่หน้าตาห่วยไม่ต่างกันซึ่งก้าวเข้ามาใกล้ และแสร้งถามว่า “หึ ๆ เอาไงดีพี่เหวง...ผู้หญิงด่า เจ็บไปถึงกระดองใจแล้วเนี่ย”
“ไอ้โง่เอ้ย...ผู้หญิงด่าแปลว่า ผู้หญิงรักเว้ยเฮ้ย ฮ่า ๆ ๆ...”
จากนั้นเสียงหัวเราะร่วนชั่วร้ายของสองหนุ่มวัยรุ่นก็ดังประสานกัน ท่ามกลางพายุฝนคะนอง ทำให้สองสาวสวยที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หันมามองหน้ากันอัตโนมัติด้วยตาตื่น ๆ สมองแต่ละคนต่างคิดหาทางออกจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานกันให้วุ่น
อย่างไรก็ตาม...หัวใจสาวทั้งคู่ยิ่งเต้นตึกตักโครมครามขนาดหนัก
เมื่อคำชั่วร้ายเลวทรามไหลออกจากปากไอ้ลูกพี่ ที่หันไปตวาดแว้ดใส่สก๊อยสาวแรกรุ่น ที่นั่งตากฝนกอดอกหนาวสั่นบนเบาะมอเตอร์ไซค์ว่า
“อ้าว...เฮ้ย! อีนังนี่...ยังเสือกกอดอก อ้าขาแหวกหมีอยู่นั่นแหละ รีบลงสิเว้ย! เดี๋ยวให้พี่คนสวยนั่งก่อน แล้วมึงค่อยประกบหลังและอย่าให้คนสวยกูตกรถนะเว้ย ไม่งั้นกูเอามึงตาย เอ้า! เร็วสิวะ เดี๋ยวเสียบนมแตก”
ไม่ข่มขู่อย่างเดียว พี่ชายวัย 19 ยังควักกริชคมจากขอบกางเกงยีน จ่อตรงหน้าอกสก๊อยหญิงวัยรุ่นที่เพิ่งสอยได้ไม่ถึงชั่วโมง คนถูกขู่เลยกรี๊ดลั่น
“ว้าย..!!!” พร้อมกระเด้งตัวสั่นกลัวลงมาจากมอเตอร์ไซค์ทันควัน
จากนั้นไอ้เหวงหนุ่มเลือดร้อน ถึงหันหน้าโหด ๆ พร้อมแววตาหื่นกระหายโลมเลียไปตามเรือนร่าง ที่มีสัดส่วนโค้งเว้ากำลังดีของสองสาวสวยต่างสไตล์ที่กำลังยืนตากฝนร่างโชก ซึ่งแววตาหื่นกามของชายอันธพาล นี้เอง ทำให้รักปายเผลอตัว แอบไปหลบหลังสาวหน้าฝรั่งที่ดูเก่งกล้ากว่า
หัวโจกหนุ่มที่กำลังเกิดอารมณ์หื่นไปทั่วร่าง ยังคุกคามต่อด้วยการแสร้งมองตรงปลายกริชแหลมคมที่เขาถือไว้ ขู่อย่างเป็นต่อว่า
“หึ ๆ เห็นเล็ก ๆ ยังงี้ แต่มันคมมากเลยนะพี่สาว อย่างวันก่อน... ก็เพิ่งจะเขวี้ยงไปเสียบตาไอ้เด็กเปรตคนนึงมา แม่ง...เสือกสอดตามาดูคนกำลังกินไอติมกัน เพราะงั้น...พี่ ๆ คนสวยรีบไปขึ้นมอ’ไซค์ซะ ยืนตากฝนนาน ๆ อย่างนี้ มันหนาวรู้ไหม...ม่ะ...”
