ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♡ มิ่ง ` {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #2 : ' มิ่ง : 01

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.56K
      36
      22 ธ.ค. 57





     

    กริ๊ง กริ๊งง

    เสียงกระดิ่งใสแจ๋วดังแข่งกับเสียงล้อยางเกรอะโคลนที่คนขี่ปั่นสุดแรงเกิดจนมองไม่เห็นซี่เหล็กข้างในล้อ

     

    "แบคฮยอน!" เด็กหนุ่มบนจักรยานสีแดงสดตะโกนลั่น ก่อนจะบีบเบรกมือที่แฮนด์บังคับ ด้วยกลัวไม่ทันใจจึงใช้สองเท้าไถพื้นช่วยชะลอความเร็วของรถด้วยอีกแรงหนึ่ง

     

     

    พอจักรยานคันเก่งจอดสนิทลงที่หน้าบ้านไม้หลังเล็ก เขาก็รีบเหวี่ยงตัวลงมาแล้วป้องปากตะโกนเรียกเสียงดังอีกครั้ง

     

    "แบคฮยอน!!

     

     

    ไม่ปล่อยให้ต้องรอนาน เจ้าของชื่อก็วิ่งหน้าตั้งลงเรือนมาด้วยความรวดเร็ว

     

    "พี่ชานยอลอย่าทำเสียงดังซี่" แบคฮยอนยกนิ้วชี้ทาบปาก ทำเสียงจุ๊ๆ ...เวลาเสียงดังทีไรเป็นอันต้องโดนแม่ดุทุกที แล้วไม่ใช่พี่ชานยอลนะที่โดนดุ เป็นเขาคนเดียวตลอด

     

    "โทษที ตื่นเต้นไปหน่อย" เด็กหนุ่มรูปร่างผอมแต่สูงชะรูดยิ้มเจื่อน ทว่าเจื่อนได้เพียงเดี๋ยวเดียวเขาก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบบางอย่างขึ้นมาโอ้อวด

     

    "เมื่อเช้าลิลลี่มันออกดอก"

     

     

    คราวนี้เป็นคนตัวเล็กเสียเองที่ตื่นเต้นดีใจ ริมฝีปากบางเผยยิ้มน่ารัก ก่อนมือเรียวจะฉวยเอาดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ที่เขาเป็นคนลงเมล็ดพันธุ์ก่อนมอบให้พี่ชายแสนดีเอาไปปลูกมาถือไว้เอง

     

     

    "พี่ชานยอลเก่งจัง" กล่าวชมก่อนจะก้มลงไปสูดความหอมจางๆจากดอกไม้อันเป็นตัวแทนของความรักที่ จริงใจ อ่อนหวาน และเทิดทูน สูดกลิ่นเพียงหนึ่งครั้งก่อนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของดอก ชานยอลจ้องเขม็งมาอย่างลึกซึ้งจนต้องหลบตาและแก้เขินด้วยการจุมพิตเจ้าลิลลี่สีขาวนวลเล่นๆ

     

     

    "รู้ตัวมั้ย?"

     

    แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย เมื่อจู่ๆชานยอลก็ถามเขาแบบนั้น

     

    "รู้ตัวอะไรฮะ?"

     

    "ก็รู้ตัวว่าเมื่อกี้จูบดอกไม้ทับรอยพี่"

     

    "..."

     

    "กลีบเดียวกับพี่ ที่เดียวกับพี่เลย"

     

    ใช่ว่าคนพูดจะไม่เขิน พวงแก้มของชานยอลขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างที่ไม่ได้เป็นให้เห็นบ่อยๆ แบคฮยอนทำหูทวนลมด้วยเขินอายเกินกว่าจะตอบรับอะไร ซักพักพอตั้งสติได้ก็ส่งดอกไม้คืนเจ้าของ ชานยอลรับเอาไว้ก่อนจะก้มลงฝังรอยจูบลงบนกลีบขาวกลีบเดิมอีกครั้ง

     

    เป็นจูบที่จงใจซ้ำซ้อนรอยเก่าจนแบคฮยอนใจเต้นระรัว...


