คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1...100%
‘เมื่อผมอายุได้เพียง 7 ขวบก็ต้องพบสถานการณ์อันน่าสลดใจ เมื่อพ่อแม่ตัดสินใจจะแยกทางกัน แล้วผมล่ะ คุณเคยนึกถึงจิตใจผมบ้างไหม คงไม่สินะ ถ้านึกถึงจิตใจผมสักนิดพวกคุณก็คงไม่เลิกกัน ด้วยความที่ผมเป็นลูกชายเพียงคนเดียว พ่อกับแม่จึงตัดสินใจให้ผมอยู่กับพ่อ ส่วนแม่ก็ไปสร้างครอบครัวใหม่และตลอดเวลานับ 10 ที่ผ่านมาท่านก็ไม่เคยมาเยี่ยมผมกับพ่อเลย พ่อก็เริ่มดื่มเหล้าอย่างหนัก เมื่อมีการสังสรรค์ก็ย่อมมีเพื่อนฝูงที่ทั้งดีและร้าย แต่ที่น่าเวทนาคือ ในกลุ่มเพื่อนพ่อไม่มีใครห้ามปรามกัน มีแต่จะพากันไปลงเหว พากันไปเสี่ยงดวงตามแหล่งพนันต่างๆ จนสุดท้ายพ่อผมก็มีหนี้สินอยู่ทุกหนแห่ง แล้วผมล่ะ การศึกษาแค่ชั้นมัธยมต้น จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้นับ 1ล้านหยวน แถมยังมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน’ “ เห้ออออ..... ” ‘ เมื่อคิดถึงเรื่องราวต่างๆผมก็ต้องถอนหายใจออกมา เรื่องมันยากเกินกว่าที่ผมจะทำได้ ลำพังเงินที่ได้ในแต่ละเดือน รวมกับงานพิเศษที่ผมทำยังแทบไม่พอค่ากิน และค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของผมกับพ่อ เลยด้วยซ้ำและจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ ระยะหลัง 3 - 4 เดือนมานี้พ่อไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากมีอาการป่วยเพราะพิษสุรา ผมจึงต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนผู้เป็นพ่อ’ คืนนี้ผมเลิกงานมาประมาณ เที่ยงคืนเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยระหว่างทางกลับบ้านที่ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก “ ขอโทษนะจ๊ะ เจ๊ ชื่อจาง อี้ชิงนะ หนูหน่วยก้านดีเลย สนใจงานพิเศษไหม เงินดีมากๆเลยนะ” ชายร่างบาง หน้าตาดีคนนึง กล่าวขึ้น เขาเดินออกมาจากผับแห่งหนึ่งซึ่งผมใช้เดินผ่านเพื่อเป็นทางกลับบ้านทุกวัน “ ไม่ครับ ขอบคุณ” ผมตอบปฏิเสธไป แล้วพยายามรีบเดินหนี “ เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ เอานามบัตรเจ๊ไปก่อนนะ ไปลองคิดดูก่อนสัก 2- 3 วันแล้วค่อยโทรมาหาเจ๊ก็ได้ แต่งานของเจ๊เงินดีจริงๆนะ” ผู้ชายคนนั้นวิ่งตามผมมา แล้วพยายามยัดกระดาษ แข็งแผ่นย่อมเข้ากระเป๋าเสื้อของผม “ หวังว่าเราจะได้ทำงานร่วมกันนะจ๊ะ” เมื่อเขาพูดจบ ผู้ชายที่เรียกแทนตนเองว่า เจ๊ ก็เดินกลับไปยังบริเวณหน้าผับ
เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน ผมก็เดินเข้าไปห้องพ่อเพื่อดูว่าท่านทานยา ที่ผมเตรียมไว้ให้หรือยัง
แกร็ก... ผมค่อยๆเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เพราะเวลาป่านนี้คนในห้องคงหลับไปนานแล้ว ผมเดินไปยังบริเวณโต๊ะใกล้ๆหัวเตียงเพื่อเปิดไปดวงเล็กๆ ตรวจสอบยาที่อยู่บนโต๊ะว่าหมดแล้วหรือยัง เพื่อผมจะได้จัดชุดใหม่ของ วันพรุ่งนี้ ใส่ไว้ให้ตามช่วงของกล่องใส่ยาขนาดเล็กที่ระบุ เวลาทานยาของแต่ละมื้ออาหาร เมื่อเปิดกล่องดูที่ละช่องไล่จาก เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ผมก็ค่อยๆใส่ยาที่อยู่ในซองลงกล่องเพื่อที่จะได้สะดวกต่อคนป่วยในการทานยา เมื่อผมใส่ยาเสร็จเรียบร้อยก็ปิดไฟลง “ หายป่วยไวๆ นะครับพ่อ” ผมกล่าวกับคนนอนหลับเช่นนี้จนเป็นเรื่องที่ชินแล้ว ก่อนจะเดินออกจากห้องไป อาการของพ่อดีขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่หวังว่าถ้าพ่อหายป่วย ท่านคงไม่กลับไปดื่มสุราอีกต่อไป เมื่อ จื่อเทา เดินออกจากห้องไปผู้เป็นพ่อจึงค่อยๆลืมตาขึ้น เขารับรู้ทุกสิ่งอย่างที่ผู้เป็นลูกกระทำให้จนเขาระอายแก่ใจที่ทำให้ลูกลำบากได้ถึงเพียงนี้ เขาตั้งใจว่าถ้าหายดี เขาจะรีบหางานทำเพื่อใช้หนี้ที่เขาก่อจากพิษสุราและการพนัน
ส่วนจื่อเทา เมื่อดูแลยาของผู้เป็นพ่อเสร็จก็เดินกลับมายังห้องของตน เพื่อที่จะอาบน้ำแล้วเตรียมตัวเข้านอน เขาต้องตื่น ตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปรับหนังสือพิมพ์มาส่งในหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียง ก่อนที่จะไปเข้างานประจำช่วงเวลาประมาณ 8 โมง เขาทำเช่นนี้อยู่ทุกวัน แม้กระทั่งวันหยุดช่วง เสา -อาทิตย์ เขาก็ไปรับจ้างส่งขนมที่ร้านเบเกอรี่ใกล้บ้าน เขาทำงานอย่างหนักเพื่อจะได้นำงานเงินมาเป็นค่าเช่าบ้าน ค่ายาและค่าอาหารของตนกับผู้เป็นพ่อ บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่เขากับครอบครัวเช่ามาตั้งแต่เด็ก จื่อเทามีความผูกพันกับมันมาก แม้พ่อจะเคยบอก ให้ย้ายไปอยู่ห้องเช่าธรรมดาเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย แต่ตนก็ไม่ยอมตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อจะได้มีเงินเช่าบ้านนี้ต่อไป และหวังว่าสักวันเขาจะมีเงินมากพอที่จะซื้อมาบ้านหลังนี้มาเป็นสมบัติของตนและผู้เป็นพ่อ
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง.......
