ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♡ มิ่ง ` {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #4 : ' มิ่ง : 03

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.42K
      31
      22 ธ.ค. 57





     

    "น้องใครเนี่ยแต่งตัวซะสวยเชียว สิบกว่าปีที่ผ่านมารวมกันยังสวยไม่เท่าวันนี้วันเดียวเลย" แบคฮยอนแซวน้องสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น บยอนดันบีหันมายิ้มหวานให้พร้อมหมุนตัวจนชุดกระโปรงพลิ้วไหว


     

    "ก็ต้องสวยสิ นี่งานของพี่ชานยอลคนหล่อเชียวนะ" สาวน้อยหัวเราะคิกคักก่อนจับพี่ชายตัวเองหมุนบ้าง "ดูเอาเถอะ พี่ชานยอลกลับมาทั้งที พี่แบคก็ยังซอมซ่อเหมือนเดิม"

     

    นิ้วเรียวบิดจมูกคนพูดอย่างนึกหมั่นไส้ "พี่มันไม่เคยดีในสายตาเธออยู่แล้วนี่ เอาแต่ว่าพี่เดี๋ยวก็ไปงานสายหรอก ไปได้แล้ว"
     

    "แล้วพี่แบคไม่ไปพร้อมกันเลยล่ะ" ดันบีหมายถึงขึ้นรถกระบะของลุงลีไปพร้อมกับคนงานคนอื่นเลยทีเดียว
     

    แบคฮยอนยิ้มบาง ตอบเสียงโทนปกติแต่น่าฟังเหมือนเช่นเคย "ไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ตามไป"


     

    คำว่า 'เดี๋ยว' ของคนพี่ไม่ได้เจาะจงลงเวลามาว่าตอนไหน อาจจะพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือปีหน้า แต่ที่แน่ๆคือไม่ใช่วันนี้ที้แบคฮยอนจะพร้อมเผชิญหน้ากับลูกชายพ่อเลี้ยง
     

     

    คนตัวเล็กจงใจเบี้ยวนัดเพื่อนชาวจีนและน้องสาวตัวเอง ก่อนจะปลีกวิเวกไปที่ฟาร์มม้าอีกครั้ง
     

     

    "อ้าวแบคฮยอน ไม่ไปงานเลี้ยงหรอ" คนงานเฝ้าฟาร์มร้องถามอย่างแปลกใจ ซึ่งคนตัวเล็กก็ส่ายหน้าปฎิเสธ
     

    "ถ้าไม่ไป งั้นพี่ฝากเฝ้าม้าหน่อยสิ เดี๋ยวพี่รีบไปรีบกลับ"
     

    แบคฮยอตอบกลับด้วยรอยยิ้มใจดี "ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเฝ้าให้ทั้งคืนเลย"
     

    ยามประจำถึงกับโห่ร้องดีใจ อยากจะใช้มือยีศีรษะคนตัวเล็กให้หายความเอ็นดู แต่แบคฮยอนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆก็ดูสะอาดเกินไปที่เขาจะทำอย่างนั้น
     

    สุดท้ายจึงกลายเป็นว่าแบคฮยอนรับไม้ต่อหน้าที่รปภ.เฝ้าคอกม้าในคืนนี้

     

     

     

     

    วิตามินกับยาหลายขนานไม่ได้ทำให้ร็อบดีขึ้น เจ้าอาชาขนสวยนอนแน่นิ่งแต่ยังปรอยตาให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่
     

    แบคฮยอนทรุดตัวนั่งลงกับพื้นก่อนจะยื่นมือเข้าไปหยอกเล่นกับมันผ่านซี่ไม้ตาห่าง
     

    "เด็กดี ไม่ยอมกินอะไรอีกแล้วหรอ"
     

    "คงเจ็บมากใช่มั้ย" แบคฮยอนเจ็บแทนเมื่อเห็นร็อบยังคงมีเลือดซึมออกตามไรเหงือก จมูก และดวงตา คำพูดของหมอโอที่บอกว่าอวัยวะภายในของร็อบย่ำแย่เรียกน้ำตาให้เอ่อขึ้นมาคลอหน่วง ...ร็อบคงทรมานมาก
     

    เสียงพลุจากเรือนใหญ่ดังขึ้นติดกันหลายดอก แว่วเคล้าไปกับเสียงดนตรีจังหวะสนุกสนาน

     

    "ร็อบ...พี่ชานยอลไม่ได้ตั้งใจผิดคำพูดนะ ร็อบอย่าโกรธพี่ชานยอลนะ" แบคฮยอนพูดแก้ต่างให้ แม้ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าหนึ่งปีมันกลายเป็นสิบปีไปได้อย่างไร
     

    "ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย พักผ่อนเถอะ" คนตัวเล็กเจ็บปวดที่ต้องพูดเช่นนั้น แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันสุดที่จะฝืนแล้วสำหรับม้าตัวหนึ่ง

     

    ไม่รู้ว่าอยู่ปลอบร็อบจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงกุกกักตรงประตูทางเข้าคอก
     

    'โจรหรือ?' คำถามนั้นผุดขึ้นในใจเป็นอย่างแรก แบคฮยอนจึงรีบลุกไปแอบหลังกองฟางตามสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทันที
     

    เสียงโลหะดังอยู่ได้ไม่นานกลอนก็ถูกสะเดาะออก แบคฮยอนมองหาวัตถุที่เขาจะพอใช้เป็นอาวุธได้ก่อนจะพบกับท่อนไม้ผุพังที่หลุดมาจากส่วนประกอบของคอกม้า มือเรียวหยิบมันขึ้นมากำแน่น หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
     

    ใครบางคนก้าวเข้ามา เงาดำของเขาทอดยาวจรดกำแพงอีกด้าน
     

    พระเจ้าช่วย... แบคฮยอนอุทานในใจ มือของเขาเริ่มสั่น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยนึกถึงการใช้กำลังหรือเรื่องรุนแรงป่าเถื่อนมาก่อนเลย


     

    ชายแปลกหน้าที่แบคฮยอนเห็นเพียงแค่เงาเดินผ่านที่กั้นม้าแข่งราคาแพงตัวอื่นๆไปหยุดอยู่ที่คอกของร็อบ วูบนั้นแบคฮยอนนึกประหลาดใจ ...จะขโมยม้าป่วยอย่างนั้นหรือ?
     

