คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 03 - ` Hold On 。 - LiLo Paylinson ❑ [1/2]
“ Hold On ”
☰ .Liam Payne & Louis Tomlinson❞
☶.24/12/13 ♠
◤ @puppapxiion◥
*** สามารถเวิ่นลงทวิตได้ด้วยแท็ก #4loveforLOU นะคะ
อยากอ่านอยากอ่านอยากอ่านอยากรู้ว่ามีคนอ่านง่ะ 555555555555555555555555555555
I promise you never
Will you hurt anymore..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีขุ่นถูกเจ้าของมือใหญ่กระดกลงคอขณะดวงตาปรายมองไปโดยรอบด้วยความเบื่อหน่าย แม้รอบกายจะเต็มได้ด้วยผู้คนมากหน้าหลายตากำลังโยกย้ายไปตามตังหวะเพลงที่กระทบโสตประสาทหากสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจาก เลียม เพย์น ได้แม้แต่น้อย สาเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะถูกใครบางคนลากมา และตอนนี้ใครบางคนที่ว่าก็กำลังกอดจูบลูบคลำหญิงสาวร่างอรชรในชุดวาบหวิวอย่างสนุกสนานไม่ได้สนใจเพื่อนสนิทอย่างเลียมเลยสักนิด
ดวงตาสีน้ำตาลเหยียดมองคนตรงข้ามทั้งสองอย่างปลงตก พยายามไม่สนใจแต่สุดท้ายก็รับรู้ทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะตอนที่ริมฝีปากทั้งสองประกบกันหรือแม้กระทั่งตอนที่เพื่อนตัวดีของเขาใช้ความช่ำชองลูบไล้ฝ่ามือไปตามผิวขาวนวลน่าสัมผัสของผู้หญิงบนตัก ซึ่งเจ้าหล่อนก็ดูจะชอบใจไม่น้อยถึงได้คล้องเรียวแขนกับคออีกฝ่ายก่อนจะจรดเรียวปากเปื้อนลิปสีเข้มลงบนข้างแก้ม ไล่เรื่อยมายังปลายคางและสุดท้ายก็กลายจุมพิตแสนหวานอีกรอบเสียอย่างนั้น
“นี่แกเรียกฉันออกมาดูแกพลอดรักกับผู้หญิงรึไง” โพล่งถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามบอกใบ้ให้มันรู้ว่าเขาหงุดหงิดจะแย่ ดวงหน้าสลักยังเรียบเฉยตรงข้ามกับดวงตาที่จ้องเพื่อนสนิทตนเองไม่วางตา กว่ามันจะเงยหน้ามามองเขาได้เลียมก็ต้องเห็นฉาก Deep Kiss แสนโรแมนติกทำเอารู้สึกยินดีด้วยจนแทบอ้วก -_-
“ก็เห็นวันๆไม่ติดแหง็กอยู่ที่บริษัทก็นั่งงมอยู่กับแฟ้มหนาๆที่มีตัวหนังสือยั้วเยี้ยอย่างกับหนอน นี่ฉันเห็นใจหรอกเลยชวนมารีแล็กซ์นอกสถานที่อย่าทำเป็นบ่น” เสียงทุ้มที่เลียมตัดสินแล้วว่ามันกวนประสาทที่สุดในโลกตอบกลับ แต่ไม่วายเจ้าของดวงหน้าคมคายนั่นก็หันไปประทับเรียวปากลงบนพวงแก้มเนียนของหญิงสาวคนเดิมอีกรอบ เห็นแล้วรำคาญลูกตาจนอยากลุกหนี ถ้าไม่ติดว่าเขากับ เซน มาลิค คบกันมาตั้งแต่จำความได้ต่อให้ตายยังไงเลียมก็ไม่มีทางนับคนแบบนี้เป็นเพื่อนหรอกบอกไว้เลย
“ลูกผู้พิพากษาแบบแกจะมาเข้าใจอะไรฉัน”
“เออครับไอ้ลูกเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าโด่งดังสะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดิน อุตส่าห์ออกมาแล้วก็หาเต๊าะสาวซะบ้างเถอะอย่าเอาแต่เก๊ก หรือถ้าผู้หญิงไม่ถูกใจก็มองรอบร้านเอาแล้วกัน อยากได้ตุ๊ดหรือกระเทยก็ถามพนักงานไป” ว่าจบเซนก็ไม่รอให้โดนด่ารีบตัดบทโดยการโน้มคอหญิงสาวลงมาแล้วเนรเทศตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวมีเพียงสองเรา จงใจทำเมินดวงตาสีน้ำตาลของเลียมที่จ้องตนเหมือนซอมบี้หิวกระหายอยากจะกระชากหัวกับตัวของเซนให้ขาดออกจากกัน
เพื่อนเวร
สุดท้ายเมื่อโดนถีบหัวส่งชัดเจนแบบนั้นเลียมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ไอ้บ้าหน้าแขกหมกมุ่นในกามอารมณ์ตามที่มันปรารถนา ร่างสูงภายใต้เสื้อโค้ชตัวหนาและกางเกงสีดำรัดรูปเบือนสายตาออกจากชายหญิงตรงหน้ากวาดมองไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำอีกครั้ง
ภาพพนักงานในเสื้อเชิ้ตสีดำผูกหูกระต่ายปรากฏแก่ดวงเนตรคมโต หากเป็นผู้ชายจะสวมกางเกงสแลคสีดำขณะที่พนักงานหญิงสวมกระโปรงผ้าแก้วสีดำ อย่างที่เซนบอกว่าเลียมไม่ใช่คนเที่ยวบ่อย เวลาส่วนใหญ่ของเขามักจะถูกมอบให้หนังสือเล่มหนาไม่ก็เข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท แต่ถึงกระนั้นเลียมก็ไม่ใช่พวกอ่อนต่อโลกจนดูไม่ออกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้คนมีระดับเข้ามาดื่มหรือสวมหน้ากากเข้าหากันเพียงเท่านั้น นอกจากพนักงานเสิร์ฟที่เดินว่อนเต็มร้านแล้ว ถัดออกไปไม่กี่โต๊ะ ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนพุงพลุ้ยหน้าเห่ยกำลังทำกับหญิงสาวบนตักด้วยการกระทำเดียวกับเซนไม่มีผิดเพี้ยน
ที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นทางแยกที่ถูกปิดด้วยม่านกำมะหยี่สีทึบดูหรูหราที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของร้าน มีพนักงานในเครื่องแบบเดียวกันยืนประจำสองข้าง คอยตรวจคนเข้าออกม่านนั่นราวกับว่าข้างในเป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่ามหาศาล แต่ละคนที่ผ่านเข้าไปในม่านหรูนั้นได้ล้วนดูออกได้ไม่ยากว่าต่างก็เป็นผู้มีฐานะและมีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจที่มาที่นี่เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง
‘ขายบริการ’
คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวระอากับสังคมสกปรกรอบกาย ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกไม่นานหลังจากเรียนจบเลียมต้องเข้ามาข้องแวะกับวงการนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางทีการที่เซนชวนเขาออกมาวันนี้คงเป็นการปูพื้นฐานให้เขาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เผื่ออนาคตอันใกล้
เรียวมือกว้างคว้าแก้วทรงสูงที่ถูกเติมแอลกอฮอล์โดยพนักงานไปเมื่อครู่ขึ้นแล้วจรดมันกับริมฝีปากอีกคราขณะในหัวยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับภาพตรงหน้าไม่ตก ไม่เข้าใจว่าคนพวกนั้นต้องขาดแคลนอะไรมากมายถึงต้องมาใช้บริการถึงที่นี่ แต่สิ่งที่เลียมใคร่รู้มากกว่าคือความนึกคิดของคนที่อยู่หลังม่านสีทึบนั่นต่างหาก ชีวิตหมดหนทางแล้วรึไงถึงได้ละทิ้งศักดิ์ศรีและมอบร่างกายตนเองให้คนมากตัณหาพวกนั้นใช้มือสกปรกสัมผัสเชยชมได้สมดั่งใจ
…
..
