ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Larry Stylinson] .♡ - Valentine's Day。¦ - [1D Fanfiction]

    ลำดับตอนที่ #3 : 03 - ` Hold On 。 - LiLo Paylinson ❑ [1/2]

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 56


    Supercell




    Hold On

     

     

     

    .Liam Payne & Louis Tomlinson

    .24/12/13

    @puppapxiion

     

     

     

     

     

    *** สามารถเวิ่นลงทวิตได้ด้วยแท็ก #4loveforLOU นะคะ

    อยากอ่านอยากอ่านอยากอ่านอยากรู้ว่ามีคนอ่านง่ะ 555555555555555555555555555555

     

     

     

     

     

     

     

    I promise you never

    Will you hurt anymore..

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

                แก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีขุ่นถูกเจ้าของมือใหญ่กระดกลงคอขณะดวงตาปรายมองไปโดยรอบด้วยความเบื่อหน่าย แม้รอบกายจะเต็มได้ด้วยผู้คนมากหน้าหลายตากำลังโยกย้ายไปตามตังหวะเพลงที่กระทบโสตประสาทหากสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจาก เลียม เพย์น ได้แม้แต่น้อย สาเหตุที่ทำให้เขาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะถูกใครบางคนลากมา และตอนนี้ใครบางคนที่ว่าก็กำลังกอดจูบลูบคลำหญิงสาวร่างอรชรในชุดวาบหวิวอย่างสนุกสนานไม่ได้สนใจเพื่อนสนิทอย่างเลียมเลยสักนิด

     

                ดวงตาสีน้ำตาลเหยียดมองคนตรงข้ามทั้งสองอย่างปลงตก พยายามไม่สนใจแต่สุดท้ายก็รับรู้ทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะตอนที่ริมฝีปากทั้งสองประกบกันหรือแม้กระทั่งตอนที่เพื่อนตัวดีของเขาใช้ความช่ำชองลูบไล้ฝ่ามือไปตามผิวขาวนวลน่าสัมผัสของผู้หญิงบนตัก ซึ่งเจ้าหล่อนก็ดูจะชอบใจไม่น้อยถึงได้คล้องเรียวแขนกับคออีกฝ่ายก่อนจะจรดเรียวปากเปื้อนลิปสีเข้มลงบนข้างแก้ม ไล่เรื่อยมายังปลายคางและสุดท้ายก็กลายจุมพิตแสนหวานอีกรอบเสียอย่างนั้น

     

                นี่แกเรียกฉันออกมาดูแกพลอดรักกับผู้หญิงรึไง โพล่งถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามบอกใบ้ให้มันรู้ว่าเขาหงุดหงิดจะแย่ ดวงหน้าสลักยังเรียบเฉยตรงข้ามกับดวงตาที่จ้องเพื่อนสนิทตนเองไม่วางตา กว่ามันจะเงยหน้ามามองเขาได้เลียมก็ต้องเห็นฉาก Deep Kiss แสนโรแมนติกทำเอารู้สึกยินดีด้วยจนแทบอ้วก -_-

     

                “ก็เห็นวันๆไม่ติดแหง็กอยู่ที่บริษัทก็นั่งงมอยู่กับแฟ้มหนาๆที่มีตัวหนังสือยั้วเยี้ยอย่างกับหนอน นี่ฉันเห็นใจหรอกเลยชวนมารีแล็กซ์นอกสถานที่อย่าทำเป็นบ่น เสียงทุ้มที่เลียมตัดสินแล้วว่ามันกวนประสาทที่สุดในโลกตอบกลับ แต่ไม่วายเจ้าของดวงหน้าคมคายนั่นก็หันไปประทับเรียวปากลงบนพวงแก้มเนียนของหญิงสาวคนเดิมอีกรอบ เห็นแล้วรำคาญลูกตาจนอยากลุกหนี ถ้าไม่ติดว่าเขากับ เซน มาลิค คบกันมาตั้งแต่จำความได้ต่อให้ตายยังไงเลียมก็ไม่มีทางนับคนแบบนี้เป็นเพื่อนหรอกบอกไว้เลย

     

                ลูกผู้พิพากษาแบบแกจะมาเข้าใจอะไรฉัน

     

                เออครับไอ้ลูกเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าโด่งดังสะท้านฟ้าสะเทือนแผ่นดิน อุตส่าห์ออกมาแล้วก็หาเต๊าะสาวซะบ้างเถอะอย่าเอาแต่เก๊ก หรือถ้าผู้หญิงไม่ถูกใจก็มองรอบร้านเอาแล้วกัน อยากได้ตุ๊ดหรือกระเทยก็ถามพนักงานไป ว่าจบเซนก็ไม่รอให้โดนด่ารีบตัดบทโดยการโน้มคอหญิงสาวลงมาแล้วเนรเทศตัวเองเข้าสู่โลกส่วนตัวมีเพียงสองเรา จงใจทำเมินดวงตาสีน้ำตาลของเลียมที่จ้องตนเหมือนซอมบี้หิวกระหายอยากจะกระชากหัวกับตัวของเซนให้ขาดออกจากกัน

     

     

     

                เพื่อนเวร

     

     

     

              สุดท้ายเมื่อโดนถีบหัวส่งชัดเจนแบบนั้นเลียมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้ไอ้บ้าหน้าแขกหมกมุ่นในกามอารมณ์ตามที่มันปรารถนา ร่างสูงภายใต้เสื้อโค้ชตัวหนาและกางเกงสีดำรัดรูปเบือนสายตาออกจากชายหญิงตรงหน้ากวาดมองไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำอีกครั้ง

     

                ภาพพนักงานในเสื้อเชิ้ตสีดำผูกหูกระต่ายปรากฏแก่ดวงเนตรคมโต หากเป็นผู้ชายจะสวมกางเกงสแลคสีดำขณะที่พนักงานหญิงสวมกระโปรงผ้าแก้วสีดำ อย่างที่เซนบอกว่าเลียมไม่ใช่คนเที่ยวบ่อย เวลาส่วนใหญ่ของเขามักจะถูกมอบให้หนังสือเล่มหนาไม่ก็เข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท แต่ถึงกระนั้นเลียมก็ไม่ใช่พวกอ่อนต่อโลกจนดูไม่ออกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้คนมีระดับเข้ามาดื่มหรือสวมหน้ากากเข้าหากันเพียงเท่านั้น นอกจากพนักงานเสิร์ฟที่เดินว่อนเต็มร้านแล้ว ถัดออกไปไม่กี่โต๊ะ ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนพุงพลุ้ยหน้าเห่ยกำลังทำกับหญิงสาวบนตักด้วยการกระทำเดียวกับเซนไม่มีผิดเพี้ยน

