คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ' มิ่ง : 06
ความเจ็บป่วยที่ขาข้างซ้ายอันเนื่องมาจากโรคโปลิโอ ทำให้
ด้วยเหตุนี้เอง หนุ่มน้อยจึงมาขลุกอยู่กับขวั
"มะ ม่า ออมม่า"
ชานยอลมองริมฝีปากของน้าซังมีที
"ยอล ชานยอล" เด็กหนุ่มเปล่งเสียงช้าๆชัดๆ คุณแม่ยังสาวถึงกับหัวเราะเอ็
"ยากนะออกเสียงชานยอล" หล่อนหยุดลูบไรผมอ่อนๆของลู
ชานยอลฟังแล้วพยักหน้า แต่ไม่วายแย้งในใจ...น้
น้องที่ว่าตัวขาวจั๊วะ ปากแดง แก้มแดง ตาชั้นเดียวแต่กลมแป๋วน่ารัก น้องชอบมองหูเขา จ้องอยู่ได้ทีละนานๆตาแทบไม่กระพริบ
"สงสัยน้องชอบหูคุณชานยอล" น้าซังมียิ้มขำ ชานยอลนึกเขินในสิ่งที่จะว่าเป็
แบคฮยอนหัวเราะชอบใจยกใหญ่ ซึ่งคนไร้เดียงสาก็ไม่ได้รู้ตั
"หูตัวเองก็เล็กตายเลยน้องแบค" ว่าพลางบีบจมูกเจ้าตัวเเสบเบาๆ แบคฮยอนสะบัดหน้าทำเสียงฟึดฟั
"น้าฝากน้องเเป๊บนึงนะคะ จะไปตามช่างมาดูสัญญาณโทรศัพท์" หล่อนว่าพลางก้าวฉับลงจากเรื
"น้องแบคปล่อยเร็ว เดี๋ยวหูพี่ขาด"
เจ้าเด็กตัวนุ่มหัวเราะคิกคั
"เจ็บนะเนี่ย" ชานยอลบ่นแต่ปากกลับยิ้มไม่หุบ เสียงหัวเราะใสๆของน้องช่างมีอิ
"ยอล"
แค่คำเดียว โลกของชานยอลคล้ายดั่งว่าหยุ
กำลังจะแคะหูเช็คว่าตัวเองหู
"ยอล"
"..."
"ยอล"
เจ้าของชื่อชื่นใจอย่างที่ไม่
"โตแล้วมาจุ๊บพี่คืนด้วยนะเด็
ชานยอลทิ้งตัวลงนอนข้างเด็กผมน้อย บนหมอนเดียวกัน ผ้าห่มเดียวกัน ไม่นานอากาศเย็นสบายแห่งไร่กงยู
แม้กระทั่งในฝันของชานยอล แบคฮยอนก็ยังตามไปดึงหูเขาแล้
ยอล...ยอล
. . . . . . . . . . . . . . . .