ขณะไอ้ชั่วเหวงคนพี่กำลังก้าวเข้ามา ตั้งใจจะใช้กริชคม ๆ จี้บังคับให้หญิงลูกครึ่งหน้าสวยเฉี่ยวแปลกตา ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไปด้วยเป็นคนแรก ส่วนผู้หญิงสวยน่ารักผมยาวตาโตที่เกาะกันกลมอีกคนนั่น ค่อยแลกกันชิม ทีหลังก็ได้ เพราะยังไงสองคนนี้ ไม่มีทางรอดเงื้อมมือพวกเขาไปได้อยู่แล้ว
ส่วนไอ้กี้...น้องชายหน้าปลวกที่เป็นต้นคิดและคนก่อเรื่อง ก็รู้ใจพี่ ด้วยการย่องตีโอบเข้าไปทางด้านหลัง เพื่อจะจับหญิงขับจี๊ปผิวน้ำผึ้งแววตาสั่นไหวคล้ายกระต่ายน้อยกำลังตื่นกลัว เพราะเหยื่อสาวสองรายนี้หน้าตาผิวพรรณสวยไฉไลใช่เล่น คงทำเงินจากการขายคลิปโป๊ให้พวกเขามากโข
นาทีนั้น! ความคิดชั่วช้าเลวทรามของอันธพาลสองพี่น้องต้องชะงัก
เมื่อหญิงลูกครึ่งนัยน์ตาดุผู้ห้าวหาญชักปืนขึ้นมาจากแจ๊กเกตหนังซ้ำไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการยิงเฉียดตัวมันสองคนเสียงดังเปรี้ยง ๆ!
ก่อนจะประกาศเสียงแข็ง แข่งกับห่าฝนคลั่ง สายลมกระโชกแรงว่า “วางอาวุธซะ!!! แล้วถ้าแกยังไม่อยากตาย…ก็รีบไสหัวไปไกล ๆ!!!”
ทั้งเอาปืนจ่อใกล้หน้าผากหนุ่มหัวโจกที่ชื่อไอ้เหวง พร้อมเขม็งตาดุ
ทว่านาทีนั้น...ทุกสิ่งกลับพลิกผัน!
เมื่อโจ๋หนุ่มนิสัยต่ำช้ายกยิ้มร้าย ๆ ก่อนแสร้งปล่อยกริชหล่นลงพื้น แต่กลับว่องไวด้วยการใช้มือซ้ายแข็งแรงจับหมับตรงหลังมือที่ถือปืนของสาวลูกครึ่ง พร้อมใช้มือขวาบิดปลายกระบอกปืนขึ้นกันปืนลั่น ดึงกระชากแขนเธอลงต่ำแบบเต็มแรง ทำให้อาวุธปืนของเธอกระเด็นหายไปในพงหญ้า ทั้งกระทุ้งกระแทกเข่าแข็งปั๋งตรงท้องของเธอซะเต็มเหนี่ยวดังพลั่ก!
“อั่ก...!” หญิงลูกครึ่งหลุดเสียงครางหน้าซีดได้เพียงแค่นี้ เพราะเจ็บจุก ก่อนร่างทั้งร่างจะทรุดกองกับพื้นเปียกแฉะ นั่งกุมท้องหน้าเหยเก
ส่วนรักปายที่แอบหลังสาวลูกครึ่งเมื่อครู่ ถึงกับหลุดร้องกรี๊ดดด! ตกใจ ก่อนเธอจะถูกไอ้กี้น้องชายที่มีร่างสูงโย่ง จับล็อกคอจากทางด้านหลัง ซึ่งหญิงร่างบางเองพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ทั้งร้องเอะอะลั่นว่า
“โอ๊ย...ปล่อยนะ...ปล่อยสิ! ขอร้องล่ะ...ปล่อยพวกฉันไปซะเถอะ แล้วพวกฉันจะไม่แจ้งความ และถ้าแกอยากได้เงินล่ะก็...เงินอยู่ในรถนั่น”
อย่างไรก็ดี อันธพาลหนุ่มใจหยาบยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น
