ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ~ เงื่อนริษยา ~
นำแสดงโดย
เรื่องย่อ
... | อิราวัต | ||
... | ชาลี / สุชาวดี | ||
... | อภินัทธ์ | ||
... | สิรินัดดา / พราว | ||
... | ธนากร | ||
... | จรัสพงศ์ | ||
... | ถกลเกียรติ | ||
... | คุณพิมพา | ||
... | สินธุ | ||
... | ชาลินี | ||
... | ดนัย | ||
... | สุกฤต |
เรื่องย่อ
ชาลี เด็กหนุ่มหน้าสวยที่ต้องระหกระเหินตามพ่อมาเป็นชาวสลัม โดยมี น้าน้อย ผู้หญิงหากินประจำสลัมคอยดูแลประหนึ่งญาติสนิท นอกจากน้าน้อยแล้ว ชาลียังมี ไอ้จ้อย เพื่อนซี้ที่แอบหมั่นไส้ชาลี เพราะอ้อย สาวที่จ้อยกำลังตามจีบ ดันทำท่าทีว่าสนใจชาลี ไอ้จ้อยก็เลยวางแผนแกล้งเพื่อนด้วยการไปวิ่งราวกระเป๋าเงินแล้วมายัดใส่มือชาลี ทำให้ชาลีพบกับ อิราวัต สหเทพ เจ้าของกระเป๋า ผู้ที่กำลังจะก้าวเข้ามาทำให้ชีวิตของชาลีเปลี่ยนไป อย่างไม่คาดฝัน
การพบกันครั้งแรกระหว่างอิราวัตกับชาลี ชาลีกลายเป็นเพียงไอ้เด็กขี้ขโมยเหลือขอ เพราะอิราวัตเข้าใจว่าชาลีเป็นแก๊งค์มือกาวร่วมกับไอ้จ้อย ไม่ว่าชาลีจะปฏิเสธยังไง อิราวัตก็ไม่ฟังเพราะหลักฐานคือกระเป๋าเงินของเขาในมือชาลีมันมัดตัวแน่นหนา... แต่ชาลีก็รอดพ้นการจับกุมของอิราวัตมาได้ด้วยการเล่นทีเผลอทั้งเตะทั้งกัด จนอิราวัตต้องปล่อยตัวไป อิราวัตไม่อยากเอาเหตุการณ์นี้มาทำให้เขาท้อถอยที่จะบุกเข้าไปในแหล่งเสื่อมโทรมเพื่อตามหาผู้ชายคนหนึ่งในที่สุดอิราวัตก็ได้พบกับ ดนัย สุวงศ์ (ศตวรรษ) ซึ่งก็คือพ่อของชาลี “ไอ้เด็กขี้ขโมยเหลือขอนั่นเอง”
อิราวัตแทบช็อคเมื่อเห็นร่างชายที่นอนอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มผู้เคยสง่างาม ความรู้ดีที่เขาเคยรู้จัก แต่บัดนี้ ดนัย สุวงศ์ เป็นเพียงซากกระดูกกองเล็กๆ ที่นอนหายใจรวยริน และมีเรี่ยวแรงเพียงคำกล่าวคำเสียงสั้นๆ ไว้กับเขาเพียงแค่ “ฝากลูกของพี่ด้วย...ช่วยดูแล ระวังอันตราย!!!” เท่านั้น แล้วดนัยก็สิ้นลม โดยที่ชาลีเองมาไม่ทันดูใจพ่อด้วยซ้ำเพราะมัวแต่ไปหายามาให้พ่อกิน
แล้วจากนั้น...ชีวิตของชาลีก็เปลี่ยนไป เมื่อต้องเดินทางไปบ้านเทพาลัยพร้อมอิราวัต อิราวัตพาชาลีเข้าไปอยู่ในบ้าน และฝากให้อยู่ในความดูแลของ แวว พี่เลี้ยง โดยมี นง กับ นุช คนใช้เก่าแก่เป็นผู้ช่วย แม้จะรู้ความจริงจากน้อยว่าชาลีไม่ได้เป็นพวกขี้ขโมย แต่อิราวัตก็ยังรู้สึกว่ามีอีกหลายเรื่องที่จะต้องรบรากับเจ้าเด็กหนุ่มหน้าสวยคนนี้
นอกจากแววแล้ว ในบ้านเทพาลัยก็ยังมี อภินัทธ์ สหเทพ (นพพล) น้องชายแท้ๆ ของอิราวัตเองที่ให้ความรักและเอ็นดูชาลีเหมือนน้องแท้ๆ เพราะคนในบ้านทุกคนทั้งนายและบ่าวต่างคุ้นเคยสนิท ชิดเชื้อกับดนัยเป็นอย่างดี...เพียงแต่ยังไม่มีใครได้ล่วงรู้ความจริงว่าทำไม ดนัย สุวงศ์หนุ่มปริญญาโทด้านการเงินจากอเมริกาที่มีทุกอย่างพรั่งพร้อมจึงต้องหนีหน้าจากทุกคนไป และไปตกยากเป็นกุลีอยู่ที่ท่าเรือ และใช้ชีวิตบั้นปลายในสลัมจนตัวตาย...แถมยังทิ้งปริศนาคาใจไว้ด้วยคำพูดสุดท้ายว่า “ระวังอันตราย” ซะอีก!!!
ทั้งสองพี่น้องอิราวัต และอภินัทธ์ ต่างยังเป็นหนุ่มโสด แม้จะถูกหมายปองจากสาวๆ ในสังคม แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปลงใจกับใคร โดยเฉพาะอิราวัตที่แม้จะมีสาวสังคมเปรี้ยวจี๊ดอย่าง คาร่า มาป้วนเปี้ยน แต่ด้วยความที่อิราวัตไม่คิดว่าจะลงเอยกับคาร่าได้ ทั้งที่คบหากันอยู่พักใหญ่ อิราวัตเลยเป็นฝ่ายบอกเลิกคาร่าทำเอาคาร่าหน้าแตกและหายหน้าไป แต่คาร่าก็ไม่ยินดียินร้ายมากนัก เลยควงผู้ชายคนใหม่ได้ในเวลาไม่นาน
ส่วนอภินัทธ์นั้น แม้จะสนิทสนมอยู่กับสาวหนึ่ง แต่เพราะแม่ของหญิงสาวคอยกีดกันสารพัดทำให้รักของเขายังไม่ลงเอยซะที เหตุผลที่ คุณหญิงพิมพา คณนาถ (ภัสสร) ผู้เป็นแม่คอยกีดกันเพราะผู้ชายที่คุณหญิงหมายตาไว้ให้ลูกสาวคืออิราวัตผู้พี่ ไม่ใช่อภินัทธ์ ด้วยเหตุผลที่ว่าอิราวัตเป็นลูกชายคนโต เป็นหัวหน้าสกุล มีอำนาจเด็ดขาดทุกสิ่งในการดูแลทรัพย์สมบัติมหาศาลของตระกูล ต่างกับน้องชายที่ไม่มีอำนาจอะไรเพราะเลือกทำงานเป็นสถาปนิกของโครงการที่เป็นกิจการของตระกูลแม้คุณหญิงพิมพาจะคอยกีดกันอย่างไร แต่ก็ไม่อาจห้ามใจของหนุ่มสาวได้เพราะ สิรินัดดา คณนาถ (คีตภัทร) หรือ พราว รู้ดีว่าเธอรักอภินัทธ์ที่ใจไม่ใช่ที่เงินหรืออำนาจ
ในบ้านของพราว นอกจากแม่แล้ว ยังมีพ่อคือ สินธุ (ธีรพงษ์) ที่พราวรู้สึกไม่ไว้ใจ เพราะไม่เคยรู้สึกว่าได้รับความรักหรือได้รับความอบอุ่นเช่นที่ลูกควรจะได้รับจากพ่อ ตรงข้ามสินธุกลับชอบมองพราวเหมือนสิงโตจ้องตะครุบเหยื่อ แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าทำไมคนที่เรียกเขาว่าพ่อมาตั้งแต่จำความได้ จึงให้ความรู้สึก “กลัว” มากกว่า “รัก” อภินัทธ์พาพราวมาให้รู้จักกับชาลี ทั้งคู่รู้สึกถูกชะตากันมาก แววสังเกตได้ว่าทั้งสองมีอะไรหลายอย่างคล้ายกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา
ชาลีมีใบหน้าที่สวยหวานราวหญิงสาวสวยจัด และมีความสามารถพิเศษเรื่องภาษาอังกฤษเพราะชาลีสามารถอ่านหนังสือต่างๆ ที่เป็นฉบับภาษาอังกฤษได้ โดยบอกว่าพ่อเป็นคนสอนให้ ส่วนเรื่องการศึกษาชาลี บอกจบการศึกษาแค่มัธยม ซึ่งชาลีเองไม่แน่ใจพอๆ กับเรื่องประวัติของตัวเอง ที่ชาลีคิดถึงเมื่อไหร่จะมีอาการเครียด ปวดหัว จนทุกคนยอมรับไปโดยปริยายว่าชาลีอาจเป็นโรคความจำเสื่อม
อิราวัตรำคาญความอ้อนแอ้นบอบบางของชาลีมาก สบประมาทชาลีอยู่ทุกวี่ทุกวัน จนวันหนึ่งเขาว่าชาลีเป็นกระเทยจึงถูกชาลีตบหน้า อิราวัตโกรธเพราะชาลีเลือกที่จะ “ตบ” แทนที่จะ “ต่อย” จึงตามทดสอบความเป็นชายกับชาลีบ่อยๆ จนวันหนึ่งที่อิราวัตท้าชาลีดวลดาบ แล้วจงใจตวัดดาบกรีดไหล่เสื้อของชาลีจนขาด ชาลีโกรธเลือดขึ้นหน้า ตวัดดาบตอบโต้เชือดเข้าที่หลังมือของอิราวัตจนได้เลือด เมื่อเห็นเลือดชาลีกรี๊ดสลบไป
อิราวัตตกใจ จึงเอามือทาบเพื่อดูว่าหัวใจของชาลียังเต้นอยู่หรือเปล่า แต่กลับพบว่า เนื้อตรงหัวใจของชาลีที่เขาเอามือทาบลงไป ดันเป็นเนื้อนูนแทนที่จะเป็นแบนราบ และเปิดเสื้อขึ้นดู ก็เห็นผ้าที่พันไว้รอบอก อิราวัตรู้ได้ในทันทีว่าที่แท้...เจ้าหนุ่มน้อยหน้าสวยคนนี้เป็นหญิง!!! แล้วคนทั้งบ้านก็ได้รู้ความจริง แต่ชาลีก็ให้ความกระจ่างกับทุกคนได้เพียงว่า พ่อดนัยสั่งให้เธอปลอมเป็นชาย โดยเธอเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม?
