คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 - ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
บทที่ 2
ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
สำหรับอควาแล้ว ไม่มีอะไรจะรู้สึกดีมากไปกว่าการอยู่บนหลังมังกรคู่ใจของเธอ พร้อมกับบินไปด้วยกัน ตอนที่สายลมต่างพากันโอบกอดเธอเอาไว้ ความรู้สึกสดชื่นของละอองน้ำในอากาศที่ผ่านมากระทบผิว ทิวทัศน์เบื้องล่างที่ผ่านสายตาไปอย่างรวดเร็วจนเห็นเหมือนเป็นเพียงแค่สีสันบนพื้นของยูเรเท่านั้น
‘รู้สึกดีชะมัดเลย’
อควาหายใจเข้าลึกๆจนเต็มปอด พลางมองลงไปเบื้องล่างอีกครั้งเพื่อประเมินระยะทางและสภาพอากาศ ต่อให้เป็นเจคิสที่เร็วมากที่สุดในบรรดามังกรทุกสายพันธ์ก็ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะไปถึงอาณาจักรโรแมนซ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของสมาคม เธอกับเจคิสมุ่งหน้าขึ้นมาทางเหนือผ่านที่ราบลุ่มและป่าโปร่งของอาณาจักรเบอร์ลิลินมาแล้ว กำลังเข้าสู่เขตอาณาจักรทอรอนทัสที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงและเทือกเขาระรานตา ขณะนี้ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำแล้วเวลากลางวันผ่านไปเข้าสู่ช่วงเย็นย่ำ อากาศที่สดใสเริ่มเปลี่ยนเป็นมีหมอกลงหนาปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้ทัศนียภาพเบื้องล่างเต็มไปด้วยหมอกสีขาวจางๆ มีภูเขาสูงบางลูกเท่านั้นที่โผล่พ้นหมอกมาให้เห็นยอดเขา เจคิสบินขึ้นสูงมาก หากเป็นคนปกติทั่วไปคงจะทนความกดอากาศไม่ไหวเป็นแน่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกับอควาผู้เป็นนายหญิงเลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเธอและเจคิสเอง หากทหารรักษาการณ์ชายแดนที่กำลังเข้าเวรอยู่ตรวจเจอพวกเธอคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่
‘ช้าลงหน่อยไหม นายหญิง ท่านหนาวรึเปล่า’
‘ไม่ล่ะ เร็วกว่านี้ยิ่งดีนะเจคิส ฉันรีบไปรีบกลับน่ะ ฉันไม่หนาวหรอกนะเจคิสอย่าลืมสิ ฉันขี้ร้อนจะตาย’
‘ขอโทษด้วยท่านหญิง ข้าลืมไปซะสนิทว่าท่านหญิงร้อนเป็นอย่างเดียว’
เจคิสพูดเหมือนจะกลั้วหัวเราะไปด้วยพร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นอีกให้สมกับที่ นายหญิงของมันกำลังรีบ ถึงแม้ว่าหมอกจะลงจัดมากถึงมากที่สุด แต่ก็ไม่สามารถบดบังสายตาของมังกรสายพันธ์’ไลนีเซเซอเรียส’หรือที่มนุษย์เรียกสั้นๆกันว่า ไลท์นิ่ง อย่างเจคิสได้ ไม่นานนักเจคิสก็ผ่านอาณาจักรทอรอนทัสและเริ่มเข้าสู่เขตแดนเชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรทอรอนทัสกับโรแมนซ์ หากเดินทางด้วยเท้าหรือรถเทียมม้ามายังอาณาจักรโรแมนซ์ทางทิศใต้จะต้องผ่านเส้นทาง ‘หุบเขาร่าเริง’ หรือที่คนทั่วไปตั้งชื่อเรียกกันเล่นๆว่า ‘หุบเขารนหาที่ตาย’ โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องเดินทางขนส่งสินค้าเข้าออก เนื่องจากเขตนี้เป็นดินแดนเชื่อมต่อ พูดง่ายๆว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรใดๆเลย การคุ้มกันก็จะมีไว้แค่ส่วนที่ติดชายแดนเท่านั้น เรียกได้ว่าหุบเขานี้เป็นสวรรค์ของกองโจรที่ชื่นชอบการปล้นเป็นกิจวัตรเลยทีเดียว
