ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : FW: อยากให้ทุกคนได้อ่าน "รักในหลวง"
-
-**ฉันอายตัวเองว่า ในขณะที่ท่านให้ชีวิตใหม่กับเรา
> >แต่เราช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย*** ยายซุบ สามร้อยยอด เป็นหญิงชาวบ้านวัย 70
> >แห่งบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์
> >ยากจนมาตังแต่ยังสาวจวบจนวันนี้ หากแต่เธอกลับยืนยันว่า
> >เธอมีอดีตที่มีความหมายต่อชีวิตของแก อดีตที่หมายถึงชีวิตใหม่
> >ไม่ว่าแกจะยังจนต้องขอเงินลูก ๆ 9 คนใช้ดังเช่นทุกวันนี้หรือจะมั่งมีศรีสุข
> >ถูกหวยรวยเบอร์อย่างไรก็ตาม แกไม่เคยลืมเหตุการณ์ครั้งนั้น
> >เหตุการณ์ที่ล่วงเลยมานานกว่า 40 ปี
> >การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฏรบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี
> >ไม่เพียงทำให้หมู่บ้านที่ยากจน ล้าหลัง ไม่มีแม้ถนนที่จะติดต่อกับโลกภายนอก
> >ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
> >หากแต่การเสด็จพระราชดำเนินในครานั้นได้ทำให้หญิงคนหนึ่งมีชีวิตยืนยาวต่อมา
จนถึงวันนี้
> >สมัยยังสาวยายเคยไปรับเสด็จในหลวงใช่ไหม? ยาย-ใช่
> >ตอนนั้นไปรับเสด็จที่ตีนถ้ำไทรในหมู่บ้านเรานี่แหละ ท่านเสด็จฯ มาทางเหนือ
> >ไอ้เราป่วยเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องมาครึ่งเดือนแล้ว
> >แต่ไม่รู้หรอกนะตอนนั้นว่าเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องนอนซม คนในบ้านบอกในหลวงจะมา
> >เราก็อยากเห็น อยากไปรับเสด็จ แต่ปวดท้องจนเดินไม่ไหว เดินไม่ไหว แล้วไปยัง
ไง?
> >ยาย-ก็ให้คนหามไป ใส่เกวียนไปเลย ทำไมถึงเลือกไปเฝ้าในหลวง ไม่ไปหาหมอ?
> >ยาย-ไม่รู้สิ คืออยากเห็นตัวจริง ๆ ใกล้ ๆ นะ คิดในใจว่ายอมตายได้
> >แต่ขอไปรับเสด็จก่อน แลกตัวแลกชีวิตกันเลย พูดง่าย ๆ ว่าวัดดวงเอาเลย
> >อีกอย่างตอนนั้นถ้าเราไปหาหมอก็ลำบาก เพราะน้ำแห้ง เรือเครื่องก็ไม่มี
> >ถ้าไปก็คงไปไม่ถึง มันคงจะตายก่อน แล้วตอนนั้นได้ถวายอะไรท่านบ้างไหม?
> >ยาย-ยกมือพนมยังจะไม่ไหวเลย จะให้ถวายอะไรอีก (หัวเราะเสียงดัง)
> >แล้วได้เห็นท่านไหม? ยาย-ก็ได้เห็นท่านอยู่ แต่ก็เห็นห่าง ๆ
> >แล้วก็เห็นไม่นานเพราะว่าพระองค์ท่านต้องเสด็จฯ ไปที่ตีนเขาอีกลูกคนละฟาก
> >ทรงไปดูเรื่องที่จะระเบิดเขาทำทางเข้าออกหมู่บ้าน ไส้ติ่งเรากำลังจะแตก
> >แล้วรอดมาได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น? ยาย-ตอนนั้นไส้ติ่งกำลังจะแตก
> >เงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว พอดีว่าพระราชินีท่านทรงเยี่ยมเยียนราษฏร
> >แล้วทอดพระเนตรเห็นเรานั่งหน้าซีด พิงเพื่อน คือได้ตอนนั้นมันไม่ไหวจริง ๆ
> >ท่านทอดพระเนตรเห็นก็คงสังเกตได้ว่าอาการเราไม่ดี พระองค์ก็ถามว่า เป็น
อะไร?