ชาลีบอกอิราวัตว่าตนเองมีชื่อจริงว่า “สุชาวดี” มีแม่ชื่อ ชาลินี (รัชนี) และสาเหตุของโรคความจำเสื่อมของชาลีรู้จากพ่อแค่ว่าเมื่อสามปีก่อนชาลีไม่สบายหนักถึงขั้นช็อค และทำให้ตัวเองความจำเสื่อม ส่วนที่ชาลีเดาเอาเอง เป็นเรื่องที่ชาลีน่าจะอยู่กับแม่ตอนที่แม่ตาย เพราะมักจะฝันเห็นผู้หญิงเรียกหาด้วยเสียงโหยหวนด้วยเงื่อนงำต่างๆ นี้ ทำให้อิราวัตอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับชาลีมากขึ้นทุกที แต่มักไม่เป็นผลสำเร็จเพราะเมื่อชาลีพยายามนึกภาพคราวใด ก็จะเห็นเพียงภาพเด็กผู้หญิงผมเปียวิ่งเล่นในสนามหญ้ากับสุนัขตัวอ้วนและพ่อดนัยเท่านั้น
ความสนิทสนมของอิราวัตกับชาลีเพิ่มพูนและผูกพันมากขึ้นจนกลายเป็นความรัก อิราวัตเองไม่ชอบให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้หรือทำท่าชอบพอชาลีเลย แม้แต่ จรัสพงศ์ (ศรุต) และ ถกลเกียรติ (เขมชาติ) เพื่อนสนิทที่เคยไปมาหาสู่ ก็ทำเอาอิราวัตหงุดหงิดงุ่นง่าน เมื่อจรัสพงศ์แสดงท่าทีพอใจชาลีจนออกนอกหน้า ความใกล้ชิดและความเป็นห่วงอย่างจริงใจของอิราวัต ทำให้ชาลีที่ไม่เคยชอบหน้า และความใจร้อนของอิราวัตแพ้ใจและแพ้ในความดีของอิราวัตในที่สุด
พราวแวะมาหาชาลีบ่อยๆ จนสนิทสนมกับชาลีอย่างรวดเร็ว และในวันหนึ่งพราวก็พาชาลีไปเที่ยวบ้านคณคามของเธอ และที่นี่เองที่ชาลีได้พบกับคุณหญิงพิมพาที่พอเห็นหน้าชาลีก็ตกใจจนทำถ้วยชาในมือตกแตกและมองชาลีอย่างโกรธแค้น... ทำให้ชาลีงงเป็นไก่ตาแตกว่า ทำไมผู้หญิงสูงวัยคนนี้ถึงได้แสดงท่าทีประหลาดใส่ตน
และการพบกันครั้งนี้นี่เองที่เป็นการเริ่มต้นเฉลย “เงื่อน” ที่ผูกติดชีวิตปริศนาของชาลีมาตลอดชีวิต!!!!! เริ่มจากวันหนึ่งชาลีออกไปช้อปปิ้งกับอิราวัตและพบกับ คาร่าที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก คาร่าพยายามแสดงความสัมพันธ์เก่าๆ กับอิราวัต ทำให้ชาลีไม่พอใจ ชาลีจึงหนีอิราวัตมาที่ลานจอดรถก่อน มีรถคันหนึ่งทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าชนหมายฆ่าชาลี แต่อิราวัตตามออกมาช่วยไว้ได้ทันเวลา อีกครั้งเมื่อชาลีตามอิราวัตไปเที่ยวที่โรงงานผ้าไหม หนึ่งในธุรกิจของตระกูล จู่ๆ ลังผ้าไหมที่กองเรียงกันสูงถึงเพดานก็ล้มครืนลงมา โชคดีที่เสี้ยววินาทีนั้น เป็นจังหวะที่ชาลีออกวิ่งไล่ตามเจ้าฮีโร่ลูกสุนัขที่อิราวัตซื้อให้...ชาลีเลยแคล้วคลาดมาได้อีก... อิราวัตจึงสงสัยว่ามีคนตามฆ่าชาลีแน่นอน ...คิดได้แค่นั้น เขาก็แทบจะไม่เป็นอันกินอันนอน ประกาศกฎเหล็กห้ามชาลีห่างสายตาเขาไปไหนเด็ดขาด
พราวเริ่มสงสัยสิ่งที่ตนแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องการ “กำจัด” ใครสักคน แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักเพราะทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยชื่อคนที่กำลังเป็น “เหยื่อ” แต่นั่นก็ทำให้พราวคอยตามสังเกตพฤติกรรมแม่มากขึ้น ความห่วงใยและความรักระหว่างชาลีกับอิราวัตมีมากขึ้นทุกวัน ในที่สุดอิราวัตทนไม่ไหวเอ่ยปากขอแต่งงานกับชาลี แต่ชาลีปฏิเสธเพราะรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควร แม้อิราวัตจะไม่สนใจแต่ความที่ชาลีรักอิราวัต ไม่น้อยกว่ากัน จึงขอเวลาให้เธอหายจากความจำเสื่อมเสียก่อน อิราวัตจึงขอหมั้นไว้ก่อน
ในวันที่อิราวัตพาชาลีไปซื้อแหวนหมั้น ทั้งคู่บังเอิญไปพบ ธนากร บุรเชษฐ์ ลูกชายของ ธัชชัย บุรเชษฐ์ ที่อิราวัตรู้จักทั้งพ่อทั้งลูก เพราะธัชชัยเคยมาซื้อม้า การพบกันวันนั้น ธนากร ชะงักงันไปทันทีที่เห็นหน้าชาลี ส่วนชาลีถึงกับตกใจกลัวจนสิ้นสติไป ทันทีที่ชาลีเห็นหน้า ธนากร และรอยแผลเป็นที่ยาวตั้งแต่มุมปากจนถึงขมับบนใบหน้าของธนากร!!! เมื่อชาลีฟื้นขึ้น ก็สารภาพว่าที่ตกใจขนาดนั้นเพราะเพราะสิ่งที่เห็น ดันเป็นภาพรอยแผลที่เพิ่งถูกกรีดสดๆ และมีเลือดไหลโกรกออกมา ซึ่งหมอประสาน หมอประจำบ้านเทพาลัยสรุปอาการหลอนของชาลีว่า น่าจะมีเงื่อนงำอยู่เบื้อหลังแน่...
