คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 หนี
“ไม่นะคะท่านพ่อ ไม่เด็ดขาด หญิงยื่นคำขาด”เสียงอันเกรี้ยวกราดของเจ้าหญิงเอลราต่อพระบิดา ใบหน้าขาวอมชมพูสะบัดหน้าไปอีกทางด้วยความไม่พอใจ มือสองมือกอดไว้ที่อกด้วยความเย่อหยิ่ง
“ไม่ได้ ครั้งนี้เจ้าต้องทำเพื่อประชาชนและอาณาจักรของเรา จงเตรียมตัวไว้อีก 1 อาทิตย์จะมีงานอภิเษกของเจ้ากับเจ้าชายแห่งฟาลติมา”ร่างที่นั่งมองลูกสาวที่ยืนกอดอกอยู่ก็ลุกพรวดและเดินตรงไปยังพระทวารที่ปิดสนิทจากนั้นก็ได้ยินเสียงปิดประตูดัง ปึงตามมา
ร่างที่ยืนอวดดีต่อพระบิดาเม่สักครู่ บัดนี้หยาดน้ำใส ๆ เริ่มไหลรินอาบสองข้างแก้ม ร่างบางก็ทรุดลงบนพื้นหินอ่อนสีขาว
“เราจะไม่ยอมแต่งงานกับคนที่เราไม่ได้รักหรอกคอยดูสิเราจะหาทางนี้ให้ได้เลย”ว่าแล้วร่างเล็กก็ลุกขึ้นโดยพลันสองพระหัถต์ปาดหยาดน้ำตาที่ติดสองข้างแก้ม พระเนตรที่ดูอ่อนแอเมื่อครู่ กลับแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด
“เราจะไม่ยอมกับเรื่องแค่นี้หรอก”เอลราพูดกับตัวเองก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป
ทางด้านอาณาจักรฟาลติมา
“โอ๊ยยยยยย ข้าไม่เข้าพิธีอภิเษกบ้าบอนั้นหรอกนะ เลมอน ”ร่างชายที่เดินไปมาอย่างหัวเสียกับเรื่องที่ได้ทราบมากจะพระมารดาเมื่อครู่ทำให้เขาต้องหาที่ปรึกษาที่ดีอย่าง องครักษ์ที่รู้ใจที่สุดนั้นก็คือ เลมอน
“เกล้ากระหม่อมไม่ทราบเมื่อกันพระเจ้าคะ”เมื่อได้ฟังดังนั้นเขาจึงยิ่งคิดหนักและแล้วเขาก็คิดออก
“ข้าจะหนีการอภิเษกครั้งนี้”เขาพูดและหันไปทางเลมอนเพื่อขอความคิดเห็นแต่เมื่อเห็นว่าจะขัดเขาแน่จึงรีบพูดออกมาเสียก่อนว่า
“เจ้าไปต้องพูดอะไรแล้ว ข้าตัดสินใจแล้ว”แล้วร่างสูงใหญ่ก็เดินจากไปทิ้งให้องครักษ์หนุ่มคิดหนักกับเรื่องที่เจ้าชายทรงตรัสเมื่อครู่
“เฮ้อ แย่แน่เลยทีนี้”เลมอนถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ
ในที่สุดงานอภิเษกก็เริ่มขึ้น งานถูกจัดขึ้นที่ เมืองเอลรา
เจ้าหญิงเอลราถูกพระนมจับแต่งฉลองพระองค์ตั้งแต่เช้า ทุกคนในวังนั้นนั้นรู้สึกว่าจะมีความสุขกัยถ้วนหน้ายกเว้นแต่ คนที่กำลังจะเข้าพิธีอภิเษกในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“เจ้าหญิงของนมอย่าทำพระพักต์อย่างนั้นสิ เพคะ ไม่งามเลย วันนี้เป็นอภิเษกของพระองค์นะเพคะ”ใบหน้าของหญิงสาวบูดบึ้งซึ่งอยู่บนพระฉาย
“ก็เราไม่อยากอภิเษกนี่คุณพระนม รักก็ไม่ได้รักเราไม่อภิเษกหรอกให้เราตายยังไงก็ไม่แน่”
“พระองค์อยู่ด้วยกันไปก็รักกันเองและเพคะ”และสาวร่างท้วมก็เรียกนางค่าหลวงเข้ามาช่วยกันแต่งองค์ให้ ฉลองพระองค์สีชมพูที่สั่งตัดอย่างดี ก็ถูกนำมาสวมองค์ไว้เรียบร้อย เผยให้เห็นส่วนหลังที่นวลเนียนน่ากอดและสัดส่วนของหญิงสาวแรกรุ่น พระเกศาเป็นลอนสีน้ำถูกมัดรวบขึ้นแต่เหลือไรผมไว้พองาม ส่วนพระพักต์นั้นก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพู และพระโอษฐ์ก็สีแดงสดเหมือนกลีบกุหลาบ