     

                ที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นทางแยกที่ถูกปิดด้วยม่านกำมะหยี่สีทึบดูหรูหราที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของร้าน มีพนักงานในเครื่องแบบเดียวกันยืนประจำสองข้าง คอยตรวจคนเข้าออกม่านนั่นราวกับว่าข้างในเป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่ามหาศาล แต่ละคนที่ผ่านเข้าไปในม่านหรูนั้นได้ล้วนดูออกได้ไม่ยากว่าต่างก็เป็นผู้มีฐานะและมีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจที่มาที่นี่เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง

     

     

              ขายบริการ

     

     

              คิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวระอากับสังคมสกปรกรอบกาย ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกไม่นานหลังจากเรียนจบเลียมต้องเข้ามาข้องแวะกับวงการนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางทีการที่เซนชวนเขาออกมาวันนี้คงเป็นการปูพื้นฐานให้เขาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เผื่ออนาคตอันใกล้

     

                เรียวมือกว้างคว้าแก้วทรงสูงที่ถูกเติมแอลกอฮอล์โดยพนักงานไปเมื่อครู่ขึ้นแล้วจรดมันกับริมฝีปากอีกคราขณะในหัวยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับภาพตรงหน้าไม่ตก ไม่เข้าใจว่าคนพวกนั้นต้องขาดแคลนอะไรมากมายถึงต้องมาใช้บริการถึงที่นี่ แต่สิ่งที่เลียมใคร่รู้มากกว่าคือความนึกคิดของคนที่อยู่หลังม่านสีทึบนั่นต่างหาก ชีวิตหมดหนทางแล้วรึไงถึงได้ละทิ้งศักดิ์ศรีและมอบร่างกายตนเองให้คนมากตัณหาพวกนั้นใช้มือสกปรกสัมผัสเชยชมได้สมดั่งใจ

     

     

     

     

     

     

    ..

     

     

     

    .

     

     

     

                พลัน.. ดวงตาคมโตที่เต็มไปด้วยแววดูแคลนก็เป็นต้องหรี่เล็กเมื่อม่านสีทึบถูกเปิดออกโดยพนักงานทั้งสอง ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะโผล่พ้นม่านนั่นให้ร่างสูงประจักษ์แก่สายตา

     

                ดวงหน้าหวานภายใต้แสงสลัวสะท้อนเด่นชัดภายในนัยน์ตาสีน้ำตาล กลุ่มผมยาวสีอ่อนระต้นคอยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเสริมให้ใครคนนั้นโดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมาย จมูกโด่งรั้นและกลีบปากบางเป็นองค์ประกอบอันลงตัวเข้ากับโครงหน้าได้รูป ร่างกายถูกสวมด้วยเสื้อไหมพรหมสีเทาตัวโคร่งยาวจนแทบปิดทับกางขาสั้นสีขาวเผยให้เห็นเพียงเรียวขาไล่ลงมายันเท้าเปล่าที่ไม่แม้แต่จะมีถุงเท้าสวมอยู่

     

                เลียมวางแก้วในมือลงบนทั้งยังไม่ละสายตาไปจากคนตัวเล็กตรงหน้า หากก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพนักงานหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีดำคนหนึ่งเดินตรงเข้าไปหาก่อนที่ทั้งคู่จะพูดคุยอะไรบางอย่างและจบลงด้วยเจ้าของดวงหน้าหวานจับมือของพนักงานคนนั้นแน่นด้วยท่าทางอ้อนวอนจนน่าสงสาร เลียมเห็นว่าพนักงานหนุ่มผมสีบลอนด์ที่คาดคะเนจากสายตาอายุคงไม่มากไม่น้อยไปกว่าเขาปั้นหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

     

                ทว่าก่อนที่คนทั้งคู่จะได้พูดคุยอะไรกันต่อ ชายสูงอายุร่างสูงใหญ่คนหนึ่งก็ปราดเข้าไปคว้าข้อมือคนตัวเล็กนั่นแล้วทำท่าจะลากให้เข้าไปหลังม่านด้วยกัน ไม่สนใจว่าร่างในอุ้งมือจะร้องปฏิเสธและพยายามยื้อตนไว้เพียงใด

     

                ราวกับว่าร่างกายทำงานไม่สัมพันธ์กับสมอง เพราะรู้ตัวอีกที เลียมก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสามเสียแล้ว

     

                และนั่นทำให้เขาได้ยินบทสนทนาชัดเจน

     

                ไนออลเอาเขาออกไป!” เสียงหวานแหบพร่าร้องลั่น มือพลางคว้ามือของไนออลไว้มั่นหวังใช้เป็นหลักยึดไม่ให้ร่างตนเองโดนชายแก่ร่างสูงดึงเข้าหลังม่าน

     

                ลูกแก้วกลมโตสีอความารีนที่ช้อนมองเพื่อนพนักงานด้วยแววอ้อนวอนยังไม่ตราตรึงเท่าความหวาดกลัวที่ปรากฏเด่นชัดในดวงตา เรียวแขนพยายามสะบัดมือหยาบกร้านออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีแต่ดูเหมือนจะน้อยนิดเกินไป นอกจากจะไม่ทำให้ชายสูงวัยคนนั้นปล่อยแล้วร่างเล็กยังถูกกระชากอย่างแรงจนมือน้อยที่ยึดจับไนออลเอาไว้หลุดออกอย่างรวดเร็ว

     

              และเป็นอีกครั้งที่ร่างกายปฏิบัติโดยไม่สนคำสั่งจากสมอง

     

                เลียมแทบจะถลาไปคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนที่จะคนตัวเล็กจะหายลับไปจากสายตา

     

               

     

    นายขายเท่าไหร่

     

     

    เอ่ยถามโดยไม่สนใจพนักงานคนอื่นที่เริ่มมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น มือใหญ่จับข้อมือคนตัวเล็กไว้แน่น ขายาวก้าวไปด้านหน้าใช้กายที่สูงกว่าของตนบังร่างเล็กเอาไว้ขณะมืออีกข้างเอื้อมไปผลักชายสูงวัยให้ถอยห่าง

     

    ถามอะไรของแกวะ ส่งเด็กนั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!” ตะหวาดพร้อมร่างสูงใหญ่ปรี่เข้ามาหมายจะจับตัวคนด้านหลัง แต่เลียมก็ไวพอที่จะดึงให้คนตัวเล็กหลบห่าง ดวงตาสีน้ำตาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันเจตนา

     

     

     

    ฉันจะจ่ายให้นายสองเท่ากับที่ลุงนี่จ่าย

     

     

     

     

     

     

    เพราะฉะนั้นคืนนี้นายต้องนอนกับฉัน

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

    I will take you in my arms

    And hold you right where you belong..