แม้จะผ่านเวลามานานหลายทศวรรษ แต่พระจันทร์สำหรับดาวโลกก็ยังมีเพียงแค่ดวงเดียว
ชานยอลนึกถึงเด็กน้อยที่เคยชี้ขึ้นไปบนฟ้าแล้วบอกเขาว่าพระจันทร์คือข้าวปั้นข้าวของเทวดา และดาวดวงอื่นๆก็คือผงเกลือที่นางฟ้าโรยเอาไว้
แบคฮยอนเป็นเด็กช่างจินตนาการแถมยังชอบพูดจาเจื้อยแจ้วไปเรื่อย วันไหนถูกเขาสั่งห้ามไม่ให้พูดเยอะ เจ้าตัวก็จะหาทางระบายเสียงด้วยช่องทางอื่นแทน เคาะโต๊ะบ้างล่ะ ย่ำปลายเท้าบ้างล่ะ ทำซ้ำๆอยู่อย่างนั้นจนสุดท้ายเขาต้องยอมใจอ่อนเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนเอง
เขาไม่รู้ว่าตัวเองชอบคุยกับแบคฮยอนเรื่องอะไร ยอมรับว่าฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ที่เขาทำเป็นประจำและให้ความสำคัญยิ่งกว่า คือการจ้องใบหน้าของเด็กแสบ แก้มขาวชอบเปื้อนคราบดินมอมแมม ปากเล็กแดงฉ่ำเดี๋ยวห่อเดี๋ยวคลายไปตามพยางค์ในประโยค หน่วยตาเรียวรีนั่นอีก ยิ้มทีแม้แต่ขนตาก็ถูกกลืนเข้าไปกองรวมไว้เป็นขีดนิดเดียว อย่างกับใครจงใจเอาปลายพู่กันมาตวัดไว้บนเบ้าตาเสียอย่างนั้น
ชานยอลเผลอยิ้มออกมาเมื่อหวนนึกถึงภาพในอดีต ก่อนที่เขาจะมีสตินึกรู้ว่ากำลังล่วงเกินคู่สมรสของคนอื่นทางความคิด เป็นเรื่องไม่สมควร ไม่ว่าจะกรณีใด
เปล่า... เขาไม่ได้ห่วงใยความรู้สึกของเลย์ ของตัวเองต่างหาก ยิ่งคิดถึงอดีตที่แสนดี ก็รังแต่จะทำให้ปัจจุบันแย่ลงเมื่อเกิดข้อเปรียบเทียบ
ชานยอลไม่ได้ร้องไห้มานานซักพักแล้ว เขาแทบลืมหน้าตาของการร้องไห้ แต่วันนี้เขาร้อนผ่าวไปทั้งกระบอกตา ลมหายใจเป็นไอร้อนระอุ ปวดแสบ อึดอัด เขารู้สึกเจ็บหน่วงหนักอยู่ในอก บีบรัดเหมือนมีมือข้างหนึ่งมากอบกำขยำมันไว้และใช้กรงเล็บจิกจนดิ้นไม่หลุด แล้วก็มีอีกมือมาทุบอัดมันจนได้เลือด แล้วหลังจากนั้นไม่นาน น้ำตาก็กลั่นตัวหยดลงบนแก้มเป็นทางยาว หลายสายซ้ำร่องเดิมจนชุ่มไปถึงลำคอ
ไม่บ่อยนักที่คนเราจะรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวบนโลก แต่ชานยอลกำลังรู้สึกเช่นนั้น
เขาถูกห่อล้อมด้วยอากาศเย็นจัด ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายริมระเบียงและทอดสายตาเขม็งไปที่แก้วใบหนึ่งบนโต๊ะตัวเล็กที่เข้าชุดกับเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แก้วคริสตัลบรรจุน้ำสีอำพันไม่มีอะไรน่าสนใจ เขาเพียงแต่ใช้มันเป็นจุดรวมสมาธิที่กำลังแตกกระเซ็นเป็นเสี่ยงๆก็เท่านั้น
เมื่อความเงียบเหงามาพร้อมความเศร้าโศก ก็ยากนักที่มนุษย์มือเปล่าจะต่อกร
มือใหญ่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอีกครั้ง รสเข้มและขมจัดของมันบรรเทาความหนาวเหน็บได้แค่ระดับหนึ่ง ไอเย็นยังคงทิ้งทวนเป็นดั่งหมอกควันในใจเขา เข้าเกาะกินและแช่แข็งทุกอย่างให้เป็นอัมพาต ท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมกังยูไปทั้งไร่
เกิดความผิดพลาดตอนที่เขาพยายามจะใช้มือสั่นเทาวางแก้วลงไปยังตำแหน่งเดิม มันหมิ่นเหม่อยู่ที่ขอบโต๊ะ แล้วหลังจากนั้นก็
เพล้ง!
ตกลงมาแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
มันเป็นจุดที่ทำให้ชานยอลคิดว่าเขาไม่สามารถอยู่ตามลำพังได้อีกต่อไปแล้ว ค่ำคืนนี้ยาวนานและชวนให้เจ็บร้าวเกินไป เขากลัวจะตายซะก่อนที่พรุ่งนี้เช้าจะมาถึง
มือหนาล้วงลงไปที่กระเป๋าเสื้อ ก่อนหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาด้วยความยากลำบากเพราะพิษแอลกอฮอล์
‘ว่าไงด๊อกเตอร์ โทรมาซะดึกไม่หลับไม่นอนหรือไง’
แทบจะเรียกได้ว่า ‘ทันทีทันใด’ ลู่หานรับสายของเขาในทันทีที่กดโทรออก อีกฝ่ายเป็นพวกโซเชียลจ๋า มีโทรศัพท์เป็นอวัยวะที่ 33 ตามแบบฉบับคนยุคปัจจุบัน
“อือ เพิ่งกลับจากงานแต่งน่ะ”
‘หือ!? ไหนด๊อกเตอร์สัญญาไว้ว่าจะให้ผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวไง! ทำไมรีบนักล่ะ!’
“กับคนอื่นน่ะ ...แบคฮยอนแต่งงานกับคนอื่น”
‘…’
“พวกเขาเชิญฉันไปร่วมงาน แล้วฉันก็นั่งเก้าอี้แถวหน้าสุด วงดนตรีเล่นเพลงที่แฟนนายเคยร้องตอนเราอยู่ปี 2 ด้วย ที่ฉันเคยชมว่าเพราะดี”
‘ด๊อกเตอร์ดื่มหรือ?’
ชานยอลไอโขลกจนหน้าแดงก่ำ เขาไม่ใช่นักดื่ม การหักโหมอัดแอลกอฮอล์จึงทำให้เขาย่ำแย่ แต่มันคงแย่กว่านั้นถ้าเขาไม่พึ่งมันเพื่อที่จะผ่านค่ำคืนอันโหดร้ายนี้ไป
“ฉันรักแบคฮยอนมากจริงๆ”
‘คุณใจเย็นก่อนนะ’
“น้องแบคไม่รักพี่แล้วหรือ จะไม่คิดถึงกันอีกต่อไปแล้วใช่ไหม”
‘ผมว่าคุณเมามากแล้ว พักผ่อนเถอะด๊อกเตอร์’
“พี่เสียใจจะตายอยู่แล้วนะแบค”
ปลายสายจากอเมริกาได้ยินเป็นเสียงลากยาวของโลหะ ชานยอลไถลตัวลงจากเก้าอี้ กอดตัวเองแล้วปล่อยโฮเสียงดังก่อนซบในหน้าอาบน้ำตาลงกับเข่าทั้งสองข้าง
ลู่หานปิดปากกลั้นเสียงอุทานด้วยความตกใจ ...ใครกันที่กระชากฉีกชานยอลของเขาจนเละเทะได้ถึงขนาดนี้? ไม่รู้หรือว่าเมื่อความอ่อนโยนถูกสลัดไป กลไกธรรมชาติก็จะสร้างเกราะป้องกันอันกระด้างหยาบขึ้นมาทดแทน
ชานยอลร้องไห้อยู่อย่างนั้น กระทั่งเหนื่อยล้าจึงเผลอหลับไปเองพร้อมคราบน้ำตา
คืนนี้เป็นคืนที่ยากเย็น เพราะแม้จะหลับลงได้แล้ว ด๊อกเตอร์ปาร์คผู้เพียบพร้อมก็ยังคงฝันถึงแบคฮยอนเด็กน้อยชาวไร่ที่เขาทั้งรักทั้งแค้นอยู่ดี
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
“ถ้าปลุกไม่ตื่นก็ไปลากคอมันมา”
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง จันทร์นวลก็แปรเป็นอาทิตย์แรงกล้า ไม่มีความยากเย็นหลงเหลืออยู่แล้วสำหรับปาร์คชานยอล