.
พลัน.. ดวงตาคมโตที่เต็มไปด้วยแววดูแคลนก็เป็นต้องหรี่เล็กเมื่อม่านสีทึบถูกเปิดออกโดยพนักงานทั้งสอง ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะโผล่พ้นม่านนั่นให้ร่างสูงประจักษ์แก่สายตา…
ดวงหน้าหวานภายใต้แสงสลัวสะท้อนเด่นชัดภายในนัยน์ตาสีน้ำตาล กลุ่มผมยาวสีอ่อนระต้นคอยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเสริมให้ใครคนนั้นโดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมาย จมูกโด่งรั้นและกลีบปากบางเป็นองค์ประกอบอันลงตัวเข้ากับโครงหน้าได้รูป ร่างกายถูกสวมด้วยเสื้อไหมพรหมสีเทาตัวโคร่งยาวจนแทบปิดทับกางขาสั้นสีขาวเผยให้เห็นเพียงเรียวขาไล่ลงมายันเท้าเปล่าที่ไม่แม้แต่จะมีถุงเท้าสวมอยู่
เลียมวางแก้วในมือลงบนทั้งยังไม่ละสายตาไปจากคนตัวเล็กตรงหน้า หากก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพนักงานหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีดำคนหนึ่งเดินตรงเข้าไปหาก่อนที่ทั้งคู่จะพูดคุยอะไรบางอย่างและจบลงด้วยเจ้าของดวงหน้าหวานจับมือของพนักงานคนนั้นแน่นด้วยท่าทางอ้อนวอนจนน่าสงสาร เลียมเห็นว่าพนักงานหนุ่มผมสีบลอนด์ที่คาดคะเนจากสายตาอายุคงไม่มากไม่น้อยไปกว่าเขาปั้นหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าก่อนที่คนทั้งคู่จะได้พูดคุยอะไรกันต่อ… ชายสูงอายุร่างสูงใหญ่คนหนึ่งก็ปราดเข้าไปคว้าข้อมือคนตัวเล็กนั่นแล้วทำท่าจะลากให้เข้าไปหลังม่านด้วยกัน ไม่สนใจว่าร่างในอุ้งมือจะร้องปฏิเสธและพยายามยื้อตนไว้เพียงใด
ราวกับว่าร่างกายทำงานไม่สัมพันธ์กับสมอง… เพราะรู้ตัวอีกที เลียมก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสามเสียแล้ว
และนั่นทำให้เขาได้ยินบทสนทนาชัดเจน
“ไนออลเอาเขาออกไป!” เสียงหวานแหบพร่าร้องลั่น มือพลางคว้ามือของไนออลไว้มั่นหวังใช้เป็นหลักยึดไม่ให้ร่างตนเองโดนชายแก่ร่างสูงดึงเข้าหลังม่าน
ลูกแก้วกลมโตสีอความารีนที่ช้อนมองเพื่อนพนักงานด้วยแววอ้อนวอนยังไม่ตราตรึงเท่าความหวาดกลัวที่ปรากฏเด่นชัดในดวงตา เรียวแขนพยายามสะบัดมือหยาบกร้านออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีแต่ดูเหมือนจะน้อยนิดเกินไป นอกจากจะไม่ทำให้ชายสูงวัยคนนั้นปล่อยแล้วร่างเล็กยังถูกกระชากอย่างแรงจนมือน้อยที่ยึดจับไนออลเอาไว้หลุดออกอย่างรวดเร็ว
และเป็นอีกครั้งที่ร่างกายปฏิบัติโดยไม่สนคำสั่งจากสมอง
เลียมแทบจะถลาไปคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนที่จะคนตัวเล็กจะหายลับไปจากสายตา
“นายขายเท่าไหร่”
เอ่ยถามโดยไม่สนใจพนักงานคนอื่นที่เริ่มมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น มือใหญ่จับข้อมือคนตัวเล็กไว้แน่น ขายาวก้าวไปด้านหน้าใช้กายที่สูงกว่าของตนบังร่างเล็กเอาไว้ขณะมืออีกข้างเอื้อมไปผลักชายสูงวัยให้ถอยห่าง
“ถามอะไรของแกวะ ส่งเด็กนั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!” ตะหวาดพร้อมร่างสูงใหญ่ปรี่เข้ามาหมายจะจับตัวคนด้านหลัง แต่เลียมก็ไวพอที่จะดึงให้คนตัวเล็กหลบห่าง ดวงตาสีน้ำตาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันเจตนา
“ฉันจะจ่ายให้นายสองเท่ากับที่ลุงนี่จ่าย”
“เพราะฉะนั้นคืนนี้นายต้องนอนกับฉัน”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
I will take you in my arms
And hold you right where you belong..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
บานประตูถูกปิดลงกลอนหลังจากเลียมพาเจ้าของร่างเล็กเข้ามาในห้องได้สำเร็จ มืออุ่นปล่อยข้อมืออีกฝ่ายให้เป็นอีกสระ ดวงตามองตามคนตัวเล็กที่ก้าวถอยหลังคล้ายจะหลีกหนีจากเขาไปยังปลายเตียงที่ถูกคลุมด้วยผ้าปูสีสวย
เลียมหรี่ตาครั้นเห็นท่าทางของคนตรงหน้า กายเล็กสั่นระริกราวเห็นเขาเป็นฆาตกรที่มาพร้อมคมมีด เช่นเดียวกับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวาดระแวง มือเล็กทั้งสองข้างกำชายเสื้อตนเองแน่น
มันไม่ใช่ลักษณะของคนขายบริการ
