ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    S o u l : M a g e . [โซลเมจ]

    ลำดับตอนที่ #1 : [0] : Prologue บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 57


    [0] : บทนำ

     

    …และทันใดนั้นผมก็มีสติ

     

    ลูกตาทั้งสองข้างกวาดซ้ายทีขวาทีราวกับเด็กที่เพิ่งลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก ผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาเหมือนกับฝูงแกะทำเอาลูกตาของผมเริ่มลาย คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ เรามายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร? แล้วทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย? ความรู้สึกของผมในตอนนี้กำลังสับสนวุ่นวาย ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวหรือระแวง แต่เป็นเพราะสมองนั้นไมมีความจำของ ‘อตีต’ อยู่เลย

     

    เอ่อ… คือถ้าคุณกำลังสงสัยว่าทำไมผมถึงรู้ตัวว่าเป็นผู้ชาย นั่นก็เพราะผมรู้สึกถึงอะไรบางในช่วงล่าง แค่นี้คงเดาไม่ยากว่าตนเป็นเพศอะไร...

     

    ตุ้บ!

     

    “ยืนเหม่อหาสวรรค์วิมานอะไรวะ?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นตรงหน้า

    ร่างของเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสะดุ้งเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะยืนเหม่อมาสักพักใหญ่แล้ว

    “ห้ะ?” 

     

    “อย่าไปเสียเวลากับมันเลย มันยืนบังร้านฉันมาตั้งนานแล้ว” อีกหนึ่งเสียงดังตามมา แกป็นป้าแก่ๆ สวมชุดสีดำเหมือนแม่มดกำลังทำตาขวางใส่เด็กหนุ่ม 

     

    “ดูสิ ขายอะไรไม่ออกเลย” แกว่าแล้วชี้ไปที่แผงขายของตรงหน้า มีผ้าสีขาวเก่าๆ หนึ่งแผ่นวางไว้อยู่บนพื้น บนผ้านั้นมีของมากมายเช่นลูกแก้ว กิ่งไม้ที่มัดไว้เป็นจุก และขวดแก้วเล็กๆ ที่มีน้ำหลากสีอยู่ข้างใน

     

    ผู้เป็นเจ้าของเสียงทุ้มหัวเราะดังๆ และเอ่ยว่า “แม่มดเก๊ๆ และแก่ๆ อย่าป้าจะไปขายอะไรออก? ไม่เหมือนแม่มดสาวๆ หรอก”

     

    เมื่อป้าได้ยินชายผู้นั้นเอ่ยแล้วเกิดอาการฟึดฟัดไม่พอใจพร้อมกับบ่นพึมพำเป็นภาษาแปลกๆ 

     

    “เอิ่ม…” เด็กหนุ่มทำเสียงเลิกลัก “คือว่า... เอ่อ” 

     

    “อะไรของแกวะ พ่อแม่ชื่อเอิ่มกับเอ่อหรอ? เรียกอยู่ได้” 

     

    ก่อนที่เด็กหนุ่มผู้นั้นจะตอบอะไรออกไป เขามองสำรวจชายตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างตรงหน้าเป็นชายผมสีดำหน้าตาเหมือนโจร ตัวของเขาใหญ่ล่ำจนถ้าจะบอกว่าเหมือนหมีก็คงไม่ผิดอะไร นอกจากนั้นร่างกายของเขายังหุ้มด้วยเกราะเงินเงาวับ ตรงกลางมีสัญญลักษณ์ดาบไขว้สลักไว้อยู่

     

    “หลีก” เขาว่า

     

    ด้วยวาจาอันไม่ไพเราะทำให้แทนที่เด็กหนุ่มจะหลบแต่โดยดี เขากลับจ้องหน้าตาเขม็งกลับใส่ “ไม่” 

     

    ไม่รู้ด้วยลมเพลลมพลัดอะไรถึงทำให้เด็กหนุ่มตอบออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเล็กกว่าเกือบครึ่งกลับไม่เจียมตัวเลยสักนิด

     

    “ถ้างั้น...” มันว่าแล้วชักดาบที่คาดไว้ข้างเอวออกมาจ่อคอผู้ไม่กลัวตายตรงหน้า “เชือดเด็กให้แม่มดบ้ากับคนแถวๆ นี้ดูดีมั้ย?”

     

    เด็กหนุ่มมัวแต่อินกับเหตุการณ์ตรงหน้าจึงไม่ทันสังเกตเลยว่าผู้คนรอบๆ นั้นได้หยุดเดินและหันมามองเวทีมวยตรงหน้า ไม่สิ... ลานประหารตรงหน้าดูจะเข้าท่ามากกว่า บ้างก็ส่ายหน้าประมานว่า ‘ไอ้เวรพวกนี่มันว่างจัดหรอถึงมากัดกันแบบนี้’ บ้างก็เริ่มพนันใครคิดว่าเด็กจะรอดบ้าง

     

    “แกนั่นแหละอยากตายสินะ?” 

