คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : SF เต๋าคชา - No Feel (in my feel.)
No Feel
(in my feel)
Story :: No Feel
Couple :: Kao x Kacha
Rate :: (?)
Mode :: No Thing
Writing :: ปั๊บไม่ใช่มนุษย์ 8?
Note :: แค่ชื่อเรื่องก็ไม่น่าอ่านแล้วเนอะ .. แต่อ่านเถอะค่ะเพราะมันเป็น SF ที่เอาความรู้สึกเป็นหลัก (:
มันอยากให้เธอกับเขาเลิกกัน
ให้เธอเป็นของฉันให้เขาไม่เหลือใคร
แต่ในโลกความจริงความคิดเลวเลวต้องเก็บไว้
ปล่อยเธอจากไปทำได้แค่นี้
(*คิดเลวทำดี – เล้าโลม)
เสียงเพลงท่วงทำนองเอกลักษณะของวงเล้าโลมดังจากปลายสมอลท็อกก้องโสตประสาทของผมอยู่ไม่ห่าง เพลงนี้ .. ไม่ได้ฟังมานานแค่ไหนแล้วนะ จำได้ว่าโหลดไว้ในโทรศัพท์ตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยคิดจะเปิดฟังเพราะเนื้อเพลงไม่ตรงกับชีวิตกับเลยสักนิด
แต่ตอนนี้มันกลับถูกผมขุดขึ้นมาฟังอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ตรงกับเพลง .. มากเกินไป
ประโยคที่ร้อยเรียงออกมาเป็นเนื้อเพลงอาจจะดูรุนแรงในสายตาของใครบางคน ในขณะที่คนอีกจำพวกหนึ่งกลับคิดว่ามันช่างเหมาะสมกับสถานภาพของพวกเขาเหลือเกิน และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น …
“ฟังดังขนาดนั้นไม่กลัวหูแตกรึไงกัน” หูฟังถูกดึงจนหลุดจากหูของผมมาพร้อมกับร่างสูงของใครคนหนึ่งนั่งลงข้างๆพร้อมตีหน้าเข้มใส่ อะไรกัน คนกำลังดื่มด่ำกับเพลงแท้ๆ
“ก็เพลงมันเพราะดีนี่นา” ผมตอบอ้อมแอ้ม ไม่กล้าเถียงอะไรมากเพราะเถียงกับเขาทีไรผมไม่เคยชนะเลยสักที
“เลิกฟังได้แล้ว กลับบ้าน” พี่เต๋าสั่งแล้วฉุดให้ผมลุกขึ้นซึ่งผมก็ยอมทำตามแต่โดยดี ฝ่ามืออบอุ่นกุมมือผมไว้หลวมๆ ภายใต้ความอึดอัดใจผมกลับรู้สึกดีใจที่เขาจับมือผมไว้แบบนี้ แต่มันก็เป็นเพียงความคิดชั่ววูบเท่านั้นแหละนะ
“เรื่องเฟรมเป็นไงบ้าง” พี่เต๋าถามด้วยเสียงไม่ใส่ใจเท่าไรนัก ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่รับเอาหมวกกันน็อคมาสวมใส่แล้วขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซต์แทน ก่อนที่พี่เต๋าจะเริ่มออกรถ
เรื่องเฟรมงั้นเหรอ … เพื่อนร่วมรุ่นที่ผมรักข้างเดียวมาสองปีกว่า มันจะเป็นยังไงได้ล่ะ ก็คงเหมือนเดิมนั่นแหละ เฟรมรู้ว่าผมชอบ แต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา เรื่องมันก็ซ้ำๆซากๆ จะถามไปทำไมกัน
“…พี่ทะเลาะกับจอยอีกแล้ว” เมื่อเห็นว่าไม่มีคำตอบอะไรจากผมในที่สุดร่างสูงที่กำลังคร่อมมอเตอร์ไซต์อยู่ก็เป็นฝ่ายเอ่ยปาก ประโยคเดิมๆที่ผมได้ยินจนเบื่อ แต่ต่อให้เบื่อแค่ไหนผมก็ทนที่จะฟังต่อไป ไม่ใช่ว่าอยากฟัง แต่เพราะเป็นเรื่องของพี่เต๋า ผมจึงต้องรับฟัง ..