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

              บานประตูถูกปิดลงกลอนหลังจากเลียมพาเจ้าของร่างเล็กเข้ามาในห้องได้สำเร็จ มืออุ่นปล่อยข้อมืออีกฝ่ายให้เป็นอีกสระ ดวงตามองตามคนตัวเล็กที่ก้าวถอยหลังคล้ายจะหลีกหนีจากเขาไปยังปลายเตียงที่ถูกคลุมด้วยผ้าปูสีสวย

     

                เลียมหรี่ตาครั้นเห็นท่าทางของคนตรงหน้า กายเล็กสั่นระริกราวเห็นเขาเป็นฆาตกรที่มาพร้อมคมมีด เช่นเดียวกับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความหวาดระแวง มือเล็กทั้งสองข้างกำชายเสื้อตนเองแน่น

     

                มันไม่ใช่ลักษณะของคนขายบริการ

     

                แม้จะฉงนใจหากคนตัวสูงก็เลือกที่จะค่อยสาวเท้าเข้าใกล้ เสียงนุ่มเปล่งแผ่วเบาอย่างใจเย็น

     

                ฉันไม่ได้จะทำอะไรนายว่าจบก็หยุดนิ่งโดยเว้นระยะห่างไว้เพียงนิด คอยสังเกตคนตัวเล็กที่ยังคงมองมาอย่างระแวดระวัง หากสิ่งที่สะดุดตากลับเป็นรอยช้ำวงใหญ่ที่ต้นขาซ้าย ยิ่งเพ่งดีๆก็ยิ่งเห็นว่าตามเรียวขาเต็มไปด้วยรอยช้ำเล็กๆ

     

                ชื่ออะไร เลียมเก็บความสงสัยทุกอย่างไว้ในใจตัดสินใจเอ่ยถามทั้งยังเคลื่อนกายสูงเข้าหาอีกฝ่ายอย่างค่อยเป็นค่อยไป

     

    ลูอีฉันชื่อลูอี…” เสียงที่เอ่ยออกมาหวานหูหากสั่นเครือและแหบพร่าเรียกความรู้สึกบางอย่างให้ตีตื้นขึ้นมาอย่างชัดเจนในความรู้สึกของผู้รับฟัง และไม่ว่าจะด้วยเหตุใด แต่วินาทีต่อมาแขนแข็งแรงก็เอื้อมไปรั้งร่างที่สั่นสะท้านให้เข้าใกล้ ก่อนอ้อมกอดอบอุ่นจะโอบประครองคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ราวเป็นสิ่งล้ำค่า

     

     

     

    อ่อนแอและบอบบาง

     

     

                ร่างของลูอีเกร็งขึ้นมาทันทีที่เขาดึงมาประชิดอกกว้าง มือใหญ่จึงค่อยแนบลงบนศีรษะก่อนลูบกลุ่มผมนุ่มไปมาคล้ายเป็นการปลอบประโลม แขนอีกข้างกระชับเอวบางให้ใกล้ชิดกายสูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อบ่งบอกความแข็งแรง

     

                กระแสเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยข้างใบหู

     

                ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ทำอะไรนาย

     

                แม้เพียงแผ่วเบา แต่แสนหนักแน่น

     

    ฉันสัญญา

     

                แค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับเหตุผลที่ทำให้คนในอ้อมกอดซุกดวงหน้าหวานลงกับอก เรียวแขนยกขึ้นกอดตอบคนตัวโตราวกับกระต่ายน้อยท่ามกลางอาการหนาวเหน็บที่กำลังโหยหาไออุ่น เลียมโอบรัดกายบอบบางแนบแน่นจนคล้ายกับว่าลูอีจะจมหายไปกับแผ่นอกของเขา ยิ่งใกล้ชิดก็ยิ่งรับรู้ได้ว่าคนในอ้อมกอดสั่นเทิ้มจนน่าสงสาร แต่เลียมก็ทำอะไรไม่ได้มากด้วยไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงการประครองให้คนตัวเล็กนั่งลงบนเตียงนุ่มด้วยกันทั้งมือเล็กนั่นยังกำชายเสื้อของเลียมไว้แน่น และมืออบอุ่นคู่เดิมก็ยังคงลูบไล้ไปตามเส้นผมนุ่มอย่างอ่อนโยน

     

                หลังจากเลียมทำแบบนั้นอยู่ครู่ใหญ่อาการของลูอีก็สงบลง จนตอนนี้คนตัวเล็กนั่นผละออกจากอ้อนกอดของเลียมถดกายออกห่างแล้วนั่งก้มหน้าก้มตา มือก็เอาแต่ดึงเสื้อไหมพรหมตัวโคร่งลงมาให้มันบดบังเรียวขาที่เต็มไปด้วยรอยช้ำของตนให้พ้นจากสายของเลียมที่นั่งมองอยู่ไม่ไกล

     

    ความจริงแล้วลูอีไม่ได้ดูบริสุทธิ์ไปกว่าคนอื่นๆในสถานเริงรมย์แห่งนี้ หากบางสิ่งบางอย่างทำให้เลียมรู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างแตกต่าง แต่เขาไม่รู้หรอกว่าสิ่งนั้นคืออะไร เช่นเดียวกับคำตอบของคำถามที่ว่าทำไมถึงได้กอดอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกอยากปกป้องเสียมากมายขนาดนั้น

     

                เขาก็แค่ทำตามความรู้สึก

     

                และถ้าความรู้สึกบอกมาว่า อยากปกป้องคนคนนี้ เลียมก็คงต้องทำแบบนั้น

     

                แต่ไม่ว่าจะยังไงความสงสัยมากมายในตัวลูอีที่ตีกันวุ่นวายอยู่ในหัวก็คงถึงเวลาแล้วที่คำถามเหล่านั้นจะได้รับคำตอบ ร่างสูงใช้เวลาไม่นานกับการเรียบเรียงคำพูดให้ดูเหมาะสมก่อนเสียงนุ่มจะเอ่ยผ่านริมฝีปาก

     

                เมื่อกี้ ทำไมนายถึงไม่อยากไปกับลุงนั่นล่ะ

     

