ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : event| lock*1 - the stories in the past
Event : The Stories in the Past
ปล1 ขอเตือนว่ายาวมากนะฮะ
ปล2 อยากบอกว่าออกทะเลไปเยอะเหมือนกัน
ปล3 ใส่เครดิตให้ประโยคตอนสุดท้ายไว้แล้วนะฮะ(?)
ปล4 มันอาจจะน่าเบื่อ เพราะตันหลายจุด
ปล5 ไม่ใช่นักเขียนแต่อย่างใด สำนงสำนวนบรยายอาจจะผิดแปลกไปบ้างนะ
ปล6 เยอะเกินละเอ็ง ! ไปอ่านเลยแล้วกัน
แม้ว่าหน้าต่างถูกปิดเอาไว้หมดแล้ว ทว่าเสียงฝนนั่นก็ยังไม่วายเล็ดลอดเข้ามาอยู่ดี ภายในห้องที่มืดสนิทมีเพียงแค่แสงไฟจากตะเกียงเท่านั้นที่ให้แสงสว่างสลัวๆถึงกระนั้นมันก็ไม่สว่างเพียงพอที่จะมองให้เห็นสิ่งต่างๆในห้องทั้งหมดแต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาอุ่นใจได้แล้ว ภายในห้องมีเครื่องเรือนอยู่ไม่กี่ชิ้นอย่าง โต๊ะเครื่องแป้ง เตียงเดี่ยว และตู้เสื้อผ้าขนาดไม่ใหญ่มากนัก เพียงเท่านี้ก็รู้ได้ว่าห้องนี้คือ ห้องนอนอย่างแน่นอน
ร่างบางร่างหนึ่งนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง เป็นร่างที่บอบบางทว่ามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเขาเป็นผู้ชาย นัยน์ตาสีแดงที่ว่างเปล่าสะท้อนภาพเปลวไฟดวงน้อยเต้นเร่าๆในตะเกียง
เวลาผ่านไปสักพัก เด็กหนุ่มค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แสงไฟเป็นดวงๆยังคงติดตาของเขาอยู่จนชักน่ารำคาญอยู่หน่อยๆ แต่ท้ายที่สุดมันก็ค่อยๆเลือนหายไปเหลือแต่ความมืดมิดอยู่ดี
อา...ได้ยินเสียงฝนแล้วทำให้นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นทุกครั้งเลย
"คุณพ่อ...คุณแม่..." เสียงเล็กๆที่สั่นเทาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง น้ำอุ่นๆไหลลงมาอาบแก้ม...
8 ปีก่อน ณ คฤหาสน์ตระกูลโรเซ่น
"กลับมาแล้วหรอฮะ คุณพ่อ คุณแม่ !" ทันทีที่พ่อแม่ของเขาเดินเข้ามา เด็กชายตัวน้อยก็รีบกระโดดกอดทั้งคู่ด้วยท่าทางดีใจสุดๆ
"ใช่แล้วจ้ะ" หญิงสาวผู้มีหน้าตาสะสวยลูบขยี้เส้นผมสีขาวของลูกชายเบาๆ เธอคือแม่ของเขานั่นเอง
"ว่าไงเพรท วันนี้ลูกเล่นอะไรบ้างล่ะ ?" ร่างสูงที่ยืนข้างๆกันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เยอะแยะเลยฮะ ! ผมสไลด์ลงมาจากราวบันไดด้วยล่ะ" เจ้าของชื่อรีบอธิบายสิ่งต่างๆที่ตัวเองทำให้กับผู้เป็นพ่อฟังอย่างกระตือรือร้น
ผมชื่อ เพรทเซล ที. โรเซ่น (Pretzel T. Rosen) หรือปกติคุณพ่อคุณแม่จะเรียกผมว่าเพรท แต่ถ้าเป็นพวกคุณลุง คุณป้า เอ่อ...หมายถึงพ่อบ้าน แม่บ้านจะเรียกผมว่า นายน้อย ผมเพิ่งจะอายุ 7 ขวบหมาดๆ และรูัสึกว่าตั้งแต่อายุเท่านี้ผมเล่นซนกว่าเมื่อก่อนเป็นไหนๆ
ว่าแล้วก็ยังอยากเล่นอยู่เลยแฮะ...
ผมพลิกตัวไปอีกทางหนึ่ง หันมาด้านที่เป็นหน้าต่าง นี่เป็นเวลากลางคืนแต่กลับมืดกว่าปกติเพราะฝนตก เมฆฝนนั่นคงจะบังแสงจันทร์เสียจนมืดมิด ไม่มีฟ้าร้องหรือฟ้าผ่าเหมือนตอนที่พายุเข้า...