เมื่อคนพี่ทำเพียงปรายตามองผู้เสนออย่างรักปาย แต่คำตอบของเขาคือการใช้อุ้งมือจิกทึ้งผมหญิงลูกครึ่ง ที่กำลังนั่งกุมท้องให้ลุกขึ้นจากพื้นเฉอะแฉะ พร้อมใช้มืออีกข้างหยิบกริชขึ้นจากกอหญ้า แล้วใช้กริชจี้คอหอย ขาว ๆ ของหญิงสาว จ้องตากันท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนอง ก่อนจะหยันว่า
“หึ! จะบอกให้นะ ในวงการนักเลงน่ะ เขาไม่ชักปืนออกมาขู่เล่น ๆ กันหรอกพี่สาว ถ้าคิดจะยิงก็ต้องยิงให้ตาย ไม่งั้นพี่คนสวยก็ต้องโดนงี้แหละ แล้วไอ้ปืนกระจอกแค่นี้ ไม่คณามือกูหรอก กูน่ะ..มันขั้นเทพแล้วโว้ย ฮ่า ๆ”
เสียงหัวร่อน่าเกลียดน่ากลัวของหนุ่มอัปรีย์เสียดลึกถึงใจคนฟังนัก กระนั้นสาวลูกครึ่งที่คุมสติดีกว่าจึงเปลี่ยนยุทธวิธี ปรับสีหน้าแววตาอ่อนลงต่อรองใหม่ว่า “อ่า...ขะ...ขั้นเทพงั้นเหรอ แหม...ก็ไม่บอกกันตั้งแต่ทีแรก งั้นเราค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันดีกว่าเนอะว่าไหม เอ่อ...ยังไง...น้องสุดหล่อช่วยลดไอ้กริชคม ๆ ก่อนได้มั้ย แค่นี้พี่ก็กลัวจะแย่แล้ว ถ้าเกิดพลาดท่าทิ่มคอหอยพี่ขึ้นมา ด...เดี๋ยวเราสองคนจะสนุกกันได้ไม่เต็มที่น้า จ...จริงไหม?”
ทั้งฝืนยิ้มกล้า ๆ กลัว ๆ ให้คนจ่อคอหอยตายใจ ซึ่งได้ผลไม่น้อย เพราะชายวัยรุ่นจัญไรที่ชื่อเหวงนั้น ถึงกับเยาะยิ้มเย้ยหยันสะใจ ที่เพศหญิงผู้อ่อนแอยอมสิโรราบอย่างง่ายดาย ก่อนจะเหยียดยิ้มกระแทกเสียงใส่ว่า
“หึ! ก็แค่เนี้ยะ เดี๋ยวกูจะพามึงสองคนไปบี้กันให้มัน ที่กระท่อมปลายนาข้างหน้าโน่น รับรอง...มึงครางไม่หยุดทั้งคืนแน่ หึ ๆ คอยดู”
จากนั้นวัยรุ่นใจระยำถึงปล่อยมือที่ขยุ้มผมซอยสีน้ำตาลของหญิงลูกครึ่งออก ถอยระยะปลายกริชจากลูกกระเดือกเธอ กะว่าเดี๋ยวเขาจะใช้มืออีกข้าง ล็อกแขนเธอไว้ แล้วใช้กริชจี้ข้างคอเพราะยังไม่วางใจซะทีเดียว
ฉับพลันทันใด! ชัยชนะในเงื้อมมือหนุ่มโจ๋ชั่วช้า...เกิดพลิกผัน
เมื่อสาวลูกครึ่งใจเด็ดจู่โจมรวดเร็วด้วยการใช้สองมือจับหมับบนมือที่ถือกริชของเขา แล้วดันมือเขาเอง เสียบกริชแหลมคมทิ่มทะลุผิวเนื้อตรงกลางท้องเขาอย่างไม่ลังเลดังฉึก! ทำให้เลือดแดงข้นทะลักเต็มมือมัน
“อ๊ะ...อั่ก!!!” น้ำเสียงเจ็บปวดโอดครวญแสนสาหัสของคนโดนกริชตัวเองเสียบจนมิดด้าม เล็ดลอดออกมาได้เพียงเท่านี้ ตาโฉดชั่วแข็งกร้าวเหลือกโต ปากเผยอค้าง ก่อนร่างจะทรุดลงบนหญ้าริมถนนอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนฝนแสนล้านหยดที่ตกซู่ลงมาเวลานี้ จะไม่สามารถชะเลือดแดงเถือกโฉดชั่วของไอ้เหวงได้หมด มันยังทะลักไหลจากร่างไม่หยุด เป็นการประจานความเลวทรามต่ำช้า ที่มันเคยทำระยำตำบอนกับเด็กหญิงตัวเล็กยันสาวแก่ไปทั่ว แถมขูดรีดเงินทองเพื่อแลกกับคลิปที่มันถ่ายไว้ขาย