เสียงนาฬิกาดังขึ้นตามเวลาผู้เป็นเจ้าของได้ตั้งปลุกไว้ 3.50 น. แต่ละวันเขาใช้เวลาพักผ่อนไม่ถึง 4 ชม. ด้วยซ้ำก็ต้องตื่นเพื่อไปทำหน้าที่ดั่งเช่นทุกวัน จื่อเทา รีบลุกอาบน้ำ เพื่อจะได้ไปรับหนังสือพิมพ์มาสั่งในหมู่บ้าน วันนี้เขารับงานเพิ่มคือการไปส่งนมคู่กับหนังสือพิมพ์ “ หนังสือพิมพ์ กับนมมาส่งแล้วครับ” เด็กหนุ่มตะโกนบอก หญิงชราที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ภายในรั้วบ้าน “ วันนี้มีนมด้วยรึ ขอบใจมากนะจ๊ะ” หญิงชราเปิดประตูมารับของตามความเคยชิน เธอเอ็นดู จื่อเทา เป็นอย่างมากที่ขยัน และเป็นเด็กดี เธอมักจะให้ขนมและรอยยิ้มที่อบอุ่นหัวใจกับ จื่อเทา เสมอ “ วันนี้ทางสำนักพิมพ์ เขาจากนมแก่ลูกค้าเพื่อเป็นการขอบคุณที่คอยอุดหนุนน่ะครับ ^_^ ” จื่อเทากล่าวด้วยรอยยิ้มแก่หญิงชรา “ วันนี้บ้าน อาม่า ทำโจ๊ก อาเทาเอาไปทานกับพ่อนะ เดี๋ยวๆ อาม่า ไปหยิบมาให้ ตักใส่ถุงไว้รอ อาเทาแล้ว” เมื่อหญิงชรานึกถึงของที่มอบให้เด็กหนุ่มได้ เธอจึงเดินต้วมเตี้ยม ไปยังโต๊ะในสวนที่มีถุงโจ๊ก 2 ถุงวางไว้ “ ทานให้อร่อยนะจ๊ะ” เธอส่งถุงโจ๊กให้แก่เด็กหนุ่มด้วยใบหน้าที่เอ็นดูเด็กคนนี้ยิ่งนัก “ ขอบคุณมากครับ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวเข้างานสาย ” เด็กหนุ่มโค้งขอบคุณก่อนจะรีบเดินกลับบ้านเพื่อนำโจ๊กไปให้ผู้เป็นพ่อก่อนที่ตนจะไปเข้างาน “ อ้าว จื่อเทา มาพอดีเลย ” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนกล่าวทักเมื่อ จื่อเทา เปิดประตูเข้าบ้านมา “ สวัสดีครับ คุณป้า” เด็กหนุ่มรู้ดีว่า เธอคนนี้มาทำอะไรที่บ้าน “ ป้ามาคุยกับคุณพ่อของเราแล้วนะ ตอนนี้เราค้างค่าเช่าบ้าน ป้าอยู่ 2 เดือน รวมเดือนนี้ก็จะ 3 เดือนแล้ว ป้าก็เห็นใจเราแต่ป้าก็มีเรื่องต้องใช้เงินเหมือนกัน ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ย้ายออกไปเถอะ ส่วนเงินที่ค้างไว้ป้าจะหักกับค่ามัดจำที่เคยทำสัญญากันไว้ ป้าจะไม่คิดเพิ่ม แต่เราต้องย้ายภายใน 2 วันนะ เพราะเดี๋ยวจะมีคนใหม่ย้ายเข้ามา” หญิงสาววัยกลางคนพูดด้วยความลำบากใจ เพราะรู้ดีว่า จื่อเทา มีความผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก แต่ตนก็จำเป็นต้องใช้เงินเช่นกันจึงไม่มีทางเลือก “ ผมไม่ย้ายครับ ไม่เกิน 2 วัน ผมจะหาเงินมาให้คุณป้าเอง ได้โปรดรออีกสักนิดนะครับ” จื่อเทา ก้มลงคลุกเข่าเพื่อขอร้องหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า “ ตะ...