วันหนึ่ง ชาลีหายไปจากบ้าน อิราวัตตกใจแทบบ้าตายเมื่อได้รับโทรศัพท์ว่าชาลีนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อเขาไปถึงก็ได้พบชาลีในสภาพคอเขียวเป็นจ้ำ ชาลีเล่าให้ฟังว่าแอบหลบออกไปจากบ้านเพราะคิดถึงน้าน้อยแต่เมื่อไปถึงก็ไม่เจอแถมยังโดนดักทำร้ายปางตาย ได้ไอ้จ้อยเพื่อนซี้ชาวสลัมมาช่วยไว้ อิราวัตเลยบอกความจริงกับชาลีว่าตนได้ให้เงินน้อยไปเพื่อเปิดร้านเสริมสวยเพื่อตอบแทนน้ำใจที่น้อยช่วยดูแลชาลี ชาลีซาบซึ้งในน้ำใจของอิราวัต...และยิ่งประทับใจเมื่ออิราวัตสั่งให้จ้อยไปทำงานที่ไร่เทพารักษ์ โดยฝึกให้ไปเป็นจ๊อกกี้และไปอยู่ในความดูแลของ สุกฤต (วิวัฒน์) ผู้จัดการไร่
ด้วยความรัก ทำให้อิราวัตคอยใกล้ชิดชาลีไม่ยอมห่าง กระทั่งไม่อาจกลั้นอารมณ์ปรารถนาไว้ได้ และชาลีเองก็ยินยอมเป็นของอิราวัตอย่างเต็มใจ...อิราวัตจึงกำหนดวันแต่งงาน แต่นับวัน ว่าที่เจ้าสาวของอิราวัตก็ยิ่งซีดเซียว เป็นลมง่าย และอาการทวีความรุนแรงขึ้นจนผิดสังเกต เมื่อหมอประสานเช็คโดยละเอียด...สรุปว่าชาลีมีสารพิษในเลือดและอยู่ในขั้นอันตราย!!!! วันหนึ่ง พราวบังเอิญผ่านไปหน้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งและเห็น ดวงตา คนใช้บ้านเทพาลัยเดินออกมาจากร้าน พร้อมกับพิมพา แม่ของเธอ ดวงตาถูกจับได้ว่าเป็นคนหยดยาพิษใส่ให้ชาลีกินเพราะนุชบังเอิญไปเห็นเข้า แต่ดวงตาก็สารภาพด้วยความซื่อว่าทำไปด้วยความหวังดี เพราะเชื่อที่ผู้หญิงแปลกหน้าที่อ้างว่าเป็นป้าของชาลีเรียกเธอไปบอกว่าอยากฝากยาบำรุงมาใช้ชาลีกิน เธอกับชาลีมีปัญหาที่ไม่อาจพบกันได้แล้วยังบอกว่ารู้ว่าชาลีไม่ค่อยสบายและ เธอเป็นคนเดียวที่รู้ดีว่าชาลีต้องกินยานี้จึงจะหาย แถมยังกำชับไม่ให้ดวงตาบอกใคร โดยหลอกว่าชาลีเป็นโรคที่น่าอายไม่อยากให้ใครรู้ ด้วยเหตุผลนี้ ดวงตาเลยรอดตัว
หมอประสานแน่ใจว่าพิษที่ชาลีได้รับต้องเป็นพิษจากสมุนไพรตัวหนึ่ง ซึ่งต้องขอความร่วมมือจาก ดร.ดุสิต ชวนากุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเรื่องสมุนไพรมาวิเคราะห์ จนรู้ความจริงว่าที่แท้ยาบำรุงที่ดวงตาหยดลงในนมให้ชาลีกินเข้าไปทุกวันนั้นคือน้ำสมุนไพรที่มีคุณสมบัติทำให้ผู้หญิงสาวกว่าวัย... หรือไม่ก็เป็นบ้าและถึงตายได้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้!!! วันที่เกิดเรื่อง พราวแอบเอาขวดน้ำสมุนไพรกลับบ้านและตั้งใจจะเอาความจริงกับพิมพาให้ได้ พราวคาดคั้น จนพิมพาบันดาลโทสะตบหน้าพราวและห้ามไม่ให้ยุ่งเรื่องนี้ พราวถามถึงรูปถ่ายผู้หญิงที่ตนเคยเห็นสอดอยู่ในหนังสือเล่มหนึ่งในห้องสมุด พิมพาปฏิเสธมาตลอดว่าไม่รู้จัก พราวนึกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าเหมือนชาลี พิมพาตกใจแต่ยังปากแข็ง พราวเลยขู่ว่าจะนำเรื่องทั้งหมดไปบอกอิราวัตและอภินัทธ์รู้ พิมพาท้าให้ไปบอกถ้าอยากเห็นคุณแม่ติดคุก หรือไม่คนที่บ้านนั้นก็ต้องมาฆ่าตนเป็นการแก้แค้นแน่... พราวจึงจำต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ...และตัดสินใจออกจากบ้าน โดยไม่ฟังคำทัดทานของพิมพาแถมยังขู่ว่าถ้าพิมพาคิดจะฆ่าชาลีอีกหรือห้ามเธอไม่ให้ออกจากบ้าน เธอจะดื่มยาพิษนั้นเอง!!!!!
พิมพาได้แต่นั่งเศร้า และหวนคิดถึงภาพอดีตครั้งที่ตนได้รับความอุปการะจากพ่อแม่บุญธรรมคือ สิริ และกุสุมา คณนาถ ที่นำเธอมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่นานสิริก็ตายจากไปเหลือแต่กุสุมาที่รักพิมพาเหมือนลูกแท้ๆ แต่พิมพากลับหลงรักและอยากแต่งงานกับสุกฤต คณนาถ ลูกชายคนเดียวของสิริ และกุสุมาเมื่อพิมพาเอ่ยปากบอกความในใจให้กุสุมารู้ ก็ได้รับคำปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเพราะกุสุมาทนไม่ได้ที่จะเห็นคนที่ตนอุปการะเหมือนลูกแท้ๆ กับลูกจะแต่งงานกัน และที่สำคัญคือสุกฤตมีคู่หมั้นที่รักอยู่แล้วคือชาลินี คำปฏิเสธกึ่งห้ามของกุสุมาทำให้พิมพาเจ็บใจและคิดแผนกำจัดกุสุมา...โดยใช้น้ำยาสมุนไพรที่ซื้อมาจากแม่มดชาวยิปซีเมื่อครั้งที่เธอได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ให้กุสุมากินจนตาย
พิมพาก็หาโอกาสใกล้ชิดสุกฤตจนได้เสียกัน ขณะที่สุกฤตเองยังอยู่ในอาการเมายาที่พิมพาให้จนเบลอแต่สุกฤตกลับยืนยันว่ารักและแต่งงานกับชาลินีคนเดียว ไม่คิดที่จะแต่งงานกับพิมพาสุกฤตจึงเลือกที่จะออกจากบ้านทิ้งให้พิมพาอยู่คนเดียว
แต่เมื่อรู้ข่าวการแต่งงานระหว่างพิมพากับสินธุ สุกฤตก็กลับมาอยู่ร่วมกันในบ้านคณนาถพร้อมกับชาลินี...สุกฤตมีชีวิตแสนสุขอยู่กับชาลินี โดยไม่รู้เลยว่าการแต่งงานของพิมพาเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกันทางธุรกิจเพราะพิมพาเกิดท้องและต้องหาพ่อให้ลูกเพื่อรักษาหน้าตาไว้...สินธุจึงเป็นสามีจำเป็นและเป็นคู่คิดให้พิมพาในแผนชั่วต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสุกฤตเองก็ไม่รู้สักนิดว่าลูกในท้องของพิมพาเป็นลูกของตน
เมื่อรักกลายเป็นแค้น...พิมพาสั่งให้สินธุ “จัดการ” กับสุกฤตและชาลินีทันที โดยใช้สินธุหลอกให้สุกฤตให้เข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินที่เหมืองแร่ทับทิม และสร้างสถานการณ์ให้เป็นอุบัติเหตุอุโมงค์พังครืนลงมา โชคดีที่สุกฤตไม่ตายแต่ก็ถึงกับต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดนานถึงสามเดือน และสิ่งที่สุกฤตต้องแปลกใจที่สุดคือ ชาลินีไม่เคยย่างกรายมาเยี่ยมตนเลย พอถามถึง พิมพาก็ได้แต่บอกว่าชาลินีป่วย แล้วในวันที่สุกฤตออกจากโรงพยาบาล สุกฤตก็ต้องออกไปงานศพของชาลินีแทนที่จะได้ไปพบชาลินีที่บ้าน