                ดวงตาสีฟ้าปรายมองมาเพียงนิดก่อนดวงหน้าหวานจะก้มต่ำฝังจุดจับจ้องลงบนพื้นพรมดังเดิม

     

    เขาเมาแล้วฉันฉันฉันเพิ่งจะ ฉันไม่อยากนอนกับคนเมาพวกเขาชอบทำให้ฉันเจ็บ…” กระนั้นสุ่มเสียงหวานบางเบาก็ยังมีน้ำใจเอ่ยตอบพอให้เลียมสบายใจขึ้นมาบ้าง แม้จะติดขัดและสั่นเครือจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์แต่เลียมก็พอจับใจความได้ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมตามเรียวขาของลูอีถึงได้มีแต่รอยฟกช้ำ

     

    มือใหญ่กำแน่นโดยไม่รู้ตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ความโกรธแค้นปรากฏชัดเจนในห้วงความรู้สึก

     

    สิ่งเดียวที่คิดมีเพียงคำถามว่าทำไมลูอีถึงได้ยอมให้คนพวกนั้นทำร้ายขนาดนี้

     

    ทั้งที่คนคนนี้ สูงค่าเกินกว่าจะโดนกระทำเลวทรามแบบนั้น

     

    นายฉันคือ….คืนนี้ฉันคงบริการนายไม่ได้…” เสียงหวานแผ่วเรียกให้คนตัวสูงหลุดจากภวังค์ เมื่อผินดวงหน้าก็พบว่าลูอีกำลังมองมาทางเขา เป็นอีกครั้งทีภายในลูกแก้วสีอความารีนคู่นั้นเต็มไปด้วยประกายอ้อนวอนระคนโศกเศร้า

     

    “…”

     

    “…คราวหน้าถ้าถ้านายมาก็ไม่ต้องจ่ายแต่วันนี้ฉันฉันคือฉัน…”

     

    ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นหรอกน่า ฉันไมได้จะฆ่านายนะว่าติดตลกเพราะเห็นว่าเสียงของอีกฝ่ายสั่นมากขึ้นเรื่อยๆจนเลียมแทบจับใจความไม่ได้ ลูอีสบดวงตาคู่สวยกับดวงตาของเขาก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

     

    ฉันเพิ่งให้บริการอีกคนไปฉันเหนื่อย...นายฉันขอโทษแต่ถ้านายต้องการจริงๆไปหาคนอื่นก่อน….”

     

    ไม่เป็นไร

     

    ตัดบทด้วยเสียงเรียบเฉยก่อนถือวิสาสะเคลื่อนกายเข้าใกล้แล้วคว้าคนตัวบางมาเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง ไม่สนใจอาการขัดขืนใดๆของลูอีหนำซ้ำเรียวแขนยังรัดแน่นมากกว่าเดิม

     

    และไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น ร่างสูงก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มทั้งยังมีคนตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขน มือเรียวข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบเอาผ้าห่มผืนใหญ่แล้วจัดการคลี่มันคลุมทั้งร่างของเขาและลูอี ลำแขนวาดพาดผ่านรอบเอวบางพลางกอดกระชับ ไม่ลืมกดให้ใบหน้าหวานที่ฉายชัดถึงความอ่อนล้าซบลงกับอกอุ่นของตนขณะแนบสัมผัสกับกลุ่มผมนุ่มที่เผลอสูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอดอย่างลืมตัว

     

    ทำอะ..”

     

                “ความจริงแล้วฉันไม่ได้ต้องการให้นายบริการฉันหรอก ฉันแค่เห็นว่านายไม่ชอบลุงนั่นก็เลยอยากช่วย

     

                “นาย…”

     

                “ถ้าฉันไปก็จะมีคนซื้อนายอีก เกิดคนนั้นเป็นพวกบ้าเซ็กส์ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนนายก็ต้องบริการเขาอยู่ดีใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นคืนนี้ฉันจะอยู่นี่แหละ ค่าตัวสองเท่าของนายมันคงจะพอซื้อตัวนายได้ถึงเช้าใช่ไหม

     

                “…”

     

                “เหนื่อยไม่ใช่เหรอ นอนสิ ฉันสัญญาแล้วไงว่าฉันไม่ฆ่านายหรอก

     

    เลียมกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆทำราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก สวนทางกับการกระทำโดยสิ้นเชิงเนื่องจากแขนแข็งแรงยังคงตระกองกอดร่างบอบบางเอาไว้เพื่อให้คนตัวเล็กมั่นใจว่าอ้อมกอดนี้สามารถดูแลปกป้องจากอันตรายทั้งปวงได้

     

    ลูอีไม่พูดอะไรหลังจากนั้น มีเพียงลมหายใจที่ถูกผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วอาจจะด้วยด้วยความอ่อนเพลียหรืออะไรก็แล้วแต่ ขณะที่ความคิดมากมายในหัวของเลียมเริ่มวิ่งวุ่นอีกครั้งสร้างความสับสนจนเขาเองยังรู้สึกหงุดหงิด

     

    ในห้วงคำนึงเพียรถามไถ่ว่าเหตุผลของการกระทำไร้ที่มาเหล่านี้คือสิ่งใด

     

    เลียมก็ได้แต่ตอบกลับไปตามที่ใจนึกว่า เหตุผลคืออยากดูแลและปกป้อง

     

     

     

     

     

     

    มันก็แค่นั้น  

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     I'll be your strength

    I'll give you hope

    Keeping your faith when it's gone..

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

    เลียมรู้สึกเหมือนเขาใกล้จะเป็นโรคประสาท

     

    ร่างสูงสมส่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ราคาแพง ตรงหน้าเป็นโต๊ะไม้ขัดมันหรูหรา บนโต๊ะมีแฟ้มเล่มบางหากบนหน้ากระดาษกลับเต็มไปด้วยตัวเลขมากมายที่เป็นคนอื่นก็คงหัวแตกตายหลังจากนั่งจ้องมันได้สิบวินาที แต่ไม่ได้กับเลียม เพย์นที่มีศักดิ์เป็นถึงทายาทคนเดียวของบริษัทแบรนด์เนมชื่อดังที่จำเป็นอย่างมากต้องศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจเอาไว้เพื่อใช้บริหารกิจการต่อเมื่อถึงเวลา อย่างที่เซนเคยบอกว่าวันๆเขาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตานั่งศึกษารายละเอียดพวกนี้ซึ่งแน่นอนว่าเลียมเต็มใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้วและเขาก็รักกิจกรรมนี้ของตนเองมาก