สภาพภูมิทัศน์ตอนนี้ดีขึ้นมาก หมอกจางลงพร้อมๆกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงไปอีก สายลมที่พัดพาเอาเกล็ดน้ำแข็งประปรายผ่านใบหน้าของเธอไปทำให้อควารู้สึกดีมากกว่าเดิม แน่ล่ะ กลิ่นหอมจากลมหนาวและบรรยากาศของบ้านเกิดทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมากกว่ารู้สึกหนาวเย็น
‘ใกล้ถึงแล้ว หิวไหม เจคิส’
‘แค่ไอเวทของนายหญิงสักถ้วย ข้าก็อิ่มเป็นเดือนๆแล้ว’
เจคิสเริ่มลดระดับความเร็วและบินร่อนต่ำลงเรื่อยๆเมื่อพ้นจากเขตชายแดน อาณาจักรโรแมนซ์เป็นเขตเมืองหนาวเนื่องจากอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับอาณาจักรซาดิเนเวียที่เป็นอาณาเขตหิมะ ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง ที่ตั้งของสมาคมอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆติดเขตชายแดนห่างจากเมืองหลวงอยู่มากโข มังกรของเธอบินไปตามเส้นทางของแม่น้ำ สัตว์ต่างๆ น้อยใหญ่ที่พากันมาดื่มน้ำตามลำธารต่างพากันแตกฝูงเมื่อเห็นมังกรร่างยักษ์บินผ่านไป น้ำในแม่น้ำแตกกระเซ็นเป็นคลื่นเมื่อเจอแรงลม
‘ให้ฉันลงตรงนี้แล่ะเจคิส’
มังกรเจคิสค่อยๆหยุดจอดให้นายหญิงของมันลงจากหลัง ห่างจากตัวหมู่บ้านไม่มากนัก อควาลูบหัวและกอดคอมังกรของเธออย่างรักเอ็นดู สายฟ้าบนหัวของเจ้าไลท์นิ่งตีกันดังเปรี๊ยะปร๊ะ บ่งบอกว่ามันรู้สึกชอบใจและรักนายหญิงของมันมากแค่ไหน
อควาหยิบลูกแก้วใสขนาดพอดีมือ ออกมาจากกระเป๋าเหน็บข้างภายใต้เสื้อคลุมของเธอ และปล่อยไอเวทให้เข้าไปอัดอยุ่ในลูกแก้วนั้นจนเต็ม เจ้าหล่อนนำลูกแก้วที่เต็มไปด้วยไอมนตร์สีดำผสมทองที่หมุนวนเวียนไปมาอยู่ภายในไปเปลี่ยนกับลูกแก้วใสว่างเปล่าอีกลูกที่ห้อยสายโซ่ติดอยู่บนคอของเจคิส ข้างๆกันนั้นมีลูกกระพรวนอันใหญ่สีเงินยวงที่สลักชื่อของเธอติดอยู่
‘ขอบพระคุณ นายหญิง’
‘หลังจากวันพรุ่งนี้เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกนาน ภารกิจครั้งนี้ดูท่าจะยาวนาน เอาไปอีกอันละกันนะ’
พูดจบเธอก็นำลูกแก้วเก่าของเจคิสมาใส่ไอเวทลงไปเหมือนอันใหม่ และติดไว้ที่โซ่ปลอกคอมังกรสุดรักของเธออีกอัน หลังจากนั้นเจคิสก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้า และหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างรวดเร็ว อควาเรียมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้าน พร้อมเร่งความเร็วขึ้นไปอีก ถ้าหากเธอไม่มีเจคิสกว่าจะเดินทางมาถึงคงต้องกินไปสามวันเป็นแน่ ไม่ใช่สามสี่ชั่วโมงแบบนี้ ตอนนี้ตะวันเริ่มใกล้จะตกดินแล้ว เสียงผู้คนที่จอแจทำให้อควาลดความเร็วลงจนกลายเป็นเดินในที่สุด ผู้คนที่นี่สวมเสื้อผ้าหนาเพราะอากาศที่หนาว จนเกือบจะติดลบ แต่อควากลับเดินสบายๆด้วยชุดเสื้อคลุมธรรมดา มีหลายคนที่จำเธอได้ต่างพากันทักทายด้วยความคิดถึงเพราะเธอไม่ได้กลับมาที่นี่นานมากแล้ว
“หนูอควา หายไปนานเลยป้าคิดถึง เอาผลไม้ไปกินสิลูก”
“ขอบคุณค่ะ ป้าแมรี่ สบายดีนะคะ”