     

     








     


     

    ความฝันอันหวานล้ำเมื่อครั้งยังเป็นเด็กไม่ได้มาเยี่ยมเยือนห้วงราตรีของแบคฮยอนมานานมากแล้ว
     

    แต่เมื่อคืนเขาฝัน ...ฝันถึงพี่ชานยอลกับดอกไม้สีขาว
     

    และหากนั่นเป็นฝันบอกเหตุหรือแจ้งนิมิตหมาย ก็นับว่าแบคฮยอนฝันแม่น
     

     

    "พี่ชานยอลจะกลับมาแล้ว!! พี่แบค! พี่ชานยอลจะกลับมาแล้ว!!"
     

    เสียงโวยวายที่คุ้นหูทำเอาแบคฮยอนสะดุ้งหลุดจากภวังค์ แต่ไม่ทันได้ประมวลผลหรือจับใจความอะไร เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากการย่ำบันไดอย่างเร่งรีบก็ดังขึ้นเขย่าขวัญเขาเสียก่อน

     

    หันไปอีกที แม่น้องสาวตัวดีที่เมื่อครู่ยังตะโกนโหวกเหวกอยู่นอกบ้านก็มายืนหอบแฮ่กอยู่ข้างหลังเขาแล้ว

     

    "พี่แบค แฮ่กๆ" ดันบีเรียกชื่อพี่ชายก่อนหยุดหอบหายใจอย่างน่าเวทนา เจ้าของชื่อถึงกับขมวดคิ้วมุ่น

     

    "ทั้งวิ่งทั้งเสียงดัง เดี๋ยวแม่ก็ตื่นขึ้นมาตีจนได้"

     

    "ไม่ตีหรอกพี่" พอหายเหนื่อยเข้าหน่อยเด็กสาวก็พูดปร๋ออีกครั้ง "พี่ชานยอลจะกลับมาแล้วนะ!"

     

    คนพี่หรี่ตา สีหน้าแสดงออกชัดว่าไม่เชื่อคำพูดน้องสาว

     

    "ฉันสาบานเลยนะพี่ โกหกขอให้ผีผักกาดมาหลอก เอาให้จับไข้ยิ่งกว่าดาราคนนั้นที่พี่เคยเล่าให้ฟังอีก"

     

    "..."

     

    "ฉันสาบานเลยก็ได้เอ้า พี่ชานยอลจะกลับมาแล้วจริงๆ!"

     

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนยกมือขึ้นทาบอก ราวกับมีพายุลูกใหญ่ม้วนเกลียวอยู่ในนั้น มันช่างชวนให้กวัดแกว่งและแปร่งปร่า ซึ่งอาการนี้ก็เริ่มเกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่ดันบีวิ่งว่าแจ้งข่าวกึ่งร้ายกึ่งดีให้เขาทราบ

     

    หากนิวตันยังไม่ค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วง ก็ไม่แน่ว่าแบคฮยอนอาจเป็นผู้ค้นพบก็เป็นได้

     

    'โอ๊ย!' คน ตัวเล็กร้องสะดุ้งเมื่อผลไม้สีแดงสดตกลงกลางศีรษะ ความเจ็บแปลบนั้นราวกับจะย้ำพิสูจน์ว่าทุกคำพูดที่ได้ยินก่อนหน้าเป็นความจริงหาใช่ฝันกลางวันอย่างที่เขาพยายามเข้าใจไม่

     

     

    'พี่ชานยอลกลับมาแล้ว กลับมาที่ไร่กังยู...' แบคฮยอนทวนน้ำคำกับตัวเองเสียงแผ่ว ยินดีหรือ? แน่นอนว่านั่นคือความรู้สึกแรกที่ปะทุขึ้นกลางใจ ทว่าลาวาต่อมาที่ไหลเชื่อมกลับเป็นความกังวลและขลาดเขลา แบคฮยอนได้แต่ถอนอากาศออกจากปอดหลายต่อหลายเฮือก พลางปลอบตัวเองว่าหากเขาคนนั้นจำตนไม่ได้ก็อย่าได้นึกน้อยใจเลยเพราะแค่กลับมาตามหน้าที่และสัญญาก็นับว่าน้ำใจน่านับถือ