     

    แต่นั่นมันก่อนที่เขาจะเจอกับลูอีที่สถานบันเทิงเมื่อสามคืนก่อน

     

                จำได้ว่าคืนนั้นเลียมนอนกอดคนตัวเล็กนั่นไว้ทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งเช้าที่มีพนักงานมาเคาะประตูเรียกนั่นแหละถึงได้ตื่น ลูอีถูกพนักงานสองคนพาไปยังห้องด้านในสุดทั้งสภาพไข้ขึ้นและตัวร้อนจัด ความจริงเลียมอยากจะตามไปดูแต่ก็ถูกเชิญ(ความจริงคือไล่ทางอ้อม)ให้ออกมาก่อน เขายังจำได้ดีว่าครั้งสุดท้ายที่สบกับดวงเนตรคู่หม่นหมองนั้นเป็นอย่างไร

     

                สายตาของลูอีที่ทอดมองมาหากไม่เข้าข้างตัวเองมากเกิน เลียมคิดว่าสายตาแบบนั้นคล้ายกับว่าลูอีอยากจะรั้งเขาเอาไว้ทั้งที่สองเท้ายังก้าวตามแรงผลักของไนออลที่ดันแผ่นหลังบางด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก ทั้งที่เลียมอยากจะทำมากกว่านั้นแต่สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงการสื่อสารผ่านสายตาว่าเขาจะกลับมาหาอีกแน่นอน ก่อนที่ม่านสีทึบจะทำหน้าที่เสมือนประตูบ้านใหญ่กั้นคนทั้งสองให้ห่างไกลกัน

     

                แต่จนถึงตอนนี้เลียมก็ยังไม่ได้กลับไปที่นั่นตามที่บอก

     

                สองวันมานี่เขามีทั้งสอบและยังต้องติดสอยห้อยตามพ่อไปคุยธุรกิจกับผู้บริหารคนอื่นอีกจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหนต่อไหน จนกระทั่งตอนนี้ที่จำต้องนั่งให้ความสำคัญกับกระดาษแผ่นบางมีตัวเลขชวนอ้วกก็เพราะเขาต้องลองประเมินตลาดหุ้นให้พ่อดู คือถ้าเป็นปกติเลียมก็คงเต็มใจทำหรอก

     

                คงไม่เป็นอะไรหากไม่ใช่เพราะตอนนี้ชื่อของลูอีและแววตาเศร้าสร้อยสีฟ้าคู่นั้นเอาแต่วนเวียนเต็มมโนสำนึกของเขาไปหมด

     

     

     

              เป็นห่วง

     

     

     

                มั่นใจว่าตนเองรู้สึกเช่นนั้น เลียมตัดสินปิดแฟ้มก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง เสื้อประจำมหาลัยถูกปล่อยชายสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวราคาแพงที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจากเซนเมื่อสองสามเดือนก่อน มือคว้าเอาโทรศัพท์เครื่องบางพลางแตะนิ้วโป้งใหญ่ลงบนหน้าจอแบนราบ ค้นหารายชื่อบุคคลที่คุ้นเคยก่อนเอามันแนบใบหู

     

                และเพียงไม่นานเสียงเข้มจากปลายก็ดังกระทบโสตประสาท

     

                [หล่อรับสาย]

     

                “เมื่อไหร่แกจะเลิกหลงตัวเองสักทีด่าแบบไม่จริงจังทั้งรอยยิ้มขบขันยังปรากฏบนดวงหน้าสลัก ได้ยินเซนหัวเราะร่าตอบกลับมา

     

                [หลงอะไรพูดความจริงไม่ผิดเว้ย ว่าแต่โทรมาทำไม]

     

                “มีเรื่องให้ช่วย

     

                [ว่าแล้วเชียว แกไม่เคยโทรหาฉันเพราะคิดถึงหรอกมันน่าน้อยใจนะเนี่ย]

     

                “เออน่า แกช่วยหาประวัติใครบางคนให้หน่อยได้ไหม]

     

                [ใครวะ]

     

                “พนักงานผับที่แกพาฉันไปวันนั้น ชื่อลูอีบอกจุดประสงค์ไปตามต้องการ เขารู้ว่าการสืบสาวประวัติคนอื่นโดยพลการแบบนี้ไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้องนัก แต่ดวงตาประกายโศกเศร้ากับท่าทางหวาดกลัวเหล่านั้นยังคงติดตรึงในความทรงจำ ลูอีไม่ได้ดูมีความสุขกับงานที่เจ้าตัวทำเลยสักนิด

     

                พาลให้สงสัยว่าเหตุใดเจ้าของร่างกายบอบบางน่าทะนุถนอมนั่นเหตุใดถึงได้ยอมทำงานแบบนั้น

     

                [อยากรู้ไปทำไมวะ]

     

                “เอาเป็นว่าหาให้ก่อนแล้วจะบอก ขอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ส่งให้ทางเมล์นะ ขอบใจมากว่ะ] ว่าจบก็กดตัดสายเพราะรู้ว่าคุยต่อไปมีหวังเซนได้ซักไซ้อีกยาว

     

                เลียมเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องบางใส่กระเป๋ากางเกง มือกว้างหยิบเอากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถก่อนจ้ำอ้าวออกจากห้อง ลงบันไดสีสบายตาผ่านห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่มีจุดเด่นคือชุดโต๊ะรับแขกดูมีราคา ส่งเสียงทักทายคุณป้าแม่บ้านที่เห็นตั้งแต่จำความได้พร้อมฝากข้อความถึงพ่อว่าจะออกไปข้างนอกไม่ต้องโทรตาม ส่วนตลาดหุ้นที่ต้องวิเคราะห์ขออนุญาตส่งช้าวันสองวัน

     

                ร่างสูงสมส่วนส่งตัวเองเข้ามานั่งในรถ Audi R8 สีดำที่ได้เป็นของขวัญเนื่องจากเลียมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตามความคาดหวัง ก่อนเขาจะเหยียบคันเร่งให้รถคันหรูพุ่งทะยานพ้นจากอาณาเขตบ้านก่อนเข้าสู่ถนนใหญ่ที่เวลานี้ยังมีรถไม่มากนักเพราะนาฬิกาบนข้อมือบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งจะบ่ายสองสี่สิบห้านาที

     