สุกฤตเสียใจมากและตัดสินใจขายบ้านชาลินีให้ อรรถ สหเทพ พ่อของอิราวัตและอภินัทธ์...และขอไปทำงานเป็นผู้จัดการคอกม้าที่ไร่เทพารักษ์นับแต่นั้นมา โดยร้องขอว่าไม่ให้บอกใครว่าตนอยู่ที่ไหน ส่วนบ้านคณนาถ สุกฤตก็ปล่อยให้พิมพาครอบครอง เพราะคิดว่าเป็นการตอบแทนสิ่งที่เขาไม่ต้องรับผิดชอบในตัวพิมพา
ส่วนชาลินีก็ได้รู้จักพิมพาเพียงว่าสุกฤตถูกอุโมงค์ค์ถล่มทับตาย ไม่สามารถเอาศพออกมาได้และพิมพาแสร้งมาทำดีและให้คนพาชาลินีไปพักผ่อนชายทะเลโดยเตรียมให้มือสังหารจัดการกับชาลินี แต่ชาลินีอ้อนวอนขอร้องมือสังหารโดยบอกว่าตนกำลังท้องขอให้ปล่อยไปแล้วจะไม่เอาเรื่อง เจ้ามือสังหารเกิดใจอ่อน ชาลินีจึงกระเซอะกระเซิงหนีมาจนได้พบกับธัชชัย ที่รับชาลินีไปอุปการะไว้ โดยพิมพาไม่เคยรู้เลย...รู้แต่ว่าชาลินีตายแล้วและเธอหมดเสี้ยนหนามแล้ว
ระหว่างที่หมอดุสิตใช้เวลาค้นคว้าอยู่นั้น...อาการของชาลีก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดชาลีกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปสองวันสองคืน ในที่สุดหมอดุสิตก็ค้นพบว่าวิธีเดียวที่จะรักษาชาลีได้ต้องเอายาสมุนไพรพิษขวดนั้นมาผสมกับสมุนไรที่หมอดุสิตคิดค้นขึ้น...พอดีกับที่พราวแวะมาหาอภินัทธ์ และได้รับรู้เรื่องจึงรีบเอาขวดยานั้นวางไว้ในที่เห็นชัดเจนและจากไป เพราะละอายแก่ใจเกินกว่ามาตีสองหน้าหรือแม้แต่จะรักอภินัทธ์อีกต่อไป... ในที่สุดชาลีก็หายเกือบเป็นปกติ ยังความดีใจมาให้คนทั้งบ้าน โดยเฉพาะอิราวัตที่ตัดสินใจพาชาลีไปพักฟื้นที่ไร่เทพารักษ์ทันที...และที่นี่ ชาลีก็ได้พบกับสุกฤต ผู้จัดการคอกม้าที่ชาลีรู้สึกถูกชะตาเอามากๆ และสุกฤตเองก็หลงรักชาลีตั้งแต่แรกเห็น แม้จะเป็นความรักเหมือนพ่อลูก แต่อิราวัตก็หึงเป็นฟืนเป็นไฟ
วันหนึ่ง จ้อยก็เอาซองจดหมายมาให้ชาลีและบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งฝากมาให้ ชาลีเปิดดูและได้พบปอยผม แล้วทันใดนั้นก็มีโทรศัพท์ประหลาดที่โทรมาหาชาลีพร้อมบอกว่าเป็นพี่ชายของชาลี...และขณะนี้แม่ชาลีอยู่กับเขา และย้ำว่าไม่ให้ชาลีบอกใคร ถ้าบอก...แม่ชาลีต้องตาย...แล้ววางหูไป อภินัทธ์ก็รีบไปหาพราวเพื่อบอกข่าวดีแต่ไม่พบจึงไปดักรอพราวที่มหาวิทยาลัย และรู้จากเพื่อนๆ ของพราวว่าพราวยังมาเรียนตามปกติ อภินัทธ์แน่ใจว่าพราวตั้งใจหลบหน้า ในที่สุดอภินัทธ์ก็สะกดรอยตามจนรู้ว่าพราวมาอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง พราวบอกว่าไม่ได้รักอภินัทธ์แล้ว เขาเสียใจมากปลุกปล้ำพราวและจากไปโดยสวนกับสินธุพ่อเลี้ยงของพราวที่จะมาข่มขืนพราว แต่อภินัทธ์รู้สึกผิดจึงย้อนกลับมาช่วยเหลือไว้ได้ทัน และได้รู้ว่าพราวยังรักเขาอยู่เหมือนเดิม
ที่ไร่เทพารักษ์...ชาลีถูกจับตัวไป อภินัทธ์พาพราวไปที่ไร่และได้รู้เรื่องที่ชาลีหายไป อิราวัตที่ไปเคลียร์งานกลับมาที่ไร่ก็ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อรู้เรื่อง มีเพียงพราวเท่านั้นที่รู้ว่าจะหาตัวชาลีได้ที่ไหนเพราะมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือของแม่เธอแน่ๆ พราวจึงขอให้อภินัทธ์ไปส่งเธอที่บ้านและบอกความจริงกับอภินัทธ์ว่าแม่ของเธอเป็นตัวการเรื่องทั้งหมด อภินัทธ์อาสาจะไปกับพราวด้วย แต่สุกฤตที่แอบได้ยินเรื่องจากพราวเข้ามาสกัดไว้ด้วยหมัดจนอภินัทธ์สลบไป และบอกกับพราวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว ควรจะเป็นตนและพราวที่จะไปจัดการกันเอง
เมื่อทั้งสองมาถึงบ้านพิมพา พบว่าพิมพากำลังเกรี้ยวกราวเพราะดันมีคนมาดักจับชาลีไปก่อนหน้าคนของสินธุ เป็นเวลาเดียวกับที่สุกฤตกับพราวโผล่เข้าไป ทำเอาพิมพาตกใจแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นคนที่ตนรักกลับมาพร้อมกันทั้งสองคน แต่สุกฤตนั้นมาพร้อมกับความเกลียดชังจึงด่าว่าพิมพาอย่างเจ็บแสบ พิมพาเลยระเบิดอารมณ์ใส่ว่าจะทำร้ายทุกคนที่มาขัดขวางความรักที่ตนมีต่อสุกฤต ไม่ว่าจะเป็นแม่ของสุกฤตหรือแม้แต่ชาลีที่ตนคิดจะฆ่าเพียงเห็นว่าชาลีหน้าตาเหมือนชาลินีโดยไม่สนใจว่าชาลีเป็นใคร
สุกฤตสุดจะทนกับความเลวร้ายของพิมพาเลยปรี่เข้าไปจะขย้ำแต่ก็ยังช้ากว่าพิมพาที่ถลาเข้าไปกันกระสุนที่สินธุยิงใส่สุกฤต จนตัวเองล้มตัวลงนอนเลือดท่วมอยู่ในอ้อมกอดของสุกฤต ก่อนตายพิมพาขออภัยและสารภาพว่าไม่รู้ว่าชาลีหายไปไหน เพราะตนสั่งให้สินธุไปจับตัวชาลีจริงแต่สินธุมาบอกว่าไปไม่ทันเพราะมีคนมาดักจับตัวชาลีไปก่อนแล้ว...และความจริงสุดท้าย ที่พิมพาบอกสุกฤตก่อนสิ้นลม คือพราวคือลูกสาวของตนกับสุกฤต อภินัทธ์แจ้งตำรวจมาจัดการกับสินธุในข้อหาฆ่าคนตาย สินธุต้องรับโทษจำคุก
ชาลี ตื่นมาในห้องหนึ่งพร้อมกับความทรงจำที่กลับคืนมา ชาลีค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์และหาคำตอบให้ตัวเองได้ในที่สุดว่าเธอไม่ใช่ลูกของดนัย เพราะดนัยเป็นเพียงคนสนิทของธัชชัย บุรเชษฐ์ที่เธอเรียกพ่อมาตลอดและระหว่างนั้นเองที่ธัชชัยได้ส่งสียงให้ชาลีเรียนภาษาอังกฤษจนแตกฉาน และธัชชัยได้ยกบ้านหลังเล็กในรั้วเดียวกันให้ดนัย เพื่อให้ดนัยคอยอยู่รับใช้ใกล้ชิดเพราะธัชชัยได้รับอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาตครึ่งตัว..แต่ไม่นานธัชชัยก็ตายไปในที่สุด ธนากร บุรเชษฐ์ ลูกชายคนเดียวของธัชชัยกลับมา ผู้ซึ่งเธอเข้าใจว่าเป็นพี่ชายต่างมารดา แต่สิ่งที่ชาลีได้รับจากพี่ชายคนนี้คือความใจร้าย และร้ายที่สุดคือธนากรหักคอสุนัขแสนรักของเธอต่อหน้าเหมือนกับจะขู่สองแม่ลูกว่าเขาสามารถทำสิ่งที่เลวร้ายได้มากกว่านี้...