     

     

     

    คนตัวเล็กยังจำภาพพี่ชายแสนดีที่มอบลิลลี่ขาวให้เขาในวันนั้นได้ จำจูบเดียวกันบนดอกไม้ จำเรื่องราวร้อยพันหมื่นแสนตั้งแต่เล็กจนโตที่เคยเผชิญชะตากรรมร่วมกันมาราวกับว่าทุกเรื่องนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานสดๆร้อนๆ

     

    ที่เขาประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องราวของ ไฟไหม้ป่าเหนือ ในครั้งนั้น

     

     

     

     

     

     

    ข้ามรั้วไปไม่ได้นะ พ่อสั่งห้าม

     

    พี่ชานยอลตัวโตซะป่าว ไม่ใจเลย

     

    แบคฮยอนในวัย 12 ปี สูงเลยบั้นเอวคนพี่วัย 17 ปีไปไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้เจ้าตัวกะเปี๊ยกที่ว่ากำลังยืนเท้าเอวแถมยังยักคิ้วจึกๆมองคนตัวสูงกว่าอย่างท้าทาย

     

    ไม่ใจอะไร ข้ามไปก็เจอแต่ป่า

     

    นั่นแหละ เขาเรียกว่าไม่ใจ

     

    ไม่ใจยังไง

     

    ถ้าใจก็ต้องกล้าไปสำรวจกับแบคไง

     

    เหตุผลฟังไม่ขึ้น... ชานยอลคิดเช่นนั้น แต่ท่าทางเอาจริงเอาจังของคนหน้าตาจิ้มลิ้มก็ทำเอาเขาไม่อยากขัด ก็เขาว่ากันว่าอย่าปิดกั้นการเรียนรู้ของเด็ก

     

    ด้วยเหตุผลนี้ ปาร์คชานยอลลูกชายเจ้าของอาณาจักรกังยูที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมการเกษตรกินเนื้อที่กว่าหลายหุบเขา จึงยอมแหกกฏเหล็กกฏเดียวของพ่อที่ตั้งเอาไว้ นั่นคือ

     

     

    ห้ามเข้าไปในป่าทิศเหนือของไร่ที่ล้อมรั้วไว้เด็ดขาด

     

     

     

    ต้องให้ได้อย่างนี้ซี่ พี่ชานยอลเก่งสุดยอด!” แบคฮยอนยกนิ้วโป้งชมตอนที่พี่ชายตัวสูงก้มตัวลงลอดรั้วไม้แล้วกวักมือเรียกให้ตามมา

     

    หัวใจลิงโลดเล็กๆเมื่อได้ขบถต่อกรอบเดิม ชานยอลดึงมือของแบคฮยอนมากุมไว้แล้วออกวิ่งเข้าไปด้วยกันในป่าลึกที่ได้รับ การขนานนามว่าผีดุ สัตว์ป่าดุ และมี อะไรๆ ที่ดุอย่างคาดไม่ถึง

     

     

    หยุดก่อน แฮ่กๆ แบคเหนื่อยเจ้าตัวเล็กกระตุกมือใหญ่ชุ่มเหงื่อจากความเหนื่อยและตื่นเต้น ชานยอลหันมามองแล้วยักคิ้วให้

     

    แล้วตอนแรกล่ะร้องเข้ามา

     

    ก็นึกว่ามันจะมีอะไรน่าตื่นเต้นนี่ ที่ไหนได้ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย

     

    ชานยอลปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ ซึ่งแบคฮยอนก็รีบนั่งลงใต้ต้นไม้แถวนั้นทันที

     

    แม่บอกว่าพี่ชานยอลจะไปเรียนต่อที่ประเทศนอก

     

    คนขายาวทำหน้าฉงนเมื่ออยู่ดีๆแบคฮยอนก็เกริ่นขึ้นมาเช่นนั้น เจ้าตัวเล็กพูดออกมาก่อนที่ก้นจะติดพื้นเสียอีก

     

    น้าซังมีบอกหรือ?”