แต่ว่า ถ้าเราไม่มีเรากับพ่อก็ต้องย้ายออกไปนะ” หญิงวัยกลางคนอ้ำอึ้ง เมื่อเห็นเด็กชายตรงหน้าก้มคลุกเข่าให้ตน “ ได้ครับ ผมจะรีบหาเงินให้เร็วที่สุด ขอบคุณ คุณป้ามากครับ” จื่อเทา ลุกขึ้นแล้วโค้งขอบคุณ ผู้เป็นเจ้าของบ้านที่ให้โอกาสตน ภาพทั้งหลายอยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่ตรงนั้น แต่เขาไม่สามารถ ทำอะไรได้เลย ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา ยิ่งเห็นภาพลูกชายนั่งคลุกเข่าขอร้องคนอื่นยิ่งบาดหัวใจผู้เป็นพ่อยิ่งนัก ‘ จื่อเทา พ่อขอโทษ’ คำขอโทษกล่าวอยู่ในใจ หัวใจผู้เป็นพ่อแทบสลายเมื่อเห็นความตรากตรำของลูก ‘ พ่อสัญญา จากนี้พ่อจะเป็นพ่อที่ดีให้ได้’ ผู้เป็นพ่อได้แต่เฝ้ามองการกระทำของลูกด้วยความเสียใจ “ ผมไปส่งคุณป้าที่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้วนะครับ เรามาทานโจ๊กกันเถอะอาม่าใจดี ท่านให้มาน่ะครับ” จื่อเทา กล่าวกับพ่อพร้อมทั้งเดินใบหยิบถ้วยกับช้อนมา 2 ชุด “ จื่อเทา ถ้าไม่ไหว ก็คืนบ้านเขาไปเถอะ เรา 2คน ไปอยู่ที่อื่นก็ได้” ผู้เป็นพ่อกล่าวออกมาเมื่อเห็นนัยดวงตาของลูกเศร้าหมอง “ ไม่ครับ ผมจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน ผมต้องหาเงินมาให้ได้ พ่อต้องเชื่อผมสิครับ ” จื่อเทา ตอบอย่างหนักแน่น “ มาทานโจ๊ก เถอะครับ เดี๋ยวพ่อจะได้ทานยา พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมหาเงินมาได้แน่นอน เชื่อผมนะ” จื่อเทา กล่าวกับผู้เป็นพ่อให้หวังคลายความกังวล แล้วตนก็รีบทานโจ๊กอย่างเร่งด่วนเพราะนี่ก็ใกล้เวลาเข้างานของเขาแล้ว “ ผมต้องรีบไปทำงานก่อนนะครับ ถ้าพ่อทานเสร็จอย่าลืมทานยานะครับ” จื่อเทา พูดขณะที่นั่งลงใส่รองเท้าผ้าใบอย่างรีบเร่ง ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปที่ทำงานของตน
สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เริ่มเข้าสู่ช่วง วิวัฒนาการ
เมื่อหลายพันล้านปีที่แล้ว สรรพสิ่งบนโลกเริ่มถือกำเนิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กแล้วเริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้น จากจุดเริ่มต้นเดียวกัน แต่ต่างสภาวะ ต่างถิ่นฐาน การวิวัฒนาการก็ย่อมแตกต่างต่างกันไป บางสถานที่อาจสร้างสิ่งมีชีวิตที่ทนความร้อนได้อย่างสุดขั้ว หรือบางสถานที่อาจสร้างสิ่งมีชีวิตที่ทนต่ออุณหภูมิติดลบได้จนแทบไม่น่าเชื่อ โลกของเรามีสิ่งต่างๆที่เรายังไม่รู้อีกมาก แล้วบางสิ่งที่คุณอาจคิดว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว มันอาจมีวิวัฒนาการจนคุณแยกไม่ออกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่พวกเดียวกับคุณ
ถ้ากล่าวถึงมังกรตามความเชื่อของคนจีน เป็นสัญลักษณ์โดดเด่นอันหนึ่งของจักรพรรดิและวัฒนธรรมจีน มีลักษณะที่มาจากสัตว์หลาย ๆ ชนิดผสมผสานกัน ลักษณะลำตัวยาวเหมือนงู มีเขี้ยวขนาดใหญ่หนึ่งคู่อยู่ที่บริเวณขากรรไกรด้านบน มีหนวดยาวลักษณะเหมือนกับไม้เลื้อย และมีแผงคอเหมือนกับของสิงโตอยู่บน คอ , คาง และข้อศอก ซึ่งผู้ใดได้พบเห็นจะถือว่าเป็นผู้มีบุญมาก แต่การวิวัฒนาการก็ย่อมทำให้สิ่งที่เหมือนกันแตกต่างกันไปได้ ‘ ผมอาจจะไม่เหมือนดั่งตำนานที่คุณเคยได้ยินมา และถ้าตอนนี้ผมบอกคุณว่าผมเป็นมังกร คุณจะเชื่อผมไหม ? มันคงฟังดูเป็นเรื่องตลกเสียมากกว่า