แม้จะฉงนใจหากคนตัวสูงก็เลือกที่จะค่อยสาวเท้าเข้าใกล้ เสียงนุ่มเปล่งแผ่วเบาอย่างใจเย็น
“ฉันไม่ได้จะทำอะไรนาย” ว่าจบก็หยุดนิ่งโดยเว้นระยะห่างไว้เพียงนิด คอยสังเกตคนตัวเล็กที่ยังคงมองมาอย่างระแวดระวัง หากสิ่งที่สะดุดตากลับเป็นรอยช้ำวงใหญ่ที่ต้นขาซ้าย ยิ่งเพ่งดีๆก็ยิ่งเห็นว่าตามเรียวขาเต็มไปด้วยรอยช้ำเล็กๆ
“ชื่ออะไร” เลียมเก็บความสงสัยทุกอย่างไว้ในใจตัดสินใจเอ่ยถามทั้งยังเคลื่อนกายสูงเข้าหาอีกฝ่ายอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“ลูอี…ฉ…ฉันชื่อลูอี…” เสียงที่เอ่ยออกมาหวานหูหากสั่นเครือและแหบพร่าเรียกความรู้สึกบางอย่างให้ตีตื้นขึ้นมาอย่างชัดเจนในความรู้สึกของผู้รับฟัง และไม่ว่าจะด้วยเหตุใด แต่วินาทีต่อมาแขนแข็งแรงก็เอื้อมไปรั้งร่างที่สั่นสะท้านให้เข้าใกล้ ก่อนอ้อมกอดอบอุ่นจะโอบประครองคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ราวเป็นสิ่งล้ำค่า
อ่อนแอและบอบบาง
ร่างของลูอีเกร็งขึ้นมาทันทีที่เขาดึงมาประชิดอกกว้าง มือใหญ่จึงค่อยแนบลงบนศีรษะก่อนลูบกลุ่มผมนุ่มไปมาคล้ายเป็นการปลอบประโลม แขนอีกข้างกระชับเอวบางให้ใกล้ชิดกายสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อบ่งบอกความแข็งแรง
กระแสเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยข้างใบหู
“ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ทำอะไรนาย”
แม้เพียงแผ่วเบา แต่แสนหนักแน่น
“ฉันสัญญา”
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับเหตุผลที่ทำให้คนในอ้อมกอดซุกดวงหน้าหวานลงกับอก เรียวแขนยกขึ้นกอดตอบคนตัวโตราวกับกระต่ายน้อยท่ามกลางอาการหนาวเหน็บที่กำลังโหยหาไออุ่น เลียมโอบรัดกายบอบบางแนบแน่นจนคล้ายกับว่าลูอีจะจมหายไปกับแผ่นอกของเขา ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งรับรู้ได้ว่าคนในอ้อมกอดสั่นเทิ้มจนน่าสงสาร แต่เลียมก็ทำอะไรไม่ได้มากด้วยไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงการประครองให้คนตัวเล็กนั่งลงบนเตียงนุ่มด้วยกันทั้งมือเล็กนั่นยังกำชายเสื้อของเลียมไว้แน่น และมืออบอุ่นคู่เดิมก็ยังคงลูบไล้ไปตามเส้นผมนุ่มอย่างอ่อนโยน
หลังจากเลียมทำแบบนั้นอยู่ครู่ใหญ่อาการของลูอีก็สงบลง จนตอนนี้คนตัวเล็กนั่นผละออกจากอ้อนกอดของเลียมถดกายออกห่างแล้วนั่งก้มหน้าก้มตา มือก็เอาแต่ดึงเสื้อไหมพรหมตัวโคร่งลงมาให้มันบดบังเรียวขาที่เต็มไปด้วยรอยช้ำของตนให้พ้นจากสายของเลียมที่นั่งมองอยู่ไม่ไกล
ความจริงแล้ว…ลูอีไม่ได้ดูบริสุทธิ์ไปกว่าคนอื่นๆในสถานเริงรมย์แห่งนี้ หากบางสิ่งบางอย่างทำให้เลียมรู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างแตกต่าง… แต่เขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งนั้นคืออะไร เช่นเดียวกับคำตอบของคำถามที่ว่าทำไมถึงได้กอดอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกอยากปกป้องเสียมากมายขนาดนั้น
เขาก็แค่ทำตามความรู้สึก
และถ้าความรู้สึกบอกมาว่า ‘อยากปกป้องคนคนนี้’ … เลียมก็คงต้องทำแบบนั้น
แต่ไม่ว่าจะยังไงความสงสัยมากมายในตัวลูอีที่ตีกันวุ่นวายอยู่ในหัวก็คงถึงเวลาแล้วที่คำถามเหล่านั้นจะได้รับคำตอบ ร่างสูงใช้เวลาไม่นานกับการเรียบเรียงคำพูดให้ดูเหมาะสมก่อนเสียงนุ่มจะเอ่ยผ่านริมฝีปาก
“เมื่อกี้… ทำไมนายถึงไม่อยากไปกับลุงนั่นล่ะ”
ดวงตาสีฟ้าปรายมองมาเพียงนิดก่อนดวงหน้าหวานจะก้มต่ำฝังจุดจับจ้องลงบนพื้นพรมดังเดิม
“เขาเมา…แล้วฉัน…ฉัน…ฉันเพิ่งจะ… ฉันไม่อยากนอนกับคนเมา…พ…พวกเขา…ชอบทำให้ฉันเจ็บ…” กระนั้นสุ่มเสียงหวานบางเบาก็ยังมีน้ำใจเอ่ยตอบพอให้เลียมสบายใจขึ้นมาบ้าง แม้จะติดขัดและสั่นเครือจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์แต่เลียมก็พอจับใจความได้ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมตามเรียวขาของลูอีถึงได้มีแต่รอยฟกช้ำ
มือใหญ่กำแน่นโดยไม่รู้ตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ความโกรธแค้นปรากฏชัดเจนในห้วงความรู้สึก
