ค่ายผีสิง - ค่ายผีสิง นิยาย ค่ายผีสิง : Dek-D.com - Writer

    ค่ายผีสิง

    ทางกลับจากค่ายลูกเสือคุณทำอะไร ใช่นอนหลับรึเปล่า ความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมทำให้คุณฝืนลืมตาไม่ได้ใช่ไหม แต่ฝืนบ้างก็ดีนะ เพราะการหลับไปนั้น ไม่แน่ คุณอาจไม่ได้ตื่นอีกเลยก็เป็นได้

    ผู้เข้าชมรวม

    110

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    110

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ธ.ค. 56 / 19:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ฉันตายอย่างทรมาน ณ ค่ายแห่งนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ลูกเสือ-เนตรนารี ชาวค่ายทุกคน ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องทรมานหรอก รับรอง ได้ "ตาย" อย่างสบายๆแน่
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
        ความเหนื่อยอ่อน และความปวดเมื่อยที่แผ่ไปทั่วร่างกาย บวกกับฤทธิ์ยาแก้เมารถที่พึ่งกินไปเมื่อเริ่มเวียนหัว ทำให้เปลือกตาฉันเริ่มจะปิด ฉันนั่งอยู่บนรถทัวร์เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังจากไปเข้าค่ายเนตรนารีกันมา 2 วัน ฉันไม่อยากฝืนลืมตาต่อไปอีกแล้ว แม้ใจจริงจะกลัวเพื่อนถ่ายรูปแล้วแบลคเมย์เท่าไหร่ เปลือกตาฉันปิดลง สู่เบื่องลึกของห้วงนิทรา
        ฉันรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีเมื่อเวลาเท่าไหร่ก็ไม่รู้ นาฬิกาบนข้อมือก็ได้หยุดเดินไปตั้งนานแล้ว อาจเป็นเพราะกลไกของมันที่ฉันต้องนั่งเขย่า และตอนหลับ ก็ไม่มีทางที่ฉันจะไปเขย่ามันได้ ฉันไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน รถทัวร์ที่นั่งอยู่ตอนนี้หยุดเครื่องแล้ว เมื่อมองออกไปทางหน้าต่าง ฉันพบว่ามันไม่ใช่จุดมุ่งหมายของฉัน แต่ทำไมมันถึงดูคุ้นๆนะ ฉันเกาะขอบหน้าต่างแล้วจ้องมองไปข้างนอก อ่าว นี่มันค่ายที่ฉันพึ่งเดินทางจากมานี่นา ฉันกลับมาทำไมเนี้ย นี่ฉันย้อนเวลากลับมาหรืออย่างไร ฉันไม่สามารถรู้ได้เลย เพราะฉันก็สวมชุดเนตรนารีอยู่เหมือนเดิม
       "เนตรนารี ลงมาสิ จะให้ฉันลงไปอัญเชิญรึไง" ฉันแทบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก ฉันหันไปพบกับหญิงสูงอายุในเครื่องแบบผู้บังคับบัญชาเนตรนารี
       "เอ่อ ขอโทษนะคะ หนูไม่ทราบว่าหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่..."
       "ไม่ต้องพูด จัดแต่งเครื่องแบบให้ถูกระเบียบด้วย แล้วตามชั้นมา" เธอพูด แล้วก็เดินนำฉันไป คนอะไร น่ากลัวจริงๆ
       ท้องฟ้าตอนนี้มันแปลกๆ มันเหมือนกับเวลาใกล้ค่ำ พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แต่ยังไม่ทันตก ฉันยืนอยู่หน้าเสาธงเพียงลำพัง ผบ.คนนั้น เธอสั่งให้ฉันทำอะไรต่างๆนาๆเหมือนที่เคยทำเพียงคนเดียว เดินทางไกล เปิดประชุมกอง ฉันทำทุกๆอย่างตามปกติที่ต้องทำ แต่หลายสิ่งทำให้ฉันสัมผัสได้ ว่ารอบตัวฉัน มันไม่มีอะไรปกติซักอย่าง เหมือนทั้งโลกมีแค่ฉันกับ ผบ.คนนั้น เวลาทั้งโลกหยุดหมุน 
       ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะบ้า ผบ.คนนั้นคงนำร่องฉันไปก่อน 