     

    ประโยคย้อนของเด็กหนุ่มวอนชะตาขาด ผู้คนรอบๆ ถึงกับขนหัวลุก บางคนถึงกับคุกเข่าอ้อนวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยนำพาดวงวิญญาณของเด็กคนนี้ไปสู่สววรค์... เพราะปากของมันนั้นนรกชัดๆ  

     

    “ถอยไป!” เด็กหนุ่มตะโกนและล้วงมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋า ชายตรงหน้าถึงกลับรีบผงะตัวถอยหลัง ส่วนคนที่ยืนดูอยูรอบๆ ทำเสียงสะดุ้งตกใจกันเป็นแถว

     

    ในมือข้างซ้ายของเขานั้นว่างเปล่า ส่วนมือขวามีเพียงกระดาษเก่าๆ พับไว้อยู่หนึ่งใบ  

     

    เขารีบคลายกระดาษออกมาแล้วพบว่าเป็นเพียงกระดาษว่างๆ 

     

    “นี่แน่ะ!” เขาขย้ำกระดาษและปาใส่ชายตรงหน้าก่อนจะหันหลังเตรียมตัวรีบเผ่นหนี ทว่าเจ้ากรรมของเด็กหนุ่มดูเหมือนจะรู้ทัน เขารีบคว้ามือดึงคอเสื้อและยกเด็กหนุ่มลอยขึ้นเหนือพื้น

     

    “ข้าไม่มีเวลามานั่งเล่นกับเด็กจอมจัดอย่างเจ้านะ” ว่าแล้วเตรียมทำท่าจะแทงดาบเข้าไปที่คอห้อยของร่างที่อยู่อีกมือ

     

    เขามองปลายดาบแหลมที่กำลังจะแทงเข้าใส่คอ ที่ไม่รู้สึกกลัวเพราะไม่ใช่ไม่กลัวความตาย แต่หนึ่งในความทรงจำที่เข้าใจเกี่ยวกับความ ‘ตาย’ นั้นไม่อยู่ในหัว เขาจึงไม่รู้ว่าเมื่อดาบแทงเข้าใส่แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

     

    [ อินอันเต้ เอ็กซิสโต้ ดีซซี! ]” 

     

    เมื่อนั้นเองที่ดาบในมือของผู้ที่กำลังจะสังหารเด็กหนุ่มได้กลายสภาพเป็นกล้วยหอมน้อยน่ารัก!?

    "[ อินอันเต้ เอ็กซิสโต้ ไมอีชา! ]"

    ทันไดนั้นกล้วยหอมก็ได้มีชีวิตขึ้นมา พ่อจ๋า” มันว่างั้นแล้ววิ่งตามแขนของเขาไปจนถึงหัวไหล่และกระโจนเข้าใส่ปา ในตอนนั้นเองที่เขารีบปล่อยเด็กหนุ่มลงพื้นเพื่อจะใช้อีกมือช่วยแงะกล้วยหอมที่กำลังยัดอยู่ในปากเขาออก

     

    “ยื่นมือมาเร็ว!” เสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่อีกคนกำลังเหวี่ยงตัวไปมาพยายามดึงกล้วยหอมมีชีวิตออก

     

    เข้าหันไปมองตามเสียงแล้วพบว่าเป็นสุนัขขนสีขาวยืนสองขายื่นอุ้งเท้าหน้าออกมา “เร็วสิไอ้เบื๊อก” 

     

    เด็กหนุ่มรีบเอามือคว้าตามที่สุนัขขนขาวว่า

     

    ทันใดนั้นใต้เท้าของทั้งสองก็ได้มีวงแหวนเวทปรากฏขึ้น “[วาเดห์ อีลลีคห์!]” ราวกับว่าวงแหวนนั้นมีปฏิกิริยาต่อเสียงของสุนัข พลันนั้นได้มีลำแสงสว่างจ้าพุ่งออกจากพื้นใส่ร่างของทั้งสอง วงแหวนนั้นหมุนด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะหายไปในพริบตาพร้อมอีกสองร่างที่ยืนอยู่ในวง เหลือไว้แต่เพียงรอยไหม้เป็นวงกลมจางๆ บนพื้น...

    และในขณะเดียวกันนั้น พ่อกล้วยก็ยังคงพยายามงัดลูกกล้วยออกจากปากด้วยความเพียร... 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×