จึงเป็นคราวของแบคฮยอนบ้าง ที่เมื่อคืนเขาหลับลงไปยังอย่างง่ายดายเพราะฤทธิ์ของบาดแผลที่พรากสติ จึ่งเมื่อมันกลับเข้าร่าง ที่สุดของความทรมานจึงมาเยี่ยมเยือน
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูที่ดังและถี่ขึ้นทำให้ร่างน้อยค่อยๆรู้ตัวตื่น เพียงแค่ยันแขนข้างหนึ่งเพื่อลุกนั่ง กล้ามเนื้อที่เกร็งขึ้นแต่เพียงนิดก็ทำให้แผนปริแตก กระเทาะเอาเนื้อฉีกออกจากกัน แบคฮยอนตัวสั่น ตกใจกับบาดแผลของตัวเอง ร่างเล็กทรุดฮวบลงนอนตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ซึ่งมันเฉอะแฉะไปด้วยเลือดข้นเหนียวที่ไหลมาตั้งแต่เมื่อคืน
คนตัวเล็กยกมือขึ้นลูบปากแผลที่ใกล้รัศมีมือขวาของเขามากที่สุด แผลยาวเหวอะหวะมีทั้งเลือดเก่าที่แห้งกรังและเลือดใหม่ที่ซิบออกมาคั่งอยู่ในเนื้อแดงที่เต้นยุบไปตามจังหวะการหายใจ
“อึ่ก..” ร่างเล็กร้องสั่นในลำคอ ก่อนจะกลายเป็นสะอื้นรุนแรงแต่ก็จำต้องเก็บเสียงเอาไว้อย่างสุดความสามารถ น้ำตาร้อนทะลักลงอาบมือทั้งสองข้างที่ยกขึ้นมาปิดปาก
“อีกแป๊บนะป้า ขอผมอาบน้ำก่อน” สุดท้ายก็จำต้องตะโกนตอบกลับไปอย่างนั้นเมื่อกำปั้นของคนข้างนอกยังเคาะประตูไม่หยุด
แบคฮยอนคว้ายาพาราสองเม็ดกับยาแก้อักเสบที่เลย์ทิ้งไว้ให้มากลืนลงคอโดยปราศจากน้ำเปล่า ล้างหน้า แปรงฟัน ก่อนจะทำความสะอาดแผลลวกๆด้วยผ้าขนหนูสะอาดกับน้ำเกลือ เขาเลือกสวมเสื้อแขนยาวสีดำกับกางเกงผ้าเนื้อหน้าทึบ แม้วันนี้อากาศดูจะร้อนอบอ้าวจนน่าเป็นกังวล
ร่างเล็กฝืนเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางปกติ ตาเรียวกวาดหาคนที่เรียกพบเขาแต่เช้าตรู่
ชานยอลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาสีแดงเลือดนก มือใหญ่พลิกและพับมันเป็นเล่มเล็กๆก่อนจะวางไว้บนโต๊ะไม้มะฮอกกานีตามเดิม
“เวลาทำงานตามปกติของแกคือกี่โมง”
แบคฮยอนเผลอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ พลางหันมองซ้ายขวา ก่อนจะพบว่าชานยอลพูดกับเขานั่นแหละ
“ห..หกโมงเช้าครับ”
เจ้าของร่างกายใหญ่โตลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเดินช้าๆตรงเข้ามาหาร่างเล็กที่เกร็งสั่นไปทั้งตัว
แบคฮยอนเห็นชานยอลเป็นดังลูกธนู เคลื่อนไหวรวดเร็วออกจากแบล็กกราวน์ที่นิ่งชะงัก
สง่างามและเสียบแทงเขาอย่างไม่ปรานี
“เรื่องแต่งงาน ฉันยินดีด้วย”
“...”