หญิงแก่ร่างท้วมท่าทางอบอุ่นคนนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม จากที่ผ่านไปเกือบปี นางพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับกอดอควาแน่น และยัดผลไม้สีแดงน่าทานหลายลูกให้เธอหลังจากที่ทักทายคนในหมู่บ้านเสร็จ เธอเดินตรงไปยังร้านอาหารร้านเดียวในหมู่บ้านและเปิดประตูเข้าไป
กรุ๊ง กริ๊ง เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเป็นการบอกถึงผู้มาใหม่
‘เดมัวส์’
ยังเหมือนเดิมเลย แม้แต่ป้ายร้านก็ยังเบี้ยวๆบูดๆ
ทุกสายตาในร้านต่างจับจ้องที่ผู้มาใหม่ ที่นี่จะเป็นร้านอาหารในตอนกลางวัน แต่พอตกตอนเย็นนั้นจะเปลี่ยนเป็นสถานที่เริงรมย์ สำหรับพวกคอเหล้าและพวกผู้ใหญ่ที่ชอบสังสรรค์ ขนาดตะวันยังไม่ลับฟ้าคนยังเต็มร้านขนาดนี้ แน่นอนเพราะหมู่บ้านนี้เป็นทางผ่านสำหรับผู้ที่จะเข้าไปในเมืองหลวง นักเดินทางส่วนใหญ่มักจะหยุดพักที่นี่และออกเดินทางใหม่ในเช้าถัดไป อควาไม่ได้สนใจคนรอบข้างมากนัก แต่กลับเดินตรงดิ่งไปที่เคาเตอร์บาร์ที่มีสาวสวยหน้าตาคุ้นเคยกำลังยืนเช็ดแก้วอยู่ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าเคาเตอร์
“นมแก้วหนึ่งสิ โคลอี้”
สาวสวยหรือที่เธอเรียกว่าโคลอี้นั้นเงยหน้าขึ้นมามองเธอ พลันดวงตาภายใต้กรอบแว่นก็เบิกกว้างขึ้นมาทันทีทันใด
“ต๊ายยย ยัยอควาได้ข่าวว่าติดภารกิจ ไปไงมาไงยะหล่อน”
น้ำเสียงแหลมๆของโคลอี้ไม่ได้เข้ากันกับหน้าตาที่แลดูจะเรียบร้อยของนางเลยแม้แต่น้อย ไม่สิมันไม่เรียบร้อยตั้งแต่มาทำงานในร้านเหล้าแล้วล่ะ แม่นางกุลีกุจอเทนมให้อควาอย่างรีบเร่งแล้วก็ถามเธอไปพลางส่งแก้วนมให้เธอ
“มาคราวนี้จะเอาอะไรอีกล่ะยะ มาแต่ละทีนี่เบิกจนแทบจะเกลี้ยงคลัง ถ้าเทรซ่ารู้ว่าหล่อนมาต้องบ่นเป็นหมีกินผึ้งแน่”
อควายกแก้วนมขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว การเดินทางหลายชั่วโมงภายใต้ความกดอากาศต่ำคงจะทำให้เธอเหนื่อยและก็กระหายน้ำมากกว่าปกติ
“เงิน เยอะๆ อาวุธดีๆ”
“ไปหลังร้านนู่นเลยหล่อนน่ะ ฉันจะดูแลลูกค้าย่ะ”
โคลอี้พูดพลางสะบัดมือไล่ให้เธอ ลุกแขกคนอื่นๆจะได้นั่งต่อ อควากลอกตาไปมาพร้อมกับเดินตรงไปยังหลังร้านที่มีป้ายติดไว้ว่า ‘ห้ามคนภายนอกเข้า’ ในขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั้นก็มีคนชิงเปิดประตูออกมาต้อนรับซะก่อน ชายวัยกลางคนร่างสูงกำยำลากร่างบางเข้าไปกอดแน่น ห้องนี้เป็นห้องเล็กที่กำแพงสองด้านเต็มไปด้วยป้ายกระดานที่มีสารพัดกระดาษแปะไว้เต็มไปหมด กำแพงด้านในสุดเป็นกระดานดำที่มีบางอย่างเขียนไว้ประปราย ส่วนตรงกลางห้องเป็นโต๊ะใหญ่ที่มีเก้าอี้ยาวสองตัวขนาบสองข้างซึ่งขณะนี้มีคนนั่งอยู่สองสามคน โดยรวมแล้วเรียกว่าบรรยากาศคล้ายๆห้องวางแผนกลยุทธศึกเลยทีเดียว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านลูก อควาเรีย”
---------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่า ทุกๆท่าน ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นและการติดตามนะคะ
ข้าพเจ้าจะพยายามอัพบ่อยๆ หากอ่านแล้วโหวตให้คะแนน วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นบลาๆ
เพื่อเป็นการพัฒนางานเขียนต่อไป ข้าพเจ้าจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณอีกครั้งและอีกครั้งนะเจ้าคะ _/l\_
To be continue เจ้าค่าาาาาาา ^o^/
ความคิดเห็น