                เส้นทางเดิมกับที่เลียมเคยผ่านเมื่อสองวันก่อนค่อยประจักษ์แก่สายตาสีน้ำตาทีละนิด จนในที่สุดป้ายร้านอาหารกึ่งผับก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้า ในเวลานี้ประตูร้านที่เลียมจำได้ว่าสองคืนก่อนมันปิดสนิทคล้ายไม่ต้องให้คนภายนอกรับรู้เรื่องราวภายในกลับถูกเปิดออกให้เห็นภายในร้าน คนตัวสูงกดล็อครถอัตโนมัติก่อนขายาวใต้กางเกงยีนส์เอวต่ำจะก้าวผ่านธรณีประตูเข้าสู่ตัวร้าน

     

                แม้โดยรวมภายในร้านจะไม่ต่างอะไรจากเวลากลางคืนมากนัก แต่หากมองผิวเผินก็ดูเป็นเพียงร้านอาหารทั่วไป ใครเลยจะรู้ว่ายามราตรีที่แห่งนี้มีอะไรโสมมมากมายกว่าที่เห็นนัก

     

                กี่ที่ครับ พนักงานชายคนหนึ่งในชุดรูปแบบเหมือนเดิมเดินเข้ามาถาม เลียมกวาดสายตามองรอบร้านหวังจะเห็นลูอีอยู่ที่ใดสักที่ แต่ผลก็คือเขาเห็นเพียงพนักงานกับคนในชุดทำงานนั่งทานอาหารกันอยู่ห้าหกโต๊ะ

     

                ตอนนี้เป็นเวลาขายรึเปล่า เมื่อไม่เห็นคนที่ต้องการพบ วงหน้าหล่อเหลาก็ผินกลับมาถามกลับเสียงเบาให้พอได้ยินกันแค่สองคน ไม่นำพาต่อใบหน้ามึนงงของพนักงานหนุ่มที่เอื้อนตอบเสียงติดขัด

     

                ก็ขายครับแต่ว่า…”

     

                “ฉันซื้อลูอี พาฉันไปหาเขาเสียงทุ้มกล่าวแทรก ช่วงขายาวพลางก้าวเดินอีกครั้ง จุดหมายคือม่านสีทึบผืนเดิมที่คุ้นตา จังหวะเดียวกับที่แขนแข็งแรงเอื้อมออกหมายจะเปิดม่านออกมือสองคู่จากพนักงานชายสองคนก็รั้งแขนหยุดการกระทำของเขาเอาไว้ทำให้เลียมขมวดคิ้วตวัดสายตามองอย่างหัวเสีย

     

                อะไร

     

                “ลูอีให้บริการตอนนี้ไม่ได้ครับ

     

                “ฉันจ่ายสามเท่า ฉันต้องการลูอีเดี๋ยวนี้!” เอ่ยเสียงดังแล้วออกแรงสะบัดแขนออกจากการควบคุม หากยังไม่ทันได้แตะถึงม่านใครบางคนก็ปรี่เข้ามายืนจังก้าบังเขาเอาไว้

     

                เด็กหนุ่มเจ้าของผมสั้นสีบลอนด์รุ่นราวน่าจะคราวกับเลียมในชุดพนักงานอย่างที่เลียมเคยเห็นเมื่อสองคืนก่อน ดวงตาสีฟ้าเฉกเช่นเดียวกับลูอีแต่กลับดูสว่างไสวไม่หม่นหมองเหมือนคนตัวเล็กนั่น ถ้าเลียมจำไม่ผิดคนตรงหน้าน่าจะชื่อไนออล

     

                เดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง ไนออลหันไปบอกเพื่อนพยักงานซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับพร้อมเดินจากไปแต่โดยดี นัยน์เนตรสีฟ้ากลมโตหันกลับมาสบกับลูกแก้วสีน้ำตาที่บัดนี้ยังลุกโชนตามแรงอารมณ์ เลียมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเขาถึงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้เพียงเพราะไม่ได้พบลูอีทั้งที่ปกติค่อนข้างรู้ตัวว่าเป็นคนใจเย็น แต่คำตอบที่ชัดเจนในหัวก็เป็นคำตอบเดียวกับสาเหตุที่ทำให้เขารีบบึ่งรถมาที่นี่

     

                เป็นห่วงลูอี

     

    เป็นห่วงมากมาก

     

                พนักงานหนุ่มเดินนำไปยังโต๊ะมุมสุดของร้าน เลียมพยายามสงบสติอารมณ์เดินตามโดยไม่ถามไถ่ก่อนที่เขาจะถูกเชิญให้นั่งลงบนเก้าอี้เหล็กสีดำและไนออลก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม มือขาวทั้งสองข้างของอีกฝ่ายค่ำกับโต๊ะ เงยหน้าสบดวงตากับเลียมด้วยประกายแปลกๆในนัยน์ตา

     

                “คุณที่วันนั้นอยู่กับลูถึงเช้าใช่มั้ย

     

                ใช่ฉันเอง นายมีอะไรรึเปล่า

     

                “ผมเห็นวันนั้นคุณซื้อลูด้วยเงินสองเท่างั้นคุณก็มีเงินเยอะ ผมเข้าใจถูกใช่มั้ยคำถามที่ฟังดูแคลนผิดไปจากดวงตาเจ้าของประโยคเมื่อครู่ที่เอาแต่จ้องเขาไม่วางตา ไนออลกัดริมฝีปากขณะใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังคาดคั้นเอาคำตอบจากเขา

     

                ความหวังงั้นเหรอ

     

                ทำไมต้องมองด้วยแววตามีความหวังขนาดนั้น

     

                นายถามทำไม

     

                “ตอนนี้ลูต้องดูแลบอสใหญ่ให้บริการไม่ได้ แต่คุณช่วยกลับมาที่นี่อีกทีตอนหกโมงเย็นได้รึเปล่า ไนออลเลี่ยงที่จะตอบคำถามแต่ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังขอร้องเขาไม่ต่างอะไรไปจากดวงตาสีน้ำทะเลนั่น ยิ่งก่อความสงสัยภายในจิตใจอยากจะเอ่ยถามให้รู้แล้วรู้รอด

     

                เกิดอะไรขึ้นกับลูอี

     

                “ตอนนี้คุณต้องกลับไปก่อน ผมจะรอคุณยู่ที่นี่ตอนหกโมงเย็นนะ ได้โปรดมาให้ตรงเวลา ผมขอร้องล่ะถือว่าทำเพื่อลูไม่ว่าเปล่า คนตรงข้ามลุกขึ้นยืนก่อนดึงให้เขาลุกตามแล้วดันเลียมออกจากร้านหน้าตาเฉยไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเขา มีเพียงการมองมาด้วยแววตาแห่งความหวังเท่านั้นก่อนที่ไนออลจะผละกลับเข้าไป

