แรงแค้นแห่งรัก - แรงแค้นแห่งรัก นิยาย แรงแค้นแห่งรัก : Dek-D.com - Writer

    แรงแค้นแห่งรัก

    เมื่อความรักแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น เธอจึงคิดจะทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นคนที่ทรยศหักหลังเธอ แม้ว่าการกระทำนั้นจะผิดต่อกฎหมายและมนุษยธรรม และด้วยแรงแค้นแห่งรักที่ฝังลึก จารวี จะแก้แค้นสำเร็จรึไม่ (มาติดตามกันนะคะ)

    ผู้เข้าชมรวม

    514

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    514

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ธ.ค. 51 / 07:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ณ ร้านอาหารหรูริมทะเล มุมหนึ่งของร้านที่ดูเงียบสงบ บนโต๊ะนั้นมีอาหารสองสามอย่างวางอยู่ตรงหน้าหญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อน แต่ดูเธอจะไม่สนใจอาหารเหล่านั้นเลย เธอกำลังนั่งจ้องมองโทรศัพท์มือถือในมือด้วยสีหน้าแววตาที่มุ่งมั่น เหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
      กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ เธอสะดุ้งตื่นจากภวังค์ พร้อมกดรับโทรศัพท์ในมือ ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปากเธอ มีเพียงรอยยิ้มที่เยือกเย็นบนมุมปากเรียวสวยเท่านั้น เธอกดปิดโทรศัพท์และใส่มันลงในกระเป๋าถือ จากนั้นจึงลงมือละเลียดอาหารบนโต๊ะอย่างช้าๆ ในระหว่างนั่งรับประทานอาหารสายตาของเธอเหม่อมองสิ่งรอบข้างเหมือนคนไร้วิญญาณ แต่สมองกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง 
      “ จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณจา ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย รับรองว่าต้องนอนโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่าอาทิตย์เป็นแน่ ยังไง หนูจะส่ง clip ไปให้ดูนะคะ แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ..”                 ตู๊ดๆๆๆ เสียงจากปลายสายวางไปแล้ว
      “ ฮึ...โตมร อินทิรา เธอสองคนสมควรจะได้รับบทเรียน ว่าการที่ทำร้ายจิตใจคนอื่นจนแหลกสลายยากที่จะเยียวยานั้น มันควรจะได้รับอะไรตอบแทนบ้าง” จารวีคิดในใจพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น
      จารวีนั่งครุ่นคิด เหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อนเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง เธอกับโตมรกำลังจะแต่งงานกัน แต่แล้วอยู่มาวันนึงก็มีโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่ง อินทิรา ชื่อนี้ฝังอยู่ในความทรงจำของจารวีมิรู้ลืม
      “ ฮัลโหล” จารวีส่งเสียงใสตอบรับปลายทาง
      “ ฮัลโหล  คุณจารวีใช่มั้ย ชั้น อินทิรานะ”
      “อินทิรา อ๋อ ใช่คุณอินที่ทำงานกับโตมรใช่มั้ย ไม่ทราบมีธุระอะไรคะ”
      “ ได้ข่าวว่าคุณ กับคุณโต กำลังจะแต่งงานกัน”
      “ อ๋อ ใช่คะ นี่คุณแม่ของโตก็ไปที่บ้านของจามาแล้ว แต่เอ..ไม่ทราบว่าคุณอิน มีอะไรรึป่าวคะ” จารวีรู้สึกแปลกใจ เพราะนานทีปีหน เพื่อนร่วมงานของโตมรคนนี้แทบไม่เคยได้คุยกับเธอเลย แต่จู่ๆ ก็โทรมาหาเธอ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่
      “ ถ้าชั้นจะบอกว่าชั้นกับคุณโต...เรามีอะไรลึกซึ้งต่อกัน...คุณจะว่ายังไง”
      จารวีตัวชาไปทั้งตัว มือเธอเย็นเฉียบ เมื่อได้ยินบทสนนทนาของสายปลายทาง โลกทั้งโลกของเธอกำลังจะหยุดหมุน นี่มันเกิดอะไรขึ้น หูเธอไม่ได้ฝาดไปใช่มั้ย
      “ อะไรนะ..” เธอพูดได้แค่นั้น ก็ไม่สามารถจะเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้อีก ด้วยเหมือนจะมีก้อนอะไรสักอย่างมาปิดกั้นไม่ให้เสียงเธอเปล่งออกมาได้
      “คุณฟังไม่ผิดหรอก ชั้นกับคุณโตรักกัน...เขาบอกว่าเขารักชั้น...แต่เขาต้องแต่งงานกับคุณเพราะความรับผิดชอบ...เขาบอกว่าเขาสงสารคุณ คุณดีกับเขาและซื่อสัตย์ต่อเขา..เขาไม่อาจจะทิ้งคุณได้...แต่เขาก็ทิ้งชั้นไม่ได้เช่นกัน...”
      “คุณจา....คุณยกคุณโตให้ชั้นได้มั้ย...คุณไม่กลัวเหรอว่าเมื่อถึงวันแต่งงาน ชั้นจะไปทวงสิทธิ์ความเป็นเมียเขาจากคุณ....ชั้นว่าทางที่ดีคุณยกเลิกการแต่งงานกับเขาดีกว่า เพราะชั้นไม่รู้ถ้าคุณยังฝืนแต่งงานกับเขา วันอันแสนสุขของคุณจะเป็นวันอันแสนทุกข์ของคุณด้วยรึป่าว”
       หัวใจของจารวีเต้นแรงยิ่งนัก นี่เธอจะทำอย่างไรดี จู่ๆ ก็มีผู้หญิงโทรศัพท์มาขอคนรักของเธอต่อหน้าต่อตา นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น 
      “ แต่งงานกับชั้นเพราะสงสารอย่างนั้นเหรอ” จารวีพึมพำ ตอนนี้สมองของเธอเริ่มเบลอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเธอ เธอรักกับโตมรมา 7 ปี ตลอดเวลาที่คบกันมาเขาไม่เคยแสดงพิรุธอะไรให้เธอต้องระคายใจว่าเขากำลังจะนอกใจเธอ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น เธอกำลังโดนผู้หญิงคนนึงโทรมาขอคนรักจากเธอ