สิ่งเดียวที่คิดมีเพียงคำถามว่าทำไมลูอีถึงได้ยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายขนาดนี้
ทั้งที่คนคนนี้ … สูงค่าเกินกว่าจะโดนกระทำเลวทรามแบบนั้น
“นาย…ฉัน…คือ….คืนนี้ฉันคงบริการนายไม่ได้…” เสียงหวานแผ่วเรียกให้คนตัวสูงหลุดจากภวังค์ เมื่อผินดวงหน้าก็พบว่าลูอีกำลังมองมาทางเขา เป็นอีกครั้งทีภายในลูกแก้วสีอความารีนคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายอ้อนวอนระคนโศกเศร้า
“…”
“…คราวหน้าถ้า…ถ้านายมาก็ไม่ต้องจ่าย…แต่วันนี้…ฉัน…ฉัน…คือฉัน…”
“ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นหรอกน่า ฉันไมได้จะฆ่านายนะ” ว่าติดตลกเพราะเห็นว่าเสียงของอีกฝ่ายสั่นมากขึ้นเรื่อยๆจนเลียมแทบจับใจความไม่ได้ ลูอีสบดวงตาคู่สวยกับดวงตาของเขาก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“ฉันเพิ่งให้บริการอีกคนไป…ฉ…ฉัน…เหนื่อย...นาย…ฉันขอโทษแต่…ถ้านายต้องการจริงๆ…ไปหาคนอื่นก่อน….”
“ไม่เป็นไร”
ตัดบทด้วยเสียงเรียบเฉยก่อนถือวิสาสะเคลื่อนกายเข้าใกล้แล้วคว้าคนตัวบางมาเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง ไม่สนใจอาการขัดขืนใดๆของลูอีหนำซ้ำเรียวแขนยังรัดแน่นมากกว่าเดิม
และไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น ร่างสูงก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มทั้งยังมีคนตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขน มือเรียวข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบเอาผ้าห่มผืนใหญ่แล้วจัดการคลี่มันคลุมทั้งร่างของเขาและลูอี ลำแขนวาดพาดผ่านรอบเอวบางพลางกอดกระชับ ไม่ลืมกดให้ใบหน้าหวานที่ฉายชัดถึงความอ่อนล้าซบลงกับอกอุ่นของตนขณะแนบสัมผัสกับกลุ่มผมนุ่มที่เผลอสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอดอย่างลืมตัว
“ทำอะ..”
“ความจริงแล้วฉันไม่ได้ต้องการให้นายบริการฉันหรอก ฉันแค่เห็นว่านายไม่ชอบลุงนั่นก็เลยอยากช่วย”
“นาย…”
“ถ้าฉันไปก็จะมีคนซื้อนายอีก เกิดคนนั้นเป็นพวกบ้าเซ็กส์ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนนายก็ต้องบริการเขาอยู่ดีใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นคืนนี้ฉันจะอยู่นี่แหละ ค่าตัวสองเท่าของนายมันคงจะพอซื้อตัวนายได้ถึงเช้าใช่ไหม”
“…”
“เหนื่อยไม่ใช่เหรอ นอนสิ ฉันสัญญาแล้วไงว่าฉันไม่ฆ่านายหรอก”
เลียมกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆทำราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก สวนทางกับการกระทำโดยสิ้นเชิงเนื่องจากแขนแข็งแรงยังคงตระกองกอดร่างบอบบางเอาไว้…เพื่อให้คนตัวเล็กมั่นใจว่าอ้อมกอดนี้สามารถดูแลปกป้องจากอันตรายทั้งปวงได้
ลูอีไม่พูดอะไรหลังจากนั้น มีเพียงลมหายใจที่ถูกผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วอาจจะด้วยด้วยความอ่อนเพลียหรืออะไรก็แล้วแต่ ขณะที่ความคิดมากมายในหัวของเลียมเริ่มวิ่งวุ่นอีกครั้งสร้างความสับสนจนเขาเองยังรู้สึกหงุดหงิด
ในห้วงคำนึงเพียรถามไถ่ว่าเหตุผลของการกระทำไร้ที่มาเหล่านี้คือสิ่งใด
เลียมก็ได้แต่ตอบกลับไปตามที่ใจนึกว่า ‘เหตุผลคืออยากดูแลและปกป้อง’
มันก็แค่นั้น
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
I'll be your strength
I'll give you hope
Keeping your faith when it's gone..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เลียมรู้สึกเหมือนเขาใกล้จะเป็นโรคประสาท
ร่างสูงสมส่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ราคาแพง ตรงหน้าเป็นโต๊ะไม้ขัดมันหรูหรา บนโต๊ะมีแฟ้มเล่มบางหากบนหน้ากระดาษกลับเต็มไปด้วยตัวเลขมากมายที่เป็นคนอื่นก็คงหัวแตกตายหลังจากนั่งจ้องมันได้สิบวินาที แต่ไม่ได้กับเลียม เพย์นที่มีศักดิ์เป็นถึงทายาทคนเดียวของบริษัทแบรนด์เนมชื่อดังที่จำเป็นอย่างมากต้องศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจเอาไว้เพื่อใช้บริหารกิจการต่อเมื่อถึงเวลา อย่างที่เซนเคยบอกว่าวันๆเขาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตานั่งศึกษารายละเอียดพวกนี้ซึ่งแน่นอนว่าเลียมเต็มใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้วและเขาก็รักกิจกรรมนี้ของตนเองมาก
