ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    .

    ลำดับตอนที่ #2 : Lost for love ♥ Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 55


    Chapter 1 : โชคร้าย

    หลังจากหกชั่วโมงอันอุดอู้อยู่บนเครื่องบิน ในที่สุดก็ได้เหยียบพื้นดินซะที ใบบัวสูดหายใจเข้าเต็มปอด เธอยิ้มน้อยๆให้กับสถานที่แห่งใหม่ที่เธอต้องมาใช้ชีวิตอยู่อีกหลายเดือน พร้อมกับประสบการณ์ใหม่ๆที่เธอจะได้จากที่นี่อีกด้วย

    วันนี้เป็นวันที่หิมะตก อากาศดูเหมือนจะหนาวเกินไปสำหรับคนที่มาจากเมืองร้อนอย่างเธอ หลังจากที่โบกแท๊กซี่มาลงที่ไหนซักแห่งตามแผนที่ที่เขียนไว้ในแผ่นกระดาษใบเล็กๆ

    เฮ้อ! แล้วมันต้องไปตรงไหนต่อล่ะเนี่ย รินเอ๊ย โทรไปก็ไม่รับใบบัวยืนเขว้งอยู่พักใหญ่ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี มาอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้เลยทำอะไรไม่ถูก หนาวก็หนาว ในที่สุดก็ตัดสินใจ เดินหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ เพื่อติดต่อริน เพื่อนตัวป่วนที่ชวนเธอมาแล้วไม่รับผิดชอบ ผู้ซึ่งจัดการเรื่อง อพาร์ทเม้นให้เธอ ฮึ่ม!

    ตอนนี้ก็มืดแล้ว ทางที่ใบบัวเดินมาก็เริ่มจะร้างผู้คน นานๆจะมีคนท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินผ่านมาซักที บางคนเดินผ่านก็หัวเราะคิกคัก มองเธอที่ลากกระเป๋าใบโตกับท่าทางเอ๋อๆนั่นอย่างกับเธอเป็นตัวตลก

    โอ้! แสงทองของชีวิต น้ำตาจะไหล ในที่สุดก็เจอ ตู้โทรศัพท์! พระเจ้าช่วย!! ใบบัวดีใจสุดขีด ลากกระเป๋าใบโตวิ่งปูเล้งๆไปยังตู้โทรศัพท์ ว่าแต่..แถวนี้ ทำไมมันมืดจังเลย

    รับหน่อยสิ รินเอ๊ย  ใบบัวเริ่มอารมณ์เสีย แถวนี้ก็มืดซะด้วย คนท่าทางแปลกๆ เดินวนไปวนมาไม่ไกลจากตู้โทรศัพท์มากนัก ใบบัวถึงกับเหงื่อแตกทั้งที่อากาศก็ออกจะหนาว มือเรียวเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ตีหน้าแข้งของตัวเองรัวๆ ราวกับจะเร่งให้ผู้ที่อยู่ปลายสายรีบรับ แล้วจู่ๆสายถูกตัดไปเสียเฉยๆ ..ซวยแล้วตู ใบบัวคิดในใจ

    ใบบัวเดินออกมาจากตู้โทรศัพท์ด้วยท่าทางที่พยายามให้เป็นปกติที่สุด ผู้ชายวัยรุ่นท่าทางไม่น่าไว้ใจสามคนนั่นเริ่มขยับตัว เธอพยายามเดินโดยเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด แต่ดูเหมือนว่าคนแปลกหน้าพวกนั้น ก็ไม่ได้ไกลจากตัวเธอเลย

    ..เอาละไง มาวันแรกก็เจอดีเลย นี่ฉันเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่หรอวะเนี่ย!..