ส่วนสองสก๊อยสายเดี่ยวนั้น ได้แต่ร้องกรี๊ดวี้ดว้ายเสียงแหลมลั่น รีบเผ่นแน่บไปตามถนนเอาตัวรอด แม้จะมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังครืนครั่นลั่นเปรี้ยงปร้างน่ากลัวเป็นระยะก็ตาม ทว่ายังดีกว่าพวกเธอต้องมากลายเป็นพยานในที่เกิดเหตุ ซึ่งเหตุระทึกขวัญไม่คาดฝันนี้...เกิดขึ้นเร็วมาก!
จนไอ้กี้น้องชายได้แต่ยืนจังงัง ตะลึงพรึงเพริดหน้าซีด พลอยทำให้สองแขนแข็งแรงที่ใช้รัดตรงคอรักปายเผลอคลายออกจากกันชั่วครู่ ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้รักปายใช้ไหวพริบเอาตัวรอด กัดตรงท่อนแขนมันชนิดจมเขี้ยว จนรู้สึกได้ถึงเลือดแดงคาวที่ซึมออกมาติดปลายลิ้นเธอ
ส่วนคนถูกกัดแขนเลือดไหลซิบอย่างไอ้กี้ ถึงขนาดตวาดลั่นแข่งกับสายฝนคลั่งดัง “โอ๊ย...!!! มึง...!!!”
เขาอาฆาตแค้นเสียงก้องฟ้า ก่อนรีบผละแขนออกจากร่างคนกัด และง้างฝ่ามือพิฆาตขึ้นสุดแขน หมายตบหน้ารักปายหงายกระเด็น!
หากทว่าก้อนหินแข็งโป๊กกลับถูกเขวี้ยงออกมาเต็มแรงจากน้ำมือสาวลูกครึ่งใจเพชร พุ่งเจาะข้างขมับไอ้กี้แตกดังโพละ!
“โอ๊ย…!!! อ๊ากกก...มึงงงง!!!” ไอ้กี้ใจชั่วตะเบ็งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานระคนโหยหวนไปทั่วเส้นทางสายเปลี่ยว พร้อมกุมขมับที่เต็มไปด้วยเลือดแดงแปร๊ดทรุดกองกับพื้นหญ้าเปียกชุ่ม
หากทว่า! โชคกลับเข้าข้างชายวัยรุ่นสุดสามานย์นั้นอีกหน
เมื่อไอ้กี้ลืมตา แล้วเหลือบไปเห็นกระบอกปืนหญิงหน้าฝรั่งตกอยู่ในพงหญ้าข้าง ๆ เสียงสาแก่ใจนี้จึงดังขึ้นว่า “ห๊ะ…ปืน! ทีนี้...มึงเสร็จกูแน่!”
“เฮ้ย..!!!” สาวลูกครึ่งเจ้าของอาวุธอุทานเสียงหลงเช่นกัน
แต่ถึงกระนั้นเธอยังคงคุมสติได้รวดเร็ว รีบกระโจนเข้าไปคว้าแขนหญิงเจ้าของรถจี๊ปที่ยังยืนเซ่อซ่าทำอะไรไม่ถูก พาวิ่งเตลิดเข้าไปในป่าหญ้ารกชัฏ ก่อนไอ้กี้ที่หัวแตกและบ้าคลั่งจะคว้าอาวุธร้ายขึ้นมาแก้แค้นพวกเธอ ซึ่งแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น...เสียงลั่นไกปืนในระยะใกล้ก็ดัง ปัง ๆ! ตามหลังมา นั่นจึงเป็นตัวเร่งให้สองนารียิ่งซอยเท้าถี่ไปตามป่ารกด้วยกัน
ทั้งที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานแท้ ๆ !