“แต่แกเป็นคนงานในไร่ของฉัน ต่อให้จะแต่งงานกับเลย์หรือจะกับพ่อฉัน แกก็ยังเป็นขี้ข้าที่ต้องตื่นมาทำงานให้ทันเวลา ไม่มีคางคกขึ้นวอตัวไหนจะได้อภิสิทธิ์ที่นี่”
แบคฮยอนก้มหน้ามองพื้น ตระหนักโดยสัญชาตญาณว่าเขาได้สูญเสียพี่ชานยอลคนเดิมไปโดยไม่มีวันได้กลับคืน
เปลวดแดดที่แรงกล้าในเที่ยงนี้ ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าเหนือในครั้งนั้น แบคฮยอนยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อ อยากจะร้องเรียกให้นายใหม่ของเขาเพลาฝีเท้าอาชาลงหน่อยเพราะเขาเดินตามไม่ทัน แต่ความไม่กล้าก็ทำให้ต้องเป็นฝ่ายวิ่งกระหืดกระหอบตามไปเสียเอง
“ฉันอยากไปดูไร่แอปเปิ้ล”
แบคฮยอนย่นคิ้วเมื่อชานยอลออกคำสั่งกรายๆมาเช่นนั้น ไร่แอปเปิ้ลอยู่ห่างจากตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขาไกลเป็นกิโลฯ และที่ทราบมา ชานยอลก็เพิ่งไปไร่แอปเปิ้ลมาเมื่อเช้ามืดนี่เอง
“แต่มันไกลนะครับ”
“หรือแกอยากจะลากทั้งไร่มาให้ฉันดูที่นี่ก็ตามใจ แต่ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องได้เห็นไร่แอปเปิ้ล” น้ำเสียงเด็ดขาดทำเอาคนตัวเล็กลอบถอนอากาศออกจากปอดเฮือกใหญ่ ...ชานยอลกำลังอยากเอาชนะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรกับคนที่ยอมแพ้อย่างราบคาบทุกกรณีแล้วเช่นแบคฮยอน
สองขาเรียวเป็นฝ่ายเดินนำในจังหวะแรก มือขาวลากจูงให้เจ้าม้าขนสวยสีน้ำตาลเข้มค่อยๆเดินตามมา แต่ดูเหมือนร่างบนหลังม้าจะต้องการความเร็วมากกว่านั้น เขาจึงใช้เท้าเตะมือบางออก แล้วคุมบังเหียนนำไปเอง
แบคฮยอนยืนพักหายใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะวิ่งเหยาะๆตามไป แดดร้อนแรงกำลังทำให้เขาหน้ามืด แต่คนที่ทำงานในไร่มาทั้งชีวิตอย่างเขาก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้น แม้ตำแหน่ง ‘คนติดตาม’ ที่ชานยอลเพิ่งยัดเยียดให้เมื่อเช้าจะสาหัสไม่ใช่เล่นเลยก็ตามที
ใช้เวลาซักพักกว่าที่แบคฮยอนจะวิ่งหอบมาถึงไร่แอปเปิ้ล คนงานทักทายเขาอย่างคุ้นเคย แต่แบคฮยอนก็รับรู้ได้ถึงความเหินห่างที่สร้างความปวดใจให้แก่เขา
มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเหลือเกินภายในวันๆเดียว การเมืองกำลังมาเยือนทุกคนในไร่อย่างรวดเร็ว
แบคฮยอนเดินผ่านอาชาสีน้ำตาลที่ชานยอลผูกไว้ใต้ต้นหูกวางขนาดใหญ่ เจ้าม้าตัวนี้เป็นมิตรกว่าร็อบสิบเท่า สังเกตได้จากการที่มันยินดีให้คนตัวเล็กลูบแผงคอและศีรษะได้ตามใจโดยไม่เกี่ยงงอน
พอหยุดเล่นกับม้าหนุ่มจนหนำใจแล้วแบคฮยอนก็รีบเดินเร็วๆเข้าไปในโรงงานขนาดย่อมที่ติดกับไร่แอปเปิ้ล จะเรียกว่าโรงงานก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะพื้นที่ส่วนมากเป็นโกดังกักตุนผลผลิตจากแอปเปิ้ล