    เมื่อคิดได้ยังงั้น สัญชาตญาณของผู้หญิงที่มักจะแม่นยำเสมอเวลาภัยมาใกล้ตัว ทำให้ใบบัวหันไปมองกลุ่มคนแปลกหน้านั่น พวกนั้นยิ้มยียวนให้เธอ

    ..นั่นไง! ไอ้พวกนี้.. ว่าแล้วก็เผ่นสิเพคะ ใบบัววิ่งจู๊ดออกไปทันที แต่กระเป๋าใบโตก็เป็นอุปสรรคในการวิ่งเป็นอย่างมาก เธอทิ้งกระเป๋าทันที ก่อนจะโกยแน่บอย่างสุดแรงเกิด ที่ว่าสุดแรงเกิดก็คือสุดแรงเกิดจริงๆ เพราะตั้งแต่เกิดมา ไม่คิดว่าจะวิ่งได้เร็วขนาดนี้ แต่กลุ่มผู้ชายพวกนั้นยังคงตามมาติดๆ เธอวิ่งผ่านตรอกซอกซอยมืดๆ ไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นที่ไหน มีอยู่ทางเดียวคือ ต้องเอาชีวิตรอดออกไปให้ได้

    แฮ่!  จู่ๆหนึ่งในผู้ชายพวกนั้นก็โผล่มาอยู่ข้างหน้าเธอ มันแลบลิ้นน่าเกลียดๆที่มีหมุดติดอยู่เนื่องจากเจาะลิ้น

    ชิบหา.. แล้ว! คำหยาบที่อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวทันทีที่เห็นหน้าคนน่าเกลียดตรงหน้า ตาเล็กตี่นั่น จ้องมองใบบัวด้วยความ..อะไรซักอย่าง เพราะตามันเล็ก เลยไม่รู้มันมองแบบไหน

    ว่าไงจ้ะ คนสวยว่าแล้วเจ้าคนน่าเกลียดก็คว้าสายกระเป๋าสะพายของใบบัวทันที

    เฮ้ย! ปล่อยใบบัวพยายามกระชากสายกระเป๋ากลับคืนมาพร้อมมองหาทางหนีทีไล่ แต่ก็ได้แต่ยื้ดยุดกันอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดผู้ชายอีกสองคนก็โผล่มายืนยิ้มอยู่ข้างหลังไอ้คนน่าเกลียดเพื่อนของมัน จริงๆมันก็น่าเกลียดหมดทั้งสามตัวแหละ

    ..ซวยแน่ๆ ซวยจริงๆ คราวนี้ต้องตายแน่ๆ.. ใบบัวร่ำร้องอยู่ในใจ  โชคชะตาของเธอ ถูกขีดให้มาตายที่ต่างแดนเหรอเนี่ย

    ชายทั้งสองที่ตามมาทีหลัง ค่อยๆเดินเข้าหาใบบัว ในวินาทีนั้น ใบบัวประเมินสถานการณ์ ลูกผู้หญิงคนเดียวอย่างเธอ จะหาญกล้าสู้กับผู้ชายท่าทางขี้ยาสามคนเหมือนในหนังก็คงเป็นไปไม่ได้ ทางเดียวเท่านั้นที่จะรอดก็คือ หนี!

    ใบบัวส่งยิ้มให้คนทั้งสามอย่างหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนทั้งสามชะงักเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเธอ จนหันมองหน้ากันไปมาอย่างงงๆ ใบบัวค่อยๆถอดผ้าพันคอออก ทำท่าที่คิดว่ายั่วยวนที่สุดแล้ว ถึงจะคิดไปเองว่ามันเซ็กซี่ก็เถอะ จนไอ้สามคนนั่นยิ่งงงเข้าไปใหญ่ พอได้จังหวะที่คนพวกนั้นไม่ทันตั้งตัว ใบบัวก็กระตุกกระเป๋าแล้วรีบพลิกตัวออกจากสายสะพาย แล้วขว้างผ้าพันคอใส่พวกมัน ไอ้คนที่ดึงกระเป๋าของเธอเซแซ่ดๆไปชนกับอีกคนหนึ่งจนหงายคะมำกันไป ตอนนี้ล่ะ! ใบบัววิ่งหนีสุดชีวิตเท่าที่เธอสามารถจะทำได้ เพื่อให้หลุดพ้นจากสถานการณ์อันเป็นภัยโดยเร็วที่สุด