> >ท่านบอกให้พูดธรรมดาก็ได้ เราบอกว่าเจ็บท้อง พระองค์ท่านตรัสถามต่อว่า
> >เจ็บมากี่วันแล้ว? เราก็บอกว่า เจ็บมาครึ่งเดือนเห็นจะได้
> >ท่านก็เลยบอกให้หมอที่มาด้วยตรวจดู แล้วหมอว่ายังไง?
> >ยาย-หมอบอกว่าไส้ติ่งกำลังจะแตก พอหมอบอกอยางนั้น
> >พระองค์ท่านก็ทรงติดต่อไปที่ในหลวงซึ่งทรงอยู่ที่ตีนเขาอีกลูก
> >รู้ได้ยังไงว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงติดต่อไปที่ในหลวง? ยาย-รู้สิ
> >เพราะเห็นในหลวง พระองค์ท่านทรงวิ่งจากตีนเขาลูกโน้นมาเลย ห่างกันถึง 1
กิโล
> >(แค่นี้ก็ตื้นตันแทนคุณยายแล้ว) รู้สึกอย่างไรบ้างในตอนนั้น?
> >ยาย-ดีใจแล้วก็ปลื้มใจแบบมาก ๆ ไอ้ตอนแรกคิดว่ากำลังจะตายนี่
> >คิดว่าตัวเองรอดแน่ มันมีกำลังใจ
> >คิดว่าขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังเอาใจใส่เราขนาดนี้ เราจะตายไม่ได้
> >พอในหลวงเสด็จมาถึง ทรงตรัสว่าอย่างไรหรือไม่? ยาย-ท่านให้เอา ฮ. มารับ
> >ท่านตรัสว่า เดี๋ยวเราจะกลับทางเรือเอง ให้เอาคนไข้ไปส่งก่อน
> >พอพระองค์ท่านตรัส หมอสองคนก็หิ้วปีกเราไป
> >ในหลวงท่านทรงเมตตาเราไปจนถึงเครื่อง พอเราขึ้นไป ก่อนที่ประตู ฮ. จะปิด
> >เราก็มองลงมาเห็นในหลวง ท่านทรงโบกพระหัตถ์ เราซาบซึ้งมาก
> >ยิ่งบอกตัวของเราเลยว่าเราจะตายไม่ได้ ถ้าไม่มีในหลวงในวันนั้น ก็ต้องตาย
แน่?
> >ยาย-แน่นอน ไม่ต้องอะไรหรอก หมอบอกว่า มาช้ากว่านี้แค่ 2-3 นาที ก็ไม่รอด
แล้ว
> >แล้ววันนั้นอย่างที่บอกว่าเรือเครื่องก็ไม่มี น้ำก็แห้ง
> >ไม่รู้ใช้เวลาครึ่งวันจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า
> >ถ้าในหลวงไม่เสด็จมาที่นี่ วันนั้นก็ตายแน่ ตายทั้ง ๆ
> >ที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรตาย เหมือนกับได้ชีวิตใหม่? ยาย-ใช่
> >ชีวิตทุกวันนี้ถึงฉันแก่แล้ว
> >แต่เมื่อนึกถึงวันนั้นทีไรรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทุกที ตอนนั่งดูโทรทัศน์
> >เวลาเห็นท่าน เราก็จะพนมมือไหว้ตลอด รู้สึกว่าท่านได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเรา
> >ตอนนั้นอยู่บน ฮ. เป็นอย่างไรบ้าง? ยาย-จำไม่ค่อยได้
> >รู้แต่ว่าพอบินขึ้นไปพักใหญ่หมอก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราพูดไม่ค่อยไหว
> >แต่ก็บอกไปว่าปวดท้อง บน ฮ. นอกจากเรา ก็มีหมออีก 2 คน แล้วก็คนขับอีก 2 คน
> >จำได้แค่นี้ล่ะ ฮ. พาไปที่โรงพยาบาลไหน? ยาย-โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ เพชรบุรี
> >แล้วพักอยู่กี่วัน? ยาย-ปกติคนเป็นไส้ติ่งทั่วไปเขาพักกัน 3-4 วันก็ออกได้
แล้ว
