ตอนที่ 3 : บทที่ 1 : ซิงเกิ้ลมัม (100%)
เขาพยักหน้าบ่งบอกว่าเธอเข้าใจถูกแล้ว “ใช่ครับ”
แพรริศายิ้มกว้างอย่างไม่คาดคิด ก่อนหันไปหาลูกชายแล้วคว้าร่างเล็กเข้ามากอดโดยลืมไปว่ามีบุคคลที่สามมองดูอยู่
“หม่ามี้ได้งานแล้วจ้ะ ดีใจมั้ยลูก”
“ดีใจที่ชู้ดเลยค้าบ!”
เด็กน้อยเห็นแม่ยิ้มร่าจนน้ำตาคลอก็พลอยดีใจตาม เป็นเพราะน้องพอร์ชแท้ๆ ที่ทำให้เธอได้งานนี้ในที่สุด เธอดีใจเหลือเกินที่พาลูกชายมาในวันนี้ด้วย แล้วเธอก็ปล่อยมือจากลูกชายและยกมือไหว้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณมากเลยนะคะ...ท่านประธาน”
ในเมื่อตอนนี้เธอเป็นเลขาคนใหม่ของเขาแล้ว เธอก็ควรจะเรียกเขาอย่างเจ้านายตามตำแหน่งของเจ้าตัว ชายหนุ่มยกมือและโบกเบาๆ
“ผมไม่ใช่ท่านประธานหรอกครับ”
มือที่กำลังยกไหว้ของหญิงสาวถึงกับค้างเติ่ง นี่เธอไม่ได้จะเป็นเลขาของเขาอย่างนั้นหรอกหรือ
“ผมเป็นแค่น้องชายของท่านประธานน่ะครับ ปกติแล้วผมจะดูโรงแรมที่สาขาพัทยา แต่ว่าตอนนี้พี่ชายผมติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ผมเลยต้องมาช่วยดูงานและสัมภาษณ์เลขาแทนเขา”
“แล้ว...ถ้าเกิดว่าท่านประธานไม่อยากได้ดิฉันไปเป็นเลขาล่ะคะ”
ความน่ารักน่าเอ็นดูของน้องพอร์ชอาจจะไม่มีผลอะไรกับท่านประธานเลยก็ได้ อีกฝ่ายเป็นคนอย่างไรเธอก็ไม่ทราบได้ เสียดายที่เจ้านายของเธอไม่ใช่ผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาดูเป็นคนอัธยาศัยดีมาก และท่าทางน่าจะใจดีไม่น้อยทีเดียว
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เขายกหน้าที่การตัดสินใจให้ผมแล้ว ผมเลือกใครเขาก็ไม่ค้านหรอกเพราะผมรู้ดีว่าพี่ชายตัวเองอยากได้เลขาแบบไหน”
“อ้อ...ค่ะ”
สบายใจขึ้นแล้วเมื่อเขายืนยันเช่นนั้น แม้เจ้านายจะไม่ใช่ผู้ชายตรงหน้า แต่ความผิดคาดเล็กๆ ก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกหดหู่ได้หลังจากที่รู้ว่าตัวเองสามารถคว้างานนี้ได้จากการพูดคุยกันแค่ไม่กี่นาที
“คุณลุงใจดีจังเลยค้าบ”
น้องพอร์ชเอ่ยชมชายหนุ่ม ทว่าทำเอาแพรริศาตกใจเบาๆ เมื่อได้ยินคำนามที่ลูกชายใช้เอ่ยเรียกเขา
“เรียกลุงเลยเหรอหืม...”
เธอรีบหันขวับไปมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะอยู่ในวัย ‘คุณลุง’ ได้ นี่เธอจะต้องตกงานทันทีหลังจากเพิ่งได้งานใหม่เลยหรือเปล่าเนี่ย
แต่แล้วรอยยิ้มของชายหนุ่มกลับเผยกว้าง “เรียกว่าคุณอาก็พอแล้วมั้งครับตัวเล็ก”
“คับ...คุณอา”
แพรริศาโล่งใจที่เห็นว่าเขาไม่โกรธ และอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเขาดูสนิทสนมกับลูกชายของเธออย่างรวดเร็วทั้งที่ไม่ได้เป็นญาติอะไรกัน
ชายหนุ่มที่เธอยังไม่รู้จักชื่อของเขาเลย ยกหูโทรศัพท์สั่งงานกับใครคนหนึ่ง
“ช่วยเอาสัญญาจ้างงานตำแหน่งเลขามาให้ผมที่ห้องด้วยนะครับ”
หญิงสาวเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้น ครู่หนึ่งสัญญาก็ถูกนำมาให้เธออ่าน เธอพอใจกับเงินเดือนและสวัสดิการเป็นอย่างมาก แต่ฉุกใจเล็กน้อยก็ตรงรายละเอียดของช่วงทดลองงานที่มีการเรียกเก็บเงินประกันไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะจ่ายคืนให้ต่อเมื่อเธอทำงานได้สามเดือน ซึ่งถ้าทำงานไม่ครบตามนั้น เงินส่วนนี้ก็จะถูกยึดไว้
“คุณแพรริศาโอเคกับสัญญามั้ยครับ” น้องชายท่านประธานเอ่ยถามเมื่อเธอเงยหน้าจากสัญญาที่อยู่ในมือแล้ว