    ถึงแม้ในใจจะนึกเสียดายกระเป๋ายังไง แต่เธอก็ยังดีใจที่ไม่ได้เอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่ซอกตึก ใบบัววิ่งมาเรื่อยๆ พยายามหาที่ที่มีผู้คน แต่ยิ่งวิ่งก็เหมือนยิ่งวน บ้านเรือนที่ไม่คุ้นตา ถนนหนทางที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้ว่าเธอควรจะทำยังไงต่อไปดี

    ใบบัวหยุดหอบหายใจในที่ที่เธอคิดว่าพ้นจากพวกมันแล้ว เธอค่อยๆเดินมาเรื่อยๆ อากาศในตอนกลางคืน หนาวยิ่งกว่ากลางวันเสียอีก ตอนนี้มีเพียงสเว็ตเตอร์สีชมพูที่เธอใส่มาเท่านั้น เสื้อผ้า ผ้าพันคอ ของทุกอย่างหายไปหมด แขนเรียวยกขึ้นมากอดลำตัวด้วยความหนาว ปากสีชมพูใสตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นสีซีด มันสั่นจนได้ยินเสียงฟันกระทบกันดังกั่กๆ

    ..โครก! เสียงท้องที่ครวญครางเพราะความหิว ถึงแม้เธอเอาชีวิตรอดมาจากคนพวกนั้นได้ แต่เธอก็อาจจะตายเพราะความหนาวและความหิว ใบบัวคิด

    นานเท่าไหร่ไม่รู้ ใบบัวเดินสโลสเลมาจนถึงซอยซอยหนึ่งที่ถนนดูกว้างขึ้น แต่ในซอยนั้นก็ยังไม่ค่อยจะสว่างเหมือนเดิม  ใบหน้าใสเริ่มขาวซีด ตาเริ่มพร่ามัว ทั้งหนาวทั้งหิว เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือ แสงสว่างจ้า จ้ามากเสียจนตาที่พร่ามัวของเธอนั้น ต้องหยีจนปิดสนิท และแล้วความมืดก็เข้ามา สติทุกอย่างดับวูบลง...

     

    รถตู้สีบลอนซ์เงินที่ขับมาด้วยความเร็วนั้น ค่อยๆชะลอความเร็วลง เมื่อเลี้ยวเข้ามาในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยวและมืด

    โอย กว่าจะสลัดหลุดคนร่างท้วมที่ขับรถอยู่ บ่นเบาๆขณะหันไปมองด้านหลัง

    ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องไล่ตามพวกเราขนาดนี้ด้วย มันอันตรายมากๆเลยนะเสียงที่ฟังดูหวานของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

                    โฮ่! เมื่อกี๊หัวใจผมจะวาย ตอนที่หันไปเห็นอีกนิดเดียวมันจะชนแล้วอะเสียงทุ้มนุ่มรีบบอกออกมาด้วยความตื่นเต้น

    แล้วผู้ชายสี่คนที่อยู่ด้านหลัง ก็ส่งเสียงจอแจคุยกันวุ่นวายไปหมด ผิดกับคนนั่งหน้าที่กลับนิ่งเงียบ ไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือพูดอะไรออกมา ชายหนุ่มนั่งนิ่ง มองไปยังทางข้างหน้า แล้วจู่ๆก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง โดยชายที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องเล็กสุด

    เฮ้ย! ระวัง  คราวนี้แหละที่คนนั่งหน้า เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แล้วคนอื่นๆก็ตะโกนต่อกันมาเป็นลำดับหยั่งกับไล่เสียงตัวโน้ต และสิ่งที่ทำให้คนทั้งรถตู้คันนั้นต้องตกใจคือ อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ โผล่ออกมาขวางหน้ารถของพวกเขา 