    หรือว่าเจาะจงว่าต้องเป็นพันธุ์อาราเบียน?
     

     

    ทันทีที่กลอนคอกของม้าแสนรักโดนปลดออก แบคฮยอนก็กำท่อนไม้ในมือแน่น เป็นตายร้ายดียังไงเขาก็ไม่มีวันยอมให้ใครเอาร็อบไปได้เด็ดขาด
     

     

    ในจังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปจากกองฟาง บางอย่างก็สต๊าฟคนตัวเล็กให้หยุดชะงักอยู่กับที่
     

    เจ้าร็อบที่ป่วยหนัก ลุกขึ้นยืนเป็นครั้งแรกในรอบหลายอาทิตย์
     

    และทันทีที่ร็อบหวีดเสียงร้องพร้อมย่อสองขาเพื่อหมอบตัวลงต่ำ แบคฮยอนก็รู้ได้โดยจิตสำนึกว่าหัวขโมยยามวิกาลคนนี้เป็นใคร
     

    เป็นพี่ชานยอลไม่ผิดแน่... เพราะมีแต่พี่ชานยอลเพียงคนเดียวที่ร็อบจะยอมแสดงความเคารพด้วยการย่อตัวและศีรษะให้
     

    เสียงร้องฮี่ๆดังไม่ขาดห้วง ร็อบคงดีใจมากที่ได้เจอเจ้าของของมันอีกครั้ง
     

     

    ไร้ซึ่งเสียงใดจากชายผู้มาใหม่ แบคฮยอนเห็นเพียงเงาดำที่ทอดยาวไปยังกำแพงหนา ร่างสูงกำลังลูบหัวอาชาหนุ่มอย่างนุ่มนวล ลูบแผงคอ และประคองใต้คางไว้ด้วยสองมือ เขาค้างการกระทำนั้นไว้เนิ่นนาน ก่อนที่จะซบหน้าผากของตนลงกับหน้าผากที่ประกอบด้วยขนมันเงาสีนิลสนิท
     

    ทันใดนั้นเอง อาราเบียนพันธุ์แท้ก็ล้มตึงลงกับพื้นปูนแข็งจนเกิดเเรงสะเทือนเลื่อนลั่นไปถึงปลายเท้าของคนตัวเล็กที่แอบดูอยู่
     

    แบคฮยอนยกมือขึ้นปิดกลั้นเสียงสะอื้นที่บีบอัดเขาจนรวดร้าวไปทั้งสรรพางค์ ...ที่ร็อบทนทรมานมาโดยตลอด ก็เพียงเพื่อรอให้พี่ชานยอลกลับมาดูใจก็เป็นครั้งสุดท้ายก็เท่านั้นเอง
     

     

    การรอคอยของร็อบสิ้นสุดลงแล้ว แต่สำหรับเขา สำหรับบยอนแบคฮยอนผู้ยังคงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้วงเวลายี่สิบกว่าปี คล้ายจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น...

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนระหกระเหินกลับมาที่เรือนคนงานด้วยสภาพเหมือนนกปีกหัก ตอนนี้ดึกมากแล้วและกลิ่นสุราที่คลุ้งไปทั่วทั้งเรือนบ่งบอกว่าคนงานกลับจากงานเลี้ยงเป็นที่เรียบร้อย

     

    คนตัวเล็กเดินเลี่ยงเพื่อนร่วมอาชีพที่นอนแผ่กันอยู่เต็มชานเรือนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าไปจนถึงห้องนอนด้านใน

     

    จื่อเทากับจินวูนอนเมาไม่ได้สติอยู่บนพรมเช็ดเท้าหน้าห้องน้ำ หากแบคฮยอนยังหลงเหลือความเป็นตัวของตัวเองอยู่บ้าง อย่างน้อยเขาคงช่วยแบกเพื่อนให้ขึ้นมานอนบนเตียงดีๆ

     

    แต่ในยามนี้ ยามที่ฤทธิ์ของความคิดถึงทำงานได้ร้ายกาจยิ่งกว่าฤทธิ์เหล้าพันเท่าทวี แบคฮยอนมือสั่น รีบไขกุญแจลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ เมื่อกลอนล็อคถูกปลดออกก็รีบดึงลิ้นชักไม้ออกอย่างแรง

     

    ในนั้นมีกล่องเก่าๆอยู่ใบหนึ่ง แบคฮยอนรีบหยิบมันขึ้นมาและเปิดฝาไม้

     

    แว่นตา ดอกลิลลี่ขาวที่เหลือไว้เพียงภาพสเก็ต ผ้าเช็ดหน้า สมุดหัดเขียน ดินสอที่สั้นกุด ของเล่นประดิษฐ์จากเศษไม้ และสิ่งของเล็กๆอีกมากมายหลายอย่าง

     

    เขาเหมือนคนสติไม่สมประกอบที่นั่งลูบวัตถุเหล่านั้นแล้วหัวเราะทั้งน้ำตา

     

    ความรักอย่างเดียวก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังมีความผูกพันกระทั่งความคิดถึงที่ฉีกทึ้งดวงใจให้ขาดวิ่นเป็นริ้วๆ

     

     

    พี่ชานยอลคนดีของแบคฮยอน...พี่หายไปตั้งสิบกว่าปี ไม่เห็นใจกันบ้างเลยซักนิดหรือ?