“ทำไมล่ะ”
“มันงี่เง่า ชอบชวนพี่ทะเลาะ รู้ว่าพี่ไม่ชอบให้คุยกับคนอื่นก็ยังจะคุย” น้ำเสียงของพี่เต๋าเล่นเอาผมชาไปทั้งร่าง แต่ก็ชินซะแล้วล่ะกับความรู้สึกแบบนี้ มันเป็นแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่ตอนนั้น …
ตอนที่พี่เต๋าบอกว่าชอบผมทั้งๆที่คบอยู่กับจอย
และตอนที่ผมบอกว่าชอบพี่เต๋าทั้งๆที่ยังรักเฟรม
ผมไม่รู้หรอกว่าพวกเราทำผิดหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมเดินกลับหลังไม่ได้แล้วล่ะ …
เพราะพี่เต๋ากำลังกัดกินพื้นที่ในหัวใจของผมมากขึ้นทุกวัน ในขณะที่ผมอาจจะยังยึดพื้นที่ในหัวใจของพี่เต๋าได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่าเดิม
แต่ช่างเถอะ ผมไม่หวังอะไรอยู่แล้วนี่นา
“เดี๋ยวจอยก็เข้าใจเองแหละว่าพี่หวงเขาน่ะ อย่าคิดมาก” ประโยคเดิมๆกับเหตุการณ์เดิมๆ ไม่ได้ทำให้ผมเบื่อหน่ายที่จะพูด แต่บางครั้งมันก็ทิ่มแทงจนผมอ่อนล้า จริงอยู่ผมไม่ได้รักพี่เต๋า แต่ถึงจะแค่ชอบผมก็ให้ความสำคัญกับพี่เต๋ามาก ผมใส่ใจ ผมเป็นห่วงและผมแคร์ เพราะหัวใจมันตัดสินแล้วว่าพี่เต๋าคือคนสำคัญของผม
“ช่างมันเถอะ”
เขาตัดบทแล้วเร่งคันเร่งเพื่อให้พวกเราทั้งสองรนปลอดภัยจากละอองฝนน้อยที่สุด
ผมเกลียดฝนและบรรยากาศเหงาๆแบบนี้จังเลย …
เมื่อเขาเจ็บ .. ผมน่ะเจ็บกว่าเป็นล้านเท่า
“พี่ทนไม่ไหวแล้วว่ะ” พี่เต๋าพรวดพราดเข้ามาที่หอพักของผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ดวงตาคมคู่ที่ผมคุ้นเคยกำลังสั่นระริก เขาดูเจ็บปวด .. จนผมเจ็บตาม
“ทนไม่ไหวก็เลิก”
“ก็รักไง”
“ถ้ารักก็ต้องทน”
“อือ คงต้องแบบนั้นแหละ”
นั่นคือคำตอบที่ชัดเจนของพี่เต๋าซึ่งผมก็คิดไว้แบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าผมจะภาวนาให้พวกเขาเลิกกันมากี่ครั้งมันก็ไม่เคยสำเร็จสักที
เปล่าเลย .. ผมไม่ได้อยากครอบครองหรือเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพี่เต๋าหรืออะไรทั้งนั้น ที่ผมอยากให้พวกเขาเลิกกันเพราะจอยทำพี่เต๋าเจ็บมามากพอแล้ว กี่ครั้งแล้วนะที่พวกเขาเลิกกันแล้วพี่เต๋าต้องเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงงี่เง่าคนนั้น เขาไม่รู้หรอกว่าเห็นเขาเจ็บผมก็เจ็บ …
แต่ผมบอกแล้วไง … ผมไม่ได้รักพี่เต๋า แต่ผมแคร์เขาเพราะเขาสำคัญสำหรับผมแค่นั้นเอง
นานวันเข้า
ในขณะที่ผมแคร์พี่เต๋ามากขึ้นทุกวัน
เขากลับละความสำคัญกับผมมากขึ้นทุกที …
“พี่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ” คำแรกที่ดังขึ้นทำลายความเงียบบริเวณสวนหย่อมยามเช้าของหอพัก ผมที่นั่งอยู่ข้างๆค่อยๆวางหนังสือเล่มหนาลงก่อนชายมามองร่างสูงข้างกาย พูดแบบนั้นออกมา พี่คิดดีแล้วเหรอ ?