เธอใช้ความคิดชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียดูแล้ว พบว่าอย่างไรเสียเธอก็ยังอยากทำงานที่นี่มากอยู่ดี และเธอคงจะไม่มีเหตุผลใดให้ต้องลาออกกะทันหันก่อนสามเดือนหรอกน่า
“โอเคค่ะ” เธอตัดสินใจในที่สุด แต่ก่อนที่จะลงลายมือตัวเองในเอกสาร เธอนึกบางอย่างขึ้นได้
“เอ่อ...ถ้าหากดิฉันจะขอตัวออกไปรับลูกชายในช่วงบ่ายสามโมงของทุกวันและพาแกมาที่ออฟฟิศด้วย ไม่ทราบว่าจะได้หรือเปล่าคะ แต่ดิฉันจะรีบไปและรีบกลับมาเลยค่ะ จะชดเชยเวลาทำงานช่วงเย็นด้วยนะคะ” เธอรีบอธิบายเพิ่มและภาวนาขอให้เขาอนุญาต หากไม่เช่นนั้นเธอคงจะลำบากใจที่จะต้องเลือกระหว่างงานกับลูก เพราะเธอไม่อาจจะทิ้งลูกไว้ที่โรงเรียนจนกว่าจะเลิกงานได้
“ผมคิดว่าไม่มีปัญหานะครับ ยังไงคุณลองขออนุญาตกับพี่ชายผมอีกทีก็แล้วกัน แต่ผมคิดว่าเขาคงเข้าใจ”
“ค่ะ งั้น...ดิฉันเซ็นเลยนะคะ”
น้องพอร์ชมองดูมารดาจรดปลายปากกาเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ แม้แกจะไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ทำอะไร แต่ก็คิดว่ามันต้องเป็นเรื่องดีแน่ๆ เซ็นเสร็จแล้วก็ยื่นเอกสารไปให้ชายหนุ่ม
“เรียบร้อยครับ กำหนดเริ่มงานคือเดือนหน้านะครับ”
“พอดีเลยค่ะ ต้นเดือนหน้าโรงเรียนของน้องพอร์ชจะให้เปิดให้เข้าเรียนซัมเมอร์เตรียมอนุบาลก่อน ส่งลูกเสร็จดิฉันก็มาทำงานพอดี”
เธอกล่าวกับทั้งชายหนุ่มและลูกชายของตัวเองด้วย มือบางยื่นไปลูบศีรษะของลูกชายด้วยความรักใคร่
“ดิฉันยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยค่ะ” เธอกำลังจะกลับและเกือบลืมถามชื่อเขาเสียแล้ว
“รัฐภูมิครับ ถ้าเจอกันคราวหน้าเรียกผมว่าภูมิเฉยๆ ก็พอ” ชายหนุ่มบอกอย่างไม่ถือตัว
“ค่ะคุณภูมิ”
หญิงสาวหวังว่าพี่ชายของเขา ซึ่งเป็นเจ้านายตัวจริงของเธอนั้นคงจะมีนิสัยคล้ายๆ กับคนเป็นน้องชายเช่นกัน เพราะถ้าเจอเจ้านายที่เอาใจยากเธอก็อาจจะต้องปวดหัวและเหนื่อยหน่อย
“สวัสดีครับคุณภูมิด้วยนะลูก” เธอบอกลูกชายก่อนที่จะจูงมือแกกลับออกไป
“ซาหวัดดีค้าบ...คุณอาภูมิ บ๊ายบายนะค้าบ”
มือเล็กพนมไหว้ก่อนจะยกขึ้นโบกไหวๆ ให้ชายหนุ่ม เด็กน้อยช่างแสนรู้มากเหลือเกิน แถมยังดูคนออกด้วยว่าใครใจดีหรือเล่นด้วยได้ ร้ายไม่เบาเชียว
“บ๊ายบายครับ”
รัฐภูมิโบกมือให้คนตัวเล็ก เฝ้ามองหญิงสาวจูงมือเด็กน้อยหายไปจากบานประตู
เขาบอกไม่ถูกเลยว่าทำไมถึงรู้สึกถูกชะตากับเด็กชายที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก อาจเป็นเพราะเขารู้สึกคุ้นๆ หน้าและรอยยิ้มของแก มันเหมือนใครบางคนที่เขาคุ้นเคย ใครกันหนอ?
แล้วก็นึกออก ใครคนนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย แต่เป็นพี่ชายของเขานั่นแหละ น้องพอร์ชดูคล้ายกับพี่ชายของเขาในวัยเด็ก ถ้าหากมีใครบอกว่าเด็กน้อยเป็นน้องชายคนสุดท้องของบ้านเขาหรือว่าเป็นลูกหลานของคนในครอบครัวเขา เขาก็คงจะไม่ค้านสายตา
แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มันคงเป็นเรื่องบังเอิญของคนที่หน้าคล้ายกันเท่านั้น และสาเหตุที่เขาถูกชะตากับเด็กน้อยก็คงเป็นเพราะเรื่องนั้นเอง
✿◕ ‿ ◕✿
อ้าว! ไม่ใช่ท่านประธานหรอกเหรอ ฮิๆๆ
แต่ตอนหน้าท่านประธานมาแน่ค่า รออ่านกันนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านล่ะฉันอยากมีครอบครัวเลยอ่ะ (อีกซีกนึงของความคิด : ไหนผลัวล่ะ หุๆ)
แต่คงหวังความจริงทั้งหมดจากนิยายไม่ได้ เพราะดูที่จินตนาการด้วย
ยังไงก็สู้ๆนะคะ พัฒนาต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะติดตามอยู่นะคะชอบค่ะ