    เอี๊ยด! เสียงเบรคสุดแรงของผู้ขับ ทุกคนในรถหลับตาปี๋ กลัวว่าจะได้เห็นภาพอันน่าสะเทือนขวัญ คนที่หน้าสวยที่สุดในกลุ่มยกมือขึ้นมาปิดหูด้วยเพราะไม่อยากได้ยินแม้กระทั่งเสียงชน

    แต่สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เงียบ.. ไม่มีเสียงชนแต่อย่างใด คนนั่งหน้าตั้งสติได้ก่อน ค่อยๆลืมตาขึ้นมาดู แต่ภาพตรงหน้ากลับว่างเปล่า ผู้หญิงที่โผล่มาเมื่อกี๊หายไปซะแล้ว เขาหันไปสะกิดคนขับที่ตอนนี้ก้มหน้าหลับตาปี๋ฟุบอยู่กับพวงมาลัย เสียงหายใจหอบแฮ่กๆ หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและตกใจ

    อะ อ้าว หายไปไหนแล้วอะ?”  คนเสียงแหบหวานทักขึ้นทันที หลังจากลืมตาขึ้นมอง

    หรือว่าจะเป็น.. ผีน้องเล็กสุดในกลุ่มบอกขึ้นมา

    ย่า! จะบ้าหรอ ชางมินยูชอนแหกปากเพราะความกลัว พร้อมกับฟาดเปรี้ยงไปหนึ่งที แน่ล่ะ หมอนี่ กลัวผีนี่นา..

    จะไปไหนน่ะ ยุนโฮคนขับเอ่ยเรียกชายหนุ่มมาดขรึมผู้เป็นหัวหน้าวง

    ผมจะไปดู ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาตอบเสียงเย็น ดูเหมือนว่าความตกใจเมื่อกี๊ จะหายไปหมดแล้ว แล้วชายหนุ่มก็เดินไปข้างหน้ารถ

    เฮ้! มานี่หน่อยยุนโฮตะโกนเรียกคนอื่นๆที่นั่งทำตาปริบๆอยู่ในรถ

    นายไปก่อนดิแจจุงผลักจุนซูที่นั่งอยู่ริมประตูให้ออกไป

    ยูชอนอาคนถูกผลักเรียกร้องขอความช่วยเหลือ แต่คนที่ถูกร้องขอ กลับมาช่วยผลักอีกแรง

    ไม่ต้องมาเรียกฉันเลยจุนซู นายนั่นแหละไปก่อน นายนั่งอยู่ริมประตูจุนซูถึงกับหน้าถอดสี

    ปึงๆๆ! เสียงทุบกระจกรถดังขึ้นทันที ขณะที่ทั้งหมดกำลังเกี่ยงกัน.. อ๊าก! คนทั้งสามร้องลั่นด้วยความตกใจ จากที่ผลักกันไปมา ตอนนี้มารวมตัวกันเป็นก้อนอย่างรวดเร็ว มีเพียงน้องเล็กอย่างชางมินเท่านั้นที่นั่งส่ายหน้า อะไรกันเนี่ย เขามีพี่ๆติงต๊องอย่างนี้ได้ยังไงกัน

    จะลงไม่ลง ฉันเรียกตั้งนานแล้วนะยุนโฮยืนกอดอกหน้าตึง หลังจากที่เปิดประตู แต่แค่เสียงเปิดประตูรถ ก็ทำให้ก้อนมนุษย์นั้นตกใจร้องจ๊ากกันไปอีก

    ช่วยพี่หน่อยแล้วกัน ชางมิน 

    ครับน้องเล็กเดินตามคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าวงไปตรงที่คนขับรถยืนอยู่ โดยมียูชอนซึ่งลงจากรถตามมาหลังจากที่ตั้งสติได้