“ไม่ไปไม่ได้เหรอ” ผมคิดว่าผมใช้น้ำเสียงเว้าวอนที่สุดแล้วนะ ไม่ได้หรอก ผมไม่อยากให้พี่เขาไป ถึงจะปวดใจแค่ไหน แต่ความเคยชินของผมคือการมีพี่เต๋าอยู่ข้างๆนี่นา
“คิดถึงรึไง” คำถามแบบตรงไปตรงมาเล่นเอาผมใจเต้นตุบตุบ คิดถึงเหรอ.. อาจจะแบบนั้นมั้ง
“แล้วพี่เต๋าไม่คิดถึงผมเหรอ” ผมเลยเบี่ยงด้วยการถามกลับแทน ให้ตอบไปตรงๆแบบนั้น ผมก็อายเป็นนี่นา
“ไม่ไปหรอกยังไงก็คงคิดถึงจอยอยู่ดี” คำตอบที่เล่นเอาผมสะอึก
นิสัยไม่ดีอย่างหนึ่งของพี่เต๋าคือเขามักจะสนใจเรื่องของตัวเองก่อนเสนอ คุยเรื่องของผมไม่กี่ประโยคก็ย้อนกลับไปเรื่องตัวเองแล้ว ขณะที่ผมถามเขาว่ากินข้าวหรือยัง ไม่มีหรอกที่เขาจะถามกลับ
แต่ .. ผมชินแล้วล่ะ
“นั่นสินะ” สุดท้ายผมก็ได้แต่ตอบรับเบาๆแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ ไม่อยากยอมรับเลยว่าผมกำลังรู้สึกน้อยใจอยู่ …
ผมก็แค่รู้สึกในใจน่ะ ผมไม่สิทธิ์เรียกร้องอะไรอยู่แล้วนี่นา
ผมเคยคิดนะ
ว่าผมสามารถยอมเป็นอะไรก็ได้สำหรับเขา
“เป็นอะไร พี่เห็นซึมๆตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว” จะดีใจดีไหมนะที่จู่ๆช่วงบ่ายวันหนึ่งพี่เต๋าก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา ในเมื่อถามมาแบบนี้ ผมก็ขอตอบตรงๆเลยแล้วกัน เพราะผมเองก็อึดอัดจนทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“ผม .. แค่คิดถึงเฟรม ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่พี่บอกคิดถึงจอย” คำตอบของผมนี่เข้าใจยากนะว่าไหม แต่มันคือความจริง ผมกำลังคิดถึงเฟรม .. และผมกำลังน้อยใจเขาที่บอกคิดถึงจอยอยู่
“ก็จอยเป็นแฟนพี่”
“รู้แล้ว แต่ไม่เห็นต้องบอกผมเลยนี่นา” ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น รู้แล้ว รู้แล้วว่าผมไม่มีสิทธิ์หวงอะไรทั้งนั้น แต่ได้โปรด … ผมทนไม่ไหวแล้ว
“แล้วจะให้พี่พูดอะไร” ผมไม่รู้หรอกว่าน้ำเสียงแบบนี้ของพี่เต๋าคืออะไร เขาโกรธผมรึเปล่านะที่พูดแบบนั้นออกไป
“…พี่ยังต้องการผมอยู่รึเปล่า” ผมตัดสินใจที่จะไม่ตอบแต่ถามออกไปแบบนั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ผมเป็นอะไรสำหรับเขา
“ต้องการสิ”
“…พี่ยังชอบผมอยู่รึเปล่า” ผม ..มันก็แค่คนโลภที่ไม่รู้จักพอ แค่อยากจะมั่นใจว่าเขาต้องการผมอย่างที่พูดจริงๆ
“…พี่กลัวจะชอบคชามากกว่านี้” คำตอบที่ทำใจเต้นไม่เป็นส่ำ แค่นี้ก็น่าจะเกินพอได้แล้วสำหรับคนแบบผม แต่ .. ผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยประโยคแบบนี้ออกไป
“ถ้าอย่างนั้นอย่าพูดเรื่องจอยเวลาที่อยู่กับผม ผมไม่ชอบ.. ไม่ชอบเลยจริงๆ” ผมไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเพราะกลัวจะเห็นแววตาแสดงความรำคาญจากดวงตาคู่นั้น นี่ผมขอมากเกินไปหรือเปล่านะ ..