    คำสัญญาที่บอกว่าจะจากแค่ปีเดียว พี่ก็ขยี้มันลงจนเป็นผุยผง แม้แอปเปิ้ลจะไม่หมดไร่ ปลาจะไม่หมดสระ แต่แบคฮยอนเด็กแสบที่เต็มไปด้วยความมั่นใจคนนั้นมันหมดไปแล้วนะพี่ชานยอล

    แบคกำลังจะเป็นของคนอื่นแล้ว กำลังจะแต่งงานทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำความฝันที่เราเคยวาดไว้ให้เป็นจริงเลยแม้แต่อย่างเดียว

    แบคยังอยากทำมันให้สำเร็จอยู่นะ แล้วพี่ชานยอลล่ะ ลืมมันไปหมดแล้วหรือยัง?

     

    คนตัวเล็กหยิบแว่นตาที่ทำจากเศษไม้ขึ้นมาวางบนตัก ทั้งรักทั้งคิดถึงอดีตที่สวยงามเกินกว่าจะบรรยายได้

     

     

     

     

     

    "นี่กี่นิ้ว" เสียงใสเอ่ยถามขณะโบกนิ้วชี้และนิ้วกลางไปมาในอากาศ
     

    "สามนิ้ว" คนที่นั่งอยู่บนม้าหินอ่อนตอบมั่นใจ
     

    "มั่วแล้ว สองนิ้วต่างหาก ...อีกทีนะ นี่กี่นิ้ว" คราวนี้เพิ่มนิ้วกลางกับนิ้วก้อยเข้าไปด้วย
     

    "หนึ่ง!" อีกฝ่ายตอบเสียงดังฉะฉาน
     

    "ชัดเลย" พูดพร้อมเดินไปนั่งข้างคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้า "พี่ชานยอลสายตาสั้นชัดๆ!"
     

    คนถูกกล่าวหาถึงกับหน้าเหวอ "ไม่จริงหรอก ไม่เชื่อแบคลองทายอีกรอบ คราวนี้พี่ตอบถูกชัวร์"
     

    "เมื่อกี้ก็ชัดเจนแล้ว พี่ชานยอลน่ะสายตาสั้น"
     

    พี่ชานยอลที่ว่าถึงกับคอตก
     

    "ไปบอกให้คุณลุงปาร์คพาไปตัดเเว่นเถอะ ไม่งั้นได้เดินตกผาเข้าซักวันแน่"
     

    "..."
     

    "หน่านะ เขาบอกว่าถ้าสายตาสั้นแล้วไม่ใส่เเว่น มันจะยิ่งสั่นไปมากกว่าเดิมเรื่อยๆนะ" แบคฮยอนเขย่าไหล่ของคนสูงกว่าเบาๆ แต่ชานยอลยังคงนั่งนิ่ง
     

    "เฮ้อ ทำไมพี่ชานยอลไม่อยากใส่เเว่นล่ะ"
     

    "ก็มันเอ๋อนี่ ทั้งไร่ไม่มีใครใส่กันซักคน"
     

    "เเต่เด็กในเมืองใส่กันเยอะเเยะ เท่ดีจะตาย"
     

    "ก็นี่มันในไร่นิ ถ้าพี่ใส่พี่ก็ประหลาดอยู่คนเดียวสิ ไม่เอาด้วยหรอก" จบคำพูดนั้นสองพี่น้องต่างสายเลือดก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น เป็นอันยุติประเด็นสายตาสั้นไปโดนปริยาย
     

     

     

    จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น
     

    "ฮ่าๆๆๆ ไอ้เเบคเอ๊ย วันนี้เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ"
     

    "ซังมีแกดูลูกแกสิ โตขึ้นสงสัยได้เป็นนักประดิษฐ์แน่ๆ คิดทำอะไรแต่ละอย่างธรรมดาซะที่ไหน"
     

    เสียงแซวอย่างเฮฮาละคนขบขันของพวกผู้ใหญ่ในไร่ไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กหมดความมั่นใจแต่อย่างใด กลับกัน แบคฮยอนยิ่งฉีกยิ้มร่า เชิดหน้าอวดไอเท็มใหม่ราวกับตัวเองเป็นซุปเปอร์โมเดลวัยกระเตาะ
     

    เดินเด็ดเดี่ยวมาจนสุดโซนไร่แอปเปิ้ลก็พบกับคนที่ตัวเองกำลังนึกพะวงถึง
     

    "พี่ชานยอล!" แบคฮยอนตะโกนเรียกสุดเสียงก่อนจะวิ่งเข้าไปหา เจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจ รีบเอาร่างบังม้าของตัวเองเอาไว้ทันที ด้วยกลัวว่ามันจะวิ่งไปทำร้ายเด็กตัวเล็กเข้าเสียก่อน
     

    "พุ่งมาอย่างนี้เดี๋ยวก็โดนร็อบมันดีดหรอก ก็รู้ๆอยู่ว่ามันทั้งดุทั้งดื้อ" เตือนเสียงเข้ม ก่อนจะต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เมื่อแบคฮยอนวิ่งมาใกล้จนปะทะอกเขาแล้ว
     

    "แล้วนี่มันอะไรเนี่ย?"
     

    "ก็แว่นไง" ยืดอกตอบอย่างภาคภูมิ "บยอนแบคฮยอนเป็นผู้นำแฟชั่นของกังยูเลยนะรู้เปล่า"
     

    เด็กหนุ่มตัวสูงถึงกับหัวเราะลั่น
     

    เพราะแว่นของจริงมีราคาแพง แบคฮยอนก็เลยประดิษฐ์เอาจากเศษไม้กับหนังยางหลากสี มันตลกซะจนถ้าใครมาเห็นก็เป็นอันต้องกลั้วปากหัวเราะ
     

    แต่ถ้ามันจะเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนา คนตัวเล็กก็ไม่นึกเขินอายอะไร
     

    "คราวนี้ไปตัดเเว่นได้รึยัง"
     

    "..."
     