ผู้คนที่เข้ามารู้จักกับผมล้วนหลงใหล ในรูปลักษณ์ภายนอก แล้วก็ทรัพย์สมบัติที่ผมมี พวกเรามีทรัพย์สมบัติจากในอดีตมากมาย ยิ่งเวลาผ่านไปคุณค่าทางการเงินยิ่งเพิ่มมากขึ้น ผมเลยกลายเป็นเศรษฐี ตามความเชื่อของคนสมัยนี้ว่ามีเงินทองทรัพย์สินมากมายก็จะต้องเรียกว่าเศรษฐี ผมเคยคบกับคนมากมายในรอบหลายพันปีมานี้ แล้วสุดท้ายมันก็ต้องจบด้วยความโดดเดี่ยวเช่นเคย หลายครั้งที่เราเกือบจะสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นเมื่อรู้ความจริงที่ว่าผมมีวิวัฒนาการที่แตกต่างจากสายพันธ์ของพวกเขา คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถยอมรับตัวตนของผมอีกด้านหนึ่งได้ สุดท้ายผมก็ต้องคอยลบความทรงจำให้พวกเขาว่าเราเคยรู้จักกันทุกครั้งที่ผมทำ ผมเจ็บปวดเสมอ บางครั้งความทรงจำดีๆ มันถูกลบไปมันน่าเสียดายมาก บ่อยครั้งที่เรารับรู้ความสึกดีๆที่เคยมอบให้กัน แต่อีกฝ่ายกับจำเราไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่มีทางเลือก มันเป็นกฎ! ของพวกเราถ้าใครรับไม่ได้ก็ต้องลบความทรงจำในช่วงเวลาที่เราได้รู้จักกันทิ้งไปเพื่อความปลอดภัยของสายพันธุ์พวกเรา ’
‘ แล้วตอนนี้ผมก็เดินทางมายังเมือง เมืองหนึ่งของประเทศจีน ชื่อเมืองชิงเต่า ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลซานตง (Shandong Sheng) พื้นที่ของเมืองชิงเต่า 10,654 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากรประมาณ 2.3 ล้านคนเมือง ประชากรเมืองชิงเต่าได้ชื่อว่ามีความขยันและทำงานหนัก ซึ่งเป็นจุดสำคัญทำให้เมืองชิงเต่าได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา เมืองชิงเต่าได้รับการสถาปนาขึ้นในปี 1891 จากรัฐบาลทหารของเมืองชิงเต่ามีความสำคัญเป็นเมืองท่ายุทธศาสตร์ เมืองชิงเต่าถูกยึดครอง โดยประเทศเยอรมันจนถึงปี 1914 และโดยญี่ปุ่น จีนทำการยึดคืนมาได้ในปี 1922 นอกจากนี้ ยังเคยเป็นฐานทัพเรือของอเมริกามายาวนานถึง 36 ปี ประวัติเมืองจากที่ผมทำการศึกษาก่อนจะเดินทางมากค่อนข้างน่าสนใจ แต่การที่เมืองมีประชากรหนาแน่นทำให้ผมไม่ค่อยอยากเดินทางมาสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆในยุโรป ที่มีคนน้อยค่อนข้างเงียบสงบ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงตัดสินใจเดินทางมาที่นี่ มันเหมือนมีพลังบางอย่างดึงดูดผมให้มา ที่เมืองแห่งนี้ ’
สวัสดีๆๆๆๆ
เราดีใจมากที่มีคนมาเม้นให้55555ไม่รู้ว่าที่แต่งไปจะถูกใจกันมั้ย แต่เราจะพยายามให้เต็มที่นะ
ตัวหนังสือเราลองลดขนาดลงนิดนึงแล้วนะ มันโอเคยังอ่อ เรากลัวว่าถ้าเล็กไปจะอ่านลำบาก
ถ้ามันยังดูใหญ่ๆอยู่ก็มาบอกกันนะ เราอาจจะทำคนอ่านงงไปบ้าง5555เราติดมึนนิดหน่อย มีไรก็ทักท้วง
ได้เรายินดีแก้ไข ........ขอบคุณมากๆนะที่สละเวลาเข้ามาอ่านมือใหม่อย่างเรา....... เราจะพยายามทำให้เต็มที่ ^_^
ความคิดเห็น