แต่นั่นมันก่อนที่เขาจะเจอกับลูอีที่สถานบันเทิงเมื่อสามคืนก่อน
จำได้ว่าคืนนั้นเลียมนอนกอดคนตัวเล็กนั่นไว้ทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งเช้าที่มีพนักงานมาเคาะประตูเรียกนั่นแหละถึงได้ตื่น ลูอีถูกพนักงานสองคนพาไปยังห้องด้านในสุดทั้งสภาพไข้ขึ้นและตัวร้อนจัด ความจริงเลียมอยากจะตามไปดูแต่ก็ถูกเชิญ(ความจริงคือไล่ทางอ้อม)ให้ออกมาก่อน เขายังจำได้ดีว่าครั้งสุดท้ายที่สบกับดวงเนตรคู่หม่นหมองนั้นเป็นอย่างไร
สายตาของลูอีที่ทอดมองมาหากไม่เข้าข้างตัวเองมากเกิน เลียมคิดว่าสายตาแบบนั้นคล้ายกับว่าลูอีอยากจะรั้งเขาเอาไว้ทั้งที่สองเท้ายังก้าวตามแรงผลักของไนออลที่ดันแผ่นหลังบางด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก ทั้งที่เลียมอยากจะทำมากกว่านั้นแต่สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงการสื่อสารผ่านสายตาว่าเขาจะกลับมาหาอีกแน่นอน ก่อนที่ม่านสีทึบจะทำหน้าที่เสมือนประตูบ้านใหญ่กั้นคนทั้งสองให้ห่างไกลกัน
แต่จนถึงตอนนี้เลียมก็ยังไม่ได้กลับไปที่นั่นตามที่บอก
สองวันมานี่เขามีทั้งสอบและยังต้องติดสอยห้อยตามพ่อไปคุยธุรกิจกับผู้บริหารคนอื่นอีกจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหนต่อไหน จนกระทั่งตอนนี้ที่จำต้องนั่งให้ความสำคัญกับกระดาษแผ่นบางมีตัวเลขชวนอ้วกก็เพราะเขาต้องลองประเมินตลาดหุ้นให้พ่อดู คือถ้าเป็นปกติเลียมก็คงเต็มใจทำหรอก
คงไม่เป็นอะไร … หากไม่ใช่เพราะตอนนี้ชื่อของลูอีและแววตาเศร้าสร้อยสีฟ้าคู่นั้นเอาแต่วนเวียนเต็มมโนสำนึกของเขาไปหมด
เป็นห่วง
มั่นใจว่าตนเองรู้สึกเช่นนั้น เลียมตัดสินปิดแฟ้มก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เสื้อประจำมหา’ลัยถูกปล่อยชายสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวราคาแพงที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจากเซนเมื่อสองสามเดือนก่อน มือคว้าเอาโทรศัพท์เครื่องบางพลางแตะนิ้วโป้งใหญ่ลงบนหน้าจอแบนราบ ค้นหารายชื่อบุคคลที่คุ้นเคยก่อนเอามันแนบใบหู
และเพียงไม่นานเสียงเข้มจากปลายก็ดังกระทบโสตประสาท
[หล่อรับสาย]
“เมื่อไหร่แกจะเลิกหลงตัวเองสักที” ด่าแบบไม่จริงจังทั้งรอยยิ้มขบขันยังปรากฏบนดวงหน้าสลัก ได้ยินเซนหัวเราะร่าตอบกลับมา
[หลงอะไรพูดความจริงไม่ผิดเว้ย ว่าแต่โทรมาทำไม]
“มีเรื่องให้ช่วย”
[ว่าแล้วเชียว แกไม่เคยโทรหาฉันเพราะคิดถึงหรอกมันน่าน้อยใจนะเนี่ย]
“เออน่า แกช่วยหาประวัติใครบางคนให้หน่อยได้ไหม]
[ใครวะ]
“พนักงานผับที่แกพาฉันไปวันนั้น ชื่อลูอี” บอกจุดประสงค์ไปตามต้องการ เขารู้ว่าการสืบสาวประวัติคนอื่นโดยพลการแบบนี้ไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้องนัก แต่ดวงตาประกายโศกเศร้ากับท่าทางหวาดกลัวเหล่านั้นยังคงติดตรึงในความทรงจำ ลูอีไม่ได้ดูมีความสุขกับงานที่เจ้าตัวทำเลยสักนิด
พาลให้สงสัยว่าเหตุใดเจ้าของร่างกายบอบบางน่าทะนุถนอมนั่นเหตุใดถึงได้ยอมทำงานแบบนั้น
[อยากรู้ไปทำไมวะ]
“เอาเป็นว่าหาให้ก่อนแล้วจะบอก ขอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ส่งให้ทางเมล์นะ ขอบใจมากว่ะ] ว่าจบก็กดตัดสายเพราะรู้ว่าคุยต่อไปมีหวังเซนได้ซักไซ้อีกยาว
เลียมเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องบางใส่กระเป๋ากางเกง มือกว้างหยิบเอากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถก่อนจ้ำอ้าวออกจากห้อง ลงบันไดสีสบายตาผ่านห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่มีจุดเด่นคือชุดโต๊ะรับแขกดูมีราคา ส่งเสียงทักทายคุณป้าแม่บ้านที่เห็นตั้งแต่จำความได้พร้อมฝากข้อความถึงพ่อว่าจะออกไปข้างนอกไม่ต้องโทรตาม ส่วนตลาดหุ้นที่ต้องวิเคราะห์ขออนุญาตส่งช้าวันสองวัน