“เสร็จหรือยังคะคุณพระนม หญิงเมื่อยแล้ว”เสียงเบื่ออย่างที่สุดแล้ว
“สักครู่ เพคะ”
ในหัวของขององค์หญิงที่ถือดีพระองค์นี้กำลังคิดจะหาหนีอย่างเดียวแต่คิดเท่าไรก็ไม่ออกสักทีเมื่อเอลรากำลังคิดอยู่ เสียงพระนมก็ขัดความคิดของเธอขึ้น
“เสร็จแล้วเพคะ หม่อมชั้นขอออกไปดูแลงานในพิธีสักประเดี๋ยวนะเพคะ”หญิงวัยกลางคนก็ทำความเคารพอย่างน้อมนอบก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ร่างบางที่อยู่หน้าพระฉายก็นั่งครุ่นคิดหนีการอภิเษกครั้งนี้อย่างร้อนรน และในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้ว่า
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้างเข้ามาหาเราที”
พระทวารก็เปิดออกพร้อมกับร่างนางค่าหลวงยังคงเป็นสาวแรกรุ่นเท่าพระองค์กระมัง
“มีรับสั่งอันใดหรือเพคะองค์หญิง”
“เราจะออกไปข้างนอกสักครู่เจ้าช่วยอยู่ในห้องเป็นตัวแทนข้าก่อนนะ ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
“แต่ คุณพระนมรับสั่งว่าห้ามมิให้องค์หญิงออกจากห้องนี้โดยเด็ดขาดนะเพคะ”
สีหน้านั้นแข็งกร้าวขึ้นและมองสาวใช้ที่อายุเท่า ๆ กับตน
“นี่เจ้าจะเชื่อข้าหรือจะเชื่อคุณพระนม หึ”เสียงดุดันขึ้นทำให้นางค่าหลวงตัวสั่นเหมือนลูกนก
“ได้เพคะ พระองค์รีบรีบเสด็จกลับมานะเพคะ”
“แต่เจ้าห้ามให้ใครเห็นหน้านะขึ้นไปนั่งบนเตียงเราและซ่อนหน้าให้ดี ใครถามเจ้าก็ตอบได้หรือคะอย่างเดียวก็พอ”
“เพคะ องค์หญิง”เมื่อพูดจบนางข้าหลวงก็รีบลุกขึ้นไปตามที่เอลราสั่ง
เอลรารีบผลักพระทวารอย่างเร่งรีบเกรงว่าพระองค์จะถูกจับได้เสียก่อน พระวรกายบาง ทรงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ระเบียงตำหนักที่ประทับตอนนี้ไร้ซึ่งนางข้าหบวงหรือแม้แต่พระนมของเธอเองก็ตาม พระวรกายบางเร่งฝีเร็วขึ้นอีกแต่ก็ต้องชักเท้าและรีบหลบเข้าซอกมือที่พอดีตัว
“นี่เจ้าเขาว่ากันว่าเจ้าชายฟาลติมานั้นทรงเสน่ห์มากทีเดียว มีสนมมากมายคอยปรนิบัติองค์หญิงเอลรานี่โชคดีเสียจริงที่ได้แต่งงานกับเจ้าชายฟาลติมา”
“ใช่นะสิเราก็คงไม่มีวาสนาอย่างนั้นหรอกนะ รีบไปกันเถอะคุณพระนมในทูลเชิญองค์หญิงเสด็จแล้ว”
“จ๊ะ”
ร่างนางข้าหลวงประจำตำหนักค่อยเดินห่างจากที่ซ่อนเอลราไปเรื่อยจนหายลับไป
“อึหล่อ มีสนมเยอะคนแบบนั้นข้าไปแต่งด้วยหรอ”เอลราบ่นกับตัวเองและทำท่าเลียนแบบนางกำนัลที่เพิ่งจากไป
“โอ๊ยช่างเถอะเรากำลังหนี เรากำลังจะหนี”ไม่รอช้าพระหัตถ์ขาวนวลก็ดึงผ้าคลุมหน้าทันใดและพระวรกายเล็กเริ่มเคลื่อนตัวออกอีกครั้งแต่ครั้งนี้เร็วกว่าเดิมนัก ในที่สุดก็ถึงหน้าประตูวังหลวงทหารยืนคุ้มกันอย่างหนาแน่น เอลราจึงเดินตรงหมายออกประตู
“เจ้าหยุดก่อน”เสียงทหารยามหนุ่มดูน่าเกรงขาม
“มีอะไรหรือท่าน”