     

    อย่าโทษแม่เลย แบคแอบได้ยินเองแหละ

     

    เกิดความเงียบขึ้นมาหลังจากประโยคนั้นหลุดออกจากปากจิ้มลิ้ม แบคฮยอนเอนหลังพิงต้นไม้เปลือกสีเข้ม กิ่งก้านของมันแผ่ขยายไปจนถึงชานยอลที่อยู่ห่างออกไปประมาณห้าฝีก้าว

     

     

    วันนี้ร้อนกว่าทุกวัน แบคฮยอนสัมผัสได้ มันกรุ่นด้วยสรรสารบางอย่างที่แผดเผาผิวหนังจนสั่นสะท้านไปถึงหัวใจ ยิ่งเห็นดวงตาของพี่ชานยอลที่ไม่ปฏิเสธต่อคำถามนั้นเขาก็ยิ่งร้อนรุ่ม

     

     

    ความเจ็บปวดอาจน้อยเกินไปที่จะอธิบายความรู้สึกในใจของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง

     

     

    ราวกับเสียงคำรามของความเจ็บร้าวนั้นส่งไปถึงชานยอล แต่นี่คือเส้นทางของเขา คือชีวิต คือโชคชะตา มันไม่ใช่กฏเกณฑ์เหมือนอย่างที่พ่อตั้งว่าห้ามเข้าป่า แต่มันคือสิ่งที่เขาเต็มใจเลือก

     

     

    พี่ชานยอลชอบเรียนหนังสือหรือ?” แบคฮยอนถามอีกครั้งแทรกความเงียบงัน คำถามนั้นแหวกอากาศส่งไปถึงชานยอลที่กำลังยืนนิ่ง

     

    ใครๆเขาก็ไม่ชอบกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องเรียน

     

    แล้วเรียนที่บ้านเราไม่ได้หรือ พี่อี้ชิงไม่เห็นต้องไปเลย คนตัวเล็กกล่าวอ้างไปถึงลูกชายอีกคนของพ่อเลี้ยงปาร์ค ถึงอี้ชิงจะเป็นบุตรบุญธรรมแต่ก็มีความสำคัญต่อไร่ไม่ด้อยไปกว่าชานยอลที่ เป็นสายเลือดแท้ๆ

     

    พี่เสมออี้ชิงไปหมดไม่ได้หรอกเด็กหนุ่มเอาเหตุผลเข้างัด แต่มันก็ยากเกินกว่าที่คนอ่อนวัยกว่าจะเข้าใจ

     

    แล้วแบคจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพี่ชานยอล ตอนเช้าจะให้ไปตกปลากับลุงลีหรอ แล้วตอนบ่ายก็ให้ไปเก็บแอปเปิ้ลกับแม่หรอ

     

    “...”

     

    แล้วถ้าปลาหมดสระ...แอปเปิ้ลหมดไร่ล่ะพี่ชานยอล แค่จินตนาการถึงบึงกว้างที่ปราศจากสิ่งมีชีวิต แอปเปิ้ลยืนต้นตายอย่างแห้งเหี่ยว เพียงเท่านั้นแบคฮยอนก็น้ำตารื้น

     

    ถึงตอนนั้นพี่ก็คงกลับมาแล้ว

     

    แบคฮยอนชันเข่าขึ้นมากอด เด็กแสบกระพริบตาถี่ ไม่ร้องไห้ให้เห็นง่ายๆ แต่เจ้าตัวก็รู้ดีว่าหยดน้ำตามันขังหน่วงอยู่ภายในใจ

     

    เพราะตั้งแต่เกิดจนกระทั่งอายุเท่านี้ เขากับลูกชายเจ้าของไร่ผู้แสนใจดีก็ไม่เคยต้องแยกกันไปไหน

     

    ราวกับมีคำสาปหรือไม่ก็เคยไปสาบานว่าจะอยู่คู่กันไปจนตายเมื่อชาติปางก่อน เมื่อใดที่อยู่ห่างกันนานๆ ไม่ใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ก็ทั้งสองคนจะต้องเจ็บป่วย มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ

     

