ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♡ มิ่ง ` {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #21 : ' มิ่ง : 16

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.54K
      11
      8 ก.พ. 58



     

     

    คนเรามักมีช่วงเวลาแห่งการตราตรึง

     

    ว่ากันว่าเป็นช่วงเวลาที่สั้นกว่าการดีดนิ้ว แต่กลับติดตรึงในใจไปชั่วชีวิต

     

    วินาทีที่เท้าซ้ายแตะบันได ชานยอลตัดสินใจหันหน้าไปมองสองสามีภรรยาอีกครั้ง เขาเห็นว่าเลย์เองก็กำลังจ้องเขาอยู่เช่นกัน สายตาอ่านยากเทียบเท่ารอยยิ้มของโมนานิซ่า ส่วนแบคฮยอน รายนั้นทรุดตัวลงไปนั่งขดอยู่กับพื้น ชันขาทั้งสองข้างกอดเอาไว้เป็นก้อนกลม ใบหน้าซบอยู่ที่เข่า แต่ตะแคงมองไปทางเลย์ เผยอปากเหมือนจะพูดอะไรซักอย่าง แต่แล้วก็เลือกที่จะหวีดเสียงสะอื้นออกมาก่อนจะพลิกหน้าลงซบเข่าทั้งสองข้างแทน

     

    การเลือกจะหลบหนีของแบคฮยอนติดตรึงในใจเขา

     

    ชานยอลก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไม ทว่าภาพนั้นสลักลงในความคิดเขาอย่างฉับพลัน และทรงอิทธิพลจนทำให้หัวใจของเขาม้วนตัวราวกับเป็นเกลียวคลื่น มันเคลื่อนเข้ากระทบชายฝั่งอย่างรุนแรงจนทั้งร่างไหวสะท้าน

     

    ร่างสูงผินหน้าออกจากภาพนั้น เท้าขวาแตะบันไดอีกขั้นแล้วยันตัวขึ้นสูง เมื่อขึ้นมาจนถึงชั้นสอง ชานยอลจึงค่อยๆปล่อยน้ำตาออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง แปร่งปร่าไปทั้งหัวใจจนต้องยกมือขยำแผ่นอกข้างซ้าย หวังว่ามันจะบรรเทาอาการปวดลึกได้โดยเด็ดขาด แต่ไม่เลย เขายังคงรู้สึกเจ็บปวดต่อไป แม้กระทั่งล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มและหลับลึกแล้วก็ตาม

     

     

     

     

     

     

    การประชุมด่วนเกิดขึ้นทันทีเมื่อเช้าวันถัดไปมาถึง

     

    แม้จะไม่มีการแจ้งหัวข้อการประชุมให้สมาชิกทราบล่วงหน้า ทว่าทุกคนต่างก็รู้กันโดยนัยและสัญชาตญาณว่าการตัดสินชะตาของไร่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว

     

    ชานยอลเลือกสวมเสื้อคอจีนตัวเก่ง ตัวเดียวกับที่เขาเคยใส่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ขอบคุณทหารผ่านศึกที่รัฐจอร์เจีย

     

    ชายหนุ่มที่สะท้อนภาพอยู่ในกระจกดูแก่กว่าอายุจริงเพราะทรงผมเปิดหน้าผากและปาดเรียบ ไม่มีรอยยิ้มใดๆ ทั้งตัวอยู่ในชุดสีดำสนิท ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ภายในใจเขากลับร้อนระอุ เลือดนักสู้ไหลเวียนเร่งเร้า ทว่าไม่ใช่การต่อสู้เพื่อผดุงความยุติธรรมหรือเห็นแก่ความถูกต้อง มันก็แค่การที่เขารู้สึกสูญเสียมากพอแล้ว ถึงคราวที่เขาต้องเอาชนะบ้าง

     

    เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยของรูปลักษณ์เสร็จสมบูรณ์ ปาร์คชานยอลก็ออกจากห้องส่วนตัว เดินอย่างสง่างามทุกฝีก้าวตรงไปยังห้องประชุมปีกขวา

     