     

                ไม่เข้าใจ

     

                ตอนนี้เลียมไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

     

                สิ่งเดียวที่มั่นใจมีแค่ความรู้สึกมากมายที่ตีตื้นจนแทบล้นอก

     

                ความรู้สึกที่พ่อกับแม่สอนเสมอว่ามันเรียกว่า ความห่วงใยและโหยหา

     

                แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ามันเกิดกับคนที่ได้เจอเพียงครั้งเดียวได้อย่างไร

     

                ซ้ำร้ายคนคนนั้นยังเป็นเจ้าของร่างกายบอบบางที่เลียมไม่อาจรู้ได้เลยว่าผ่านมือใครต่อใครมาแล้วกี่คน

     

                แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้นเลียมกลับสัมผัสได้ถึงหัวใจบริสุทธิ์ภายใต้ร่างเนื้อเปื้อนราคีนั่น

     

    และจิตใจก็กรีดร้องแสดงเจตนารมณ์อย่างบ้าคลั่ง .. ปรารถนาจะครอบครองร่างกายนั้นทั้งที่ไม่ควร

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

    When the visions around you

    Bring tears to your eyes

    And all that surround you

    Are secrets and lies

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     

     

     

     

              ดวงเนตสีน้ำตาลคมโตไล่ตามข้อมูลบนหน้าจอแบนราบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในมือ ตัวอักษรนับร้อยปรากฏแต่สายตาผ่านการประมวลของสมองกลั่นกรองเป็นความคิดที่ผสมปนเปกันภายในหัว ริมฝีปากหยักเม้มแทบเป็นเส้นตรง คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันทุกขณะ

     

                ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้จากข้อมูลที่เซนส่งมาให้ทำเอาเลียมหายใจติดขัด หัวใจคล้ายมีมือที่มองไม่เห็นยื่นมาบีบจนเจ็บไปทั้งอกราวกับมันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเสียให้ได้ ยิ่งข้อความเหล่านั้นผ่านสายตามากเท่าไหร่ความสงสารก็ยิ่งเพิ่มพูนมากเท่านั้น

     

                ลูอีถูกขายให้ผับแห่งนั้นเนื่องจากทางบ้านติดหนี้ก้อนโต

     

                ทั้งฐานะทางบ้านตามที่ระบุไว้ก็เข้าขั้นลำบาก เซนเน้นส่วนประวัติส่วนตัวของลูอีเอาไว้ว่าอีกฝ่ายนั้นกำพร้าตั้งแต่เด็ก บิดาและมารดาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ลูอีอายุเพียงสี่ขวบ ก่อนที่จะถูกขายนั้นอายุศัยอยู่กับป้าและต้องเลี้ยงดูน้องสาวอีกสี่คนซึ่งเป็นลูกของพี่สาวของป้า นั่นอาจะเป็นสาเหตุว่าทำไมป้าของลูอีถึงต้องยืมเงินมากมายคงเพื่อนำไปเลี้ยงดูหลานทั้งห้าของตนเอง แต่โชคไม่เข้าข้างเพราะเจ้าหนี้ไม่ใช่พวกพ่อพระอย่างที่คิดไว้ ลูอีถูกพาตัวที่มาผับตั้งแต่ห้าเดือนก่อน จะว่าถูกขายก็ไม่เชิงเพราะระหว่างที่ลูอีถูกกักตัวให้ทำงานที่นั่น ป้าของลูอีก็จะได้รับเงินส่วนหนึ่งค่าตัวของลูอีคืนทุกเดือน สัญญานี้ไม่มีกำหนดตราบใดที่ป้าของลูอียังใช้หนี้ไม่หมดลูอีก็จำต้องทำงานที่นั่นไปเรื่อยๆ

     

                โหดร้ายเกินไปแล้ว

     

                ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ร่างสูงเขวี้ยงโทรศัพท์ราคาแพงไปที่เบาะหลังแล้วเหยียบคันเร่งเพื่อเคลื่อนรถให้พุ่งออกจากริมทางตรงไปด้านหน้า ความเร็วของรถแปรตรงกับความรู้สึกในจิตใจที่เดือดพล่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นัยน์เนตรคู่โตคล้ายปรากฏเพลิงอัคคีแห่งโทสะที่พร้อมจะแผดเผ้าทุกสิ่งที่ขวางทาง รถคันหรูถูกมือหนาบังคับให้แซงหน้ารถคันอื่นๆบนถนนจนได้รับเสียงแตรและเสียงกร่นด่าตามหลังมาไกลๆ หากเลียมไม่เพียงแต่จะไม่สนใจ ปลายเท้ายังสนองอารมณ์ด้วยการเหยียบคันแร่งจนแทบมิด จุดหมายปลายทางคือบ้านหลังหนึ่งแถบชานเมืองที่เขาเพิ่งได้รู้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่าเป็นบ้านของลูอี

     

     

     

     

     

     

    ..

     

     

     

    .

     

     

     

                ล้อรถหมุนเคลื่อนเหยียบลงบนถนนซีเมนต์ บ้างแตกบ้างเป็นหลุมบ่งบอกสภาพโดยรวมของหมู่บ้านแถบนี้ได้อย่างง่ายดาย เลียมชะรอรถพลางสอดส่องสายตามองภายนอกกระจกฟิล์มทึบ บ้านหลังเล็กหลายหลังหลายรูปแบบเรียงติดกันตามสองข้างทางยาวไปหลายร้อยเมตร เหมือนจะคร่ำคราด้วยผู้คนแต่สิ่งที่เห็นคือชาวบ้านแต่ละคนนั้นต่างสวมเสื้อกางเกงเปื้อนฝุ่นไม่ก็ขาดวิ่นชวนให้คนเห็นรู้สึกหดหู่ใจ รวมกับสภาพภาพหลังน้อยแทบทุกหลังที่มีสภาพซอมซ่อผุพังยิ่งทำให้เลียมสะเทือนในใจ

     

                เขาเกิดมาท่ามกลางคนใช้หลายสิบคน อาศัยในบ้านหลังใหญ่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก มีเงินใช้ไม่ขาดสายมาตลอดยี่สิบปี โดยไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่ยังมีคนอีกมากมายต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอย่างไร

     

                และลูอีเป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านี้

     