ผมจ้องมองหน้าต่างนั่นอยู่สักพักใหญ่ แทนที่จะเคลิบเคลิ้มจนหลับไปกลับตาโตยิ่งกว่าเดิม
ด้วยความซนหรืออยากลองในตอนนั้น ผมก็เลยลุกจากเตียงเดินไปเปิดหน้าต่าง ลมเบาๆทว่าทำให้ขนลุกได้อย่างน่าประหลาดพัดเข้ามาในห้องจนผ้าม่านเก่าๆบางๆพัดไปตามสายลม สัมผัสของละอองน้ำที่ผมไม่ต้องเอื้อมมือไปแตะมันเลยสักนิด...
ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง มองลอดกิ่งไม้ใบไม้ลงไป เห็นแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นเพราะฝนตกเป็นเวลานาน ความคิดซุกซนของเด็กเจ็ดขวบก็แล่นแปรบเข้ามาในหัว
เคยเห็นในโทรทัศน์อยู่นะ-- เวลาฝนตกชอบออกไปเดินย่ำน้ำเล่นใช่มั้ยล่ะ ?
เพรทเซลกระตุกยิ้มซุกซนขึ้นที่มุมปากก่อนจะหมุนตัวเดินไปในอีกทิศทาง ในหัวของเขาตอนนี้ไม่มีอะไรนอกจากความสนุกสนานเท่านั้น
'ยังไงก็ตาม ลูกห้ามออกไปนอกคฤหาสน์เข้าใจมั้ย ?'
'จะเล่นยังไงก็ได้แต่ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด'
'ข้างนอกนั่นน่ะ มีแต่สิ่งที่อันตรายรออยู่นะ !'
คำพูดที่ได้ยินอยู่ทุกวี่ทุกวันลอยเข้ามาในหัว แต่เด็กชายตัวจ้อยก็ทำเพียงเมินมันและมุ่งหน้าไปที่ประตูทางเข้า
ถ้าให้ว่ากันตามตรงเขาไม่ใช่เด็กดีที่ทำตามคำสั่งของพ่อแม่ทุกอย่างหรอกนะ โดยเฉพาะเรื่อง ห้ามออกไปข้างนอกคฤหาสน์น่ะ เป็นอะไรที่เขาลำบากใจจะทำตามมาตั้งนานแล้ว เขาไม่สนใจหรอกว่าข้างนอกนั่นมันอันตราย หรือถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆเขาก็หวังว่าจะได้ออกไปเดินเล่นนอกบ้านบ้างก็เท่านั้นเอง
เด็กหนุ่มเดินมาถึงประตูทางเข้าได้อย่างง่ายดาย โดยแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เขารู้ดีว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีเวรเฝ้าประตู ไม่รู้เพราะอะไรเช่นกัน เขามองซ้ายมองขวาเพื่อเพิ่มความแน่ใจ ก่อนจะบิดลูกบิดประตู
"อะไรกันเนี่ย ? ขนาดประตูหน้ายังไม่ล็อค มันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ ?" เพรทเซลพึมพำเบาๆอย่างหัวเสีย เขาไม่รู้จะติพ่อกับแม่หรือว่าพวกพ่อบ้านแม่บ้านดี ทั้งๆที่เวลานี้เขาควรจะดีใจมากกว่าไม่ใช่หรือ ที่ทางสะดวก
เด็กชายก้าวออกมาข้างนอกบ้านเบาๆ แล้วค่อยปิดประตูเบาๆเช่นกัน
"เย้ ! ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ออกมาข้างนอกเลยนะเนี่ย !!" เขาพูดพลางรีบวิ่งเข้าไปในป่า และไปกระโดดโลดเต้นตามแอ่งน้ำ เหยียบย่ำจนดินโคลนกระเซ็นขึ้นมาเปรอะเปื้อนชุดนอนสีอ่อน อ้าแขนรับหยาดน้ำฝนจนตัวเปียกปอนไปหมดราวกับลูกหมา แต่ก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาสนใจแค่ความสนุกที่ได้รับ
มันสนุกกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก !
"ฮ่าๆ ๆ คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวอย่างที่บอกเลยนี่นา" เพรทเซลหัวเราะพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิด ปล่อยให้เม็ดฝนตกใส่หน้าของตัวเองจนพอใจแล้วจึงใช้มือลูบเสยผมไปด้านหลัง "ฮ่าๆ ๆ แถมยังสนุกกว่าในบ้านด้วย ดูสิฝนพวกนี้ !"
เด็กชายเดินกึ่งวิ่งลึกเข้าไปในป่า เขาเล่นน้ำฝนอย่างสนุกสนานอยู่คนเดียว
จนกระทั่ง...