แก้วตาใสเห็นร่างสูงยืนอยู่หน้าถังบ่มไวน์ ถึงไวน์จากแอปเปิ้ลจะไม่เป็นที่นิยมเท่าไวน์องุ่น แต่แบคฮยอนก็เชื่อว่าไวน์ของเขาเป็นตัวสำรองเกรดเอที่ทดแทนกันได้เสมอ
เท้าเล็กลงน้ำหนักเบาบางจนแทบจะกลายเป็นย่องเขย่ง ไม่นานก็มายืนประกบเจ้านายอยู่ข้างหลัง ตาเรียวแอบมองแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง พลางลอบสูดกลิ่นน้ำหอมเมืองผู้ดีเข้าเต็มปอด กลิ่นนั้นรีดเรียกน้ำใสให้เอ่อขึ้นมาคลอปริ่มที่ขอบตา แต่แล้วมันก็แห้งเหือดไปเมื่อเจ้าของดวงตากระพริบเปลือกตาปริบๆ
ชานยอลชิมไวน์อย่างมืออาชีพ แบคฮยอนรอให้เขาเอ่ยชม แต่นั่นก็เป็นฝันกลางวันโดยแท้ ร่างสูงเดินสำรวจอุตสาหกรรมขนาดย่อมต่อไปยังจุดต่างๆ ถึงชานยอลจะสงวนท่าทางเพื่อตอกให้เขารู้ถึงความต่างชั้น แต่แบคฮยอนก็ยังมองออกมาว่าพี่ชานยอลของเขาสนใจแยมแอปเปิ้ลเป็นพิเศษ
คนตัวเล็กเดินตามเจ้านายร่างใหญ่เงียบๆ กระทั่งเขาเดินนำไปถึงส่วนที่คนงานกำลังบรรจุแอปเปิ้ลที่คัดขนาดแล้วใส่รังเตรียมจำหน่าย มือหนาคว้าลูกสีแดงเหลือบทองขนาดพอดีมือขึ้นมาโยนเล่นสอง-สามครั้ง ก่อนจะกลิ้งดูลูกกลมในฝ่ามืออย่างพิจารณา
“แอปเปิ้ลทำกำไรได้ดีเป็นอันดับสามจากสินค้าทุกประเภทครับ” แบคฮยอนลืมตัวพูดเสียงดังและใสแจ๋วกว่าปกติ ชานยอลเหลือบมองใบหน้าซีดขาวที่อมยิ้มน้อยๆอย่างภูมิใจของคนตัวเล็กเพียงครู่หนึ่ง
“แกทำงานที่นี่หรือ”
“ครับ พ่อเลี้ยงให้ผมช่วยคุมที่นี่”
ชานยอลฟังแล้วเงียบไป ดวงตาคู่คมหรี่ลงในระหว่างที่นึกคิดบางอย่าง และไม่ปล่อยให้แบคฮยอนสงสัยเก้อ เขาขบริมฝีปากล่างก่อนจะเฉลยออกมา “รอนายทุนคนอื่นอนุมัติเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะถางไร่นี้ทิ้งทำรีสอร์ท”
แบคฮยอนต้องใช้เวลาความเข้าใจในประโยคนั้นนานหลายนาที เขาเก็บมือที่สั่นไว้ข้างหลัง
“หรือครับ” ตอบกลับไปเพียงเท่านั้น เขาเชื่อว่าชานยอลจะไม่ทำอย่างที่พูดหากเขาไม่แสดงท่าทีร้อนใจเกินกว่าเหตุ เขาไม่อยากให้ชานยอลรู้ว่าเจ้าตัวจะใช้ความเป็นไปของไร่นี้มาทำร้ายเขาได้ แม้มันจะทำได้จริงและได้ผลไปทั้งชาติเลยก็ตาม
“แกคิดว่าคนไม่รู้หนังสืออย่างแกจะหลอกฉันได้หรือ” เขาปล่อยแอปเปิ้ลผลงามลงกับพื้น ใช้ปลายรองเท้าหนังคลึงมันเบาๆก่อนจะลงน้ำหนักเหยียบลงไปเต็มแรงทว่าเนิบนาบ ...แอปเปิ้ลลูกนั้นปริแตก ชวนให้แบคฮยอนนึกถึงแผลจากการถูกแส้หวดของเขา ชานยอลเหยียบมันซ้ำอีกครั้งจนผลกลมแหลกเละติดพื้นปูน
แบคฮยอนแทบไม่รู้สติตอนที่ชานยอลถอนเท้าออกจากความภูมิใจของเขาแล้วเดินออกไปจากโรงงาน