แต่ว่าตัวรักปายที่ถูกลากแขนถูลู่ถูกังมาตามป่าหญ้า กลับสะดุดรากไม้ล้มหน้าทิ่มดังพลั่ก! เป็นจังหวะเดียวกับเสียงอาวุธปืนดังปัง!
“โอ๊ย!” เสียงแหลมเล็กของรักปายหลุดตามมาทันควัน
พลอยทำให้สาวลูกครึ่งสวยห้าว ที่มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งลากแขนหันขวับกลับมามองอย่างตกใจ แล่นถลาเข้าไปร้องเสียงหลงว่า “คุณ!!!”
อนงค์ร่างสูงเรียกเสียงลั่น พลางจะเข้ามาช่วยประคอง โดยมีเสียงรักปายร้องบอกว่า “ฉันแค่สะดุดค่ะ...ไม่เป็นไร อ๊ะ! อ๊ายยย..!!!”
รักปายหวีดร้องอย่างหวาดกลัวสุดขีด เมื่อเธอเห็นหนอนบุ้งเหลืองตัวใหญ่สุดแขยงหล่นแหมะลงบนผมสลวยของสาวหน้าฝรั่ง แถมเรี่ยวแรงมหาศาลก็ไม่รู้มาจากไหน เธอถึงได้มีเรี่ยวแรงผลักร่างหญิงสูงที่กำลังก้มลงจะช่วยประคองซะตัวปลิว กระเด็นไปนอนแอ้งแม้งบนกอหญ้าข้างหลังดังพลั่ก! เจ้าตัวหลุดร้องโอ๊ย! แม้นกระนั้น...กลับเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกปืนอานุภาพสูงที่ตกอยู่ในมือไอ้กี้ยิงเปรี้ยง! มาทางนั้นพอดิบพอดี
มิฉะนั้น...ดรุณีหน้าฝรั่งคงถูกยิงเจาะกะโหลก...ตายคาที่เป็นแน่!
กระนั้นหนุ่มหัวแตกเลือดอาบที่กำลังคลั่ง ก็เล็งปืนมาตามร่างหญิงลูกครึ่งที่เสียบกริชตรงท้องพี่ชายเขาอีกหน หวังระเบิดสมองให้แตกกระจุย แต่กลับมีแค่เสียงแชะ ๆ ออกมาจากลำกล้อง ไอ้กี้ถึงกับสบถหัวเสียหนักว่า
“แม่งเว้ย…กระสุนหมด!!!”
สิ้นคำไอ้กี้ไม่ทันไร เสียงไซเรนดังวี้ดวิ้วพร้อมไฟวับวาบของตำรวจทางหลวงดังแทรกเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าขึ้นมาดื้อ ๆ คนมีชนักติดหลังจึงด่าว่า
“ไอ้ห่าเอ้ย...เสือกโผล่มาทำไมตอนนี้วะ!”