    "หน่านะ...แบคกลัวพี่ชานยอลเดินตกผา"
     

     

     


     


     








     


    ผาที่ว่าสูงประมาณตึกสิบชั้น ชันและเต็มไปด้วยไม้หนาม
     

    "คุณตาบวมๆนะ ร้องไห้มาหรือเปล่า"
     

    แบคฮยอนสะดุ้งโหยงเมื่อหมอโอชะโงกหน้าเข้ามาจนชิดใกล้
     

    "ปะ...เปล่า ครับ ผมแค่นอนไม่ค่อยหลับเฉยๆ" โกหกคำโต จริงๆแล้วที่ตาเขาบวมเป่งขนาดนี้ก็เพราะการจากไปของเจ้าร็อบกับความคิดถึง พี่ชานยอลนั่นแหละ
     

    "นั่นสินะ เมื่อคืนผมก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เสียงดนตรีดังลั่นไร่ทั้งคืน" สัตวแพทย์หนุ่มหมายถึงดนตรีประกอบงานเลี้ยงต้อนรับมิ่งขวัญคนใหม่แห่งกังยู
     

    "คนงานที่นี่ดูจะรักคุณชานยอลมากเลยนะครับ มากจนผมแอบตกใจนิดหน่อย"
     

    แบคฮยอนยกยิ้มเบาบาง สำหรับเขาแล้วไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลยทั้งสิ้น
     

    "แต่คุณคงไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะผมไม่เห็นคุณที่งานเมื่อคืนเลย"
     

    จากยิ้มบางก็กลายเป็นยิ้มขำ "คุณหมอตัดสินว่าผมไม่รักคุณชานยอลจากการที่ผมไม่ไปงานเลี้ยงเนี่ยนะ"
     

    "ก็นอกจากคิดเอาเอง คุณก็ไม่ยอมให้ผมรู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลยนี่" หมอหนุ่มพูดเหมือนตัดพ้อ เขาเบนสายตาจากใบหน้าขาวใสไร้เครื่องประทินโฉมของแบคฮยอนไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นขอบหน้าผามรณะเเห่งไร่กังยู
     

    "เคยมีใครตกลงไปบ้างไหม?" คนที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงปีเอ่ยถาม แบคฮยอนมองตามไปที่ริมผาสูง ก่อนอ้าปากตอบข้อสงสัย
     

    "ไม่มีหรอกครับ ที่ไร่ของเราไม่มีคนสายตาสั้น"
     

    "..."
     

    "แต่ถึงมี เขาคนนั้นก็ใส่แว่น"
     

    หมอโอทำหน้าปะแล่ม ถึงเขาจะปลื้มใจในหลายๆของแบคฮยอน แต่สำหรับมุกนี้ เขาขอไม่ให้ผ่านก็แล้วกัน

     

    "หกโมงแล้ว เข้างานกันเถอะครับ" คนตัวเล็กลุกขึ้นยืนก่อนบิดขี้เกียจ การทำงานสำหรับเข้านี้เริ่มขึ้นแล้ว

     

     

     

     

     

    50%






     

     

                ไร่กังยูห่างไกลจากไฟเมือง กลางคืนเห็นดาวง่าย กลางวันแดดแจ๋แต่ร่มรื่น

     

                แบคฮยอนนั่งลงบนรั้วไม้ล้อมทุ่งกว้าง ตาเรียวมองฝูงวัวที่ถูกปล่อยให้ออกมากินหญ้าด้วยความรู้สึกเย็นใจ แว่วเสียงลมพัดใบไม้โบกไหวๆเจือไปกับเสียงนกร้องขับขาน

     

                เขาชอบทุกอย่างที่เป็นกังยู ชอบสีเขียวของทุ่งหญ้า ชอบสีฟ้าของน้ำในลำธารป่าเหนือที่สะท้อนกับท้องฟ้าเบื้องบน ที่นี่อัดแน่นไปด้วยความทรงจำ มีเขา มีครอบครัว มีคนงาน มีพี่ชานยอลที่แสนดี

     

                อดีตดีงามเสียจนแบคฮยอนคิดว่า ต่อให้วันพรุ่งนี้จะเลวร้ายก็คงไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็ยังมีเมื่อวานให้ระลึกถึง

     

     

     

                เมื่อพักผ่อนจนพอใจแล้วแบคฮยอนก็กระโดดลงจากรั้วที่ทาด้วยสีขาว เตรียมพร้อมสำหรับงานเก็บลูกแอปเปิ้ลในช่วงบ่าย

     

                ทว่า...

     

     

                ไอ้เจ้าแบค! ไปเรือนใหญ่ด่วนเลย

     

                ประโยคคล้ายเดิม คนพูดคนเดิม ...แบคฮยอนใจหายวาบ คุณเลย์เรียกเขาไปเรือนใหญ่อีกแล้ว

     

                “รีบไปสิ ยืนเหม่ออะไรลุงคนงานดีดนิ้วเรียกสติ แบคฮยอนสะดุ้งน้อยๆ ก้มศีรษะขอบคุณคนนำสารก่อนจะรีบออกวิ่งไปตามคำสั่ง

     

     

                เมื่อพ้นสายตาของคนงานจากเรือนใหญ่ ขาเรียวจึงผ่อนความเร็วลงจนกลายเป็นเดินเอื่อยเฉื่อย เหมือนความหนักใจมันถ่วงเอาสมรรถนะทางกายให้อ่อนด้อยลงทุกระบบ

     

     

                ทันที...หลังจากที่งานเลี้ยงต้อนรับปาร์คชานยอลสิ้นสุดลง

     

     

                คำพูดนั้นยังคงกึกก้องอยู่ในหัว ใครๆก็รู้อำนาจประกาศิตของคุณเลย์ดี เขาอ่อนหวานเพียงเครื่องหน้าและกิริยาเท่านั้น ทว่าหัวใจเป็นทองคำ คำพูดเป็นเพชรแท้ เมื่อได้พูดออกมาแล้วไม่มีเปลี่ยนใจ แม้แต่ใครก็ทัดทานอำนาจนั้นไม่ได้