    จางอี้ชิงมาถึงพร้อมเขาพอดี ร่างโปร่งอยู่ในชุดสูทสีเทาเข้ม ปกเสื้อที่ถูกกรีดมาจนคมกริบทำให้ชานยอลลนึกเหยียดในความพยายามเกินพอดี ที่พี่ชายต่างสายเลือดของเขามีเสมอมา

     

    เลย์ไม่ยิ้มทักทายเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ก็ยังผายมือให้เขาเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้าไปก่อน ชานยอลจึงดันบานไม้กรอบทองเข้าไปในห้องโถง

     

    ห้องนี้กินพื้นที่มากที่สุดในตัวบ้าน เป็นห้องประชุมขนาดย่อมที่ส้รางไว้รองรับหุ้นส่วนและพวกผู้บริหารรายอื่นที่นานๆครั้งจะมารวมตัวกันสักที แล้วแต่วาระการประชุม ส่วนมากเก้าอี้ประจำตำแหน่งจะไม่เคยเต็ม มันมักพร่องเกินหนึ่งในสามส่วน ทว่าวันนี้ในห้องกลับคึกคัก ชานยอลรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอนั้น มันลอยกระทบหน้าทันทีที่เปิดประตูเข้าสู่โลกธุรกิจ

     

    มีสิ่งหนึ่งที่สะกิดใจเขาอย่างยิ่งยวด สิ่งที่เขาไม่เคยนึกหวั่นใจมาก่อนเพราะคิดมาเสมอว่าอย่างไรเสียก็ถือไพ่เหนือกว่าในฐานะลูกแท้ๆของปาร์คกังยู เขาไม่เคยคิดว่าเลย์เป็นคู่แข่ง กลับกัน เขามักคิดเสมอว่าถ้าอยากเป็นพ่อเลี้ยงก็จะได้เป็น อยากจะสละให้เลย์เล่นๆเสียก็ยังได้

     

    เขาดูถูก ความพยายามเกิดพอดีของเลย์มากเกินไป

     

    หุ้นส่วนในที่ประชุมกว่า 70% สวมสูทสีเทา กรีดปกคมกริบ สัญลักษณ์ทางเครื่องแต่งกายที่บอกโดยนัยว่าตนถือหางข้างใครนั้น สร้างความกรุ่นโกรธให้เขาไม่น้อย และปาร์คชานยอลก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ที่เลย์ชอบหายไปจากไร่ครั้งละนานๆ ก็เพื่อไปสร้างคอนเน็คชั่น

     

    ร่างสูงเก็บความรู้สึกไว้อย่างมิดชิดภายใต้ท่าทีน่าเกรงขามราวพยัคฆ์หินอ่อน เขาเดินไปนั่งยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งถัดจากผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ และนับหนึ่งไม่ถึงสาม เลย์ก็ตามมานั่งที่ด้านซ้ายของปาร์คกังยู

     

    “ผมขอเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการเลยก็แล้วกัน” พ่อเลี้ยงคนปัจจุบันกล่าวเรียกขวัญหุ้นส่วนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ชานยอลมองลักยิ้มของพ่อที่เหมือนกับเขาราวกับเคาะพิมพ์แล้วเกิดความคิดหนึ่งในใจ ...เขาไม่มีวันเป็นได้อย่างพ่อ

     

    พ่อเป็นผู้กว้างขวางของจังหวัด มากด้วยผู้คนรายล้อม นับหน้าถือตา แต่ในคืนนั้น คืนที่พ่อแง้มประตูมาเจอเขากกกอดอยู่กับแบคฮยอน การสมสู่ที่ไม่แยกเพศ ไม่คำนึงถึงวัยราวกับสัตว์เดรัจฉาน เขารีบสวมเสื้อผ้าแล้วตามพ่อเข้าไปในห้องทำงาน

     

    คืนนั้น พ่อไม่ต่อว่าเขาเลยสักคำ แต่กลับโทษตัวเองที่รักเขาไม่มากพอ ทำให้เขาโหยหาความรักแบบผิดๆ พ่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดม่านค้างไว้จนเห็นดวงจันทร์นวลผ่อง พูดขอโทษกับท้องฟ้านับร้อยนับพันครั้ง คล้ายกับจะส่งข้อความไปถึงผู้ที่จากไปยังดินแดนอันแสนไกล

     