       นาฬิกาก็หยุดเดิน สายลมไม่พักผ่าน ก้อนเมฆไม่ลอยคว้าง มำให้ฉันฝึกอย่างไม่รู้อนาคต ฉันเหนื่อยมาก มากกว่าเมื่อวานก่อนหลายเท่า ฉันไม่เคยเห็น ผบ.คนไหนโหดเท่านี้มาก่อนเลย การฝึกเดี่ยวมันเป็นแบบนี้เอง ฝึกจนแทบเกลียดครูฝึกเลยก็ว่าได้ 
       เหนื่อยเกินไปแล้ว ขาของฉันแทบจะทรงตัวไม่ไหวแล้ว แต่เธอก็ยังจะสั่งให้ฉันลุกขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้น จ้องตาหญิงสูงอายุตรงหน้า แปลก ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นใบหน้าเฉียบขาดแบบนี้มาก่อนที่ไหนซักที่
      " ไป ไปเข้าฐานผจญภัย" เสียงนั้นตะคอกสั่ง  'เอาวะ มันคงเป็นสิ่งสุดท้ายแล้วล่ะ ที่ฉันจะต้องทำ' ฉันคิด
       ทักษะทางกีฬาของฉันทำใหิการปีนป่ายที่ต่างๆดูง่ายขึ้น แต่บรรยากศกลับน่ากลัวชอบกล เหงื่อในตัวก็ไม่มีจะออกแล้ว ถึงจะเก่งแค่ไหน แต่ให้ทำไม่หยุดขนาดนี้เห็นที ฉันก็คงไม่ไหว เชือกเส้นแล้วเส้นเล่าที่ห้อยที่โหน ทำใหิฝ่ามือของฉันแตกระแหง ภาพ ผบ. ตรงหน้ามันคุ้นตาฉันยังไงก็ไม่รู้ แต่ในที่สุดฉันก็ลากสังขารมาจนถึงฐานสุดท้าย ฐานที่ฉันพยามหลีกเลี่ยงมากที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้
      " ขึ้นไปเลย ขึ้นไป" เสียงนั้นยังคงตะคอกสั่งฉันไม่เคยตก จนบัดนี้ ฉันก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี ว่ายัยป้าแก่นี้คือใคร
       บันไดวนสูงประมาณ 3-4 ชั้น มีเชือกสลิงพาดผ่านผืนน้ำเบื้องหน้า ยางล้อรถเส้นหนึ่งห้อยอยู่กับเชือก นั่นแหละ คือสิ่งที่ฉันจะต้องโดยสารลงไป 
       เอาล่ะ ฉันจะลงไปแล้วนะ ฉันเหลือบตามองฟ้าเบื้องบนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยสายตาอ้อนวอน เชือกรูดลงอย่างรวดเร็ว แต่แล้ว เสียงๆหนึ่งก็ดังชึ้น
      เผราะ
       ร่างของฉันร่วงลงสู่พื้นน้ำอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งเนื้อทั้งตัวไร้ซึ่งความรู้สึก ฉันไม่สามารถขยับร่างอะไรได้ยกเว้นกระพริบตา มองดูความมืดมิดใต้น้ำ...
       นึกออกแล้ว
       งานรอบกองไฟจบลง เราทุกคนสวดมนต์พร้อมกันก่อนแยกย้ายกันกลับไปนอน รูปข้างฝา รูป ผบ.คนนั้น ความมืดมิดยามค่ำคืนทำให้คนไร้ไฟฉายอย่างฉันมองไม่เห็นทาง
       ฉันเหยียบอะไรไปซักอย่าง ซึ่งตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้ว ว่าสิ่งที่ฉันเหยียบมันคือเครื่องเซ่นไหว้ ผบ.คนนี้นี่เอง ตกลงนี่ฉันกำลังจะตายเพราะความสะเพร่าใช่ไหมเนี้ย รู้ตอนนี้ฉันก็คงไม่รอด แต่ถึงยังไง คนที่จะต้องตายแทนฉันต่อไป ฉันคงไม่ทารุณเขามากก่อนนะ แต่ถึงยังไง คราวหน้าคราวหลัง ถ้าได้เกิดเป็นคนอีก ฉันคงเดินดูตาม้าตาเรือมากกว่านี้แหละ
       ร่างจมลงกระทบพื้น ลมหายใจสุดท้ายแผ่วเบา ลาก่อน...
       รถทัวร์คันใหญ่จอดลงหน้าซอยโรงเรียนกลางเมือง ท่ามกลางเสียงแตรด่าของผู้ที่สัญจรบนถนน นักเรียนแต่ละคนต่างเตรียมตัวกันลงจากรถกันแทบแย่ แต่มีอยู่หนึ่งคน ที่ยังคงนอนนิ่งอยู่ และเธอจะยังนิ่งงันอย่างนี้ ไปตลอดกาล

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×