    ข้อสันนิษฐานนี้ได้รับการพิสูจน์มาตั้งแต่ตอนชานยอลยังอายุได้เพียง 6 ขวบ

     

     

    ตอนนั้นพ่อพาเขาเข้าเมืองไปรับคำปรึกษาอาการโปลิโอที่เป็นอยู่ หมอให้อยู่บำบัดที่โรงพยาบาลอย่างน้องก็หนึ่งเดือนเนื่องจากโอกาสหายมีหลายเปอร์เซ็นต์แต่ต้องทำอย่างถูกวิธีและควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

     

     

    ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ชานยอลต้องห่างกับเด็กทารกตาแป๋วขวัญใจของเขา

     

     

    ไอ้เจ้าแบคมันหยุดหายใจ เกือบตายไปแล้วแม่เลี้ยงที่ติดตามมาเฝ้าเขาที่โรงพยาบาลแจ้งข่าวให้ได้ทราบเมื่อบ่ายวันหนึ่ง

     

    นั่นล่ะ แบคฮยอนป่วยจนต้องนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาลเดียวกับเขา กลายเป็นว่าต้องอยู่ตัวติดกันจนชานยอลถอดขาเหล็กได้ ซึ่งแบคฮยอนก็หายเป็นปลิดทิ้งพอดีอย่างน่าประหลาดใจ

     

     

     

    กลับมายังปัจจุบัน แบคฮยอนซบหน้าลงกับเข่า

     

    ฟังกันหน่อยชานยอลเดินมานั่งใกล้กับเด็กน้อยที่ขี้แงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถึงจะไม่ปล่อยโฮออกมาแต่มองก็รู้ว่าอาการใกล้เคียง

     

    พี่ไปแค่ปีเดียว

     

    เรียนหมาลัยไปปีเดียวได้ไง โม้

     

    เขาเรียกมหาลัยชานยอลแก้ให้ แบคฮยอนเม้มริมฝีปากเก้อเขินที่พูดผิด

     

    นั่นแหละ แต่ปีเดียวพี่ชานยอลน่ะขี้โม้

     

    พูดจริงเขาย้ำ มือหนาลูบเส้นผมนิ่มลื่นของคนตัวเล็กเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวมีท่าทีอ่อนลงและพร้อมจะรับฟังมากยิ่งขึ้น

     

    ไม่ได้ไปเรียนปริญญา แค่ไปเข้าอบรบหลักสูตรการจัดการทรัพยากรกับเทคโนโลยีการเกษตร ไม่ถึงปีเลย แค่เกือบๆ จบหลักสูตรก็กลับมาเรียนที่นี่นั่นแหละ แล้วพี่ก็ไม่ได้จะไปปีนี้ด้วย ต้องรอเอกสารอีกหลายอย่าง

     

    โกหกรึเปล่า

     

    พูดจริงชานยอลพูดแบบเดิมอีกครั้ง ความอ่อนโยนที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงทุ้มต่ำกล่อมเกลาให้แบคฮยอนสงบนิ่งและเชื่อถือ

     

    แบคก็รู้

     

    คนตัวเล็กหันมาสบสายตา คราวแรกอยากถามว่าเขารู้อะไรหรือ? แต่คำถามใดๆก็ไร้ความจำเป็นเมื่อภาษากายของชานยอลพูดแทนให้หมดแล้ว

     

    ริมฝีปากอิ่มเป่าลมเบาๆชิดขมับข้างซ้ายที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลธรรมชาติ เขาเกิดเพื่อเป็นของแบคฮยอน เหมือนที่แบคฮยอนเองก็เกิดมาเพื่อเป็นคนของเขา

     

    เป็นดั่งมิ่งขวัญที่ยึดเหนี่ยวจิตวิญญาณทั้งสองดวงเอาไว้ให้เคียงคู่

     

    ว่าเราแยกกันไม่ได้

     

    แบคฮยอนพยักหน้า ถูกต้องตามที่ชานยอลว่า เพราะถ้าห่างกันนานๆเป็นอันต้องมีเรื่องวินาศสันตะโร

     

     

    พี่ชานยอล!” คนตัวเล็กร้องเรียกเสียงตระหนกแม้จะอยู่ใกล้กันเพียงครึ่งลมหายใจ

     