    พ่อขอโทษแม่ที่เลี้ยงดูเขาไม่ดี ทั้งๆที่แม่คงจะมองอยู่และหวังจะเห็นเขามีครอบครัวที่อบอุ่น ใช้ชีวิตไปอย่างสุขนิยม พ่อร้องไห้ ...คืนนั้นเป็นคืนที่หัวใจของเขากับพ่อแตกสลาย

     

    ชานยอลรู้แล้วว่าพ่อรักเขาเพียงใด ใจดีเพียงใด และเจ็บปวดเพียงใดกับทางเลือกของเขา

     

    แต่เขาไม่มีวันเป็นแบบพ่อได้ เพราะหากจะให้เขาเลือกระหว่างแบคฮยอนกับไร่ เขาจะเลือกแบคฮยอน ไม่เหมือนพ่อที่เลือกไร่ แต่ไม่เลือกแม่

     

    เขาไม่ได้รักไร่อย่างสุดหัวใจอย่างที่พ่อรัก กระนั้นก็ยังเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรเสีย เขาก็เหมาะกับกังยูมากกว่าอสรพิษอย่างจางอี้ชิง

     

    “ก่อนอื่นผมขอแนะนำลูกชายผมอย่างเป็นทางการ ผมว่าทุกท่านคงสืบประวัติเขามาอย่างดีแล้ว แต่อย่างไรก็ขอให้ลูกชายผมได้แนะนำตัวบ้าง” พ่อเลี้ยงพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนแตะไหล่ชานยอลเบาๆให้ยืนขึ้น

     

    ด๊อกเตอร์ปาร์คยืนขึ้นเต็มความสูง กวาดสายตาไปโดยรอบ ก่อนจะโค้งศีรษะแล้วนั่งลง ปราศจากคำทักทายใด

     

    เสียงปรบมือล้อเลียนดังขึ้นเคล้าเสียงหัวเราะเยาะเย้ย ชานยอลคอแข็ง คิ้วกระตุก แต่ยังเก็บอารมณ์ไว้

     

    “ที่ผมเชิญทุกท่านมาในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทุกท่านต่างก็รอคอยกันอยู่แล้ว” ปาร์คกังยูเกริ่นอย่างตรงไปตรงมา เรียกให้ผู้เข้าประชุมทุกคนหยุดความขบขันและผึ่งหูฟังอย่างตั้งใจ

     

    “ใครๆก็พูดว่าผมเหมาะสมกับตำแหน่งพ่อเลี้ยงที่สุด แต่ก็ไม่รู้ทำไม ถามกันอยู่ได้ว่าผมจะวางมือเมื่อไหร่ ซึ่งวันนี้ผมก็เห็นเป็นฤกษ์งามยามดี ลูกชายของผม ปาร์คชานยอล จบการศึกษาระดับปริญญาเอก ตรงสาขา ครอบคลุมทั้งบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมการเกษตร...”

     

    “ผมขอคัดค้านครับ”

     

    มารยาททรามเสียจริง... ชานยอลตำหนิหุ้นส่วนที่ยกมือขึ้นคัดค้านทั้งๆที่พ่อเขายังพูดไม่จบในใจ

     

    “ถึงลูกชายของพ่อเลี้ยงจะมีประวัติด้านการศึกษาที่ถือว่าเป็นเยี่ยม แต่ความสำเร็จในอดีต การันตีความสำเร็จในอนาคตไม่ได้ จริงไหมครับ?”

     

    “แต่คำสบประมาทของคุณ ก็การันตีผมไม่ได้เช่นกัน” ชานยอลตอกกลับทันควัน ดวงตาคมวาวโรจน์อย่างน่ากลัว จนพ่อเลี้ยงที่นั่งอยู่ถัดไปต้องเขี่ยขาลูกชายเบาๆที่ใต้โต๊ะ และกระแอมให้รู้สำนึกเป็นเชิงว่ายังไม่ใช่ตาของแกที่จะพูด

     

    “แต่ผมเห็นด้วยกับที่คุณคิมพูดนะครับ” หุ้นส่วนอีกคนที่อยู่ในสูทสีเทารีบทำตัวเป็นกองกำลังเสริม “พ่อเลี้ยงเห็นไร่เป็นสนามเด็กเล่นหรือยังไง ถึงได้ให้เด็กมาเล่นขายของแบบนี้ นี่มันชีวิตจริงนะครับ เจ๊งจริง เจ็บจริง ปาร์คชานยอลยังไม่มีประสบการณ์ จะเอาเรื่องเรียนเก่งมาวัดไม่ได้”

