ตอนที่ 12 : บทที่ 4 : ความลับที่บอกใครไม่ได้ (100%)
“ลุงภัทร!”
เด็กชายร้องเรียกชื่อเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ขณะที่แพรริศาคิดว่าการสนทนาของทั้งคู่ควรจะจบลงได้แล้ว ก่อนที่เขาจะจ้องหน้าลูกของเธอนานเกินไปและสงสัยเอาได้ว่าทำไมจึงหน้าคล้ายเขา
เธอจับไหล่เล็กของลูกชายแล้วดึงแกมาหาตัว เหมือนกลัวว่าเขาจะแย่งเอาไป
“ต้องขอโทษด้วยนะคะท่านประธานที่น้องพอร์ชรบกวน พอร์ชไปนั่งที่โซฟารอหม่ามี้ทำงานดีกว่านะลูก ท่านประธานกำลังจะไปแล้ว”
ชายหนุ่มยืดตัวเต็มความสูงอีกครั้ง สายตาอบอุ่นที่มองดูลูกชายของเธอเปลี่ยนเป็นเย็นชาเมื่อเขาจ้องหน้าเธอ
“พรุ่งนี้ผมหวังว่าจะเห็นงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้วบนโต๊ะนะ”
“ค่ะ”
แล้วร่างสูงก็ก้าวยาวๆ พ้นไปจากเธอและลูก น้องพอร์ชมองตามชายหนุ่มจนกระทั่งประตูปิดลง เธอนึกสะท้อนใจเล็กน้อย เมื่อต้องเห็นลูกชายมองตามพ่อของแกไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักสถานะที่แท้จริงของกันและกันเลย
“คุณลุงภัทรไปแล้ว หม่ามี้จะกลับบ้านแล้วยังค้าบ”
“รออีกหน่อยนะลูก หม่ามี้เลิกงานห้าโมงเย็น อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับได้แล้วจ้ะ ลูกไปนั่งดูการ์ตูนตรงโซฟาก่อนนะเดี๋ยวหม่ามี้จะกลับแล้วค่อยเรียก”
เธอเปิดการ์ตูนในโทรศัพท์มือถือให้ลูกชายดู แกชอบใจและถือโทรศัพท์เดินไปนั่งลงบนโซฟารับแขกอย่างว่าง่าย น้องพอร์ชชอบดูการ์ตูน แต่เธอไม่ได้ให้ลูกจับโทรศัพท์ตลอดเวลาเพราะเกรงว่าจะทำให้สายตาและสุขภาพเสีย ส่วนใหญ่จะให้เด็กชายดูในช่วงตอนเย็นระหว่างที่เธอทำกับข้าวหรือไม่ก็ทำงานบ้าน อย่างในตอนนี้เธอจำต้องปล่อยให้ลูกอยู่กับการ์ตูน ขณะที่ตัวเองรีบทำงานเพื่อจะได้เสร็จทันเวลา
พนักงานชายสองคนรีบดึงประตูกระจกบานใหญ่ของโรงแรมให้เปิดออก เมื่อเห็นท่านประธานหนุ่มกำลังจะเดินทางกลับดังเช่นทุกวัน
ติณภัทรก้าวออกมาสู่ลานกว้างบริเวณด้านหน้าของโรงแรม ทันทีที่สองเท้าของเขาชะงักหยุดลง รถยนต์สัญชาติยุโรปคันหรูก็แล่นมาจอดลงตรงหน้าพอดิบพอดี ประตูรถเปิดออก คนขับรถในชุดพนักงานก้าวลงมาก่อนเดินตรงมาหาเขาพร้อมกับยื่นกุญแจมาให้ เป็นภาพที่พนักงานต้อนรับของโรงแรมมักได้เห็นเช่นทุกวันจนชินตา
“ขอบใจ”
เขาไม่ลืมกล่าวคำสั้นๆ นั้นกับอีกฝ่าย เรียกรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของคนเป็นลูกน้องที่ตั้งใจบริการท่านประธานอย่างเต็มที่
ร่างสูงเหวี่ยงตัวเองเข้ามานั่งในรถยนต์คันหรู เขามักจะชอบขับรถเองมากกว่าที่จะมีสารถีคอยบริการ ชายหนุ่มเคลื่อนรถยนต์สีดำคันใหญ่ที่ได้รับการขัดเงาเสียมันปลาบออกไปสู่ถนนด้านหน้าโรงแรม แม้สมองจะตั้งมั่นอยู่กับถนนตรงหน้า แต่ใจเขากลับคิดไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
เขารู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อย ลูกชายของเลขาคนใหม่อย่างน่าประหลาดใจ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแกทำให้เขานึกถึงตัวเองตอนเด็กนั่น แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เขาใจอ่อนหรือเปลี่ยนพฤติกรรมกลายเป็นคนรักเด็กได้ถึงขนาดนี้ เวลาที่เสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกับเขา เขารู้สึกอบอุ่นข้างในใจอย่างอธิบายไม่ได้ ยามที่สบสายตากับดวงตาเป็นประกายไร้เดียงสาของเด็กน้อย ราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆ แล่นอยู่ในตัวเขาอย่างไรอย่างนั้น ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