ดังนั้นไอ้กี้คนใจบาปหยาบช้าจำต้องวิ่งตาลีตาเหลือกกลับขึ้นไปบนถนนลาดยาง รีบเข้าไปหิ้วปีกพี่แท้ ๆ ที่นอนครางจมกองเลือดบนพื้นหญ้า ให้ลุกขึ้นซ้อนเบาะมอเตอร์ไซค์ไร้ป้ายทะเบียนอย่างทุลักทุเล ก่อนเขาจะกระโจนคร่อมตรงเบาะด้านหน้า แล้วสอดแขนประสานเป็นข้าวต้มมัดจับพี่ร่วมอุทรไว้มั่น จากนั้นถึงรีบห้อหนีเสียงรถตำรวจที่คืบมาใกล้ทุกขณะ
อย่างไรก็ดี ด้วยความลุกลี้ลุกลน บวกพายุฝนกระหน่ำลมกระโชกแรงตามด้วยเสียงสายฟ้าฟาดคำรามกัมปนาทดังเปรี้ยงปร้าง! มาตามถนนด้านหลัง ประหนึ่งอสุรกายร้ายที่กำลังตามไล่ล่าคร่าชีวิตบัดซบของพวกมัน
พลอยทำให้ไอ้กี้ที่ต้องขี่มอเตอร์ไซค์มือเดียว เพราะอีกมือต้องคอยจับพี่ร่วมสายเลือดที่ซบหน้าซีดขาวราวกระดาษ เพราะเสียเลือดมากเกินไปแถมยังต้องหันหน้าหวาด ๆ มองเสียงฟ้าผ่าครืนครั่นแผดลั่นกระชั้นชิด
ถึงเช่นนั้นพอไอ้กี้หันกลับมามองถนนซึ่งต้องเข้าโค้งอีกหน ดวงตาต้องเบิกโตช็อกตะลึง เพราะรถเขาเกิดเสียหลักพุ่งชนราวกั้นถนนบุบบี้ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุรถชนหลายหนตรงโค้งมรณะ ทำให้รถเขาพุ่งกระเด็นลอยเคว้งกลางอากาศว่างเปล่า คนถูกธรรมชาติแห่งความชั่วพิพากษาแหกปากลั่นโหยหวนดัง “อ๊า...!!!”
เสี้ยววินาทีนั้นเอง!
ร่างสองพี่น้องโฉดชั่วก็หล่นพรวดพร้อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจลงสู่ ก้นเหวลึก ตกกระแทกเสียงกัมปนาทดังโครม! เปลวเพลิงแดงโร่ลุกโชนเขม่าควันดำทะมึนพวยพุ่งเป็นกลุ่มก้อนน่ากลัว ประดุจซาตานกำลังทะยานขึ้นจากการกระชากสองวิญญาณระยำ ที่จะนำไปลงทัณฑ์ในนรกโลกันตร์
นี่แหละหนา...ดั่งกฎแห่งกรรมที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว!
หลังเสียงโหยหวนของสองวัยรุ่นใจทราม พร้อมเสียงมอเตอร์ไซค์ระเบิดกึกก้องทั่วผืนไพรจางหายไป พร้อมกับที่เทพเจ้าแห่งสายลมและพายุยอมพรากจากพระพิรุฬซึ่งซัดกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง รวมถึงก้อนเมฆดำมืดที่ปกคลุมผืนฟ้า ได้เริ่มสลายลงอย่างรวดเร็ว
แล้วยิ่งรถตำรวจทางหลวงที่บังเอิญแล่นผ่านมาจนถึงจุดเกิดเหตุ ได้ลงมาตรวจสอบรถจี๊ปโบราณชนคาต้นไม้ โดยข้างกันนั้นมีมอเตอร์ไซค์ ไร้ป้ายทะเบียนอีกคันจอดเกะกะกลางถนน เหตุเลวร้ายถึงเริ่มคลี่คลาย
โดยแสงไฟวับวาบที่ออกมาจากรถตำรวจทางหลวงบนถนนนั้น ทำให้สาวนัยน์ตาฝรั่งเริ่มหายใจทั่วท้องอีกครั้ง
จากนั้นหญิงร่างสูงถึงลุกขึ้นจากกอหญ้า สาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้กัลยาผู้ร่วมชะตากรรม ที่ยังคงนั่งก้นจ้ำเบ้าตาโตตื่นตกใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนสาวหน้าเรียวรูปไข่สไตล์ลูกครึ่งจะเอ่ยเสียงนุ่มว่า
“ให้ช่วยไหมคะ?”