     

    “แล้วเรื่องที่สถานีตำรวจนั่นอีก จับคนงานในไร่เข้าคุก ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเข้าใจผิด อย่างนี่น่าขายหน้านะครับ ตอนผมรู้ข่าว ผมยังคิดเลยว่าลูกชายพ่อเลี้ยงคนนี้ใช้ไม่ได้ ไม่รู้ระบบการทำงานในไร่เลยหรือยังไง แถมสินค้าที่ตำรวจยึดไปเป็นของกลางก็ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับออร์เดอร์ทันตามกำหนด เราต้องเสียเครดิตไปตั้งเท่าไหร่” ชายหัวล้านดูท่าทางอารมณ์ร้อนอีกคนรีบใส่ไฟ ส่วนคนถูกใส่ไฟได้แต่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เพราะที่กล่าวหามาก็มีส่วนถูก  

     

    “แล้วถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าใครเหมาะสมล่ะ?” พ่อเลี้ยงยิงคำถามที่ทำให้ทุกชีวิตเงียบกริบ เลย์กระหยิ่มยิ้มในใจก่อนจะส่งซิกให้พรรคพวกที่เตรียมการกันมาแล้วเป็นอย่างดีเร่งดำเนินการต่อ

     

    “ผมคิดว่าลูกชายคนโตของพ่อเลี้ยงเหมาะสมกว่าครับ ถึงเขาจะอายุไม่มากในเชิงธุรกิจ แต่ก็ยังมากกว่าปาร์คชานยอล เขาพิสูจน์ฝีมือมาแล้วเป็นสิบๆปี มีทั้งลูกไล่ ลูกรุก ผมว่าเขาเหมาะจะบริหารงานในไร่ของเรามากกว่า”

     

    “อย่างนั้นหรือ” พ่อเลี้ยงเพียงแค่ถามกลับในลำคอ สีหน้าท่าทางคิดตามอย่างคนมีเหตุผล

     

    “เลย์รู้จักกังยูเป็นอย่างดี ขยันหาเส้นสายจนทำให้เราส่งออกกล้วยไม้ไปออสเตรเลียได้ ผมก็คิดว่าเขาสมควรแก่ตำแหน่งที่สุดครับ”

     

    ความคิดเห็นแทบจะเป็นไปในเสียงเดียว พ่อเลี้ยงยังคงนั่งเฉย สุขุมราวกับน้ำนิ่งไหลลึก เขาฟังคำพูดสรรเสริญเยินยอบุตรบุญธรรมอยู่ได้ซักพัก จึงเอ่ยปาก...

     

    “ไม่ใช่ว่าลูกชายคนโตของผมให้สัมปทานโรงงานของคุณหรอกหรือคุณคิม? เลย์เป็นคนเก่ง อันนี้ผมไม่เถียง ผมรักลูกของผมอย่างเท่าเทียม แต่ดูเหมือนพวกคุณจะสปอยล์ลูกชายของผมเกินไปแล้ว พวกคุณนั่นล่ะที่ทำให้เขาบูดเบี้ยวจนไม่เหมาะกับตำแหน่งพ่อเลี้ยง”

     

    “...”

     

    “เลย์กับพวกคุณมีหัวเชิงธุรกิจ ซึ่งธุรกิจแสวงหาเอาแต่ผลกำไร แต่นโยบายของผม คือทุกคนที่กังยูเป็นครอบครัว เราดูแลคนไปพร้อมๆกับงาน ถ้าผมปล่อยให้เลย์ดำรงตำแหน่ง อันดับแรกเขาก็จะต้องตอบแทนบุญคุณของพวกคุณที่สนับสนุนจนเขาไปถึงจุดนั้นได้ เขาจะต้องเลิกจ้างคนงานมากกว่าครึ่ง เพื่อรับเอาคนงานต่างด้าวจากบริษัทที่คุณด๊อกซูเป็นเอเย่น”

     