“เจ้าออกไปไม่ได้ ไม่รู้รึวันนี้มีพิธีอภิเษกขององค์หญิงเอลรา ท่านแฟตานห้ามมิให้ผู้ใดเข้าหรือออกจากวังในยามนี้”ทหารหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความสงสัยและถามต่อว่า
“เจ้าเป็นใครกัน แล้วจะออกไปข้างนอกทำไมกัน”
เอลราจ้องกับด้วยดวงเนตรที่นิ่งสงบ
“ข้าเป็นนางกำนัลขององค์หญิงเอลรา และองค์หญิงบอกให้ข้าออกไปซื้อของที่นอกวังนะคะ”
ทหารหนุ่มได้ฟังก็ยังไม่แน่ใจ
“แล้วเจ้าจะให้ข้าเชื่อได้อย่างไรกัน”
มือเรียวเล็กหยิบกระดาษสีน้ำตาลอ่อน มีตราสีแดงประทับอยู่และยื่นให้ทหารหนุ่มเพื่อได้หายแคลงใจในตัวนางเสียที เมื่อทหารที่อยู่ได้เห็นก็ร้องบอกเพื่อนทหารด้วยกัน
“เปิดประตู”
“เจ้าไปได้แล้ว”พร้อมกับหันหน้าไปทางประตูเป็นเชิงบอก
เอลราไม่รอช้ารีบจ้ำอ้าวออกไป โดยทันที ประตูวังหลวงก็ปิดลง ปัง เองราถึงกับสะดุ้งเอือก
“กลัวแทบแย่”เอลราถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหันกลับไปดูประตูบานใหญ่ สีแดงสดที่กั้นระหว่างสามัญชนกับผู้เป็นเจ้าฟ้าของประชาชนด้วยแววตาเศร้าสร้อย
“อีกนานสินะที่ข้าจะได้กลับมาที่นี่อีก ข้าคงคิดถึงท่านพ่อและท่านแม่มากแน่แท้”
ทางด้านตำหนักที่ประทับขององค์หญิงเอลรา
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ร่างที่ประทับบนพระแท่นบรรทมถึงกับตกใจสะดุ้งเล็กน้อยและรีบหันหลังอย่างรวดเร็ว
“เข้ามา” บานทวารก็เปิดออกพร้อมนางกำนัลสองคนเดินเข้ามาและนั่งลงอยู่ข้างพระแท่นบรรทม
“องค์หญิงเอลาเพคะ คุณพระนมทูลพระองค์เสด็จไปงานพิธีได้แล้วเพคะ”
ร่างบางบนเตียงถึงกับลนลานมืออันบอบบางเริ่มสั่นกลัว
“ข้า ข้าเอ่อ ข้าไม่ใช่”เสียงตะกุกตะกักก็ถูกขัดขึ้นของเสียงนางกำนัลวัยกลางคน
“พระองค์รีบเสด็จได้แล้วนะเพคะ คุณพระนมบอกให้หม่อมฉันเอาผ้าคลุมให้องค์หญิงคลุมพระพักต์ก่อนเข้าพิธีเพคะ”ผ้าคลุมหน้าก็ถูกวางมาให้ร่างบางบนพระแท่นบรรทม ร่างนั้นก็รับมาอย่างเสียไม่ได้
“เชิญเสด็จเพคะ”
ในที่สุดร่างที่อยู่บนแท่นพระบบรทมดึงผ้าคลุมหน้าออก นางกำนัลทั้งสองตกใจตาเบิกกว้างเพราะนี่ไม่ใช่องค์หญิงเอลราแต่กลับเป็นนางข้าหลวงวัยแรกรุ่น
“เจ้าอยู่ในนี้ได้อย่างไร แล้วองค์หญิงเอลราละอยู่ที่ไหน”นางกำนัลทั้งสองถามร่างบางตรงที่หน้าที่กำลังยืนตัวสั่น
“ข้าไม่รู้เพคะ องค์หญิงบอกข้าว่าให้ประทับเป็นพระองค์ก่อนแล้วพระองค์จะรีบกลับมาเพคะ”นางกำนัลวัยกลางคนได้ยินแทบล้มทั้งยืนแต่ดีที่อีกคนช่วยประคองไว้
“ตาย ๆ แน่ ๆ หัวหลุดจากบ่ากันทั้งหมดนี่และ”
“เจ้านะเจ้า เป็นข้าหลวงยังปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก”สายตาที่โกรธเคืองของนางกำนัลวัยกลางคนจ้องมองกล่าวโทษนางข้าหลวงที่ยืนตัวสั่นอยู่แต่บัดนี้นั่งลงสำนึกผิดอย่างน่าสงสาร
“ข้าน้อยสมควรตาย”เสียงสะอื้นก็เริ่มดังขึ้นจนต้องบอกให้หยุดร้อง
“เจ้าหยุดร้องเสียเดี่ยวนี้ตอนนี้ก็แก้อะไรไม่ทันแล้วเดี่ยวข้าจะไปทูลองค์แฟตานเอง”
ความคิดเห็น