     

    ตอนนั้นเองที่เด็กหนุ่มร่างสูงรู้ว่าคนอายุน้อยกว่าต้องการจะสื่ออะไร คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นตลอดตั้งแต่ข้ามพ้นแนวรั้วมาหาใช่ผลพวงของแสงอาทิตย์ไม่

     

    เสียงไม้ลั่นดังเปรี๊ยะแว่วมาจากที่ไกลๆ ตามมาด้วยแสงสีส้มอันเป็นประกายแห่งไฟเพลิงใหญ่ ชานยอลเบิกตากว้าง

     

     

    ไฟป่าแน่แล้ว!!

     

     

    ร่างผอมสูงรีบลุกขึ้นก่อนจะฉุดให้คนตัวเล็กลุกขึ้นตามมา เขามองหาทิศทางการลุกลามของเปลวไฟก่อนจะเห็นเพลิงแดงส้มกำลังลามเลียต้นไม้มาจากทิศเหนือ

     

    วิ่งไปข้างหน้า! อย่าหันไปมองไฟนะแบค!

     

    ร่างสูงเหงื่อแตกพลั่กทั้งจากไอร้อนและความกังวล ตอนนี้เขาเหมือนคนตาบอด วิ่งสะเปะสะปะไปมั่วๆเพราะไม่ชินทางเอาเสียเลย จากที่ตอนแรกหนีไฟจากทิศเดียว เพลิงนั้นเริ่มใหญ่โตกระจายพื้นทีจนตีวงเข้ามาห้อมล้อมเรื่อยๆ

     

     

    เสียงไฟปะทุเขย่าขวัญจนแข้งขาสั่นและวิ่งได้ช้าลง ความใกล้ชิดระหว่างคนกับไฟส่งผลให้ทั้งคู่เริ่มสำลักควัน ชานยอลล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนส่งให้คนตัวเล็กใช้อุดจมูกไว้

     

    พี่ชานยอลเอาไว้ใช้เองเถอะส่งคืนให้แต่ก็ไอโขลกจนคนพี่ต้องหันไปส่งสายตาบังคับให้ทำตามคำสั่งที่นานๆครั้งจะมีผลบังคับใช้

     

    ทั้งคู่วิ่งไปเรื่อยๆ แต่ก็ติดกับเจ้าแห่งไฟเข้าให้อย่างจัง หันไปทางไหนก็เจอแต่เพลิงสีส้มที่กระชั้นกายเข้ามาทุกขณะ

     

    ชานยอลพยายามรวบรวมสติท่ามกลางอุณหภูมิร้อนระอุ ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นร่องธารที่แห้งขอดตามฤดูกาล มือใหญ่กระชับมือเล็กสั่นระริกให้แน่นกว่าเก่าก่อนจะพาวิ่งไปตามแนวร่องน้ำนั้น

     

     

    ถ้าตาย ชาติหน้าแบคขอเกิดมาเจอพี่ชานยอลอีกนะ คนตัวเล็กอธิษฐานปากคอสั่นขณะที่เขาหย่อนเจ้าตัวลงไปในคูน้ำที่ลึกพอสมควร อย่างน้อยเขาก็ภาวนาว่ามันจะลึกพอให้ซ่อนกายได้จากไฟป่า

     

    อย่าพูดเป็นลางชานยอลเอ็ดพลางดันแบคฮยอนเข้าลึกสุดคูและใช้ร่างของตนโถมทับร่างของอีกฝ่ายไว้เป็นที่กำบังอีกชั้นหนึ่ง

     

    ไม่เอาแบบนี้พี่ชานยอลเจ้าตัวเล็กคล้ายว่าสะอื้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกันทั้งที่อยู่ในสถานการณ์น่าหวาดหวั่น แต่ชานยอลกลับนึกชอบใจที่ได้เห็นว่าแบคฮยอนเป็นห่วงเขา

     

    ลงมาอยู่ด้วยกัน...นะ

     