    ชานยอลมองผู้เป็นพ่ออย่างตกตะลึงไม่แพ้หุ้นส่วนคนอื่นๆ พ่อเขาอ่านเกมการเมืองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง และกำลังพูดออกมาจนหมดเปลือก ซึ่งมันถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงเหลือเกินในความคิดของเขา

     

    “และเลย์ก็จะต้องเปิดโครงการทำรีสอร์ทยักษ์ใหญ์ โดยให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างของคุณคิมมาดำเนินการ แน่นอนว่าไร่เราจะต้องเสียส่วนต่างอันไม่จำเป็นเป็นเม็ดเงินมหาศาล เพราะคุณได้รับสัมปทานแต่เพียงผู้เดียว”

     

    “...”

     

    “สำหรับผม ลูกชายคนนี้เก่งมาก เขาควรทำหน้าที่ที่ปรึกษาต่อไป ช่วยแนะแนวทางธุรกิจ แต่ไม่คู่ควรกับอำนาจตัดสินใจ เพราะเขาติดหนี้บุญคุณพวกคุณเยอะเหลือเกิน”

     

    สิ้นคำบอกกล่าว ทั้งห้องก็ดำดิ่งลงสู่ความเงียบ ราวกับมีไอเย็นเยือกเกาะไปในทุกอณู ไม่เว้นแม้กระทั่งลมหายใจ

     

    พ่อเลี้ยงรู้มาโดยตลอดว่าเลย์ทำอะไรลงไปบ้างและตกเป็นทาสความคิดของพวกหิวเงินอย่างไร เพราะต้องการหาพรรคพวกมาถ่วงดุลอำนาจกับน้องชาย เลย์จึงต้องยอมขายวิญญาณและศีลธรรมไปจนหมดสิ้น

     

    กระนั้นก็ยังมีผู้กล้าคนหนึ่งยกมือเถียง “คุณมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาพวกผมกันครับพ่อเลี้ยง ตอนนี้คุณดูไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย ความรักต่อลูกมันไม่ผิดหรอกครับ แต่มันกำลังมากเกินไปและถูกใช้ไปในทางผิดๆ”

     

    “ผมว่าเถียงกันไปก็เท่านั้น เราน่าจะโหวตกันอย่างประชาธิปไตยมากกว่านะครับ” ประโยคนี้เลย์เป็นคนพูด ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบไปชั่วอึดใจ

     

    พ่อเลี้ยงหันไปเผชิญหน้ากับบุตรบุญธรรมของตัวเองตรงๆ เลย์กำลังเจ็บปวดที่ถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่ลูกอีกครั้ง ภายใต้ความสุภาพอ่อนโยนของเลย์ ปาร์คกังยูเห็นเพลิงไฟอันแรงกล้าที่กำลังโหมกระพือและยากที่จะมอดดับ เลย์ต้องทนความลำเอียงนี้มาตั้งแต่เด็ก ต้องทนฟังถ้อยคำที่รังแต่จะกดเขาให้อยู่ต่ำกว่าฝ่าเท้าของน้องชายต่างสายเลือด ต้องเป็นเบอร์สอง เป็นตัวสำรองทั้งๆที่พยายามพิสูจน์ฝีมือจนสายตัวแทบขาด

     

    และวันนี้ คนที่เขานับถือให้เป็นดังพ่อแท้ๆ ก็กำลังฉีกทึ้งหัวใจของเขาจนขาดวิ่นอีกครั้ง แต่ก็ช่างประไร เพราะอย่างไรเสียมันก็ขาดยับเยินมาตลอดทั้งชีวิต

     

    เขาไม่เคยได้รับคำชม ไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่ดี ไม่เคยได้รับในสิ่งที่เขาควรจะได้ ฉะนั้น มันผิดหรือที่เขาจะลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์อันชอบธรรมให้กับตัวเองบ้าง

     

    เขาก็เป็นเช่นหมาจนตรอก หากปาร์คชานยอลสู้เต็มสิบ เขาก็ยืนยันได้เลยว่าเขาสู้มากกว่านั้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า!

     

     

     

     

    . . . . .

     

     

     

     

     

    “พ่อไม่น่าทำแบบนั้นเลย ฆ่าตัวตายชัดๆ!!