แล้วในที่สุด วันหนึ่งธนากรก็ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงคือบุกเข้ามาปลุกปล้ำชาลี ชาลีดิ้นรนหมายจะเอากรรไกรมาขวางแต่กรรไกรพลาดโดนหน้าธนากรจนเป็นแผลเวอะ ชาลินีและดนัยมาช่วยไว้ได้ทัน ธนากรถูกยิงพร้อมกับที่ชาลีความจำเสื่อมไป ดนัยจึงพาสองแม่ลูกหนีไป
จนบัดนี้...ชาลีรู้ตัวว่าถูกจับมาขังที่บ้านหลังหนึ่ง และผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ ชาลีตอนนี้คือ แม่ชาลินีนั่นเอง...ยังไม่ทันที่แม่ลูกจะได้ทำอะไรมากกว่าโผเข้ากอดกัน ธนากรก็โผล่เข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าแล้วเริ่มทวงความรักคืนจากชาลินี เพราะธนากรหลงรักชาลินีมาตลอดแต่ชาลินีกลับตกลงแต่งงานกับพ่อของเขาธนากรจึงแค้นทำร้ายพ่อตัวเองจนพิการ แต่ชาลินีก็ยังไม่รั้งรอที่จะแต่งงานด้วย แถมตนยังถูกพ่อส่งไปอยู่ไกลถึงอเมริกา...ความแค้นแสนสาหัสจึงฝังในใจเวลามา
ชาลินีอธิบายว่าตนแต่งงานกับธัชชัย เพียงในนาม เพราะธัชชัยบอกว่าธนากรเป็นพวกรักร่วมเพศและมีความวิปริตทางเพศ ธนากรได้ฟังยิ่งแค้นหนักเลยทำร้ายชาลินี และกระชากชาลีมาหมายจะข่มขืนโชว์ให้ชาลินีเห็นว่าตนไม่ใช่รักร่วมเพศ แต่อิราวัตเข้ามาช่วยไว้ทันเพราะจ้อยเล่าว่าที่เห็นว่ามีผู้ชายหน้าบากพาชาลีไป อิราวัตจึงนึกถึงธนากรและตามาช่วย อิราวัตอัดจนธนากรคว่ำไป และพาชาลีกับชาลินีกลับบ้าน ได้พบกับสุกฤตที่ได้รู้ความจริงจากชาลินีว่าชาลีคือลูกสาวของสุกฤตที่ติดท้องตนมาก่อนจะได้พบกับธัชชัย และพราวคือลูกสาวของตนกับพิมพาที่ติดท้องไปก่อนที่พิมพาจะแต่งงานกับสินธุ เท่ากับว่าพราวคือพี่สาวพ่อเดียวกันกับชาลีนั่นเอง แล้วทั้งหมดก็ได้รับข่าวว่า ธนากรคุ้มคลั่งแย่งปืนจากตำรวจที่ไปจับมายิงตัวตาย อิราวัตแต่งงานกับชาลี พร้อมกับที่อภินัทธ์ได้แต่งงานกับ พราวหรือสิรินัดดาโดยมีพ่อและแม่ฝ่ายหญิงอวยพรให้อย่างมีความสุข
การพบกันครั้งแรกระหว่างอิราวัตกับชาลี ชาลีกลายเป็นเพียงไอ้เด็กขี้ขโมยเหลือขอ เพราะอิราวัตเข้าใจว่าชาลีเป็นแก๊งค์มือกาวร่วมกับไอ้จ้อย ไม่ว่าชาลีจะปฏิเสธยังไง อิราวัตก็ไม่ฟังเพราะหลักฐานคือกระเป๋าเงินของเขาในมือชาลีมันมัดตัวแน่นหนา... แต่ชาลีก็รอดพ้นการจับกุมของอิราวัตมาได้ด้วยการเล่นทีเผลอทั้งเตะทั้งกัด จนอิราวัตต้องปล่อยตัวไป อิราวัตไม่อยากเอาเหตุการณ์นี้มาทำให้เขาท้อถอยที่จะบุกเข้าไปในแหล่งเสื่อมโทรมเพื่อตามหาผู้ชายคนหนึ่งในที่สุดอิราวัตก็ได้พบกับ ดนัย สุวงศ์ (ศตวรรษ) ซึ่งก็คือพ่อของชาลี “ไอ้เด็กขี้ขโมยเหลือขอนั่นเอง”
อิราวัตแทบช็อคเมื่อเห็นร่างชายที่นอนอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มผู้เคยสง่างาม ความรู้ดีที่เขาเคยรู้จัก แต่บัดนี้ ดนัย สุวงศ์ เป็นเพียงซากกระดูกกองเล็กๆ ที่นอนหายใจรวยริน และมีเรี่ยวแรงเพียงคำกล่าวคำเสียงสั้นๆ ไว้กับเขาเพียงแค่ “ฝากลูกของพี่ด้วย...ช่วยดูแล ระวังอันตราย!!!” เท่านั้น แล้วดนัยก็สิ้นลม โดยที่ชาลีเองมาไม่ทันดูใจพ่อด้วยซ้ำเพราะมัวแต่ไปหายามาให้พ่อกิน
แล้วจากนั้น...ชีวิตของชาลีก็เปลี่ยนไป เมื่อต้องเดินทางไปบ้านเทพาลัยพร้อมอิราวัต อิราวัตพาชาลีเข้าไปอยู่ในบ้าน และฝากให้อยู่ในความดูแลของ แวว พี่เลี้ยง โดยมี นง กับ นุช คนใช้เก่าแก่เป็นผู้ช่วย แม้จะรู้ความจริงจากน้อยว่าชาลีไม่ได้เป็นพวกขี้ขโมย แต่อิราวัตก็ยังรู้สึกว่ามีอีกหลายเรื่องที่จะต้องรบรากับเจ้าเด็กหนุ่มหน้าสวยคนนี้
นอกจากแววแล้ว ในบ้านเทพาลัยก็ยังมี อภินัทธ์ สหเทพ (นพพล) น้องชายแท้ๆ ของอิราวัตเองที่ให้ความรักและเอ็นดูชาลีเหมือนน้องแท้ๆ เพราะคนในบ้านทุกคนทั้งนายและบ่าวต่างคุ้นเคยสนิท ชิดเชื้อกับดนัยเป็นอย่างดี...เพียงแต่ยังไม่มีใครได้ล่วงรู้ความจริงว่าทำไม ดนัย สุวงศ์หนุ่มปริญญาโทด้านการเงินจากอเมริกาที่มีทุกอย่างพรั่งพร้อมจึงต้องหนีหน้าจากทุกคนไป และไปตกยากเป็นกุลีอยู่ที่ท่าเรือ และใช้ชีวิตบั้นปลายในสลัมจนตัวตาย...แถมยังทิ้งปริศนาคาใจไว้ด้วยคำพูดสุดท้ายว่า “ระวังอันตราย” ซะอีก!!!
ทั้งสองพี่น้องอิราวัต และอภินัทธ์ ต่างยังเป็นหนุ่มโสด แม้จะถูกหมายปองจากสาวๆ ในสังคม แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปลงใจกับใคร โดยเฉพาะอิราวัตที่แม้จะมีสาวสังคมเปรี้ยวจี๊ดอย่าง คาร่า มาป้วนเปี้ยน แต่ด้วยความที่อิราวัตไม่คิดว่าจะลงเอยกับคาร่าได้ ทั้งที่คบหากันอยู่พักใหญ่ อิราวัตเลยเป็นฝ่ายบอกเลิกคาร่าทำเอาคาร่าหน้าแตกและหายหน้าไป แต่คาร่าก็ไม่ยินดียินร้ายมากนัก เลยควงผู้ชายคนใหม่ได้ในเวลาไม่นาน
ส่วนอภินัทธ์นั้น แม้จะสนิทสนมอยู่กับสาวหนึ่ง แต่เพราะแม่ของหญิงสาวคอยกีดกันสารพัดทำให้รักของเขายังไม่ลงเอยซะที เหตุผลที่ คุณหญิงพิมพา คณนาถ (ภัสสร) ผู้เป็นแม่คอยกีดกันเพราะผู้ชายที่คุณหญิงหมายตาไว้ให้ลูกสาวคืออิราวัตผู้พี่ ไม่ใช่อภินัทธ์ ด้วยเหตุผลที่ว่าอิราวัตเป็นลูกชายคนโต เป็นหัวหน้าสกุล มีอำนาจเด็ดขาดทุกสิ่งในการดูแลทรัพย์สมบัติมหาศาลของตระกูล ต่างกับน้องชายที่ไม่มีอำนาจอะไรเพราะเลือกทำงานเป็นสถาปนิกของโครงการที่เป็นกิจการของตระกูลแม้คุณหญิงพิมพาจะคอยกีดกันอย่างไร แต่ก็ไม่อาจห้ามใจของหนุ่มสาวได้เพราะ สิรินัดดา คณนาถ (คีตภัทร) หรือ พราว รู้ดีว่าเธอรักอภินัทธ์ที่ใจไม่ใช่ที่เงินหรืออำนาจ
ในบ้านของพราว นอกจากแม่แล้ว ยังมีพ่อคือ สินธุ (ธีรพงษ์) ที่พราวรู้สึกไม่ไว้ใจ เพราะไม่เคยรู้สึกว่าได้รับความรักหรือได้รับความอบอุ่นเช่นที่ลูกควรจะได้รับจากพ่อ ตรงข้ามสินธุกลับชอบมองพราวเหมือนสิงโตจ้องตะครุบเหยื่อ แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าทำไมคนที่เรียกเขาว่าพ่อมาตั้งแต่จำความได้ จึงให้ความรู้สึก “กลัว” มากกว่า “รัก” อภินัทธ์พาพราวมาให้รู้จักกับชาลี ทั้งคู่รู้สึกถูกชะตากันมาก แววสังเกตได้ว่าทั้งสองมีอะไรหลายอย่างคล้ายกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา
ชาลีมีใบหน้าที่สวยหวานราวหญิงสาวสวยจัด และมีความสามารถพิเศษเรื่องภาษาอังกฤษเพราะชาลีสามารถอ่านหนังสือต่างๆ ที่เป็นฉบับภาษาอังกฤษได้ โดยบอกว่าพ่อเป็นคนสอนให้ ส่วนเรื่องการศึกษาชาลี บอกจบการศึกษาแค่มัธยม ซึ่งชาลีเองไม่แน่ใจพอๆ กับเรื่องประวัติของตัวเอง ที่ชาลีคิดถึงเมื่อไหร่จะมีอาการเครียด ปวดหัว จนทุกคนยอมรับไปโดยปริยายว่าชาลีอาจเป็นโรคความจำเสื่อม
อิราวัตรำคาญความอ้อนแอ้นบอบบางของชาลีมาก สบประมาทชาลีอยู่ทุกวี่ทุกวัน จนวันหนึ่งเขาว่าชาลีเป็นกระเทยจึงถูกชาลีตบหน้า อิราวัตโกรธเพราะชาลีเลือกที่จะ “ตบ” แทนที่จะ “ต่อย” จึงตามทดสอบความเป็นชายกับชาลีบ่อยๆ จนวันหนึ่งที่อิราวัตท้าชาลีดวลดาบ แล้วจงใจตวัดดาบกรีดไหล่เสื้อของชาลีจนขาด ชาลีโกรธเลือดขึ้นหน้า ตวัดดาบตอบโต้เชือดเข้าที่หลังมือของอิราวัตจนได้เลือด เมื่อเห็นเลือดชาลีกรี๊ดสลบไป
อิราวัตตกใจ จึงเอามือทาบเพื่อดูว่าหัวใจของชาลียังเต้นอยู่หรือเปล่า แต่กลับพบว่า เนื้อตรงหัวใจของชาลีที่เขาเอามือทาบลงไป ดันเป็นเนื้อนูนแทนที่จะเป็นแบนราบ และเปิดเสื้อขึ้นดู ก็เห็นผ้าที่พันไว้รอบอก อิราวัตรู้ได้ในทันทีว่าที่แท้...เจ้าหนุ่มน้อยหน้าสวยคนนี้เป็นหญิง!!! แล้วคนทั้งบ้านก็ได้รู้ความจริง แต่ชาลีก็ให้ความกระจ่างกับทุกคนได้เพียงว่า พ่อดนัยสั่งให้เธอปลอมเป็นชาย โดยเธอเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม?