     

                ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเลย์ไม่ใช่คนพูดมาก ทุกคำพูดถูกกลั่นกรองมาแล้วเป็นอย่างดี เขามีแผนของเขาซึ่งเฉียบขาด ตำแหน่งที่ปรึกษาประจำไร่กังยูเลย์ก็ดำรงได้อย่างดีเยี่ยม

     

                เขาไม่มีตำหนิใด

     

                แบคฮยอนพรูลมหายใจเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฝีเท้าหยุดก้าวเดิน ...เป็นอีกครั้งที่เขาคิดถึงพี่ชานยอล

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                อี๋ พี่ชานยอลสิวขึ้น

     

                เด็กแสบชี้ไปที่แก้มเต่งตึงของพี่ชายที่ห่างวัยกันถึงห้าปี คนตัวเล็กมีสีหน้าไปในทางล้อเลียนขำๆ ไม่ได้รังเกียจตามน้ำเสียงที่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว

     

                ชานยอลจับข้อมือเล็กหมับ บิดเข้าหาตัวแล้วดีดหน้าผากมนไปหนึ่งที โทษฐานพูดให้เขาหมดความมั่นใจ

     

                ทั้งใส่แว่น ทั้งเป็นสิว หวายๆพี่ชานยอลหมดหล่อแล้วแบคฮยอนหรี่ตาล้อไม่เลิก จนชานยอลต้องง้างมือตั้งท่าจะตีลงไปบนหน้าผากเนียน เจ้าตัวจ้อยถึงได้ยอมยกมือขึ้นอุดปากแน่น

     

                อย่าให้เป็นบ้างแล้วกัน พี่จะขำให้ฟันหลุดเลย

     

                งั้นก็ขำตอนนี้เลยเถอะ ฟันจะได้หลุดๆมาบ้าง พี่ชานยอลน่ะฟันเยอะเกิน

     

                แบค!

     

                น่ะดูสิ ปกติตาก็โปนเหมือนกบอ๊บๆอยู่แล้ว ยังมาทำตาโตใส่แบคอีก เด็กแสบยังล้อไม่หยุด ชานยอลหน้าบึ้ง ปล่อยมือออกจากข้อมือเรียวก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น

     

                ไปเล่นกับอี้ชิงเลยไป ชอบนักไม่ใช่หรอคนหน้าตาดีๆ

     

     

                อันที่จริงแบคฮยอนน่ะชอบช่วงนี้ที่สุดเลย

     

                พี่ชานจ๋า ไม่เอาไม่โกรธแบค

     

                เขาชอบที่จะสับขาสั้นๆของตัวเองวิ่งตามจังหวะการเดินก้าวยาวๆของพี่ชานยอล ชอบขโมยจับมือใหญ่มากำไว้แล้วเขย่าเบาๆ แล้วก็ไม่โกรธด้วยหากพี่ชานยอลจะแกล้งสะบัดออก เพราะว่าเขาจะตามไปกุมไว้อีกที คราวนี้รับประกันว่าจับแน่นจนพี่ชานยอลดิ้นไม่หลุด

     

                สิวคุงโกรธหรอ อย่าโกรธเลยนะ โกรธมากๆเดี๋ยวสิวก็ขึ้นมาอีกเม็ดหรอก

     

     

                ง้ออย่างนี้ คนงอนคงจะหายโกรธ

     

     

                ชานยอลดึงมือออกจากมือนิ่มอย่างแรง เร่งฝีเท้าจนคนขาสั้นต้องวิ่งตามจนแก้มยุ้ยสะเทือน

     

     

                คุณสิวฮะ คุณสิวบอกพี่ชานยอลให้หน่อยสิว่าคนหน้าใสๆเขาไม่ขี้น้อยใจกันหรอก

     

                “...”

     

                คุณแว่นก็ได้ คุณแว่นบอกพี่ชานยอลให้หน่อยนะว่า...

     

     

                ปึ่ก!

     

                ดั้งเล็กแทบหักเมื่อปะทะเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มๆ แบคฮยอนลูบจมูกที่แดงก่ำอย่างน่าสงสารพลางช้อนตามองคนตัวสูงที่อยู่ดีๆก็ หยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้ากันเสียอย่างนั้น

     

     

                แสบนักใช่มั้ย?” ลูกชายเจ้าของไร่เก๊กหน้าขรึมถามเสียงเข้ม แบคฮยอนยิ้มร่าเพราะความโหดปลอมๆที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมานี่มันช่างขัดกับตัว ตนจริงๆเสียจนอดขำไม่ได้

     

                นอกจากง้อพี่ชานยอลด้วยการวิ่งตามไปจับมือแล้ว แบคฮยอนก็ยังชอบง้อพี่ชานยอลด้วยการป้อคำพูดหวานจ๋อยใส่อีกด้วย

     

     

                ไม่แสบเท่าไหร่หรอกครับสุดหล่อ

     

                ทำมาพูดดี

     

                เอ้า แบคพูดจริงๆนะ

     

                ที่บอกว่าพี่หล่ออ่ะนะ

     

                เปล่า อันนั้นแบคพูดเล่น ที่บอกว่าพูดจริงๆคือเรื่องสิวต่างหาก

     

     

                ไม่รอให้โดนโกรธเป็นครั้งที่สอง รอบนี้แบคยอนจับจังหวะการเคลื่อนไหวของชานยอลได้แล้ว ร่างเล็กกระโดดกอดคอคนพี่หมับ ริมฝีปากบางห่อเป็นก้อนกลมแล้วจูบแก้มอิ่มลงไปดังมั้วะ

     

     

                พี่ชานยอลก็รู้ว่าแบคก็พูดไปงั้น แซวนิดหน่อยแซวหน่อยเป็นไรไป

     

                “...”