      “ สงสาร สงสาร” จารวียังคงพึมพำกับตัวเองเธอปล่อยโทรศัพท์หลุดจากมือ น้ำตาเริ่มไหลรินลงอาบแก้ม ทำไมโตมรถึงทำกับเธอได้ขนาดนี้ ทำไม..แล้วนี่เธอจะบอกพ่อแม่ เพื่อนฝูง หรือที่ทำงานอย่างไรดี หากเธอไม่แต่งงาน เพราะทุกคนรับรู้หมดแล้วว่าอีกสี่เดือนข้างหน้าเธอกำลังจะมีข่าวดี  จารวีนั่งเหม่อเหมือนคนไร้วิญญาณ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยินเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เธอกำลังครุ่นคิด คิด คิด ..
      “ จา..จา..เปิดประตูให้โตหน่อย” เสียงโตมรดังขึ้นทำลายความเงียบ
      จารวีสะดุ้ง โตมรมา เธอจะทำอย่างไรดี จะถามเขาตรงๆ หรือว่าจะไม่พบเขาดี ตอนนี้เธอสับสนไปหมดแล้ว 
      “ จา ...จา...เป็นอะไรรึป่าว จา...เปิดประตูให้โตหน่อย” เสียงโตมรยังคงร้องเรียก
      จารวี ค่อยๆ รวบรวมกำลังลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู คนที่ยืนตรงหน้าเธอใช่โตมรรึเนี่ย ใช่เขาจริงๆ รึ
      “ เป็นอะไรไปน่ะจา นี่ร้องไห้เหรอ..ใครเป็นอะไรรึป่าว..ไหนเล่าให้โตฟังสิ..”
      จารวี มองโตมรด้วยสายตาว่างเปล่า เธอหันหลังเดินมานั่งยังโซฟาตัวโปรด โตมรเดินตามมาติดๆ
      “ จา ได้ยินโตพูดรึป่าว จา” คราวนี้โตมรเขย่าตัวจารวีอย่างแรง จารวีหันมามองเขาอีกครั้ง
      “ โต โตยังรักจาอยู่รึป่าว” 
      “รักสิจ้ะ ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ”
      “โต ...” จารวีเสียงเริ่มสั่น “ โต..เคยนอกใจจามั้ย ...จาหมายถึง..โตเคยมีอะไรที่ลึกซึ้งกับผู้หญิงคนอื่นรึป่าว” จารวีรวมรวมความกล้าในการถามออกไป
      โตมรนิ่งเงียบ ไม่มีคำตอบใดออกจากปากเขา จารวีเริ่มใจเสีย และเริ่มแน่ใจอะไรบางอย่าง การนิ่งเงียบของโตมร เท่ากับการยอมรับ ข้อดีของโตมรคือ เขาไม่เคยโกหกต่อหน้าเธอ แต่สิ่งที่เธอเพิ่งรับรู้วันนี้เป็นการหลบเลี่ยงของเขาที่ไม่ต้องการให้เธอรับรู้
      “ โต วันนี้ คนที่ชื่ออินทิราโทรมาหาจา เขาบอกว่าโตกับเขารักกันและมีอะไรที่ลึกซึ้งต่อกัน โต...ตอบจามาสิว่า..มันไม่จริง...เขายังบอกอีกว่า โตแต่งงานกับจาเพราะว่าสงสารจา...” เธอพูดได้แค่นั้นก็เริ่มสะอื้นไห้
      โตมรเบิกตากว้างแล้วรีบหลบตาลงต่ำ เขาจับตัวของจารวีให้หันหน้ามาเผชิญกับสายตาของเขา
      “ จา โตขอโทษ ... จาจะด่าจะว่าโตยังไงก็ได้ที่โตทรยศต่อความรักที่จามีให้โต...โตเห็นแก่ตัวเอง...แต่ว่าโตหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ โตขอโทษนะจา โตขอโทษ..” โตมรพร่ำบอกขอโทษ 
      “โตรักอินทิรา รึป่าว” จารวียังพยายามจะถามให้แน่ใจอีกครั้ง
      โตมรพยักหน้าแทนคำตอบ  
      “จะให้บอกยังไงดี โตรู้สึกว่าโตรักผู้หญิงสองคนพร้อมกัน...โตเห็นแก่ตัว โตเลือกไม่ได้ และก็เลิกรักใครไม่ได้ด้วย” คำตอบของโตมร ทำให้จารวีหมดเรี่ยวแรง
      “ โต...จาอยากอยู่คนเดียว...โตกลับไปก่อนนะ..”
      “ จา..โตคงปล่อยให้จาอยู่คนเดียวไม่ได้..”
      “ โต..จาขอร้อง..โตกลับไปก่อนเถอะ   นะ” จารวีเดินไปที่เตียงนอน เธอล้มตัวลงนอนหันหลังให้กับโตมร โตมรนั่งอยู่สักพักหนึ่ง จนแน่ใจว่าจารวีหลับแล้วเขาจึงกลับออกไป
      หลังจากโตมรออกจากห้องจารวียันกายลุกขึ้น เธอเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจัดการเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า หลังจากนั้นเธอจัดการกับตัวเองใหม่ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และรีบรุดออกจากห้องไป
      ณ รีสอร์ทริมชายหาดแห่งหนึ่ง มีชายรูปร่างสันทัดสองคนเดินตรงมายังหญิงสาวที่นั่งทอดตัวอยู่บนโต๊ะไม้สีขาว ข้างๆ โต๊ะนั้นมี โน๊ตบุ๊คเรียบหรูวางอยู่ด้วย
      “ สวัสดีค่ะ คุณจา” ชายรูปร่างสันทัดเอ่ยปากทักทาย พร้อมกับท่าไหว้ที่ดูกระเดียดไปทางผู้หญิง
      “ เป็นยังไง แนนซี่ เรียบร้อยดีใช่มั้ย” จารวีถามพร้อมกับถอดแว่นตาสีดำออกและประสานสายตากับผู้มาใหม่
      “ เรียบร้อยดีทุกอย่างค่ะ เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ไม่มีผิด ทุกอย่างเหมือนกับอุบัติเหตุทุกอย่าง รับรองได้ว่าตำรวจตามไม่ถึงตัวเราอย่างแน่นอน ที่สำคัญนะคะ คนของเราออกนอกประเทศไปแล้วค่ะ โฮะๆๆๆๆ”
      “ดีมาก “ จารวี ยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น
      “นี่ ค่าจ้างของเธอ แล้วไหนละ clip” จารวีถามหาสิ่งที่ต้องการ
      แนนซี่ รับเช็คไปดูก็ยิ้มอย่างพอใจ ตัวเลขในเช็คนี้มีถึงหกหลัก
      “ขอบพระคุณมากค่ะคุณจา นี่ค่ะ clip คุณจาจะเปิดดูเลยไหมคะ” แนนซี่อยากโชว์ผลงานเต็มที่
      จารวีรับซีดีมาถือไว้ในมือ แววตาเปล่งรังษีแห่งแรงอาฆาต เธอค่อยๆ ใส่ซีดีลงในโน๊ตบุ๊ค ภาพที่ต้องการค่อยๆ ปรากฎเบื้องหน้าพร้อมกับบทสนทนาที่ดูเหมือนว่ากำลังดูละครอยู่ก็ไม่ปาน
       
      ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินจูงมือพร้อมกับคุยกันอย่างมีความสุข ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังหัวร่อต่อกระซิกนั้น มีกลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนเดินสวนทางมา คนหนึ่งเดินกระทบไหล่กับชายหนุ่มผิวเข้มที่เดินมากับหญิงสาวอย่างจัง
      “ เฮ้ย เดินยังไงวะ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ที่ออกเยอะแยะไม่เดิน ดันเดินมาชนกูได้” ชายฉกรรจ์ส่งเสียงดังพร้อมกับท่าทางเอาเรื่องเต็มที่
      “อะไรกันพี่..พูดกันดีๆ ก็ได้” ชายผิวเข้มพยายามไกล่เกลี่ย
      “ มึงรู้มั้ยว่ากูเป็นใคร และมึงรู้มั้ยว่าถ้ากูไม่พอใจใครขึ้นมาเนี่ย จะเกิดอะไรขึ้น ฮึ” ชายฉกรรจ์ย่างสามขุมเดินเข้าหาชายผิวเข้ม และโดยไม่ทันตั้งตัวชายฉกรรจ์ก็ชกเข้าที่ใบหน้าของชายผิวเข้มนั้น
      “ว๊าย..โต...ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ..ใครก็ได้ช่วยที” 
      “นังนี่ วอนซะแล้ว...เฮ้ยจับมันไว้” หญิงสาวพยายามวิ่งหนี แต่ก็ไม่พ้นพลังของชายฉกรรจ์เหล่านั้น
      เธอพยายามดิ้นรนแต่ก็ถูกชายคนนึงจับไว้ไม่ยอมปล่อย โตมรพยายามต่อสู้กับชายฉกรรจ์สามคน แต่ดูท่าว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรชายเหล่านั้นได้เลย เขาถูกต่อยและกระทืบซ้ำไปซ้ำมา จนชายฉกรรจ์แน่ใจว่าแค่นี้คงพอทำให้โตมรไม่มีแรงสู้ต่อ และแน่นอนเขาต้องนอนโรงพยายาบาลไม่ต่ำกว่าหนึ่งอาทิตย์เป็นแน่
      “เฮ้ย..อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปก่อนล่ะ ชั้นยังไม่สะใจเลย ไหน..นี่เมียแกใช่มั้ย...แกรู้มั้ยว่าชั้นน่ะชอบเมียชาวบ้านมากที่สุด...ยิ่งผัวของมันรู้ว่าเมียของมันกำลังจะตกเป็นเมียของคนอื่นชั้นยิ่งชอบ ฮ่าๆๆๆๆ” หัวหน้าชายฉกรรจ์ พูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม พร้อมกับแววตาที่ดูเหมือนสัตว์ป่าเข้าไปทุกที
      โตมร ยังคงไม่สามารถพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นได้ เขาได้แต่ พึมพำ
      “ อิน..หนีไป..หนีไป..”
      อินทิรายังคงพยายามกระเสือกกระสนสะบัดตัวออกจากชายฉกรรจ์ที่จับเธอเอาไว้ แต่ด้วยแรงของหญิงสาวหรือจะสู้แรงของชายได้ หัวหน้าชายฉกรรจ์ย่างสามขุมมาหาอินทิราพร้อมกับตบหน้าเธอไปหนึ่งที และชกท้องของเธอจนตัวงอ
      “ แค่นี้ก็สิ้นฤทธิ์   เอาตัวพวกมันไปที่บังกะโล ข้ามีเกมสนุกๆ จะเล่นกะพวกมัน” หัวหน้าชายฉกรรจ์ เดินนำ ร่างของอินทิราถูกวางลงบนเตียง ส่วนโตมรถูกจับให้นั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับเชือกที่มัดตัวเขาไว้ เขามองไปยังร่างของอินทิรา ที่กำลังไร้สติ หัวหน้าชายฉกรรจ์ จับอินทิราขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับตบหน้าเธอให้ตื่นขึ้น
      อินทิราสลึมสะลือลืมตามองชายฉกรรจ์ แววตาที่กลัวสุดขีดเบิกโพลง เธอหันไปมองโตมรแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาด้วยความสงสารเขา
                      “เอาล่ะ ได้เวลาเล่นเกมแล้ว แก ..” หัวหน้าชายฉกรรจ์ ชี้ไปยังโตมร
                      “ดูให้ดีนะ..เมียแกหุ่นดีถูกใจชั้น ชั้นจะช่วยยัดเยียดความเป็นผัวให้กับมันอีกคนนึง” สิ้นเสียงของชายฉกรรจ์ อินทิราก็กรีดร้อง
                      “ ไม่ ...นาย..ปล่อยชั้นเถอะนะ..ชั้นขอร้อง..เราไม่เคยมีเรื่องอะไรกัน...ทำไมนายต้องทำกับชั้นแบบนี้..นายไม่กลัวบาปรึไง.. “ อินทิราพยายามอ้อนวอน
                      “บาป เหรอ..ฮ่าๆๆ บาปหน้าตาเป็นยังไง ไหนลองบอกสิ..แกรู้มะ..ว่าชั้นน่ะมีนิสัยที่แก้ไม่ได้อย่างหนึ่งคือ..ชั้นชอบผู้หญิงที่ผ่านการมีผัวมาแล้ว เพราะมันสะใจดีที่แย่งของคนอื่นมาเป็นของชั้นได้..ฮ่าๆๆๆ”
                     