ชาลีบอกอิราวัตว่าตนเองมีชื่อจริงว่า “สุชาวดี” มีแม่ชื่อ ชาลินี (รัชนี) และสาเหตุของโรคความจำเสื่อมของชาลีรู้จากพ่อแค่ว่าเมื่อสามปีก่อนชาลีไม่สบายหนักถึงขั้นช็อค และทำให้ตัวเองความจำเสื่อม ส่วนที่ชาลีเดาเอาเอง เป็นเรื่องที่ชาลีน่าจะอยู่กับแม่ตอนที่แม่ตาย เพราะมักจะฝันเห็นผู้หญิงเรียกหาด้วยเสียงโหยหวนด้วยเงื่อนงำต่างๆ นี้ ทำให้อิราวัตอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับชาลีมากขึ้นทุกที แต่มักไม่เป็นผลสำเร็จเพราะเมื่อชาลีพยายามนึกภาพคราวใด ก็จะเห็นเพียงภาพเด็กผู้หญิงผมเปียวิ่งเล่นในสนามหญ้ากับสุนัขตัวอ้วนและพ่อดนัยเท่านั้น
ความสนิทสนมของอิราวัตกับชาลีเพิ่มพูนและผูกพันมากขึ้นจนกลายเป็นความรัก อิราวัตเองไม่ชอบให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้หรือทำท่าชอบพอชาลีเลย แม้แต่ จรัสพงศ์ (ศรุต) และ ถกลเกียรติ (เขมชาติ) เพื่อนสนิทที่เคยไปมาหาสู่ ก็ทำเอาอิราวัตหงุดหงิดงุ่นง่าน เมื่อจรัสพงศ์แสดงท่าทีพอใจชาลีจนออกนอกหน้า ความใกล้ชิดและความเป็นห่วงอย่างจริงใจของอิราวัต ทำให้ชาลีที่ไม่เคยชอบหน้า และความใจร้อนของอิราวัตแพ้ใจและแพ้ในความดีของอิราวัตในที่สุด
พราวแวะมาหาชาลีบ่อยๆ จนสนิทสนมกับชาลีอย่างรวดเร็ว และในวันหนึ่งพราวก็พาชาลีไปเที่ยวบ้านคณคามของเธอ และที่นี่เองที่ชาลีได้พบกับคุณหญิงพิมพาที่พอเห็นหน้าชาลีก็ตกใจจนทำถ้วยชาในมือตกแตกและมองชาลีอย่างโกรธแค้น... ทำให้ชาลีงงเป็นไก่ตาแตกว่า ทำไมผู้หญิงสูงวัยคนนี้ถึงได้แสดงท่าทีประหลาดใส่ตน
และการพบกันครั้งนี้นี่เองที่เป็นการเริ่มต้นเฉลย “เงื่อน” ที่ผูกติดชีวิตปริศนาของชาลีมาตลอดชีวิต!!!!! เริ่มจากวันหนึ่งชาลีออกไปช้อปปิ้งกับอิราวัตและพบกับ คาร่าที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก คาร่าพยายามแสดงความสัมพันธ์เก่าๆ กับอิราวัต ทำให้ชาลีไม่พอใจ ชาลีจึงหนีอิราวัตมาที่ลานจอดรถก่อน มีรถคันหนึ่งทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าชนหมายฆ่าชาลี แต่อิราวัตตามออกมาช่วยไว้ได้ทันเวลา อีกครั้งเมื่อชาลีตามอิราวัตไปเที่ยวที่โรงงานผ้าไหม หนึ่งในธุรกิจของตระกูล จู่ๆ ลังผ้าไหมที่กองเรียงกันสูงถึงเพดานก็ล้มครืนลงมา โชคดีที่เสี้ยววินาทีนั้น เป็นจังหวะที่ชาลีออกวิ่งไล่ตามเจ้าฮีโร่ลูกสุนัขที่อิราวัตซื้อให้...ชาลีเลยแคล้วคลาดมาได้อีก... อิราวัตจึงสงสัยว่ามีคนตามฆ่าชาลีแน่นอน ...คิดได้แค่นั้น เขาก็แทบจะไม่เป็นอันกินอันนอน ประกาศกฎเหล็กห้ามชาลีห่างสายตาเขาไปไหนเด็ดขาด
พราวเริ่มสงสัยสิ่งที่ตนแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องการ “กำจัด” ใครสักคน แต่ก็ยังไม่แน่ใจนักเพราะทั้งคู่ไม่ได้เอ่ยชื่อคนที่กำลังเป็น “เหยื่อ” แต่นั่นก็ทำให้พราวคอยตามสังเกตพฤติกรรมแม่มากขึ้น ความห่วงใยและความรักระหว่างชาลีกับอิราวัตมีมากขึ้นทุกวัน ในที่สุดอิราวัตทนไม่ไหวเอ่ยปากขอแต่งงานกับชาลี แต่ชาลีปฏิเสธเพราะรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควร แม้อิราวัตจะไม่สนใจแต่ความที่ชาลีรักอิราวัต ไม่น้อยกว่ากัน จึงขอเวลาให้เธอหายจากความจำเสื่อมเสียก่อน อิราวัตจึงขอหมั้นไว้ก่อน
ในวันที่อิราวัตพาชาลีไปซื้อแหวนหมั้น ทั้งคู่บังเอิญไปพบ ธนากร บุรเชษฐ์ ลูกชายของ ธัชชัย บุรเชษฐ์ ที่อิราวัตรู้จักทั้งพ่อทั้งลูก เพราะธัชชัยเคยมาซื้อม้า การพบกันวันนั้น ธนากร ชะงักงันไปทันทีที่เห็นหน้าชาลี ส่วนชาลีถึงกับตกใจกลัวจนสิ้นสติไป ทันทีที่ชาลีเห็นหน้า ธนากร และรอยแผลเป็นที่ยาวตั้งแต่มุมปากจนถึงขมับบนใบหน้าของธนากร!!! เมื่อชาลีฟื้นขึ้น ก็สารภาพว่าที่ตกใจขนาดนั้นเพราะเพราะสิ่งที่เห็น ดันเป็นภาพรอยแผลที่เพิ่งถูกกรีดสดๆ และมีเลือดไหลโกรกออกมา ซึ่งหมอประสาน หมอประจำบ้านเทพาลัยสรุปอาการหลอนของชาลีว่า น่าจะมีเงื่อนงำอยู่เบื้อหลังแน่...