     

                เพราะไงแบคก็ชอบพี่ชานยอลที่สุดอยู่ดี ต่อให้ขี้เหร่กว่าพี่อี้ชิงอีกซักสามขุมแบคก็ยังชอบ

     

     

                ชานยอลขมวดคิ้วมุ่น ถึงจะดีใจที่ถูกคนตัวเล็กกระโดดจูบก็จริง แต่ยังแอบเคืองกับเรื่องที่แบคฮยอนเปรียบเทียบเขากับอี้ชิง

     

     

                พี่แย่กว่าอี้ชิงขนาดนั้นเชียว

     

                ก็พี่อี้ชิงเขาหน้าใส

     

                เหอะ

     

                แต่พี่ชานยอลอ่ะน่ารักพูดไปก็ยิ้มหวานไปจนตาหยี ชานยอลมองรอยยิ้มพิสุทธิ์นั้นด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนเสียดอก

     

                แบค...เขากระซิบเรียกใกล้มุมปากเล็ก อันนี้คือจูบของแบคพูดพลางแตะริมฝีปากเบาๆบนแก้มขาวแล้วผละออก

     

                “...”

     

                ส่วนนี่คือจูบของพี่

     

                แบคฮยอนจำต้องหลบสายตาไป ใบหน้าของพี่ชานยอลเคลื่อนเข้ามาใกล้จนน่าหวาดหวั่น คำถามหลายประการผุดขึ้นมากมายภายในหัว ...พี่ชานยอลจะจูบหรือ? จูบที่ปากหรือ? จูบที่ปากก็เหมือนพวกผู้ใหญ่สิ? จะโดนแม่ดุรึเปล่า?

     

     

                แต่แล้วทุกคำถามก็พลันสลายหายไปพร้อมความรู้สึกวาบหวิวที่แทรกเข้าแทนที่ พี่ชานยอลจูบที่ริมฝีปากปากจริงๆตามทีเจ้าตัวเล็กนึกหวั่น

     

    ลิปบาล์มของพี่ชานยอลเป็นกลิ่นแอปเปิ้ลที่แบคฮยอนชื่นชอบ หวานๆ นุ่มๆ หยุ่นๆ และชวนตื่นเต้น

     

                แบคฮยอนจับบ่าแกร่งทั้งสองข้างก่อนจะลองลิ้มจูบชวนฝันนั้นด้วยตัวเอง คนตัวเล็กยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ห่อปากจูบตอบคนตัวสูงกว่า แต่แล้วก็ต้องผงะเมื่อลิ้นร้อนแลบออกมาเลียริมฝีปากของเขา

     

                ร้อนวูบวาบสลับกับเย็นยะเยือก ...จูบนั้นอัดแน่นด้วยความรู้สึกไหวสะท้าน หวานชื่นฉ่ำและดำดิ่ง ชานยอลเองก็เรียนรู้จากจูบนี้เป็นจูบแรก ค่อยเป็นค่อยไป เป็นทั้งครูและศิษย์ให้คนตัวเล็กที่ช่างน่ารักขโมยใจเขา

               

     

    อื้อ..พี่ ชานยอลแพขนตาที่กระพริบปริบของแบคฮยอนกำลังทำให้แก้มของเขาจั๊กจี้ ...ใกล้เพียงเอื้อมสัมผัส คนตัวเล็กอ่อนระทวย หน้าแดง กลีบปากแวววาวเคลือบด้วยระลอกน้ำ

     

                ชานยอลเกลี่ยไรผมบนหน้าผากของแบคฮยอนออกด้วยความอ่อนโยน

     

    นอกจาก รักเขาก็ยังคิดคำใดไม่ออกในช่วงเวลาที่ช่างหวานซึ้งเช่นนี้

     

     

     

    . . . . . . .

     

     

     

     

     

    เอ้า! ยังอยู่นี่อีกหรอเจ้าแบคเอ๊ย คุณเขาเรียกตั้งนานแล้ว มัวมายืนทำอะไรอยู่!

     

    เจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัว พอตั้งสติได้ก็รีบหันไปยิ้มแหยให้กับคุณลุงคนงานที่เดินตามมาเจอตัวจนได้

     

    ผมไปเดี๋ยวนี้แหละครับลุงว่าแล้วก็รีบวิ่งเร็วๆออกไปจากที่ตรงนั้นทันที

     

     

     

     

    ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วอึดใจ แบคฮยอนก็มาหยุดยืนอยู่หน้าเรือนไม้หลังใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง บริเวณล้านกว้างหน้าเรือนยังมีอนุสรณ์ของปาร์ตี้เล็กๆฉบับชาวไร่หล่นเกลื่อน อยู่หลายขวด คนตัวเล็กเดินเหม่อจนเตะขวดเหล้า และนั่นก็นำพาสติให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง

     

    ป้าแม่บ้านที่เก็บขยะอยู่ตรงทางเข้าเรือนโบกมือเรียกไหวๆ แบคฮยอนทำใจให้สงบก่อนจะสาวเท้าเข้าไปทำความเคารพ

     

     

    สวัสดีครับป้าจาง

     

    ไม่เจอกันนานเลยนะเจ้าแบค ไม่เหมือนน้องสาวเรา ป้านี่เจอบ๊อยบ่อย ก็ว่าแล้วเชียวว่ามันสวยเหมือนใคร

     

    ตาเรียวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจ ก่อนจะพยายามหัวเราะให้กับประโยคยาวๆเมื่อครู่ เพราะคิดว่ามันเป็นเพียงมุกตลกที่ป้าแม่บ้านหยิบขึ้นมาหยอกล้อเท่านั้น

     

    ไม่เจอกันนานอะไรครับป้า เมื่อวานผมก็เพิ่งมาที่นี่

     

