ความเหนื่อยอ่อน และความปวดเมื่อยที่แผ่ไปทั่วร่างกาย บวกกับฤทธิ์ยาแก้เมารถที่พึ่งกินไปเมื่อเริ่มเวียนหัว ทำให้เปลือกตาฉันเริ่มจะปิด ฉันนั่งอยู่บนรถทัวร์เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังจากไปเข้าค่ายเนตรนารีกันมา 2 วัน ฉันไม่อยากฝืนลืมตาต่อไปอีกแล้ว แม้ใจจริงจะกลัวเพื่อนถ่ายรูปแล้วแบลคเมย์เท่าไหร่ เปลือกตาฉันปิดลง สู่เบื่องลึกของห้วงนิทรา
ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีเมื่อเวลาเท่าไหร่ก็ไม่รู้ นาฬิกาบนข้อมือก็ได้หยุดเดินไปตั้งนานแล้ว อาจเป็นเพราะกลไกของมันที่ฉันต้องนั่งเขย่า และตอนหลับ ก็ไม่มีทางที่ฉันจะไปเขย่ามันได้ ฉันไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน รถทัวร์ที่นั่งอยู่ตอนนี้หยุดเครื่องแล้ว เมื่อมองออกไปทางหน้าต่าง ฉันพบว่ามันไม่ใช่จุดมุ่งหมายของฉัน แต่ทำไมมันถึงดูคุ้นๆนะ ฉันเกาะขอบหน้าต่างแล้วจ้องมองไปข้างนอก อ่าว นี่มันค่ายที่ฉันพึ่งเดินทางจากมานี่นา ฉันกลับมาทำไมเนี้ย นี่ฉันย้อนเวลากลับมาหรืออย่างไร ฉันไม่สามารถรู้ได้เลย เพราะฉันก็สวมชุดเนตรนารีอยู่เหมือนเดิม
"เนตรนารี ลงมาสิ จะให้ฉันลงไปอัญเชิญรึไง" ฉันแทบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก ฉันหันไปพบกับหญิงสูงอายุในเครื่องแบบผู้บังคับบัญชาเนตรนารี
"เอ่อ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทราบว่าหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่..."
"ไม่ต้องพูด จัดแต่งเครื่องแบบให้ถูกระเบียบด้วย แล้วตามชั้นมา" เธอพูด แล้วก็เดินนำฉันไป คนอะไร น่ากลัวจริงๆ
ท้องฟ้าตอนนี้มันแปลกๆ มันเหมือนกับเวลาใกล้ค่ำ พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แต่ยังไม่ทันตก ฉันยืนอยู่หน้าเสาธงเพียงลำพัง ผบ.คนนั้น เธอสั่งให้ฉันทำอะไรต่างๆนาๆเหมือนที่เคยทำเพียงคนเดียว เดินทางไกล เปิดประชุมกอง ฉันทำทุกๆอย่างตามปกติที่ต้องทำ แต่หลายสิ่งทำให้ฉันสัมผัสได้ ว่ารอบตัวฉัน มันไม่มีอะไรปกติซักอย่าง เหมือนทั้งโลกมีแค่ฉันกับ ผบ.คนนั้น เวลาทั้งโลกหยุดหมุน
ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะบ้า ผบ.คนนั้นคงนำร่องฉันไปก่อน
นาฬิกาก็หยุดเดิน สายลมไม่พักผ่าน ก้อนเมฆไม่ลอยคว้าง มำให้ฉันฝึกอย่างไม่รู้อนาคต ฉันเหนื่อยมาก มากกว่าเมื่อวานก่อนหลายเท่า ฉันไม่เคยเห็น ผบ.คนไหนโหดเท่านี้มาก่อนเลย การฝึกเดี่ยวมันเป็นแบบนี้เอง ฝึกจนแทบเกลียดครูฝึกเลยก็ว่าได้