วันหนึ่ง ชาลีหายไปจากบ้าน อิราวัตตกใจแทบบ้าตายเมื่อได้รับโทรศัพท์ว่าชาลีนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อเขาไปถึงก็ได้พบชาลีในสภาพคอเขียวเป็นจ้ำ ชาลีเล่าให้ฟังว่าแอบหลบออกไปจากบ้านเพราะคิดถึงน้าน้อยแต่เมื่อไปถึงก็ไม่เจอแถมยังโดนดักทำร้ายปางตาย ได้ไอ้จ้อยเพื่อนซี้ชาวสลัมมาช่วยไว้ อิราวัตเลยบอกความจริงกับชาลีว่าตนได้ให้เงินน้อยไปเพื่อเปิดร้านเสริมสวยเพื่อตอบแทนน้ำใจที่น้อยช่วยดูแลชาลี ชาลีซาบซึ้งในน้ำใจของอิราวัต...และยิ่งประทับใจเมื่ออิราวัตสั่งให้จ้อยไปทำงานที่ไร่เทพารักษ์ โดยฝึกให้ไปเป็นจ๊อกกี้และไปอยู่ในความดูแลของ สุกฤต (วิวัฒน์) ผู้จัดการไร่
ด้วยความรัก ทำให้อิราวัตคอยใกล้ชิดชาลีไม่ยอมห่าง กระทั่งไม่อาจกลั้นอารมณ์ปรารถนาไว้ได้ และชาลีเองก็ยินยอมเป็นของอิราวัตอย่างเต็มใจ...อิราวัตจึงกำหนดวันแต่งงาน แต่นับวัน ว่าที่เจ้าสาวของอิราวัตก็ยิ่งซีดเซียว เป็นลมง่าย และอาการทวีความรุนแรงขึ้นจนผิดสังเกต เมื่อหมอประสานเช็คโดยละเอียด...สรุปว่าชาลีมีสารพิษในเลือดและอยู่ในขั้นอันตราย!!!! วันหนึ่ง พราวบังเอิญผ่านไปหน้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งและเห็น ดวงตา คนใช้บ้านเทพาลัยเดินออกมาจากร้าน พร้อมกับพิมพา แม่ของเธอ ดวงตาถูกจับได้ว่าเป็นคนหยดยาพิษใส่ให้ชาลีกินเพราะนุชบังเอิญไปเห็นเข้า แต่ดวงตาก็สารภาพด้วยความซื่อว่าทำไปด้วยความหวังดี เพราะเชื่อที่ผู้หญิงแปลกหน้าที่อ้างว่าเป็นป้าของชาลีเรียกเธอไปบอกว่าอยากฝากยาบำรุงมาใช้ชาลีกิน เธอกับชาลีมีปัญหาที่ไม่อาจพบกันได้แล้วยังบอกว่ารู้ว่าชาลีไม่ค่อยสบายและ เธอเป็นคนเดียวที่รู้ดีว่าชาลีต้องกินยานี้จึงจะหาย แถมยังกำชับไม่ให้ดวงตาบอกใคร โดยหลอกว่าชาลีเป็นโรคที่น่าอายไม่อยากให้ใครรู้ ด้วยเหตุผลนี้ ดวงตาเลยรอดตัว
หมอประสานแน่ใจว่าพิษที่ชาลีได้รับต้องเป็นพิษจากสมุนไพรตัวหนึ่ง ซึ่งต้องขอความร่วมมือจาก ดร.ดุสิต ชวนากุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเรื่องสมุนไพรมาวิเคราะห์ จนรู้ความจริงว่าที่แท้ยาบำรุงที่ดวงตาหยดลงในนมให้ชาลีกินเข้าไปทุกวันนั้นคือน้ำสมุนไพรที่มีคุณสมบัติทำให้ผู้หญิงสาวกว่าวัย... หรือไม่ก็เป็นบ้าและถึงตายได้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้!!! วันที่เกิดเรื่อง พราวแอบเอาขวดน้ำสมุนไพรกลับบ้านและตั้งใจจะเอาความจริงกับพิมพาให้ได้ พราวคาดคั้น จนพิมพาบันดาลโทสะตบหน้าพราวและห้ามไม่ให้ยุ่งเรื่องนี้ พราวถามถึงรูปถ่ายผู้หญิงที่ตนเคยเห็นสอดอยู่ในหนังสือเล่มหนึ่งในห้องสมุด พิมพาปฏิเสธมาตลอดว่าไม่รู้จัก พราวนึกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าเหมือนชาลี พิมพาตกใจแต่ยังปากแข็ง พราวเลยขู่ว่าจะนำเรื่องทั้งหมดไปบอกอิราวัตและอภินัทธ์รู้ พิมพาท้าให้ไปบอกถ้าอยากเห็นคุณแม่ติดคุก หรือไม่คนที่บ้านนั้นก็ต้องมาฆ่าตนเป็นการแก้แค้นแน่... พราวจึงจำต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ...และตัดสินใจออกจากบ้าน โดยไม่ฟังคำทัดทานของพิมพาแถมยังขู่ว่าถ้าพิมพาคิดจะฆ่าชาลีอีกหรือห้ามเธอไม่ให้ออกจากบ้าน เธอจะดื่มยาพิษนั้นเอง!!!!!
พิมพาได้แต่นั่งเศร้า และหวนคิดถึงภาพอดีตครั้งที่ตนได้รับความอุปการะจากพ่อแม่บุญธรรมคือ สิริ และกุสุมา คณนาถ ที่นำเธอมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่นานสิริก็ตายจากไปเหลือแต่กุสุมาที่รักพิมพาเหมือนลูกแท้ๆ แต่พิมพากลับหลงรักและอยากแต่งงานกับสุกฤต คณนาถ ลูกชายคนเดียวของสิริ และกุสุมาเมื่อพิมพาเอ่ยปากบอกความในใจให้กุสุมารู้ ก็ได้รับคำปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเพราะกุสุมาทนไม่ได้ที่จะเห็นคนที่ตนอุปการะเหมือนลูกแท้ๆ กับลูกจะแต่งงานกัน และที่สำคัญคือสุกฤตมีคู่หมั้นที่รักอยู่แล้วคือชาลินี คำปฏิเสธกึ่งห้ามของกุสุมาทำให้พิมพาเจ็บใจและคิดแผนกำจัดกุสุมา...โดยใช้น้ำยาสมุนไพรที่ซื้อมาจากแม่มดชาวยิปซีเมื่อครั้งที่เธอได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ให้กุสุมากินจนตาย
พิมพาก็หาโอกาสใกล้ชิดสุกฤตจนได้เสียกัน ขณะที่สุกฤตเองยังอยู่ในอาการเมายาที่พิมพาให้จนเบลอแต่สุกฤตกลับยืนยันว่ารักและแต่งงานกับชาลินีคนเดียว ไม่คิดที่จะแต่งงานกับพิมพาสุกฤตจึงเลือกที่จะออกจากบ้านทิ้งให้พิมพาอยู่คนเดียว
แต่เมื่อรู้ข่าวการแต่งงานระหว่างพิมพากับสินธุ สุกฤตก็กลับมาอยู่ร่วมกันในบ้านคณนาถพร้อมกับชาลินี...สุกฤตมีชีวิตแสนสุขอยู่กับชาลินี โดยไม่รู้เลยว่าการแต่งงานของพิมพาเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกันทางธุรกิจเพราะพิมพาเกิดท้องและต้องหาพ่อให้ลูกเพื่อรักษาหน้าตาไว้...สินธุจึงเป็นสามีจำเป็นและเป็นคู่คิดให้พิมพาในแผนชั่วต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสุกฤตเองก็ไม่รู้สักนิดว่าลูกในท้องของพิมพาเป็นลูกของตน
เมื่อรักกลายเป็นแค้น...พิมพาสั่งให้สินธุ “จัดการ” กับสุกฤตและชาลินีทันที โดยใช้สินธุหลอกให้สุกฤตให้เข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินที่เหมืองแร่ทับทิม และสร้างสถานการณ์ให้เป็นอุบัติเหตุอุโมงค์พังครืนลงมา โชคดีที่สุกฤตไม่ตายแต่ก็ถึงกับต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดนานถึงสามเดือน และสิ่งที่สุกฤตต้องแปลกใจที่สุดคือ ชาลินีไม่เคยย่างกรายมาเยี่ยมตนเลย พอถามถึง พิมพาก็ได้แต่บอกว่าชาลินีป่วย แล้วในวันที่สุกฤตออกจากโรงพยาบาล สุกฤตก็ต้องออกไปงานศพของชาลินีแทนที่จะได้ไปพบชาลินีที่บ้าน
สุกฤตเสียใจมากและตัดสินใจขายบ้านชาลินีให้ อรรถ สหเทพ พ่อของอิราวัตและอภินัทธ์...และขอไปทำงานเป็นผู้จัดการคอกม้าที่ไร่เทพารักษ์นับแต่นั้นมา โดยร้องขอว่าไม่ให้บอกใครว่าตนอยู่ที่ไหน ส่วนบ้านคณนาถ สุกฤตก็ปล่อยให้พิมพาครอบครอง เพราะคิดว่าเป็นการตอบแทนสิ่งที่เขาไม่ต้องรับผิดชอบในตัวพิมพา
ส่วนชาลินีก็ได้รู้จักพิมพาเพียงว่าสุกฤตถูกอุโมงค์ค์ถล่มทับตาย ไม่สามารถเอาศพออกมาได้และพิมพาแสร้งมาทำดีและให้คนพาชาลินีไปพักผ่อนชายทะเลโดยเตรียมให้มือสังหารจัดการกับชาลินี แต่ชาลินีอ้อนวอนขอร้องมือสังหารโดยบอกว่าตนกำลังท้องขอให้ปล่อยไปแล้วจะไม่เอาเรื่อง เจ้ามือสังหารเกิดใจอ่อน ชาลินีจึงกระเซอะกระเซิงหนีมาจนได้พบกับธัชชัย ที่รับชาลินีไปอุปการะไว้ โดยพิมพาไม่เคยรู้เลย...รู้แต่ว่าชาลินีตายแล้วและเธอหมดเสี้ยนหนามแล้ว