ส่วนแม่ของเด็ก เขานึกทึ่งที่เธอเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดีเมื่อดูจากท่าทีประหลาดๆ ที่บางครั้งก็ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า เหตุการณ์ที่เธอเห็นหน้าเขาครั้งแรกแล้วเป็นลมหมดสติไปยังคงเป็นสิ่งที่เขาอยากหาคำตอบ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเธอมีอะไรปิดบังอยู่กันแน่ เห็นทีว่าเขาต้องหาทางคลุกคลีกับน้องพอร์ชบ่อยๆ เผื่อจะได้รู้ความลับของหญิงสาว
วันนี้แพรริศาเหนื่อยกว่าทุกวัน เพราะทั้งต้องทำงาน เลี้ยงลูก และไปรับไปส่งแกที่โรงเรียน แต่กระนั้นหญิงสาวก็มีความสุขที่เห็นเด็กชายได้เข้าโรงเรียน มีเพื่อนเล่น และเธอยังได้กลับไปทำงาน หาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน จะมีก็แต่เรื่องของท่านประธานนั่นแหละที่ทำให้เธอเป็นกังวลอยู่ในตอนนี้
“หม่ามี้ค้าบ พุ่นนี้พอร์ชต้องไปโรงเรียนมั้ยค้าบ”
คำว่า ‘พรุ่ง’ ถูกเด็กชายพูดเป็น ‘พุ่น’ คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะแกถึงจะพูดชัด เพราะตอนนี้เด็กชายเพิ่งจะมีอายุได้สามขวบหนึ่งเดือนเท่านั้น
“ไปสิจ๊ะ หลังจากนี้พอร์ชต้องไปโรงเรียนทุกวันเลยนะ พอร์ชจะได้อยู่กับเพื่อนๆ และหม่ามี้ก็จะได้ไปทำงานไงจ๊ะ”
เธอพูดคุยกับลูกระหว่างที่ส่งแกเข้านอน มือบางดึงผ้าห่มมาคลุมให้ร่างเล็ก
“แล้วพอร์ชจะได้เจอคุณลุงภัทรอีกมั้ยค้าบ”
คิ้วสีอ่อนขมวดนิดๆ แพรริศาแปลกใจที่เด็กชายถามถึงติณภัทร
“พอร์ชอยากเจอลุงภัทรเหรอครับ”
ใบหน้ากลมแป้นน่าเอ็นดูพยักหงึกๆ
“อยากค้าบ! ลุงภัทรใจดี ลุงภัทรเช็ดปากให้พอร์ชด้วย”
“เช็ดปาก? ตอนไหนเหรอลูก”
“ตอน...ตอนที่หม่ามี้ไปห้องน้ำ พอร์ชกินไอติมเลอะ ลุงภัทรเลยเช็ดให้”
น่าแปลกมาก ผู้ชายที่ดูเย็นชาและดูไว้ตัวเช่นเขา ไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้นให้เด็กที่ตนเองเพิ่งรู้จัก หรือว่านี่จะเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่คนทั้งคู่ก็ไม่รู้ตัว
“แต่หม่ามี้ว่า ลูกอย่าไปตีสนิทกับลุงภัทรเลยนะครับ เขาเป็นถึงท่านประธาน เป็นเจ้านายของหม่ามี้ เราอย่าไปรบกวนเขาดีกว่า”
“ไม่กวนค้าบ ลุงภัทรไม่ดุพอร์ชหรอกค้าบ” เด็กชายส่ายหน้าพร้อมกับโบกมือไหวๆ
เด็กคนนี้ช่างรู้มากเสียจริง บางทีก็รู้มากเกินไปจนรู้ทันเธอไปเสียหมด
“จ้ะ ไม่กวนก็ไม่กวน รู้มากจริงๆ นะเราเนี่ย”
เธอเขี่ยจมูกเล็กของลูกชาย แกหัวเราะชอบใจ
“แต่ว่าตอนนี้เด็กรู้มากต้องเข้านอนก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปโรงเรียนสาย”
พลันดวงตาที่ล้อมด้วยแพขนตายาวเหมือนอย่างคนเป็นพ่อ ก็พับลงและปิดสนิทในทันที เธอจูบแก้มยุ้ยทั้งสองข้างและบอกฝันดีแก่ลูกชาย
เธอกับลูกนอนแยกเตียง ทว่าอยู่ในห้องเดียวกัน หญิงสาวปิดไฟดวงใหญ่แล้วล้มตัวลงนอนบ้าง
แม้ห้องจะมืด บรรยากาศรอบตัวจะเงียบสงัดและชวนให้พักผ่อนอย่างสงบ ทว่าจิตใจของหญิงสาวยังคงว้าวุ่น ครุ่นคิดไปถึงเรื่องของตนเองกับท่านประธานหนุ่มที่โชคชะตาได้เหวี่ยงเธอและลูกให้มาพบเจอกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เธอจำต้องนึกย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นเมื่อเกือบสี่ปีก่อน มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
✿◕ ‿ ◕✿
ตอนหน้ามาย้อนอดีตกันนะคะว่าพ่อกับแม่ของน้องพอร์ช เขาเจอกันได้ยังไง แล้วพวกเขาทำอะไรกัน... อิอิ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอออออออคร้า
รออย่างใจจดใจจ่อค่ะไรต์