                      อินทิราสะอึก เธอหันไปมองโตมร รึว่านี่คือเวรกรรมที่เธอกับโตมรทำร่วมกันมา เธอแย่งโตมรมาจากผู้หญิงคนนึง หลังจากที่เธอโทรศัพท์ไปขอโตมรจากคนรักของเขา หลังจากกวันนั้นมาจารวี ก็หายไปจากสังคม
      ชายฉกรรจ์ไม่รอช้า เขาแสดงความป่าเถื่อนกับอินทิราอย่างดุดัน เขาตบเธอ หนึ่ง สอง สาม สี่ และชกท้องเธออีกครั้ง อินทิราตัวงอ เธอจุกจนพูดอะไรไม่ออก เสื้อผ้าของเธอถูกกระชากฉีกอย่างรุนแรง ชายฉกรรจ์โถมตัวซุกไซ้ร่างของเธออย่างสัตว์ที่หื่นกระหาย   โตมรมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างคนหมดอะไรตายอยาก เขาไม่สามารถกระดิกตัวช่วยเหลืออินทิราได้เลย เสียงร้องที่เจ็บปวดของอินทิราทำให้โตมรถึงกับเบือนหน้าหนีพร้อมกับรอยน้ำตา
                      หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจ ชายฉกรรจ์ก็สั่งลูกน้องอีกสี่คน ให้ทำอย่างเดียวกับอินทิราอย่างที่เขาทำ โตมรมองอินทิราอย่างเลื่อนลอย อินทิราก็เช่นกันบัดนี้สายตาของเธอว่างเปล่าเหมือนคนไม่มีสติ หลังจากที่กลุ่มชายฉกรรจ์เสร็จสมอารมณ์หมายกันทุกคน พวกเขาก็ทยอยจากไป ปล่อยให้ชายหญิงผู้โชคร้ายสองคนนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องพักอย่างเลื่อนลอย
                      ภาพตรงหน้าจบสิ้นแล้ว จารวีหันมายิ้มกับแนนซี่อย่างเยือกเย็น
                      “ เยี่ยม...ทำได้ดีเยี่ยมจริงๆ แนนซี่ ชั้นไม่ผิดหวังจริงๆ ที่ใช้บริการคนมืออาชีพอย่างเธอ” จารวีชมแนนซี่ คนถูกชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ 
                      “งั้นแนนซี่ขอตัวก่อนนะคะ..ไว้โอกาสหน้าถ้าคุณจาจะเรียกใช้บริการอะไรแนนซี่อีก แนนซี่รับรองคะว่าจะทำสุดฝีมือเหมือนอย่างคราวนี้เลยค่ะ ลาละค่ะ” เธอไหว้ลาสาวสวยตรงหน้าแล้วเดินจากไปทิ้งให้จารวีนั่งอมยิ้มอยู่เพียงคนเดียว
      “ ฮึๆๆๆ โตมร อินทิรา ช่วยไม่ได้นะที่เธอสองคนโชคร้ายแบบนี้...ใครใช้ให้เธอทำร้ายชั้นก่อนล่ะ...มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่พวกเธอจะต้องเจอแบบนี้ ฮ่าๆๆๆๆ”
      จารวีหัวเราะเสียงใส เธอลุกขึ้นปลดเสื้อคลุมชุดว่ายน้ำออก และกระโดดลงสระว่ายน้ำอย่างร่าเริง
       