จะวิ่งตามไปก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะชานยอลควบม้านำไปไกลลิ่ว
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“น้องคงโกรธที่เราไม่ยอมบอกเรื่องแต่งงาน”
แบคฮยอนฟังคำที่มารดากระซิบข้างหูแล้วใจหาย ตาเรียวมองน้องสาวที่นั่งหันหลังไม่สนใจเขาตาละห้อย ซักพักสาวเจ้าก็เดินหนีเข้าห้องนอนไปเสียเฉยๆ แถมยังกระแทกปิดประตูดังปัง ล็อคกลอนกันพี่ชายจะตามเข้าไปง้ออีกต่างหาก
แบคฮยอนกอดแม่แล้วซบหน้าลงกับลาดไหล่บาง “แต่แม่ไม่โกรธใช่ไหม”
หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าก่อนจะยกมือลูบแผ่นหลังของลูกชาย แบคฮยอนสะดุ้งเมื่อปากแผลถูกสัมผัส ต้องกัดฟันตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“แล้วนี่มาเรือนคนงาน ไม่มีใครว่าหรือ”
“ผมมาเก็บของเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับแล้ว” แบคฮยอนฝืนตัวออกจากอ้อมแขนผู้มีพระคุณ ก่อนจะสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบเงินเก็บก้อนสุดท้ายออกมา
“จะเปิดเทอมแล้วแม่เอาไว้ซื้อเสื้อผ้าใหม่กับหนังสือให้น้องนะ”
พอแม่ไม่รับ แบคฮยอนจึงต้องยัดเงินใส่มือกร้านจากการทำงานหนักของแม่ด้วยตัวเอง
“บอกดันบีด้วยว่าให้ตั้งใจเรียน โตมาไม่รู้หนังสือจะลำบาก” เขาพูดพลางจูบเปลือกตาของมารดาอย่างอ่อนโยน กอดร่ำลากันซักพัก คนตัวเล็กก็เดินออกจากเรือนคนงานหญิงเพื่อไปเก็บของใช่ส่วนตัวที่เรือนคนงานชายหลังถัดไป
แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แต่ไม่ทันจะได้ร้องอุทานก็ถูกมือใหญ่ของเพื่อนร่วมห้องอุดปากเอาไว้เสียก่อน
“ชู่วว…” จื่อเทากระซิบบอกให้เงียบข้างใบหู แบคฮยอนพยักหน้าถี่ๆเป็นเชิงยินยอมเพราะมือใหญ่ที่ปิดปากปิดจมูกอยู่ทำให้เขาหายใจไม่ออก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันห๊ะเทา!” พอเป็นอิสระแบคฮยอนก็เค้นเสียงถามทันที เจ้าของชื่อถลึงตาดุดันใส่เพื่อให้เบาเสียงลง
“ของพวกนั้นมันอะไร! แล้วมันมาอยู่ในห้องเราตั้งแต่เมื่อไหร่!”
เพื่อนชาวจีนจับข้อมือบางหมับ ก่อนจะลากให้คนตัวเล็กไปสงบสติอารมณ์ที่เตียงนอน
“สามีนายไม่ได้บอกหรือ”
แน่นอนว่าแบคฮยอนส่ายหัววืด เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกระสอบชาและสินค้าเกษตรที่ถูกยักยอกมาไว้ที่ห้องมาก่อนเลย
“พวกเราไม่ยอมรับปาร์คชานยอล ถ้าไอ้ห่านั่นจะชุบมือเปิบขึ้นมาเป็นพ่อเลี้ยง” เทาเกริ่น และแบคฮยอนก็เข้าใจทันที เพราะนอกจากคนงานเก่าแก่ที่รู้จักชานยอลมาตั้งแต่เด็ก คนงานคนอื่นก็ไม่เห็นความเป็นธรรมในเรื่องนี้ “คุณเลย์ให้ขโมยของมาเก็บที่นี่ก่อน เดี๋ยวดึกๆจะมีรถมารับออกไป”
“ออกไป? ออกไปไหน?”