                                              

    ชานยอลตบโต๊ะดังปัง หลังจากที่ผู้เข้าประชุมคนอื่นๆทยอยออกจากห้องไปจนหมดแล้ว เหลือไว้แค่เขากับพ่อ ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกันเท่าไหร่

     

    “ก็ต้องลองวัดกันดู”

     

    “ลองวัดกันดู? พ่อเห็นไร่เราเป็นเรื่องเล่นๆรึไง!

     

    “แล้วแกคิดว่าการที่ฉันเอาทั้งหุ้นทั้งตำแหน่งตัวเองไปแขวนบนเส้นด้ายแบบนั้น ฉันทำไปเล่นๆหรือ?”

     

    นั่นล่ะ คนเป็นลูกถึงได้ยอมสงบปากสงบคำ พลางปลดกระดุมเสื้อคอจีนของตัวเองลงเพื่อคลายความอึดอัด

     

    “หลังจากนี้ไปหนึ่งเดือน แกต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่"

     

    ชานยอลฟังคำฝากฝังกลายๆแล้วได้แต่ถอนหายใจทิ้ง จากนี้ไป พ่อเขาจะไปพักผ่อนที่ต่างประเทศนานถึง 90 วัน เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้เขาทดลองงานเป็นพ่อเลี้ยง โดยมีเงื่อนไข 3 ประการ

     

     

    หนึ่ง... เมื่อวาระการประชุมครั้งหน้ามาถึง เขาจะต้องได้รับการโหวตจากผู้ถือหุ้นครบทั้ง 100% นั่นหมายความว่า เขาจะต้องทำให้บรรดาพวกสูทสีเทายอมรับในตัวเขาให้ได้

     

    สอง... เขาจะต้องทำกำไรในไตรมาสนี้ให้สูงกว่าไตรมาสที่แล้ว ไม่มีกำหนดขั้นต่ำ แค่ขอให้มากกว่าที่เป็นอยู่ก็ถือว่าผ่านการทดลอง

     

    และสาม... เขาจะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ทันที ถ้าทำผิดร้ายแรง

     

     

    คราวแรก หุ้นส่วนยังไม่ยอมตกลง พ่อเขาจึงใช้วิธีเดิมพันหมดหน้าตัก โดยจะเทหุ้นทั้งหมดที่ตัวเองถือครองอยู่ออกสู่ตลาด ถ้าสามเดือนนี้เขาทำไม่สำเร็จ

     

    เลย์กับพรรคพวกจึงเปลี่ยนท่าที รีบร่างสัญญากันยกใหญ่ ดูก็รู้ว่าอยากจะเขี่ยพ่อเขาออกจากกังยูมาตั้งนานแล้ว

     

     

    “พ่อประเมินสูงเกินไป ผมทำไม่ได้แน่” ชานยอลอดจะบ่นออกมาไม่ได้ ตอนนี้เขาเป็นกังวลจนเส้นเลือดในสมองพากันเต้นตุบๆ

     

    “ก็เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงได้ไปสำรวจที่ทางที่อเมริกาไว้ก่อน พอแกกับฉันโดนเด้งออกจากไร่ปุ๊บ จะได้ไปเริ่มใหม่กันที่นั่นปั๊บ” พ่อเขาพูดแหย่ถึงเรื่องที่ตัวเองกำลังจะเดินทางไปพักผ่อนที่อเมริกา

     

    “โถพ่อ อย่าพูดเล่นสิ” ชานยอลครางอย่างหมดท่า หมดสิ้นแล้วกับมาดพยัฆค์ที่เคยวางฟอร์มไว้ “แต่ยังไงผมก็ต้องขอบคุณพ่อมากที่เชื่อใจผม”

     

    คนสูงวัยกว่าจุดยิ้มอ่อนโยนพร้อมหัวเราะเบาๆ เขาเฝ้ามองลูกชายที่ถอดแบบมาจากเขาอย่างรักใคร่

     

    “อย่าเลย ฉันเองก็ไม่ได้ใจดีกับแกทุกเรื่องหรอก”

     

    “ผมรู้...”