      “ คุณจาคะ คุณจา สายแล้วค่ะ คุณจา” เสียงของหญิงวัยกลางคนกำลังปลุกจารวีให้ตื่นขึ้น เมื่อคืนนี้จารวีขับรถมายังรีสอร์ทส่วนตัวของเธอค่อนข้างดึก สภาพของจารวีดูเหมือนคนที่ไร้วิญญาณ สายตาเลื่อนลอย ดีนะที่จารวีไม่เป็นอะไรไประหว่างทาง เพราะดูจากท่าทางของเธอใครเห็นก็คงไม่คิดว่าจะมีสติประคองตัวเองให้ขับรถมาถึงยังรีสอร์ทแห่งนี้ได้ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับนายสาวของเธอ แต่เอาเถอะเดี๋ยวเธอค่อยถามเพราะยังไงซะ จารวี ก็นับถือเธอเหมือนญาติสนิทคนนึง เอาไว้ให้จารวีพร้อมจะเล่าให้ฟังเมื่อไหร่เธอก็คงจะรู้ถึงที่มีมาของการมาของจารวีเอง
      จารวีค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายตาค่อยๆ ปรับรับกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามายังห้องนอนของเธอ นี่เธอนอนหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่เอ...เมื่อกี้เธอกำลังว่ายน้ำอยู่มิใช่หรือ..จารวีพยายามทบทวนความจำ เธอสะบัดหัวไปมา และค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ เมื่อค่ำวานนี้ อินทิราโทรมาหาเธอ...ใช่แล้ว...โตมรนอกใจเธอ...เธอไล่โตมร และเธอก็เก็บเสื้อผ้าขับรถกลับมายังบ้านของเธอ...ถ้าอย่างนั้น เหตุการณ์ที่โตมรถูกซ้อม อินทิราถูกข่ขื่น มันเป็นเพียง...ความฝัน..
      .จารวีนึกขอบคุณความจริงอยู่ในใจ...คนเราเมื่อไม่รักกันแล้ว ต่อให้ยื้อเขาไว้อย่างไรก็คงเป็นเพียงท่อนไม้ท่อนหนึ่งเท่านั้น ปล่อยเขาไปเถอะจารวี...อย่าโทษใครเลย...เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดัง มันต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย ยอมรับความจริงดีกว่า เธอจำได้ดีมีใครคนหนึ่งเคยบอกกับเธอว่า
       