ระหว่างที่หมอดุสิตใช้เวลาค้นคว้าอยู่นั้น...อาการของชาลีก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดชาลีกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปสองวันสองคืน ในที่สุดหมอดุสิตก็ค้นพบว่าวิธีเดียวที่จะรักษาชาลีได้ต้องเอายาสมุนไพรพิษขวดนั้นมาผสมกับสมุนไรที่หมอดุสิตคิดค้นขึ้น...พอดีกับที่พราวแวะมาหาอภินัทธ์ และได้รับรู้เรื่องจึงรีบเอาขวดยานั้นวางไว้ในที่เห็นชัดเจนและจากไป เพราะละอายแก่ใจเกินกว่ามาตีสองหน้าหรือแม้แต่จะรักอภินัทธ์อีกต่อไป... ในที่สุดชาลีก็หายเกือบเป็นปกติ ยังความดีใจมาให้คนทั้งบ้าน โดยเฉพาะอิราวัตที่ตัดสินใจพาชาลีไปพักฟื้นที่ไร่เทพารักษ์ทันที...และที่นี่ ชาลีก็ได้พบกับสุกฤต ผู้จัดการคอกม้าที่ชาลีรู้สึกถูกชะตาเอามากๆ และสุกฤตเองก็หลงรักชาลีตั้งแต่แรกเห็น แม้จะเป็นความรักเหมือนพ่อลูก แต่อิราวัตก็หึงเป็นฟืนเป็นไฟ
วันหนึ่ง จ้อยก็เอาซองจดหมายมาให้ชาลีและบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่งฝากมาให้ ชาลีเปิดดูและได้พบปอยผม แล้วทันใดนั้นก็มีโทรศัพท์ประหลาดที่โทรมาหาชาลีพร้อมบอกว่าเป็นพี่ชายของชาลี...และขณะนี้แม่ชาลีอยู่กับเขา และย้ำว่าไม่ให้ชาลีบอกใคร ถ้าบอก...แม่ชาลีต้องตาย...แล้ววางหูไป อภินัทธ์ก็รีบไปหาพราวเพื่อบอกข่าวดีแต่ไม่พบจึงไปดักรอพราวที่มหาวิทยาลัย และรู้จากเพื่อนๆ ของพราวว่าพราวยังมาเรียนตามปกติ อภินัทธ์แน่ใจว่าพราวตั้งใจหลบหน้า ในที่สุดอภินัทธ์ก็สะกดรอยตามจนรู้ว่าพราวมาอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง พราวบอกว่าไม่ได้รักอภินัทธ์แล้ว เขาเสียใจมากปลุกปล้ำพราวและจากไปโดยสวนกับสินธุพ่อเลี้ยงของพราวที่จะมาข่มขืนพราว แต่อภินัทธ์รู้สึกผิดจึงย้อนกลับมาช่วยเหลือไว้ได้ทัน และได้รู้ว่าพราวยังรักเขาอยู่เหมือนเดิม
ที่ไร่เทพารักษ์...ชาลีถูกจับตัวไป อภินัทธ์พาพราวไปที่ไร่และได้รู้เรื่องที่ชาลีหายไป อิราวัตที่ไปเคลียร์งานกลับมาที่ไร่ก็ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อรู้เรื่อง มีเพียงพราวเท่านั้นที่รู้ว่าจะหาตัวชาลีได้ที่ไหนเพราะมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือของแม่เธอแน่ๆ พราวจึงขอให้อภินัทธ์ไปส่งเธอที่บ้านและบอกความจริงกับอภินัทธ์ว่าแม่ของเธอเป็นตัวการเรื่องทั้งหมด อภินัทธ์อาสาจะไปกับพราวด้วย แต่สุกฤตที่แอบได้ยินเรื่องจากพราวเข้ามาสกัดไว้ด้วยหมัดจนอภินัทธ์สลบไป และบอกกับพราวว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว ควรจะเป็นตนและพราวที่จะไปจัดการกันเอง
เมื่อทั้งสองมาถึงบ้านพิมพา พบว่าพิมพากำลังเกรี้ยวกราวเพราะดันมีคนมาดักจับชาลีไปก่อนหน้าคนของสินธุ เป็นเวลาเดียวกับที่สุกฤตกับพราวโผล่เข้าไป ทำเอาพิมพาตกใจแต่ก็ดีใจที่ได้เห็นคนที่ตนรักกลับมาพร้อมกันทั้งสองคน แต่สุกฤตนั้นมาพร้อมกับความเกลียดชังจึงด่าว่าพิมพาอย่างเจ็บแสบ พิมพาเลยระเบิดอารมณ์ใส่ว่าจะทำร้ายทุกคนที่มาขัดขวางความรักที่ตนมีต่อสุกฤต ไม่ว่าจะเป็นแม่ของสุกฤตหรือแม้แต่ชาลีที่ตนคิดจะฆ่าเพียงเห็นว่าชาลีหน้าตาเหมือนชาลินีโดยไม่สนใจว่าชาลีเป็นใคร
สุกฤตสุดจะทนกับความเลวร้ายของพิมพาเลยปรี่เข้าไปจะขย้ำแต่ก็ยังช้ากว่าพิมพาที่ถลาเข้าไปกันกระสุนที่สินธุยิงใส่สุกฤต จนตัวเองล้มตัวลงนอนเลือดท่วมอยู่ในอ้อมกอดของสุกฤต ก่อนตายพิมพาขออภัยและสารภาพว่าไม่รู้ว่าชาลีหายไปไหน เพราะตนสั่งให้สินธุไปจับตัวชาลีจริงแต่สินธุมาบอกว่าไปไม่ทันเพราะมีคนมาดักจับตัวชาลีไปก่อนแล้ว...และความจริงสุดท้าย ที่พิมพาบอกสุกฤตก่อนสิ้นลม คือพราวคือลูกสาวของตนกับสุกฤต อภินัทธ์แจ้งตำรวจมาจัดการกับสินธุในข้อหาฆ่าคนตาย สินธุต้องรับโทษจำคุก
ชาลี ตื่นมาในห้องหนึ่งพร้อมกับความทรงจำที่กลับคืนมา ชาลีค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์และหาคำตอบให้ตัวเองได้ในที่สุดว่าเธอไม่ใช่ลูกของดนัย เพราะดนัยเป็นเพียงคนสนิทของธัชชัย บุรเชษฐ์ที่เธอเรียกพ่อมาตลอดและระหว่างนั้นเองที่ธัชชัยได้ส่งสียงให้ชาลีเรียนภาษาอังกฤษจนแตกฉาน และธัชชัยได้ยกบ้านหลังเล็กในรั้วเดียวกันให้ดนัย เพื่อให้ดนัยคอยอยู่รับใช้ใกล้ชิดเพราะธัชชัยได้รับอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาตครึ่งตัว..แต่ไม่นานธัชชัยก็ตายไปในที่สุด ธนากร บุรเชษฐ์ ลูกชายคนเดียวของธัชชัยกลับมา ผู้ซึ่งเธอเข้าใจว่าเป็นพี่ชายต่างมารดา แต่สิ่งที่ชาลีได้รับจากพี่ชายคนนี้คือความใจร้าย และร้ายที่สุดคือธนากรหักคอสุนัขแสนรักของเธอต่อหน้าเหมือนกับจะขู่สองแม่ลูกว่าเขาสามารถทำสิ่งที่เลวร้ายได้มากกว่านี้...
แล้วในที่สุด วันหนึ่งธนากรก็ทำในสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงคือบุกเข้ามาปลุกปล้ำชาลี ชาลีดิ้นรนหมายจะเอากรรไกรมาขวางแต่กรรไกรพลาดโดนหน้าธนากรจนเป็นแผลเวอะ ชาลินีและดนัยมาช่วยไว้ได้ทัน ธนากรถูกยิงพร้อมกับที่ชาลีความจำเสื่อมไป ดนัยจึงพาสองแม่ลูกหนีไป
จนบัดนี้...ชาลีรู้ตัวว่าถูกจับมาขังที่บ้านหลังหนึ่ง และผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ ชาลีตอนนี้คือ แม่ชาลินีนั่นเอง...ยังไม่ทันที่แม่ลูกจะได้ทำอะไรมากกว่าโผเข้ากอดกัน ธนากรก็โผล่เข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าแล้วเริ่มทวงความรักคืนจากชาลินี เพราะธนากรหลงรักชาลินีมาตลอดแต่ชาลินีกลับตกลงแต่งงานกับพ่อของเขาธนากรจึงแค้นทำร้ายพ่อตัวเองจนพิการ แต่ชาลินีก็ยังไม่รั้งรอที่จะแต่งงานด้วย แถมตนยังถูกพ่อส่งไปอยู่ไกลถึงอเมริกา...ความแค้นแสนสาหัสจึงฝังในใจเวลามา
ชาลินีอธิบายว่าตนแต่งงานกับธัชชัย เพียงในนาม เพราะธัชชัยบอกว่าธนากรเป็นพวกรักร่วมเพศและมีความวิปริตทางเพศ ธนากรได้ฟังยิ่งแค้นหนักเลยทำร้ายชาลินี และกระชากชาลีมาหมายจะข่มขืนโชว์ให้ชาลินีเห็นว่าตนไม่ใช่รักร่วมเพศ แต่อิราวัตเข้ามาช่วยไว้ทันเพราะจ้อยเล่าว่าที่เห็นว่ามีผู้ชายหน้าบากพาชาลีไป อิราวัตจึงนึกถึงธนากรและตามาช่วย อิราวัตอัดจนธนากรคว่ำไป และพาชาลีกับชาลินีกลับบ้าน ได้พบกับสุกฤตที่ได้รู้ความจริงจากชาลินีว่าชาลีคือลูกสาวของสุกฤตที่ติดท้องตนมาก่อนจะได้พบกับธัชชัย และพราวคือลูกสาวของตนกับพิมพาที่ติดท้องไปก่อนที่พิมพาจะแต่งงานกับสินธุ เท่ากับว่าพราวคือพี่สาวพ่อเดียวกันกับชาลีนั่นเอง แล้วทั้งหมดก็ได้รับข่าวว่า ธนากรคุ้มคลั่งแย่งปืนจากตำรวจที่ไปจับมายิงตัวตาย อิราวัตแต่งงานกับชาลี พร้อมกับที่อภินัทธ์ได้แต่งงานกับ พราวหรือสิรินัดดาโดยมีพ่อและแม่ฝ่ายหญิงอวยพรให้อย่างมีความสุข
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น