> >แต่เราเป็นหนักต้องพักถึง 24 วัน ถ้าในหลวงไม่ช่วยก็ตายแน่ แล้วถ้าเราตาย
> >ลูกเต้าก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ในหลวงท่านทรงเมตตา ทรงดูแลเราอย่างดี
> >ห้องที่เราพักอยู่นี่ดีมาก เป็นห้องพิเศษเลย พูดตรง ๆ
> >ว่าดีกว่าบ้านที่ฉันอยู่อีก หมอก็นิสัยดี พูดจากับเราเพราะแล้วก็ใจดี
> >**ในหลวงท่านทรงห่วงใยเรามากมีคนมาเยี่ยม ถามอาการ ถามสารทุกข์สุขดิบทุกวัน
> >คนใกล้ชิดพระองค์ท่านก็ถามเรานะว่า จะฝากอะไรถึงท่านไหม เราบอกให้
> >พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ พูดได้แค่นั้น มันตื้นตันจนนึกไม่ออก**
> >หลังจากวันนั้นแล้วเป็นอย่างไร? ยาย-ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านอีก
เลย
> >ถ้าเรามีโอกาส จะขอเข้าไปกราบแทบพระบาทเลย
> >สิ่งที่พระองค์ท่านทรงช่วยเหลือเราไว้ เป็นความซาบซึ้งที่สุดในชีวิตแล้ว
> >**คิดูสิโลกนี้จะหากษัตริย์อย่างท่านได้ที่ไหน เราเป็นแค่ชาวบ้านจน ๆ
> >แต่ท่านห่วงเราเหมือนเราเป็นลูกพระองค์ท่าน ทรงห่วงเราเหมือนที่เราห่วงลูก
> >ท่านทรงเสียสละแม้กระทั่งของส่วนพระองค์
> >ทรงยอมลำบากกลับทางเรือเพื่อคนอย่างเรา พูดตรง ๆ
> >ว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้ฉันตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติก็ทดแทนไม่หมด**
> >กลับมาบ้านแล้ว เป็นอย่างไร? ยาย-ตอนที่ออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ
> >พระองค์ท่านก็ส่งเงินมาให้อยู่ถึง 1 ปี ครั้งละ 3-5 พันบาท ส่งมาหลาย
ครั้งอยู่
> >เรารู้เพระว่าใส่ซองสีขาวประทับตราสำนักพระราชวัง
> >จากเหตุการณ์นั้นทำให้เรารักในหลวงของเรามาก
> >แล้วทุกวันนี้ก็ยังน้อยใจตัวเองอยู่ว่า เวลาที่ท่านป่วย เราก็ไม่มีเงินไป
เฝ้า
> >ไปแสดงความจงรักภักดีกับท่าน ได้แต่ร้องไห้อยู่กับบ้าน นั่งร้องไห้ทุกวัน
> >ดูข่าวทุกวันไม่เคยเว้นเลย **ฉันอายตัวเองว่า ในขณะที่ท่านให้ชีวิตใหม่กับ
เรา
> >แต่เราช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย** การเสียสละของในหลวงคราวนั้น
> >ได้เอามาปฏิบัติตามหรือไม่? ยาย-มีส่วนมากเลย เวลาคนในหมู่บ้านเขาป่วยเป็น
อะไร
> >ฉันก็ไปเยี่ยมเขาทั่ว ไปไหนไปกัน มีใครเจ็บในหมู่บ้านนี่ฉันจะไปเยี่ยมหมด
> >บางทีถึงไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ญาติเขา แต่เราก็ไป ไปนั่งพูดคุยให้กำลังใจ
> >บางทีก็ไปบีบให้นวดให้ นี่คือสิ่งที่ในหลวงให้เรา และเราให้คนอื่นต่อ
> >**เมืองไทยเราโชคดีที่มีในหลวง โชคดีมาก ๆ
> >ไม่มีกษัตริย์ที่ไหนในโลกอีกแล้วที่จะเป็นห่วงชาวบ้านอยางฉันเท่ากับท่าน
> >คนอยางเราเปรียบไปก็เหมือนมดปลวก แต่ท่านก็ยังใส่ใจ ท่านใส่ใจจริง ๆ