“เอาไปขาย คุณเลย์ให้เอาเงินมาแบ่งกัน”
คนตัวเล็กเบิกตากว้าง เกือบจะลืมตัวทำเสียงดังอีกถ้าคนตัวโตไม่หรี่ตาดุใส่เสียก่อน
“แต่มันไม่ถูกต้องนะเทา ถ้าพ่อเลี้ยงจับได้นายติดคุกแน่”
“คุณเลย์บอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ถ้าเราขัดขวางปาร์คชานยอลสำเร็จ คุณเลย์ก็จะขึ้นเป็นพ่อเลี้ยง ตอนนั้นเราก็จะสบาย”
“แล้วนายก็เชื่อตามที่เขาบอกเนี่ยนะ!”
“เบาซี่… เรื่องนี้หัวหน้าคนงานยังไม่รู้ ฉันยังไม่ได้หาทางกล่อมให้เขามาเป็นพวก”
แบคฮยอนทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แน่นอนว่าเขาห่วงที่ชานยอลถูกประสงค์ร้าย แต่ที่เขาโกรธยิ่งกว่าคือความอกตัญญูที่เทาทำกับไร่ ทั้งที่เทาก็รักไร่ เขาก็รักไร่ ทุกคนก็รักกังยูไม่ใช่หรือ?
“ฉันจะฟ้องพ่อเลี้ยง!” คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นเต็มความสูง แต่ก็โดนมือใหญ่ฉุดให้นั่งลงเหมือนเดิม
“อยากให้ตัวเองเดือดร้อนรึไง!”
“แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วย!”
จื่อเทาแค่นหัวเราะ “ลืมไปแล้วรึไงว่านายเป็นอะไรกับคุณเลย์ จะมีใครเชื่องั้นหรอว่านายไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้ …ซึ่งตอนนี้นายก็รู้เห็นแล้วจริงๆ”
“...”
“นายเป็นพวกเรา นายโกงกังยู นายหักหลังพ่อเลี้ยง ...และถ้าความลับถูกเปิดเผยออกไป ฉันติดคุก นายก็ติดคุกเหมือนกัน!”
แบคฮยอนหน้าชา ...ไม่...เขาไม่ยอม...อยู่ๆจะมายัดเยียดความผิดให้เขาแบบนี้ไม่ได้
“ฉัน..จะแจ้งตำรวจ”
“งั้นนายก็ผ่านด่านสามีตัวเองให้ได้ก็แล้วกัน”
แบคฮยอนเลื่อนมือขึ้นลูบต้นแขนที่โดนปลายแส้สะบัดใส่เพียงเบาบาง กระนั้นก็ยังทิ้งแผลฉกรรจ์ไว้ให้ดูต่างหน้า ไม่อยากจะคิดถึงแผ่นอกและแผ่นหลังที่โดนทารุณกรรมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เพียงเท่านั้นเขาก็ตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาราวสัตว์ร้ายของคนที่เฆี่ยนตีเขาผุดขึ้นมาในมโนภาพ
แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกเลย์จับจ้องมาจากที่ไหนซักแห่ง ชวนให้สะอินสะเอียน เจ็บปวดจนต้องซบหน้าที่พราวเหงื่อลงกับฝ่ามือ
“นายเป็นอะไรรึเปล่า” จื่อเทาถามเสียงร้อนรนอย่างเป็นห่วง แต่แบคฮยอนไม่อยากจะยอมรับความห่วงใยนั้น เขาจึงฝืนลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ก่อนจะลากสังขารออกไปจากห้องที่เคยใช้อาศัยหลับนอนไปเมื่อไม่กี่คืนที่แล้วนี้เอง ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะกลายเป็นฐานลับเก็บของโจรไปเสียแล้ว
เวรกรรม ...นี่มันเวรรกรรมอะไรของเขา
100%
แบคฮยอน is ซวยing
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นค่า น้ำตาจะไหล TT
จะสอบแล้ว สู้ๆกันทุกหมู่เหล้า
เย้!
ความคิดเห็น