     

    “อย่าลืมล่ะชานยอล ไม่ว่าแกจะทำอะไร แม่แกจะคอยมองอยู่บนสวรรค์ตลอดเวลา แม่หวังให้แกมีคู่ครองที่ดี มีชีวิตที่ดี”

     

    “เหมือนอย่างที่พ่อเป็นหรอครับ”

     

    “...”

     

    “พ่อมีความสุขจริงๆหรอครับ กับการมีทุกอย่าง แต่ไม่มีแม่”

     

    สองสายตาของคนต่างวัยทอดสบกันอย่างมีความหมาย สุดท้ายลูกชายก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ให้กับริ้วรอยที่บ่งบอกว่าผ่านโลกมามากของผู้เป็นพ่อ

     

    “อย่าซีเรียสเลยครับ ผมก็แค่ถามเฉยๆ”

     

    ปาร์คกังยูผุดลุกขึ้นเต็มความสูง บิดขี้เกียจ ก่อนจะร่ำลาชานยอลเป็นการทิ้งทวนครั้งสุดท้าย

     

    “เลย์ฉลาดในการใช้คน แกก็ต้องเอาอย่างเขาบ้าง อย่าลืมมองหากัลยาณมิตรดีๆซักคน คนที่จะช่วยให้แกผ่านพ้นสามเดือนนรกแตกนี้ไปให้ได้”

     

    “ครับ...” ร่างสูงครางรับเบาๆ

     

    ในใจเขานึกถึง บยอน แบคฮยอน แต่เพียงผู้เดียว

     

     

     

     

    . . . . .

     

     

     

     

    กัลยาณมิตรที่ชานยอลกำลังมองหา ตอนนี้นั่งกอดเข่าอย่างหมดสภาพอยู่ข้างเตียงนุ่ม เลย์ไม่ให้สิทธิ์แม้กระทั่งนอนบนเตียงกับเขาเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นตั้งแต่เมื่อวานจนกระทั่งตอนนี้ แบคฮยอนจึงถูกโซ่ล่ามไว้กับขาเตียง ให้นั่งแหมะอยู่กับพื้นแข็ง ไม่ต่างอะไรกับสุนัขตัวหนึ่ง

     

    ทั้งนี้ทั้งนั้น แบคฮยอนก็ยังนับว่าเขาโชคดี เพราะเมื่อคืนเลย์วุ่นกับเรื่องวางแผนจนไม่มีเวลาเฆี่ยนตีเขา

     

    ทว่าคนตัวเล็กก็ต้องมาวัดดวงอีกรอบ เมื่อเสียงปลดกลอนประตูดังขึ้น

     

    เลย์เข้าห้องมาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม พอเห็นภรรยาคู้ตัวอยู่ข้างเตียง ก็อุตส่าห์ใจดี ใช้เท้าเขี่ยจานอาหารเข้าไปใกล้ๆให้

     

    “ไม่หิวหรือ?” เขาถามน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังเป็นอย่างยิ่ง แต่แบคฮยอนไม่มีอารมณ์ตอบ ทั้งเกลียดทั้งกลัวจนไม่อยากเสวนาด้วย

     

    “เมื่อคืนไปเสียตัวให้น้องชายฉันมารึ เป็นไงล่ะ มันยังเอามันเหมือนเมื่อตอนเด็กๆมั้ย”

     

    แบคฮยอนหันไปส่งสายตาแค้นเคืองให้คนพูด เขาเกลียดที่เลย์รู้อดีตของเขากับชานยอล เขาเกลียดที่เลย์ใช้ความลับนี้เป็นหนึ่งในข้อต่อรอง เพื่อที่จะลากเขาลงอเวจีขุมที่ลึกที่สุด

     

    “ตอนนี้ไอ้ตัวผู้ของมึง มันได้ขึ้นเป็นพ่อเลี้ยงสมใจมึงแล้วนะ สงสารมันกับพ่อฉิบหายที่ยอมแลกอนาคตทั้งชีวิตกับเวลาแค่สามเดือน คอยดูเถอะ กูจะทำให้สามเดือนนี้เป็นสามเดือนที่มันทรมานจนอยากจะตายตามแม่มันไปซะให้พ้นๆ”

     

    คนตัวเล็กกำหมัดแน่น พยายามพูดย้ำกับตัวเองในใจว่า เลย์ก็แค่พูดพล่ามเท่านั้น เดี๋ยวเหนื่อยก็คงหยุดพ่นน้ำลายไปเอง