“ได้ พี่จะไม่พูดเรื่องจอยแล้ว”
“แล้วพี่อยากจะห่างผมไหม…” โธ่เว้ย ใครก็ได้เอาผ้ามาอุดปากผมที ไม่รู้ทำไมมันถึงได้พูดไม่หยุด แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนี่นา พอแล้วล่ะ คนแบบผมพอใจแล้วสำหรับคำตอบเหล่านี้จากปากของเขา
“ไม่ ไม่อยากเลย .. ห่างคชาพี่คงเหงา”
“ได้สิ ผมจะไม่ไปไหนหรอก เพราะพี่ต้องการผมนี่นา..”
ประโยคสุดท้ายพร้อมรอยยิ้มจากเศษเสี้ยวหัวใจอันบอบช้ำ
ไม่รู้เมื่อไหร่เรื่องเหล่านี้ถึงจะจบไป และก็ไม่รู้ว่าหัวใจจะทนได้อีกนานแค่ไหน
แต่ผมเลือกแล้วนี่นา .. เลือกที่จะยอมให้หัวใจถูกบดขยี้จนเหลวแหลก
เลือกที่จะแบกรับความเจ็บปวดจากคนที่ผมชอบและพร้อมจะทำให้ผมเจ็บปวดได้เสมอ
ไม่เป็นไรหรอก ผมชินแล้วล่ะ …
ทั้งเรื่องของเฟรมที่ไม่มีวันเป็นไปได้ และเรื่องของพี่เต๋าที่ยังค้างคา
เพราะผมน่ะ.. ขาดเขาไม่ได้
ไม่อย่างนั้นเศษเสี้ยวของหัวใจที่เหลืออยู่น้อยนิดมันคงไม่สามารถทำงานเพื่อแบกรับความเจ็บได้อีกตลอดไป …
PUPPAP
อย่าเพิ่งด่าค่ะว่าปี้เอาอะไรมาให้อ่าน
แทนที่จะอัพฟิคยาวเสือกเอา SF มาคั่นซะงั้น
SF สั้นๆมึนๆเมาๆที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกไม่ใช่สมอง
ใครที่ไม่ได้อยู่ในสถานะนี้อาจจะอ่านแล้วเข้าใจยากสักหน่อย
แต่ปั๊บเข้าใจคชามากถึงมากที่สุด
SF ที่มาจากความจริงบางประการของปั๊บที่กำลังประสบอยู่
ถ้าถามว่าดราม่ามั้ยก็คงต้องบอกว่าประมาณหนึ่ง
แต่ถ้าถามว่า SF เรื่องนี้เป็น SF ที่ไม่มีอะไรเลยใช่รึเปล่าก็ตอบได้ว่าใช่
มันไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่อาการพร่ำเพ้อของคชา 6 หน้าเวิร์ด
พยายามจะถ่ายทอดความรู้สึกของคชาให้ออกมาในแบบเปิดเผยและปกปิดที่สุด
และขอโทษด้วยสำหรับฟิคยาวที่ไม่ได้อัพ
ไม่ใช่ว่าตั้งใจดองค่ะแต่ป่วยและไม่ว่าง
บวกกับอารมณ์ตาม SF เรื่องนี้ด้วย
ไม่เกินวันศุกร์อัพแน่นอน อย่างน้อยๆก็คง 50%(ที่ยาวพอดู)
วันนี้อาจจะมาแบบวิชาการหน่อยเพราะแต่งไปอินไป
ถึงจะดูไม่มีอะไร แต่ความรู้สึกของปั๊บใน SF เรื่องนี้เยอะมากจริงๆ
ปล. ใครชอบหรืออะไรยังไงก็เม้นบอกด้วยนะคะ ปั๊บชอบอ่านคอมเม้น (:
ความคิดเห็น