                รถราคาแพงหยุดหน้าบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งในที่สุดท่ามกลางความสนใจจากชาวบ้านและเด็กบางกลุ่มที่เอาแต่มองมายังเลียมแล้วหันไปซุบซิบกัน ร่างสูงพยายามไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นหลายสิบคู่แล้วตัดสินใจก้าวเดินไปยังประตูไม้สีน้ำตาลที่อ่อนสีตามกาลเวลา โดยไม่ลังเลมือใหญ่ลงมือเคาะเบาๆที่ประตูนั่นตามคำสั่งของหัวใจที่กำลังเต้นรัว

     

     

     

                แอ๊ด

     

     

     

                ไม่กี่อึดใจบานประตูก็ถูกเปิดออก หญิงสาววัยกลางคนร่างท้วมในชุดเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเก่าๆค่อยชัดเจนขึ้นทีละนิด

     

                มาหาใครคะ เสียงแหบแห้งจากหญิงตรงหน้าเอ่ยถาม โครงหน้าที่เลียมคุ้นเคยจากความทรงจำประกอบด้วยริมฝีปากแห้งผาก หากสิ่งที่ทำให้คนตัวสูงสะดุดตากลับเป็นแก้มที่ซูบตอบและความหมองคล้ำบริเวณใต้ตาบ่งบอกว่าคนตรงหน้าคงทำงานหนักไม่น้อย

     

                ป้าของลูอีใช่ไหมครับ

     

                ปฏิกิริยาตอบรับของคำถามนี้คือดวงตาสีฟ้าของหญิงกลางคนเบิกกว้าง เธอเงยหน้ามองเลียมด้วยแววตาตื่นตระหนก แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นหมองหม่นพลางหลุบมองต่ำ

     

                คุณรู้จักลูอีด้วยเหรอ เสียงหวานแหบพร่าช่างฟังดูเศร้าสร้อยยามเปล่งวาจาสอบถามชวนให้ปวดมวนในอก

     

                ท่าทางตั้งแต่แรกเห็นยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายยอมจำนนต่อความต้องการของจิตใจ คนตัวสูงสบสายตากับนัยน์เนตรสีความารีน อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเจ้าของดวงตาสีเดียวกันนี้หากมีความขื่นข่มมากกว่ายิ่งนัก เรียวปากได้รูปกล่าวด้วยเสียงทุ้มมุ่งมั่น

     

                ผมบังเอิญเจอเขาที่ร้าน…”

     

     

     

     

     

     

     

     

                “…ที่ผมมาหาคุณป้าก็เพื่อขออนุญาตช่วยลูอีครับ

     

     

     

     

     

     

    ..

     

     

     

    .

     

     

     

                เลียมถูกเชิญป้าของลูอีเชิญให้เข้ามานั่งในบ้านก่อนที่เธอจะผละออกไปเอาน้ำมาให้เขาจนต้องเอ่ยปากว่าจำเป็นต้องต้อนรับขนาดนี้ สภาพโดยรวมของบ้านลูอีแตกต่างจากบ้านของเขาโดยสิ้นเชิง ถ้าเทียบกับเลียมบ้านทั้งหลังของลูอีคงจะใหญ่เพียงแค่ห้องนอนเขาเพียงเท่านั้น ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่พึงมีก็มีแค่น้อยชิ้น ไม่มีเตียงนอนหนานุ่มมีเพียงที่นอนสองผืนถูกปูไว้มุมบ้านทับด้วยผ้านวมสีครึอีกสามผืน โทรทัศน์รุ่นเก่าที่เลียมเคยเห็นผ่านตาไม่บ่อยนักวางบนโต๊ะใกล้ผนัง ห้องครัวถูกต่อออกไปจากประตูหลังบ้านที่เปิดอ้า

     

                เห็นความลำบากที่ลูอีและครอบครัวต้องพบเจอแล้วเลียมก็ได้แต่นึกเคืองพระเจ้า

     

                รู้ว่าไม่มีความยุติธรรมในโลกมนุษย์แต่ความแตกต่างนี้มากมายเกินไป

     

                เหตุใดท่านถึงไม่เมตตาชีวิตเล็กๆเหล่านี้เลยสักนิด

     

                ความจริงเกี่ยวกับลูอีออกจากปากผู้เป็นป้าให้เลียมที่นั่งฟังอย่างสงบ แน่นอนว่าการแสดงออกนั้นตรงข้ามกับความรู้สึกภายในโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนป้าของลูอียังไม่รู้ว่าหลานของเธอต้องทำงานตำแหน่งอะไร รู้เพียงแค่ว่าที่ที่ลูอีต้องทำงานให้เป็นร้านอาหาร ซึ่งเลียมก็ไม่คิดจะบอกให้เจ้าหล่อนรับรู้หรอก

     

                เป็นเวลานานที่เลียมทำเพียงรับฟังเรื่องราวเงียบๆ ตอบรับบางครั้งบางคราวตามจังหวะที่เหมาะสม นอกจากเขาจะได้รู้เกี่ยวกับลูอีแล้ว เลียมในตอนนี้ยังเปรียบเป็นที่ระบายชั้นยอดเพราะป้าของลูอีที่ดูจะไว้ใจเขาหมดใจทันทีที่เลียมบอกว่าจะช่วยลูอีพูดเรื่องนั่นนี่เขาให้ฟังไม่หยุด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวด้านลบที่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจตาม

     

                เข็มนาฬิกาข้อมือเดินเร่งเวลาจนเข้าใกล้หกโมงทุกขณะ ใจจริงเลียมอยากจะอยู่รอพบน้องสาวของลูอีด้วยแต่เมื่อนึกถึงคำพูดของไนออลเขาก็ต้องจำใจขอตัวกลับ โดยไม่ลืมให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยลูอีให้ได้และจะกลับมาช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของครอบครัวนี้ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ สิ่งที่ได้รับกลับมาคือหญิงวัยกลางคนพร่ำเอ่ยขอบคุณเขาซ้ำๆทั้งน้ำตาอาบแก้ม

     

                จนถึงตอนนี้เลียมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ดีว่าทำไมต้องทำอะไรๆเพื่อคนที่รู้จักได้ไม่กี่วัน

     

                แต่ลูกแก้วสีฟ้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าคู่นั้นก็ฝังลึกในจิตใจจนไม่อาจถอนตัวออกมาได้

     

                บางทีมันอาจจะเรียกว่า รัก

     

                และถ้ามันเกิดขึ้นจริงเลียมก็คงปล่อยให้มันเป็นไปโดยไม่คิดปิดกั้นความรู้สึกตัวเอง

     












    TBC...









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×