ร่างสูงสมส่วนส่งตัวเองเข้ามานั่งในรถ Audi R8 สีดำที่ได้เป็นของขวัญเนื่องจากเลียมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตามความคาดหวัง ก่อนเขาจะเหยียบคันเร่งให้รถคันหรูพุ่งทะยานพ้นจากอาณาเขตบ้านก่อนเข้าสู่ถนนใหญ่ที่เวลานี้ยังมีรถไม่มากนักเพราะนาฬิกาบนข้อมือบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งจะบ่ายสองสี่สิบห้านาที
เส้นทางเดิมกับที่เลียมเคยผ่านเมื่อสองวันก่อนค่อยประจักษ์แก่สายตาสีน้ำตาทีละนิด จนในที่สุดป้ายร้านอาหารกึ่งผับก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้า ในเวลานี้ประตูร้านที่เลียมจำได้ว่าสองคืนก่อนมันปิดสนิทคล้ายไม่ต้องให้คนภายนอกรับรู้เรื่องราวภายในกลับถูกเปิดออกให้เห็นภายในร้าน คนตัวสูงกดล็อครถอัตโนมัติก่อนขายาวใต้กางเกงยีนส์เอวต่ำจะก้าวผ่านธรณีประตูเข้าสู่ตัวร้าน
แม้โดยรวมภายในร้านจะไม่ต่างอะไรจากเวลากลางคืนมากนัก แต่หากมองผิวเผินก็ดูเป็นเพียงร้านอาหารทั่วไป ใครเลยจะรู้ว่ายามราตรีที่แห่งนี้มีอะไรโสมมมากมายกว่าที่เห็นนัก
“กี่ที่ครับ” พนักงานชายคนหนึ่งในชุดรูปแบบเหมือนเดิมเดินเข้ามาถาม เลียมกวาดสายตามองรอบร้านหวังจะเห็นลูอีอยู่ที่ใดสักที่ แต่ผลก็คือเขาเห็นเพียงพนักงานกับคนในชุดทำงานนั่งทานอาหารกันอยู่ห้าหกโต๊ะ
“ตอนนี้เป็นเวลาขายรึเปล่า” เมื่อไม่เห็นคนที่ต้องการพบ วงหน้าหล่อเหลาก็ผินกลับมาถามกลับเสียงเบาให้พอได้ยินกันแค่สองคน ไม่นำพาต่อใบหน้ามึนงงของพนักงานหนุ่มที่เอื้อนตอบเสียงติดขัด
“ก็ขายครับ…แต่ว่า…”
“ฉันซื้อลูอี พาฉันไปหาเขา” เสียงทุ้มกล่าวแทรก ช่วงขายาวพลางก้าวเดินอีกครั้ง จุดหมายคือม่านสีทึบผืนเดิมที่คุ้นตา จังหวะเดียวกับที่แขนแข็งแรงเอื้อมออกหมายจะเปิดม่านออกมือสองคู่จากพนักงานชายสองคนก็รั้งแขนหยุดการกระทำของเขาเอาไว้ทำให้เลียมขมวดคิ้วตวัดสายตามองอย่างหัวเสีย
“อะไร”
“ลูอีให้บริการตอนนี้ไม่ได้ครับ”
“ฉันจ่ายสามเท่า ฉันต้องการลูอีเดี๋ยวนี้!” เอ่ยเสียงดังแล้วออกแรงสะบัดแขนออกจากการควบคุม หากยังไม่ทันได้แตะถึงม่านใครบางคนก็ปรี่เข้ามายืนจังก้าบังเขาเอาไว้
เด็กหนุ่มเจ้าของผมสั้นสีบลอนด์รุ่นราวน่าจะคราวกับเลียมในชุดพนักงานอย่างที่เลียมเคยเห็นเมื่อสองคืนก่อน ดวงตาสีฟ้าเฉกเช่นเดียวกับลูอีแต่กลับดูสว่างไสวไม่หม่นหมองเหมือนคนตัวเล็กนั่น ถ้าเลียมจำไม่ผิดคนตรงหน้าน่าจะชื่อไนออล
“เดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง” ไนออลหันไปบอกเพื่อนพยักงานซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับพร้อมเดินจากไปแต่โดยดี นัยน์เนตรสีฟ้ากลมโตหันกลับมาสบกับลูกแก้วสีน้ำตาที่บัดนี้ยังลุกโชนตามแรงอารมณ์ เลียมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเขาถึงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้เพียงเพราะไม่ได้พบลูอีทั้งที่ปกติค่อนข้างรู้ตัวว่าเป็นคนใจเย็น แต่คำตอบที่ชัดเจนในหัวก็เป็นคำตอบเดียวกับสาเหตุที่ทำให้เขารีบบึ่งรถมาที่นี่
เป็นห่วงลูอี
เป็นห่วงมากมาก
พนักงานหนุ่มเดินนำไปยังโต๊ะมุมสุดของร้าน เลียมพยายามสงบสติอารมณ์เดินตามโดยไม่ถามไถ่ก่อนที่เขาจะถูกเชิญให้นั่งลงบนเก้าอี้เหล็กสีดำและไนออลก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม มือขาวทั้งสองข้างของอีกฝ่ายค่ำกับโต๊ะ เงยหน้าสบดวงตากับเลียมด้วยประกายแปลกๆในนัยน์ตา
“คุณที่วันนั้นอยู่กับลูถึงเช้าใช่มั้ย”
“ใช่ฉันเอง นายมีอะไรรึเปล่า”
“ผมเห็นวันนั้นคุณซื้อลูด้วยเงินสองเท่า… งั้นคุณก็มีเงินเยอะ ผมเข้าใจถูกใช่มั้ย” คำถามที่ฟังดูแคลนผิดไปจากดวงตาเจ้าของประโยคเมื่อครู่ที่เอาแต่จ้องเขาไม่วางตา ไนออลกัดริมฝีปากขณะใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังคาดคั้นเอาคำตอบจากเขา
ความหวังงั้นเหรอ
ทำไมต้องมองด้วยแววตามีความหวังขนาดนั้น
“นายถามทำไม”
“ตอนนี้ลูต้องดูแลบอสใหญ่ให้บริการไม่ได้ แต่คุณช่วยกลับมาที่นี่อีกทีตอนหกโมงเย็นได้รึเปล่า” ไนออลเลี่ยงที่จะตอบคำถามแต่ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังขอร้องเขาไม่ต่างอะไรไปจากดวงตาสีน้ำทะเลนั่น ยิ่งก่อความสงสัยภายในจิตใจอยากจะเอ่ยถามให้รู้แล้วรู้รอด