    ชู่ว หลับตาลงซะเด็กดี เราจะไม่ตาย จะไม่มีใครตายเขาให้สัญญาอย่างนั้น ก่อนที่เปลวไฟมหึมาจะเดินทางมาถึงคูน้ำและเลียลามผ่านไป

     

     

    แบคฮยอนหลับตาปี๋ ไอร้อนนาบเนื้อตัวเหมือนกำลังถูกย่างสดก็ไม่ปาน แต่คนที่หนักกว่าเห็นจะเป็นพี่ชายผู้แสนดีที่เอาตัวบังความร้อนไว้ให้เขา แบคฮยอนยกแขนขึ้นกอดลำตัวผอมๆของคนข้างบน เสื้อยืดของชานยอลขาดจากผลงานของเพลิงไฟ เพียงแค่แตะโดนเนื้อพองชานยอลก็ซู้ดปากร้องซี้ดซ้าด

     

     

    ร่างสูงก้มตัวลงเบียดร่างข้างใต้ สีหน้าเจ็บปวดทรมานทำเอาคนมองน้ำตาซึม แบคฮยอนใช้มือบังหลังชานยอลไว้ แม้จะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแต่อย่างน้อยความรู้สึกที่ว่าเขาเอาเปรียบพี่ชานยอลก็เบาบางลงไป

     

    แบคฮยอนขยับร่างเข้าเบียดซุก อกชนอก ใบหน้าเล็กซบอยู่กับแก้มของชานยอลที่ก้มต่ำลงมา

     

     

     

    นานแสนนานที่คนทั้งคู่ตกนรกทั้งเป็นอยู่ในคูนั้น

     

     

    ไฟป่ามอดลงทิ้งไว้เพียงเถ้าถ่านและควันโขมง ชานยอลทรุดฮวบลงไปทับเด็กหนุ่มใต้ร่างไว้ทั้งตัว แบคฮยอนกอดร่างสูงแน่น จูบปลายคางตรงหน้าเป็นรางวัลสำหรับความกล้าแกร่ง ก่อนที่ทั้งสองจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความยินดีที่รอดพ้นจากความตาย

     

    หัวเราะไปหัวเราะมาก็เจือสะอื้นในที่สุด ความตกใจยังทิ้งตะกอนอยู่ในขวัญ

     

     

    กลับกันเถอะชานยอลปาดน้ำตาให้แบคฮยอนที่ยังกลัวอยู่ ก่อนจะจับจูงมือเล็กไว้ในอุ้งมืออบอุ่น แล้วพาเดินกลับไร่กังยูไปด้วยกัน

     

     

     

     

     

     

     

    แบคฮยอนก้มลงมองฝ่ามือตัวเอง แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่ทุกภาพและเสียงยังคงชัดเจนดีในโสทประสาท รวมทั้งสัมผัสที่มือข้างขวาของเขาด้วย

     

    ไอ้เจ้าแบค! คุณเลย์เรียกไปพบ เขาบอกด่วนๆเลย!

     

    ไอ้เจ้าแบคที่ว่าสะดุ้งเฮือกหลุดจากภวังค์ หันไปยังต้นเสียงก็เห็นร่างของลุงคนงานยืนหอบอยู่

     

    คุณเลย์เรียกฉันหรือชี้นิ้วเข้าอกตัวเอง นึกแปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกไปพบ

     

    ใช่ รีบไปเรือนใหญ่ด่วนเลย

     

     

    แม้จะยังมึนงงกับคำสั่งประหลาดๆ แต่คนงานชั้นล่างอย่างเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะขัดอะไรทายาทเบอร์หนึ่งของอาณาจักรกังยูอยู่แล้ว

     

     

    คนตัวเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามเส้นทางที่คุ้นชิน เพียงไม่นานก็มาถึงบ้านไม้หลังงามของคนใหญ่คนโตที่นี่

     

     

    เลย์หรือจางอี้ชิงดีดนิ้วส่งสัญญาณมาจากระเบียงชั้นสอง แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะถูกกวักมือเรียกให้ขึ้นไปพบ

     

     

    คนตัวเล็กถอดรองเท้าแตะแล้วก้าวฉับขึ้นไปบนห้องทำงานของเจ้านายโดยไม่คิดขัดขืนคำสั่ง ถึงคุณเลย์ของคนงานจะเป็นที่โจษจันถึงความเงียบขรึมและเอาจริงเอาจัง แต่จริงๆแล้วพี่อี้ชิงที่แบคฮยอนเคยรู้จักมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่คนร้ายกาจอะไรเลย หากไม่นับเรื่อง...