      การมีคนดีๆ มารักนั้น ถือว่าโชคดีมากแล้ว
      แต่ยังไม่โชคดีเท่ากับคนแย่ๆ คนหนึ่งเดินออกไปจากชีวิตเรา..
       
      จงยิ้มให้กับความจริงที่เกิดขึ้นเถิดจารวี  และเตรียมตัวยอมรับกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปดีกว่า...
      “ ป้านิ่ม คะ..วันนี้มีอะไรทานบ้างคะ..จาหิวแล้ว..” จารวีส่งเสียงอ้อน
      “ มีข้าวต้มทะเลของโปรดของคุณจาค่ะ คุณจาอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ ป้าจะไปเตรียมอาหารไว้ให้” 
      “ค่ะ ขออร่อยๆ นะคะ” จารวีรีบลุกขึ้น พร้อมกับเดินไปเปิดวิทยุ เสียงเพลงของใครคนหนึ่งช่างโดนใจเธอยิ่งนัก
       
      ชีวิตแค่โดนทำร้าย
      แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย
      แค่วันนี้หัวใจสลาย
      เตือนตัวเองว่าถึงยังไงฉันยังต้องอยู่
      ความรักลวงหลอกมันก็แค่เจ็บปวด
      ไม่มีค่า ให้มันทำลายชีวิตไม่ได้
      ....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×