“เกิดอะไรขึ้นกับลูอี”
“ตอนนี้คุณต้องกลับไปก่อน ผมจะรอคุณยู่ที่นี่ตอนหกโมงเย็นนะ ได้โปรดมาให้ตรงเวลา ผมขอร้องล่ะ…ถือว่าทำเพื่อลู” ไม่ว่าเปล่า คนตรงข้ามลุกขึ้นยืนก่อนดึงให้เขาลุกตามแล้วดันเลียมออกจากร้านหน้าตาเฉยไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเขา มีเพียงการมองมาด้วยแววตาแห่งความหวังเท่านั้นก่อนที่ไนออลจะผละกลับเข้าไป
ไม่เข้าใจ
ตอนนี้เลียมไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
สิ่งเดียวที่มั่นใจมีแค่ความรู้สึกมากมายที่ตีตื้นจนแทบล้นอก
ความรู้สึกที่พ่อกับแม่สอนเสมอว่ามันเรียกว่า ความห่วงใยและโหยหา
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ามันเกิดกับคนที่ได้เจอเพียงครั้งเดียวได้อย่างไร
ซ้ำร้ายคนคนนั้นยังเป็นเจ้าของร่างกายบอบบางที่เลียมไม่อาจรู้ได้เลยว่าผ่านมือใครต่อใครมาแล้วกี่คน
แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น … เลียมกลับสัมผัสได้ถึงหัวใจบริสุทธิ์ภายใต้ร่างเนื้อเปื้อนราคีนั่น
และจิตใจก็กรีดร้องแสดงเจตนารมณ์อย่างบ้าคลั่ง .. ปรารถนาจะครอบครองร่างกายนั้นทั้งที่ไม่ควร
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
When the visions around you
Bring tears to your eyes
And all that surround you
Are secrets and lies
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ดวงเนตสีน้ำตาลคมโตไล่ตามข้อมูลบนหน้าจอแบนราบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในมือ ตัวอักษรนับร้อยปรากฏแต่สายตาผ่านการประมวลของสมองกลั่นกรองเป็นความคิดที่ผสมปนเปกันภายในหัว ริมฝีปากหยักเม้มแทบเป็นเส้นตรง คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันทุกขณะ
ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้จากข้อมูลที่เซนส่งมาให้ทำเอาเลียมหายใจติดขัด หัวใจคล้ายมีมือที่มองไม่เห็นยื่นมาบีบจนเจ็บไปทั้งอกราวกับมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเสียให้ได้ ยิ่งข้อความเหล่านั้นผ่านสายตามากเท่าไหร่ความสงสารก็ยิ่งเพิ่มพูนมากเท่านั้น
ลูอีถูกขายให้ผับแห่งนั้น … เนื่องจากทางบ้านติดหนี้ก้อนโต
ทั้งฐานะทางบ้านตามที่ระบุไว้ก็เข้าขั้นลำบาก เซนเน้นส่วนประวัติส่วนตัวของลูอีเอาไว้ว่าอีกฝ่ายนั้นกำพร้าตั้งแต่เด็ก บิดาและมารดาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ลูอีอายุเพียงสี่ขวบ ก่อนที่จะถูกขายนั้นอายุศัยอยู่กับป้าและต้องเลี้ยงดูน้องสาวอีกสี่คนซึ่งเป็นลูกของพี่สาวของป้า นั่นอาจะเป็นสาเหตุว่าทำไมป้าของลูอีถึงต้องยืมเงินมากมายคงเพื่อนำไปเลี้ยงดูหลานทั้งห้าของตนเอง แต่โชคไม่เข้าข้างเพราะเจ้าหนี้ไม่ใช่พวกพ่อพระอย่างที่คิดไว้ ลูอีถูกพาตัวที่มาผับตั้งแต่ห้าเดือนก่อน จะว่าถูกขายก็ไม่เชิงเพราะระหว่างที่ลูอีถูกกักตัวให้ทำงานที่นั่น ป้าของลูอีก็จะได้รับเงินส่วนหนึ่งค่าตัวของลูอีคืนทุกเดือน สัญญานี้ไม่มีกำหนดตราบใดที่ป้าของลูอียังใช้หนี้ไม่หมดลูอีก็จำต้องทำงานที่นั่นไปเรื่อยๆ
โหดร้ายเกินไปแล้ว
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ร่างสูงเขวี้ยงโทรศัพท์ราคาแพงไปที่เบาะหลังแล้วเหยียบคันเร่งเพื่อเคลื่อนรถให้พุ่งออกจากริมทางตรงไปด้านหน้า ความเร็วของรถแปรตรงกับความรู้สึกในจิตใจที่เดือดพล่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นัยน์เนตรคู่โตคล้ายปรากฏเพลิงอัคคีแห่งโทสะที่พร้อมจะแผดเผ้าทุกสิ่งที่ขวางทาง รถคันหรูถูกมือหนาบังคับให้แซงหน้ารถคันอื่นๆบนถนนจนได้รับเสียงแตรและเสียงกร่นด่าตามหลังมาไกลๆ หากเลียมไม่เพียงแต่จะไม่สนใจ ปลายเท้ายังสนองอารมณ์ด้วยการเหยียบคันแร่งจนแทบมิด จุดหมายปลายทางคือบ้านหลังหนึ่งแถบชานเมืองที่เขาเพิ่งได้รู้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่าเป็น ‘บ้านของลูอี’
…
..
.