     

     

    ลองชุดซะ ถ้าไม่พอดีฉันจะได้รีบสั่งแก้ก่อนจะถึงวันแต่งงาน

     

    ...เรื่องการแต่งงาน

     

     

    แบคฮยอนสะอึ้งอึกอยู่ที่ขอบประตู เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเคยถูกเลย์ทาบทามให้มาเป็นคู่ชีวิตเมื่อสามปีก่อน

     

    เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไม หรืออย่างไร แต่ที่แน่ๆคือมันไม่เกี่ยวข้องกับความรัก เลย์ไม่เคยรักเขา ดวงตาคู่นั้นไร้แววพิศวาสชอบพอโดยสิ้นเชิง

     

     

    อย่าชักช้าเวลาของฉันมีไม่มาก เหมือนกับที่เวลาของพ่อนายก็มีมากแล้วเช่นกัน เลย์ย้ำเตือนความจำถึงพันธะที่ทำให้แบคฮยอนต้องยอมแต่งงานกับเขาโดยปราศจากข้อโต้แย้ง พ่อของเขาพลัดตกลงมาจากต้นไม้สูง เป็นเจ้าชายนิทรา หมอให้เลือกระหว่างดูแลอย่างนี้ต่อไปหรือถอดสายออกซิเจน

     

    แบคฮยอนยังตัดใจถอดสายไม่ได้ แต่ระหว่างรอปาฏิหาริย์ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายจิปาถะมากมาย ทั้งค่าหมอ ค่าพยาบาลดูแล ค่าห้อง ค่ายา และนั่นก็คือเครื่องมือที่เลย์ใช้ต่อรองกับครอบครัวของเขา

     

    ไม่มีใครรังเกียจลูกชายคนโตของเจ้าของไร่อยู่แล้ว เขาทั้งสุภาพ ทำงานเก่ง ไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงหรือเที่ยวเล่นเกเร มีเพียงแต่แบคฮยอนเท่านั้นที่รู้

     

     

     

    บางทีถ้าแบคฮยอนไม่ได้หลงตัวเองจนเกินไป เขาคิดว่าเลย์กำลังใช้เขาทัดทานอำนาจกับทายาทอันดับสองที่กำลังจะกลับมาในไม่กี่วันนี้

     

     

    ผมเกือบลืมไปแล้วว่าเราต้องแต่งงานกัน คนตัวเล็กลดบรรยากาศตึงเครียดด้วยการพูดติดตลก แต่ก็แอบแฝงเจตนาบางอย่างไว้ เขาต้องการคำอธิบาย

     

    เลย์ควรจะธิบายว่าทำไมไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยนับแต่วันที่ไปขอเขาจากแม่เมื่อหลายปีก่อน ไม่เคยมาหา ไม่เคยเรียกพบ ไม่เคยชายตามองตอนเดินสวนกันที่ไร่ด้วยซ้ำ

     

    ทำไมทุกอย่างช่างกะทันหัน

     

     

    แต่ตอนนี้นายก็จำได้แล้วนี่ ว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน เขาเน้นเสียงประโยคสุดท้าย มือไพล่หลังขณะมองตรงออกไปนอกระเบียงเหมือนอย่างตอนแรกที่เรียกแบคฮยอนขึ้น มา

     

    เมื่อไหร่...ครับ?” คนงานตัวเล็กร้องถาม แม้เขาจะไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องคู่ครอง แต่อย่างน้อยเขาก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ไม่ใช่หรือว่าเวลาของตนเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน

     

    ทันที

     

    “...”

     

    หลังจากที่งานเลี้ยงต้อนรับปาร์คชานยอลสิ้นสุดลง

     

     

     

     

     

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×