> >เหมือนกับว่าคนไทย คือ ลูกของท่านทั้งแผ่นดิน**
Long Live The King
> >แต่เราช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย*** ยายซุบ สามร้อยยอด เป็นหญิงชาวบ้านวัย 70
> >แห่งบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์
> >ยากจนมาตังแต่ยังสาวจวบจนวันนี้ หากแต่เธอกลับยืนยันว่า
> >เธอมีอดีตที่มีความหมายต่อชีวิตของแก อดีตที่หมายถึงชีวิตใหม่
> >ไม่ว่าแกจะยังจนต้องขอเงินลูก ๆ 9 คนใช้ดังเช่นทุกวันนี้หรือจะมั่งมีศรีสุข
> >ถูกหวยรวยเบอร์อย่างไรก็ตาม แกไม่เคยลืมเหตุการณ์ครั้งนั้น
> >เหตุการณ์ที่ล่วงเลยมานานกว่า 40 ปี
> >การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฏรบ้านคุ้งโตนด อำเภอกุยบุรี
> >ไม่เพียงทำให้หมู่บ้านที่ยากจน ล้าหลัง ไม่มีแม้ถนนที่จะติดต่อกับโลกภายนอก
> >ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
> >หากแต่การเสด็จพระราชดำเนินในครานั้นได้ทำให้หญิงคนหนึ่งมีชีวิตยืนยาวต่อมา
จนถึงวันนี้
> >สมัยยังสาวยายเคยไปรับเสด็จในหลวงใช่ไหม? ยาย-ใช่
> >ตอนนั้นไปรับเสด็จที่ตีนถ้ำไทรในหมู่บ้านเรานี่แหละ ท่านเสด็จฯ มาทางเหนือ
> >ไอ้เราป่วยเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องมาครึ่งเดือนแล้ว
> >แต่ไม่รู้หรอกนะตอนนั้นว่าเป็นไส้ติ่ง ปวดท้องนอนซม คนในบ้านบอกในหลวงจะมา
> >เราก็อยากเห็น อยากไปรับเสด็จ แต่ปวดท้องจนเดินไม่ไหว เดินไม่ไหว แล้วไปยัง
ไง?
> >ยาย-ก็ให้คนหามไป ใส่เกวียนไปเลย ทำไมถึงเลือกไปเฝ้าในหลวง ไม่ไปหาหมอ?
> >ยาย-ไม่รู้สิ คืออยากเห็นตัวจริง ๆ ใกล้ ๆ นะ คิดในใจว่ายอมตายได้
> >แต่ขอไปรับเสด็จก่อน แลกตัวแลกชีวิตกันเลย พูดง่าย ๆ ว่าวัดดวงเอาเลย
> >อีกอย่างตอนนั้นถ้าเราไปหาหมอก็ลำบาก เพราะน้ำแห้ง เรือเครื่องก็ไม่มี
> >ถ้าไปก็คงไปไม่ถึง มันคงจะตายก่อน แล้วตอนนั้นได้ถวายอะไรท่านบ้างไหม?
> >ยาย-ยกมือพนมยังจะไม่ไหวเลย จะให้ถวายอะไรอีก (หัวเราะเสียงดัง)
> >แล้วได้เห็นท่านไหม? ยาย-ก็ได้เห็นท่านอยู่ แต่ก็เห็นห่าง ๆ
> >แล้วก็เห็นไม่นานเพราะว่าพระองค์ท่านต้องเสด็จฯ ไปที่ตีนเขาอีกลูกคนละฟาก
> >ทรงไปดูเรื่องที่จะระเบิดเขาทำทางเข้าออกหมู่บ้าน ไส้ติ่งเรากำลังจะแตก
> >แล้วรอดมาได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น? ยาย-ตอนนั้นไส้ติ่งกำลังจะแตก
> >เงินสักบาทก็ไม่มีติดตัว พอดีว่าพระราชินีท่านทรงเยี่ยมเยียนราษฏร
> >แล้วทอดพระเนตรเห็นเรานั่งหน้าซีด พิงเพื่อน คือได้ตอนนั้นมันไม่ไหวจริง ๆ
> >ท่านทอดพระเนตรเห็นก็คงสังเกตได้ว่าอาการเราไม่ดี พระองค์ก็ถามว่า เป็น
อะไร?