พลางแบมือเรียวยาวไปข้างหน้า เพื่อรอรับมือของหญิงขับรถจี๊ป ทั้งพิศเรียวหน้าเนียนกระจ่าง สำรวจแบบนิ่ง ๆ
ซึ่งในวินาทีที่ดวงตาทั้งคู่สบประสานกัน รักปายกลับเกิดความรู้สึกเก้อเขินปนขยาดในใจอย่างแปลกประหลาด จนเธอต้องเสสายตาไปทางอื่น
อย่างไรก็ตาม รักปายยังยอมวางมือนิ่มเย็นลงบนอุ้งมืออุ่นของสตรีตรงหน้า เพื่อให้ช่วยพยุง ก่อนจะเอ่ยวาจาอย่างขัดเขินด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ขะ...ขอบคุณค่ะ อ๊ะ!”
ที่รักปายหลุดอุทานออกมาเช่นนั้น เพราะข้อเท้าเจ้ากรรมของเธอดันปวดแปล๊บขึ้นมาดื้อ ๆ พลอยทำให้ร่างแบบบางเสียการทรงตัว ซวนซบลงกับอ้อมอกนุ่มของหญิงลูกครึ่งเสียอย่างนั้น
นั่นยิ่งทำให้รักปายเกิดอาการใจสั่นรัว รู้สึกเหนียมอายจนหน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงสุก ในใจคิดอับอายว่า
อ๊าย!!! ดีนะที่เขาไม่ใช่ผู้ชาย ไม่งั้นต้องแย่ ๆ
“......”
ส่วนสาวลูกครึ่งตาคมที่ถูกซบอดอมยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้ เพราะรับรู้ถึงอาการหัวใจเต้นถี่ยิบ แรงผิดปกติของหญิงอรชรอ้อนแอ้นในอ้อมอก
ถึงเช่นนั้น รักปายก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองขายขี้หน้านานนัก ร่างบางจึงเป็นฝ่ายผละจากการซบอกหญิงแปลกหน้า เงยหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงสั่นว่า
“ขะ...ขอโทษค่ะ คุณ...คุณ...”
น้ำเสียงและแววตาของคนพูดดูขัดเขิน แล้วยิ่งแสงไฟวาบวับจากรถตำรวจส่องกะพริบ ยิ่งทำให้สาวนัยน์ตาลูกครึ่งเห็นหน้านวลเนียนของหญิงขี้อายผิวสีน้ำผึ้งว่า มันเคอะคะน่าเอ็นดูมากแค่ไหน พลอยทำให้คนที่มีกำแพงใจหนาแน่น เผลอลดความแข็งแกร่งเย็นชาในจิตใจไปโดยไม่รู้ตัว และเป็นฝ่ายต่อประโยคเคอะเขินของรักปายเสียเองว่า
“พระพาย...ฉันชื่อพระพาย”
ซึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามสาวสวยเท่นัยน์ตาสีกาแฟลึกลับ รักปายถึงกับโก่งคิ้วนิด ๆ อย่างคิดทบทวน ทั้งทวนชื่อเสียงเบาหวิวว่า
“พระพาย...”
นั่นเพราะว่า นามเพราะพริ้งมีเอกลักษณ์ของสตรีผู้นี้ ซึ่งหมายถึงเทพเจ้าแห่งสายลมและพายุนั้น ช่างคลับคล้ายคลับคลาว่า
ตัวเธอเอง...เคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน
ถึงกระนั้นต่อให้นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก หรืออาจเป็นเพราะเวลานี้
เสียงหัวใจเธอ...มันเต้นแรงจนเกินไป
ซ้ำเจ้าของดวงใจใสบริสุทธิ์อย่างรักปาย ก็ไม่เฉลียวใจสักนิดว่า
นับจากวันนี้...สตรีผู้นี้จะสามารถทำให้ชีวิตและหัวใจเธอปั่นป่วนทรมานได้มากมายขนาดนี้ ซึ่งเธอจะต้องจดจำชื่อเขาตราบจนชีวิตจะหาไม่
‘พระพาย!’
ความคิดเห็น