    อ้าวหรอ สงสัยเมื่อวานป้าคงตื่นเต้นเรื่องคุณชานยอลมากไปหน่อย คิดอยู่ได้ทั้งวันว่าจะทำกับข้าวอะไรเลี้ยงคุณเขาดี ป้าแม่บ้านพูดไปก็ยิ้มไป เป็นยิ้มที่สุขใจเท่าที่หญิงชราวัยหกสิบกว่าๆคนหนึ่งจะพอยิ้มไหว

     

    ตัวงี้สูงเท่านี่

     

    แบคฮยอนหัวเราะกับท่าทางยืดตัวของแม่บ้านตัวเล็กที่พยายามจะลอกเลียนส่วนสูงของบุคคลที่กำลังกล่าวถึง

     

    กล้ามนะเป็นมัดๆ หน้านี่หล่อยังกะดาราหนัง ไม่รู้ว่าได้ค่านายหน้ามาจากพี่ชานยอลเท่าไหร่...แบคฮยอนคิดแล้วก็ได้แต่ ยิ้มขำจนหน่วยตาหวานหยีเป็นเสี้ยวพระจันทร์

     

    เออป้าก็ลืมถามไปเลยว่าแล้วเอ็งมาเรือนใหญ่ทำไม

     

    ชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทัน จะยิ้มก็ไม่ไหว จะเบะไปก็เห็นว่าไม่สมควร

     

    คุณเลย์เรียกผมมาน่ะป้า

     

    หือ คุณเลย์หรือ? ป้าเห็นออกไปธุระในเมืองตั้งแต่เช้ามืดแล้วนะ

     

    คิ้วเรียวเลิกขึ้นโดยอัตโนมัติ ก่อนจะเผลอเอียงคอเมื่อเกิดความสงสัย ก็เมื่อกี้ลุงโจสามีป้าเขาไปตามผมที่คอกวัว บอกว่าคุณเลย์เรียกพบ

     

    คำตอบนั้นทำเอาหญิงชราพลอยงุนงงไปด้วยอีกคน ก็ป้าเห็นกับตาว่าคุณเลย์น่ะขึ้นกระบะออกไปตั้งแต่ตีห้านู่น

     

    “...”

     

    ใช่คุณเลย์แน่เร้อออที่เรียกเอ็งนะแบคประโยคกรุ้มกริ่มมาในเชิงล้อเลียน ...เป็นอันรู้กันทั้งไร่เรื่องความสัมพันธ์ของเด็กน้อยแก้มกลมใสกับลูกชายคน ที่สองของคุณปาร์ค แม้เรื่องราวต่างๆจะผ่านมานานเป็นสิบๆปีแล้ว แต่ภาพเด็กหนุ่มสองคนบนรถจักรยานสีแดงที่ออกตระเวนไปทั่วทั้งกังยูยังเป็น ที่ติดตาของคนงานในไร่

     

     

    ป้าไปและ จะไปเตรียมอาหารกลางวันทิ้งระเบิดไว้แล้วก็ชิ่งทันที กระนั้นก็ยังไม่วายหันมาเย้าแหย่หนุ่มน้อยที่ยืนทำหน้าตาซื่อบื้ออยู่ที่ เดิม

     

    เอ็งอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกนะ เพราะดูท่าเอ็งจะได้นั่งร่วมโต๊ะกับลูกชายพ่อเลี้ยงแน่ๆ

     

     

    แม้จะซื่อ แต่แบคฮยอนก็ไม่โง่ถึงขนาดว่าจะแกะคำพูดของป้าแม่บ้านไม่ออก ...แต่พี่ชานยอลน่ะหรือจะอยากเจอเขา? ลืมกันไปแล้วสิไม่ว่า จดหมายสักฉบับก็ไม่เคยตอบ

     

     

    คิดแล้วก็หมุนตัวเดินกลับไปยังทางเก่า คราวนี้มีสติพอจะไม่เตะขวดเหล้าที่ยังคงวางตั้งอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม

     

     

     

    หน้าเรือนใหญ่ปลูกต้นแอปริคอตเรียงรายเต็มสองข้างทางเดิน แบคฮยอนค่อยๆเดินทอดน่องอย่างใจลอยจนดอกแอปริคอตสีขาวแกมชมพูหล่นใส่ศีรษะจน มองไกลๆเหมือนคนแก่หัวหงอกก็ไม่ปาน

     

    แก้มขาวแดงปลั่งตามอุณหภูมิบนภูเขาที่หนาวเหน็บแม้แสงแดดจะส่องลงมาจนสว่างจ้าไปทั้งอาณาจักรกังยูก็ตามที

     

     

    นี่เขาโดนใครแกล้งหรือเปล่าเนี่ย... ส่งลุงโจไปตามตัวมาพบ แต่ก็ไม่เห็นออกมาต้อนรับ ไอ้เขาหรอจะกล้าเข้าไปนั่งรอในเรือนใหญ่ สุดท้ายก็ได้แต่มาเดินวนไปวนมาอยู่หน้าเรือน หนาวก็หนาว ร้อนก็ร้อน จะกลับก็ไม่กล้ากลับ กลัวโดนข้อหาขัดคำสั่งเจ้านาย

     

     

    คิดแล้วก็หงุดหงิด แต่ติดตรงที่แสดงออกไม่ได้ เด็กเก็บกดก็เลยเดินเตะดอกแอปริคอตเล่นเสียอย่างนั้น กลีบเล็กหลายหมื่นหลายพันกลีบฟุ้งกระจายตามแรงอารมณ์ของแบคฮยอน เตะไปเตะมา ปลิวเข้าปากเสียอย่างนั้น

     

    แค่กๆ ฮื่อ อะไรกันเนี่ยบ่นงุ้งงินไปตามประสา ซักพักก็จามเพราะโดนพิษเกสรดอกไม้เล่นงานเข้าให้

     

     

     

     

    ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทุกท่าทาง ทุกกิริยาที่น่าเอ็นดูเหล่านั้นอยู่ในระบบสายตาของใครคนหนึ่งมาโดยตลอด