> >ท่านบอกให้พูดธรรมดาก็ได้ เราบอกว่าเจ็บท้อง พระองค์ท่านตรัสถามต่อว่า
> >เจ็บมากี่วันแล้ว? เราก็บอกว่า เจ็บมาครึ่งเดือนเห็นจะได้
> >ท่านก็เลยบอกให้หมอที่มาด้วยตรวจดู แล้วหมอว่ายังไง?
> >ยาย-หมอบอกว่าไส้ติ่งกำลังจะแตก พอหมอบอกอยางนั้น
> >พระองค์ท่านก็ทรงติดต่อไปที่ในหลวงซึ่งทรงอยู่ที่ตีนเขาอีกลูก
> >รู้ได้ยังไงว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงติดต่อไปที่ในหลวง? ยาย-รู้สิ
> >เพราะเห็นในหลวง พระองค์ท่านทรงวิ่งจากตีนเขาลูกโน้นมาเลย ห่างกันถึง 1
กิโล
> >(แค่นี้ก็ตื้นตันแทนคุณยายแล้ว) รู้สึกอย่างไรบ้างในตอนนั้น?
> >ยาย-ดีใจแล้วก็ปลื้มใจแบบมาก ๆ ไอ้ตอนแรกคิดว่ากำลังจะตายนี่
> >คิดว่าตัวเองรอดแน่ มันมีกำลังใจ
> >คิดว่าขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังเอาใจใส่เราขนาดนี้ เราจะตายไม่ได้
> >พอในหลวงเสด็จมาถึง ทรงตรัสว่าอย่างไรหรือไม่? ยาย-ท่านให้เอา ฮ. มารับ
> >ท่านตรัสว่า เดี๋ยวเราจะกลับทางเรือเอง ให้เอาคนไข้ไปส่งก่อน
> >พอพระองค์ท่านตรัส หมอสองคนก็หิ้วปีกเราไป
> >ในหลวงท่านทรงเมตตาเราไปจนถึงเครื่อง พอเราขึ้นไป ก่อนที่ประตู ฮ. จะปิด
> >เราก็มองลงมาเห็นในหลวง ท่านทรงโบกพระหัตถ์ เราซาบซึ้งมาก
> >ยิ่งบอกตัวของเราเลยว่าเราจะตายไม่ได้ ถ้าไม่มีในหลวงในวันนั้น ก็ต้องตาย
แน่?
> >ยาย-แน่นอน ไม่ต้องอะไรหรอก หมอบอกว่า มาช้ากว่านี้แค่ 2-3 นาที ก็ไม่รอด
แล้ว
> >แล้ววันนั้นอย่างที่บอกว่าเรือเครื่องก็ไม่มี น้ำก็แห้ง
> >ไม่รู้ใช้เวลาครึ่งวันจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า
> >ถ้าในหลวงไม่เสด็จมาที่นี่ วันนั้นก็ตายแน่ ตายทั้ง ๆ
> >ที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไรตาย เหมือนกับได้ชีวิตใหม่? ยาย-ใช่
> >ชีวิตทุกวันนี้ถึงฉันแก่แล้ว
> >แต่เมื่อนึกถึงวันนั้นทีไรรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทุกที ตอนนั่งดูโทรทัศน์
> >เวลาเห็นท่าน เราก็จะพนมมือไหว้ตลอด รู้สึกว่าท่านได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเรา
> >ตอนนั้นอยู่บน ฮ. เป็นอย่างไรบ้าง? ยาย-จำไม่ค่อยได้
> >รู้แต่ว่าพอบินขึ้นไปพักใหญ่หมอก็ถามว่าเป็นยังไงบ้าง เราพูดไม่ค่อยไหว
> >แต่ก็บอกไปว่าปวดท้อง บน ฮ. นอกจากเรา ก็มีหมออีก 2 คน แล้วก็คนขับอีก 2 คน
> >จำได้แค่นี้ล่ะ ฮ. พาไปที่โรงพยาบาลไหน? ยาย-โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ เพชรบุรี
> >แล้วพักอยู่กี่วัน? ยาย-ปกติคนเป็นไส้ติ่งทั่วไปเขาพักกัน 3-4 วันก็ออกได้
แล้ว
> >แต่เราเป็นหนักต้องพักถึง 24 วัน ถ้าในหลวงไม่ช่วยก็ตายแน่ แล้วถ้าเราตาย