ล้อรถหมุนเคลื่อนเหยียบลงบนถนนซีเมนต์ บ้างแตกบ้างเป็นหลุมบ่งบอกสภาพโดยรวมของหมู่บ้านแถบนี้ได้อย่างง่ายดาย เลียมชะรอรถพลางสอดส่องสายตามองภายนอกกระจกฟิล์มทึบ บ้านหลังเล็กหลายหลังหลายรูปแบบเรียงติดกันตามสองข้างทางยาวไปหลายร้อยเมตร เหมือนจะคร่ำคราด้วยผู้คนแต่สิ่งที่เห็นคือชาวบ้านแต่ละคนนั้นต่างสวมเสื้อกางเกงเปื้อนฝุ่นไม่ก็ขาดวิ่นชวนให้คนเห็นรู้สึกหดหู่ใจ รวมกับสภาพภาพหลังน้อยแทบทุกหลังที่มีสภาพซอมซ่อผุพังยิ่งทำให้เลียมสะเทือนในใจ
เขาเกิดมาท่ามกลางคนใช้หลายสิบคน อาศัยในบ้านหลังใหญ่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีเงินใช้ไม่ขาดสายมาตลอดยี่สิบปี … โดยไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่ยังมีคนอีกมากมายต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอย่างไร
และลูอีเป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านี้
รถราคาแพงหยุดหน้าบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งในที่สุดท่ามกลางความสนใจจากชาวบ้านและเด็กบางกลุ่มที่เอาแต่มองมายังเลียมแล้วหันไปซุบซิบกัน ร่างสูงพยายามไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นหลายสิบคู่แล้วตัดสินใจก้าวเดินไปยังประตูไม้สีน้ำตาลที่อ่อนสีตามกาลเวลา โดยไม่ลังเลมือใหญ่ลงมือเคาะเบาๆที่ประตูนั่นตามคำสั่งของหัวใจที่กำลังเต้นรัว
แอ๊ด…
ไม่กี่อึดใจบานประตูก็ถูกเปิดออก หญิงสาววัยกลางคนร่างท้วมในชุดเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเก่าๆค่อยชัดเจนขึ้นทีละนิด
“มาหาใครคะ” เสียงแหบแห้งจากหญิงตรงหน้าเอ่ยถาม โครงหน้าที่เลียมคุ้นเคยจากความทรงจำประกอบด้วยริมฝีปากแห้งผาก หากสิ่งที่ทำให้คนตัวสูงสะดุดตากลับเป็นแก้มที่ซูบตอบและความหมองคล้ำบริเวณใต้ตาบ่งบอกว่าคนตรงหน้าคงทำงานหนักไม่น้อย
“ป้าของลูอี…ใช่ไหมครับ”
ปฏิกิริยาตอบรับของคำถามนี้คือดวงตาสีฟ้าของหญิงกลางคนเบิกกว้าง เธอเงยหน้ามองเลียมด้วยแววตาตื่นตระหนก แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นหมองหม่นพลางหลุบมองต่ำ
“คุณรู้จักลูอีด้วยเหรอ” เสียงหวานแหบพร่าช่างฟังดูเศร้าสร้อยยามเปล่งวาจาสอบถามชวนให้ปวดมวนในอก
ท่าทางตั้งแต่แรกเห็นยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายยอมจำนนต่อความต้องการของจิตใจ คนตัวสูงสบสายตากับนัยน์เนตรสีความารีน อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเจ้าของดวงตาสีเดียวกันนี้หากมีความขื่นข่มมากกว่ายิ่งนัก เรียวปากได้รูปกล่าวด้วยเสียงทุ้มมุ่งมั่น
“ผมบังเอิญเจอเขาที่ร้าน…”
“…ที่ผมมาหาคุณป้าก็เพื่อขออนุญาตช่วยลูอีครับ”
…
..
.
เลียมถูกเชิญป้าของลูอีเชิญให้เข้ามานั่งในบ้านก่อนที่เธอจะผละออกไปเอาน้ำมาให้เขาจนต้องเอ่ยปากว่าจำเป็นต้องต้อนรับขนาดนี้ สภาพโดยรวมของบ้านลูอีแตกต่างจากบ้านของเขาโดยสิ้นเชิง ถ้าเทียบกับเลียมบ้านทั้งหลังของลูอีคงจะใหญ่เพียงแค่ห้องนอนเขาเพียงเท่านั้น ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่พึงมีก็มีแค่น้อยชิ้น ไม่มีเตียงนอนหนานุ่ม…มีเพียงที่นอนสองผืนถูกปูไว้มุมบ้านทับด้วยผ้านวมสีครึอีกสามผืน โทรทัศน์รุ่นเก่าที่เลียมเคยเห็นผ่านตาไม่บ่อยนักวางบนโต๊ะใกล้ผนัง ห้องครัวถูกต่อออกไปจากประตูหลังบ้านที่เปิดอ้า
เห็นความลำบากที่ลูอีและครอบครัวต้องพบเจอแล้วเลียมก็ได้แต่นึกเคืองพระเจ้า
รู้ว่าไม่มีความยุติธรรมในโลกมนุษย์ … แต่ความแตกต่างนี้มากมายเกินไป
เหตุใดท่านถึงไม่เมตตาชีวิตเล็กๆเหล่านี้เลยสักนิด
ความจริงเกี่ยวกับลูอีออกจากปากผู้เป็นป้าให้เลียมที่นั่งฟังอย่างสงบ แน่นอนว่าการแสดงออกนั้นตรงข้ามกับความรู้สึกภายในโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนป้าของลูอียังไม่รู้ว่าหลานของเธอต้องทำงานตำแหน่งอะไร รู้เพียงแค่ว่าที่ที่ลูอีต้องทำงานให้เป็นร้านอาหาร ซึ่งเลียมก็ไม่คิดจะบอกให้เจ้าหล่อนรับรู้หรอก
เป็นเวลานานที่เลียมทำเพียงรับฟังเรื่องราวเงียบๆ ตอบรับบางครั้งบางคราวตามจังหวะที่เหมาะสม นอกจากเขาจะได้รู้เกี่ยวกับลูอีแล้ว เลียมในตอนนี้ยังเปรียบเป็นที่ระบายชั้นยอดเพราะป้าของลูอีที่ดูจะไว้ใจเขาหมดใจทันทีที่เลียมบอกว่าจะช่วยลูอีพูดเรื่องนั่นนี่เขาให้ฟังไม่หยุด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวด้านลบที่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจตาม
เข็มนาฬิกาข้อมือเดินเร่งเวลาจนเข้าใกล้หกโมงทุกขณะ ใจจริงเลียมอยากจะอยู่รอพบน้องสาวของลูอีด้วยแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของไนออลเขาก็ต้องจำใจขอตัวกลับ โดยไม่ลืมให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยลูอีให้ได้และจะกลับมาช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของครอบครัวนี้ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือหญิงวัยกลางคนพร่ำเอ่ยขอบคุณเขาซ้ำๆทั้งน้ำตาอาบแก้ม
จนถึงตอนนี้เลียมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดีว่าทำไมต้องทำอะไรๆเพื่อคนที่รู้จักได้ไม่กี่วัน
แต่ลูกแก้วสีฟ้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าคู่นั้นก็ฝังลึกในจิตใจจนไม่อาจถอนตัวออกมาได้
บางทีมันอาจจะเรียกว่า ‘รัก’
และถ้ามันเกิดขึ้นจริง…เลียมก็คงปล่อยให้มันเป็นไปโดยไม่คิดปิดกั้นความรู้สึกตัวเอง
TBC...
ความคิดเห็น