     

     

    ร่างสูงสง่าบนอาชาสีน้ำตาลเข้มค่อยๆควบคุมบังเหียนให้พาหนะคู่ใจของตนเดินย่องไป ยังทิศทางที่มีคนตัวเล็กกำลังทะเลาะอยู่กับมวลดอกแอปริคอต

     

     

    คุณเลย์นะคุณเลย์ เรียกให้มาหาแต่ตัวเองก็ดันหายไปไหนไม่รู้ เสียงหวานยังคงพึมพำ ปากคว่ำ ตาคว่ำ แต่ก็ไม่รู้ทำไมคนมองถึงได้รู้สึกว่ามันช่างน่ารักน่ามันเขี้ยว

     

     

    จากที่โกรธเคืองเจ้าเด็กแสบที่ทำรุ่มร่ามกับสัตวแพทย์ประจำไร่ให้เขาเห็นกับตา ไหนจะโดดไปเล่นน้ำกับคนงานชาวจีนคนนั้นอีก ... กลายเป็นว่าโทสะทั้งหมดดันอันตธานหายไปเพียงเพราะใบหน้าจิ้มลิ้มกับบรรยากาศ เป็นใจเท่านั้นเอง

     

     

     

    เสียงฝีเท้าของม้าพันธุ์เธอร์รัพเบรตกำลังทำให้แบคฮยอนสับสน ว่าเสียงนั้นเกิดจากเสียงพื้นรองเท้าของเขาหรือว่าสิ่งแปลกปลอมอื่นกันแน่

     

     

    คนตัวเล็กหยุดทุกการกระทำและยืนแข็งทื่ออยู่กับที่เพื่อเงี่ยหูฟังเสียงเกือก ม้ากระทบพื้นดังกุกกัก คนบนอาชาคุมบังเหียนให้ม้าหนุ่มหยุดเดิน

     

    เขาอยู่ใกล้คนตัวเล็กพียงไม่กี่ก้าว รอแค่ให้เจ้าตัวเป็นฝ่ายหันมาพบก็เท่านั้น

     

     

     

     

     

    ใจดวงน้อยหวีดหวิวแปลกๆ เหมือนมีลางสังหรณ์ที่นำพาไปในแง่อ่อนหวานเสียจนน่าประหลาดใจ

     

    เส้นเลือดใหญ่น้อยพากันเต้นตุบตับ แบคฮยอนค่อยๆหันหน้าช้าๆ ..ตื่นเต้น คาดหวัง ลุ้นระทึก และยินดี ความรู้สึกต่างๆประดังประเดขึ้นมาในระหว่างที่องศาการทำมุมของใบหน้าเพิ่ม มากขึ้น

     

     

    พี่ชานยอล...

     

     

    แบคฮยอนลืมกระทั่งวิธีที่มนุษย์ใช้หายใจ ลืมทิศเหนือทิศใต้ ลืมเวลานาที

     

     

    เหมือนธรณียึดเท้าและพสุธาหยุดหมุน การเดินทางนั้นแน่นอนว่าเป็นสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปกว่าการกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกแล้ว

     

     

    แม้จะรู้มาได้ซักพักแล้วว่าพี่ชานยอลกลับมาที่ไร่ แต่การได้เห็นชัดๆตรงหน้า มันเกินกว่าจะนำความรู้สึกทั้งหมดที่มาบรรยายเป็นบทความ กระทั่งคำพูดก็ยากเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ย

     

     

    ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะหล่อเหลาเอาการเสียเพียงไหน แวบแรกที่แบคฮยอนหันไปเห็น ปาร์คชานยอลก็ยังคงเป็นเพียงเด็กหนุ่มรูปร่างสูงผอม ขายาวเก้งก้าง สวมแว่นสายตาหนาเตอะ แถมยังมีสิวบวมเป่งประดับอยู่ที่โหนกแก้มด้านขวา

     

     

     

    เวลาสิบกว่าปีแห่งการรอคอย สิ้นสุดลงอย่างเด็ดขาด...

    แบคฮยอนเหมือนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาดังติ๊กๆ ...เวลาของเขาได้ออกเดินทางอีกครั้งเสียที

     

     

    ชายหนุ่มที่ดูดีราวกับหลุดออกมาจากแม็กกาซีนเหวี่ยงกายลงมาจากอาชาสีน้ำตาลเข้ม คราวนี้แบคฮยอนเห็นปาร์คชานยอลชัดเจน เขาสง่างามจนไม่กล้าเรียกว่าพี่ชานยอลอีกแล้ว สูงใหญ่ สะอาดสะอ้าน สุขุม และน่าเกรงขามไปตามวัย

     

     

    มือใหญ่ยื่นออกมาตรงหน้าราวกับจะขอเต้นรำ เจ้าชายรูปงามโค้งกายเล็กน้อย ก่อนเผยรอยยิ้มที่แบคฮยอนรอจะได้เห็นเป็นเวลานานกว่าสิบปี

     

     

    คุณนางไม้ประจำต้นแอปริคอตครับ...ผมคิดถึงคุณ

     

     

     

     

     

     

     

     

    . . . . . . . . . . . . . . .

     

     

     

     

    ถ้าพี่ชานเป็นอย่างนี้ทั้งเรื่องก็ดีนะ 5555555555555555

    แน่นอนว่าไม่เป็น แป่ว

    รัวมา 4 ตอนรวด เชื่อว่าหลายคนยังไม่กล้าอ่านอยู่ดี

    เพราะเข็ดกับคนแต่ง แป่ว

     

    ตอนแรกจะใช้แท็ก #มิ่ง แต่มีคนใช้ไปแล้ว ไม่ได้เป็นฟิคด้วย

    เหมือนเป็นชื่อคนหรืออะไรซักอย่างนี้แหละ

     

    ขอเปลี่ยนมาใช้แท็ก #พายุพี่ชาน ล่ะกันนะ 55555555555

     

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×