> >ลูกเต้าก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ในหลวงท่านทรงเมตตา ทรงดูแลเราอย่างดี
> >ห้องที่เราพักอยู่นี่ดีมาก เป็นห้องพิเศษเลย พูดตรง ๆ
> >ว่าดีกว่าบ้านที่ฉันอยู่อีก หมอก็นิสัยดี พูดจากับเราเพราะแล้วก็ใจดี
> >**ในหลวงท่านทรงห่วงใยเรามากมีคนมาเยี่ยม ถามอาการ ถามสารทุกข์สุขดิบทุกวัน
> >คนใกล้ชิดพระองค์ท่านก็ถามเรานะว่า จะฝากอะไรถึงท่านไหม เราบอกให้
> >พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ พูดได้แค่นั้น มันตื้นตันจนนึกไม่ออก**
> >หลังจากวันนั้นแล้วเป็นอย่างไร? ยาย-ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านอีก
เลย
> >ถ้าเรามีโอกาส จะขอเข้าไปกราบแทบพระบาทเลย
> >สิ่งที่พระองค์ท่านทรงช่วยเหลือเราไว้ เป็นความซาบซึ้งที่สุดในชีวิตแล้ว
> >**คิดูสิโลกนี้จะหากษัตริย์อย่างท่านได้ที่ไหน เราเป็นแค่ชาวบ้านจน ๆ
> >แต่ท่านห่วงเราเหมือนเราเป็นลูกพระองค์ท่าน ทรงห่วงเราเหมือนที่เราห่วงลูก
> >ท่านทรงเสียสละแม้กระทั่งของส่วนพระองค์
> >ทรงยอมลำบากกลับทางเรือเพื่อคนอย่างเรา พูดตรง ๆ
> >ว่าสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้ฉันตายแล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติก็ทดแทนไม่หมด**
> >กลับมาบ้านแล้ว เป็นอย่างไร? ยาย-ตอนที่ออกจากโรงพยาบาลใหม่ ๆ
> >พระองค์ท่านก็ส่งเงินมาให้อยู่ถึง 1 ปี ครั้งละ 3-5 พันบาท ส่งมาหลาย
ครั้งอยู่
> >เรารู้เพระว่าใส่ซองสีขาวประทับตราสำนักพระราชวัง
> >จากเหตุการณ์นั้นทำให้เรารักในหลวงของเรามาก
> >แล้วทุกวันนี้ก็ยังน้อยใจตัวเองอยู่ว่า เวลาที่ท่านป่วย เราก็ไม่มีเงินไป
เฝ้า
> >ไปแสดงความจงรักภักดีกับท่าน ได้แต่ร้องไห้อยู่กับบ้าน นั่งร้องไห้ทุกวัน
> >ดูข่าวทุกวันไม่เคยเว้นเลย **ฉันอายตัวเองว่า ในขณะที่ท่านให้ชีวิตใหม่กับ
เรา
> >แต่เราช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย** การเสียสละของในหลวงคราวนั้น
> >ได้เอามาปฏิบัติตามหรือไม่? ยาย-มีส่วนมากเลย เวลาคนในหมู่บ้านเขาป่วยเป็น
อะไร
> >ฉันก็ไปเยี่ยมเขาทั่ว ไปไหนไปกัน มีใครเจ็บในหมู่บ้านนี่ฉันจะไปเยี่ยมหมด
> >บางทีถึงไม่ใช่หมอ ไม่ใช่ญาติเขา แต่เราก็ไป ไปนั่งพูดคุยให้กำลังใจ
> >บางทีก็ไปบีบให้นวดให้ นี่คือสิ่งที่ในหลวงให้เรา และเราให้คนอื่นต่อ
> >**เมืองไทยเราโชคดีที่มีในหลวง โชคดีมาก ๆ
> >ไม่มีกษัตริย์ที่ไหนในโลกอีกแล้วที่จะเป็นห่วงชาวบ้านอยางฉันเท่ากับท่าน
> >คนอยางเราเปรียบไปก็เหมือนมดปลวก แต่ท่านก็ยังใส่ใจ ท่านใส่ใจจริง ๆ
> >เหมือนกับว่าคนไทย คือ ลูกของท่านทั้งแผ่นดิน**
Long Live The King
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น