    โชคดีนะที่เบรคทันคนขับบอกให้ชางมินฟัง น้องคนเล็กแต่ตัวสูงที่สุด พยักหน้ารับหงึกๆ

    ภาพตรงหน้าคือหญิงสาวใส่เสื้อสเว็ตเตอร์สีชมพู ใบหน้าขาวซีด ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรงสลบอยู่ ยุนโฮรีบถอดเสื้อมาคลุมร่างบางที่นอนไม่ได้สตินั้นไว้ แล้วอุ้มขึ้นมาทันที

    จะทำอะไรน่ะ?” คนขับรถถาม

    พาเธอเข้าไปในรถไงครับยุนโฮตอบเสียงเรียบ

    จะดีเหรอ?” เขาแสดงท่าทางไม่มั่นใจ

    แล้วคุณคิมจะปล่อยให้เธอนอนอยู่ตรงนี้หรือครับ?” ยุนโฮย้อน

    แล้วถ้าผู้จัดการของพวกนายรู้ล่ะ

    ถ้ามีอะไร ผมรับผิดชอบเองว่าแล้วก็เดินไปที่รถอย่างเร็ว สวนกับแจจุงและจุนซูที่เพิ่งหาญกล้าลงมาจากรถ

    อ้าว!จุนซูอุทานออกมา เมื่อเห็นยุนโฮเดินผ่านผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว

    ชางมิน เปิดประตูทีน้องเล็กสุดรีบทำตามคำสั่ง คนหน้าตาดีแต่ความกล้าหาญน้อยไปนิดทั้งสอง ส่งเสียงครางฮือ มองกันด้วยความประหลาดใจ

    ไม่ใช่ผีนี่นาจุนซูทักขึ้นคนแรก

    ก็ไม่ใช่น่ะสิ นายนี่ขี้กลัวไปได้ ติงต๊องรึป่าวเนี่ยยูชอนเลยเหน็บเข้าให้

    แล้วตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นแจจุงหันไปถามยูชอน

    เธอสลบอยู่หน้ารถน่ะ โชคดีที่คุณคิมเบรคทันเสียงทุ้มตอบจริงจัง แต่สายตายังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวที่ยุนโฮอุ้มไปวางไว้ที่เบาะในรถ

    แล้วเป็นอะไร ถึงสลบอะจุนซูใสซื่อ หันไปถามยูชอนบ้าง

    นายถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครล่ะ ก็เพิ่งเจอด้วยกันเนี่ยหงึ! ก็จริงของมัน

    แล้วจุนซูก็กระโดดผลุงขึ้นรถไปนั่งกับยุนโฮที่นั่งอยู่ข้างๆหญิงสาวซึ่งยังนอนไม่ได้สติคอพับคออ่อนอยู่ ผมยาวสลวยของเธอปิดหน้าปิดตาไปหมด แต่จะให้ผู้ชายอย่างพวกเขามาปัดออกให้ มันก็ดูไม่ดีนัก.. จุนซู แจจุง และยูชอน จึงได้แต่มองหญิงสาวปริศนาตาปริบๆ ส่วนชางมินนั้น ไปนั่งข้างหน้าแทนที่ของยุนโฮ

    แล้วนี่จะให้พาไปที่ไหนล่ะคุณคิม คนขับรถถามขึ้นหลังจากขึ้นมาประจำที่ หลังพวงมาลัย

    ไม่พาไปโรงพยาบาลเหรอยูชอนถาม

    นายอยากตกเป็นข่าวรึไงแจจุงแย้งขึ้นมา

    แต่ถ้าเธอเป็นอะไรไป เราก็รักษาเธอไม่ได้นะจุนซูบอก

    นั่นสินะคนหน้าสวยพยักหน้าเห็นด้วย ยุนโฮซึ่งเงียบอยู่ราวกับใช้ความคิด ใบหน้าหล่อเหลาละสายตาจากหญิงสาวตรงหน้า หันไปมองคุณคิมคนขับรถที่จ้องเป๋งที่หน้าเขาเหมือนรอคอยคำตอบ และแล้วคุณหัวหน้าวงก็ตัดสินใจ

    บ้าน 

    ..........................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×