เหนื่อยเกินไปแล้ว ขาของฉันแทบจะทรงตัวไม่ไหวแล้ว แต่เธอก็ยังจะสั่งให้ฉันลุกขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้น จ้องตาหญิงสูงอายุตรงหน้า แปลก ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นใบหน้าเฉียบขาดแบบนี้มาก่อนที่ไหนซักที่
" ไป ไปเข้าฐานผจญภัย" เสียงนั้นตะคอกสั่ง 'เอาวะ มันคงเป็นสิ่งสุดท้ายแล้วล่ะ ที่ฉันจะต้องทำ' ฉันคิด
ทักษะทางกีฬาของฉันทำใหิการปีนป่ายที่ต่างๆดูง่ายขึ้น แต่บรรยากศกลับน่ากลัวชอบกล เหงื่อในตัวก็ไม่มีจะออกแล้ว ถึงจะเก่งแค่ไหน แต่ให้ทำไม่หยุดขนาดนี้เห็นที ฉันก็คงไม่ไหว เชือกเส้นแล้วเส้นเล่าที่ห้อยที่โหน ทำใหิฝ่ามือของฉันแตกระแหง ภาพ ผบ. ตรงหน้ามันคุ้นตาฉันยังไงก็ไม่รู้ แต่ในที่สุดฉันก็ลากสังขารมาจนถึงฐานสุดท้าย ฐานที่ฉันพยามหลีกเลี่ยงมากที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้
" ขึ้นไปเลย ขึ้นไป" เสียงนั้นยังคงตะคอกสั่งฉันไม่เคยตก จนบัดนี้ ฉันก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี ว่ายัยป้าแก่นี้คือใคร
บันไดวนสูงประมาณ 3-4 ชั้น มีเชือกสลิงพาดผ่านผืนน้ำเบื้องหน้า ยางล้อรถเส้นหนึ่งห้อยอยู่กับเชือก นั่นแหละ คือสิ่งที่ฉันจะต้องโดยสารลงไป
เอาล่ะ ฉันจะลงไปแล้วนะ ฉันเหลือบตามองฟ้าเบื้องบนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยสายตาอ้อนวอน เชือกรูดลงอย่างรวดเร็ว แต่แล้ว เสียงๆหนึ่งก็ดังชึ้น
เผราะ
ร่างของฉันร่วงลงสู่พื้นน้ำอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งเนื้อทั้งตัวไร้ซึ่งความรู้สึก ฉันไม่สามารถขยับร่างอะไรได้ยกเว้นกระพริบตา มองดูความมืดมิดใต้น้ำ...
นึกออกแล้ว
งานรอบกองไฟจบลง เราทุกคนสวดมนต์พร้อมกันก่อนแยกย้ายกันกลับไปนอน รูปข้างฝา รูป ผบ.คนนั้น ความมืดมิดยามค่ำคืนทำให้คนไร้ไฟฉายอย่างฉันมองไม่เห็นทาง
ฉันเหยียบอะไรไปซักอย่าง ซึ่งตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้ว ว่าสิ่งที่ฉันเหยียบมันคือเครื่องเซ่นไหว้ ผบ.คนนี้นี่เอง ตกลงนี่ฉันกำลังจะตายเพราะความสะเพร่าใช่ไหมเนี้ย รู้ตอนนี้ฉันก็คงไม่รอด แต่ถึงยังไง คนที่จะต้องตายแทนฉันต่อไป ฉันคงไม่ทารุณเขามากก่อนนะ แต่ถึงยังไง คราวหน้าคราวหลัง ถ้าได้เกิดเป็นคนอีก ฉันคงเดินดูตาม้าตาเรือมากกว่านี้แหละ
ร่างจมลงกระทบพื้น ลมหายใจสุดท้ายแผ่วเบา ลาก่อน...
รถทัวร์คันใหญ่จอดลงหน้าซอยโรงเรียนกลางเมือง ท่ามกลางเสียงแตรด่าของผู้ที่สัญจรบนถนน นักเรียนแต่ละคนต่างเตรียมตัวกันลงจากรถกันแทบแย่ แต่มีอยู่หนึ่งคน ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ และเธอจะยังนิ่งงันอย่างนี้ ไปตลอดกาล
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น