     

    “อ่อ กูลากพ่อมึงลงมาอยู่ห้องรวมแล้วนะ พยาบาลพิเศษกูก็เลิกจ้างไปแล้ว”

     

    “คุณ!!” คนตัวเล็กหลุดพูดจาด้วยในที่สุด เลย์ยิ้มสะใจที่เห็นว่าเขาเอาชนะแบคฮยอนได้

     

    “ไหนคุณสัญญาแล้วไงว่า ตราบใดที่ผมยังไม่บอกเรื่องที่ถูกคุณบังคับกับใคร คุณจะดูแลพ่อผมเป็นอย่างดี!

     

    “หุบปาก!!” เลย์ตะคอกดังลั่น เท้าหนาเตะจานข้าวข้างกายคนตัวเล็กจนมันคว่ำหกกระจาย

     

    “ทำตัวยังกับกะหรี่หนีตามผู้ชาย มึงยังจะมีหน้ามาต่อรองกับกูอีกหรอ!

     

    เลย์เองเป็นพวกอารมณ์แปรปรวนอยู่แล้ว เมื่อได้แสดงความก้าวร้าวออกมาในระดับหนึ่ง ยิ่งกับคนไร้ทางสู้ เขายิ่งอยากกระทำรุนแรงให้สาแก่ใจ

     

    “คุณนั่นแหละ ไอ้คนหลอกลวง! คุณผิดสัญญา! ต่อไปนี้ผมจะไม่ทนกับคุณอีกแล้ว!

     

    “มึง!!” ร่างโปร่งกระโจนทับแบคฮยอนไว้ทั้งตัว ถลึงตาใส่อย่างดุดัน “มึงจะไปอยู่ข้างไอ้ชานยอลทำไม มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว!

     

    “คุณต่างหากที่จะไม่เหลืออะไร ยังไงเลือดก็ข้นกว่าน้ำ ต่อให้คุณเก่งกว่านี้อีกซักร้อยเท่า พ่อเลี้ยงก็ไม่มีทางเห็นลูกไม่แท้อย่างคุณดีกว่าพี่ชานยอลหรอก!!

     

    เรียกได้ว่าคำพูดแทงทะลุใจดำเข้าพอดิบพอดี เลย์โกรธจนหน้ามืด สองมือตรงเข้าบีบลำคอระหงสุดแรงเกิด

     

    “ปล่อยผม! แค่กๆๆ!” แบคฮยอนดิ้นรนเอาชีวิตรอด เลย์ไม่ได้บีบคอเปล่า แต่ยังใช้นิ้วโป้งกดลูกกระเดือกเขาจนบุ๋มลงไป ความรู้สึกเจ็บปวดอย่าแสนสาหัสดันให้เส้นเลือดฝอยในตาแตก เขาได้ยินกลิ่นเลือด ไม่แน่ว่ามาจากไหน อาจจะเลือดที่ตา หรือบางทีอาจจะในจมูก

     

    เลย์ยอมผละมือเมื่อเห็นว่าเขาใกล้ขาดใจตายลงทุกขณะ กระนั้นก็ยังระบายอารมณ์โกรธด้วยการจับศีระษะเขากระแทกพื้นอีกหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งหมดแรงจึงล่าถอยไป

     

    “อย่าหือกับกูอีก ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” หนุ่มจีนชี้หน้าขู่ขวัญ พลางหอบหายใจจนตัวโยน

     

    เมื่อรอดพ้นจากความตาย สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็ทำให้แบคฮยอนรีบคลานหนีไปหลบอยู่ใต้เตียงอย่างรวดเร็ว ซักพักเขาก็ปล่อยเสียงโฮ ร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น

     

    ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองจะหลุดจากวังวนอุบาทว์นี่เสียที จะวันนี้ วันพรุ่ง ก็ขอให้หลุดพ้นไป...


     

     

     

     

     

     

     

    จบตอน

     

    สาบานได้ว่าเนื้อหาตอนนี้ไม่ได้แซะนักการเมืองแต่อย่างใด

    ด้วยรักและเคารพ

    .ซีมี

     



     

     

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×