"นั่นมันอะไรน่ะ ?" เพรทเซลสังเกตเห็นอะไรไวๆที่พื้น เนื่องจากเขาไม่ได้ตั้งใจสังเกตเลยไม่รู้ว่ามันคืออะไร ร่างบางสาวเท้าเข้าไปใกล้พื้นที่ตรงนั้น เขานั่งลงยองๆพลางพินิจพิเคราะห์พื้นดินที่มีรอยยาวคดเคี้ยวลากผ่านเป็นทาง ยิ่งดินเปียกชื้นด้วยแล้วรอยนั่นจึงชัดเจนมากขึ้น
"อยากรู้ชะมัดเลย" เขาลุกขึ้นเดินตามรอยนั่นไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่เคยออกมาสู่โลกภายนอก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่และเดินมาไกลแต่ไหน ร่างกายของเด็กชายเริ่มเหนื่อยล้าจากการเล่นทั้งวัน บวกกับการมาเดินตากฝนในเวลานี้อีก ที่สำคัญคือเพรทเซลไม่เคยโดนฝนสักเม็ดเลยในชีวิต อีกอย่างสุขภาพของเขาก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ การมาเดินตากฝนเป็นเวลานานๆแบบนี้ทำให้เขาต้องเป็นหวัดอย่างไม่ต้องสงสัย
รู้สึกหนาว...แต่กลับร้อนยังไงไม่รู้
เด็กชายคิด เขากอดแขนตัวเองเผื่อร่างกายจะอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
แต่จะเดินกลับตอนนี้ไม่ได้ ! ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเมื่อกี้มันคืออะไร
"อ๊ะ !" ดวงตาสีแดงมองบางอย่างที่ไม่ใช่รอยคดเคี้ยวที่พื้นดินอีกต่อไป แต่มันกลับกลายเป็นบางอย่างที่ยาวๆ มีสีเขียวอมดำ นัยน์ตาสีแดงเข้มจ้องตอบนัยน์ตาสีแดงสดของเขา ด้านหลังของสิ่งนั้นไม่ใช่ป่าอีกต่อไป แต่กลับเป็นทะเลสาบที่กว้างสุดลูกหูลูกตา-- สำหรับเด็กเจ็ดขวบ
ฟ่ออ...ฟ่ออออ....
สิ่งนั้นชูคอขึ้นขู่เขาดังฟ่อ ร่างบางเงียบไปอึดใจหนึ่ง เขาจ้องมองสิ่งนั้นตาไม่กระพริบ
จากที่เขาเคยอ่านในหนังสือมา เจ้านี่...ไม่ผิดแน่
"งู ?" เพรทเซลถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เท่าที่รู้มาดูเหมือนมันจะเป็นสัตว์ที่ดุร้ายใช่เล่น
แต่ก็นะ...
มันก็เป็นแค่งูนี่...ใช่มั้ย ?
มุมปากของเขายกขึ้นได้อีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความซุกซนฉบับเด็กๆที่ไม่ประสีประสาอะไรกับโลกใบนี้
"ฮ่ะๆ ผมจะจับคุณนะ คุณงู ! คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้วด้วย ข้างหลังคุณเป็นทะเลสาบนี่นา... อย่างน้อยผมจะเอาไปอวดคุณพ่อคุณแม่ พวกท่านจะได้ยอมรับว่าข้างนอกคฤหาสน์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดสักหน่อย !" ทันทีที่พูดจบเด็กน้อยก็กระโดดเข้าไปหมายจะจับงูตัวนั้นทว่ามันกลับพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมๆกัน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายเขาหลบการโจมตีของเจ้างูได้ แต่กลับพลัดตกลงไปในทะเลสาบข้างหลังแทน !
ตู้มมม !!!
ความรู้สึกที่ถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำที่หนาวเย็นและความมืดมิดที่ดำลึกลงไป...
อึกก ! อั่กก...
ร่างบางกลืนน้ำเข้าไปหลายอึกหลังจากที่ตกลงมาในน้ำแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เขาว่ายน้ำไม่เป็นแต่ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดร่างบางจึงพยายามแกว่งขา วาดแขนไปมา หวังจะขึ้นไปสู่ผิวน้ำ แต่มันไม่ได้ผลเลย เขาค่อยๆดำดิ่งลงไปเรื่อยๆแล้ว
ดูเหมือนจะเป็นโชคร้ายแฮะ
เด็กชายตัวน้อยค่อยๆหมดแรงเพราะกิจกรรมที่เขาทำทั้งวัน แขนและขาที่พยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำนั้นค่อยๆหยุดลงช้าๆจนมันนิ่งสนิท
เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจมดิ่งลงไปสู่ก้นบึ้งแห่งความมืด แสงระยิบระยับนั่นค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ จนฟองอากาศของลมหายใจสุดท้ายของเขาลอยออกไป
ในที่สุดผมก็เข้าใจทุกๆอย่าง...
นี่คือ 'จุดจบ' งั้นสินะ...?
ในวินาทีที่ผมสูญเสียความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป และตอนนั้นที่สติของผมกำลังจะหลุดลอยออกไป--
ตู้มมม !!
ใบหน้าของคนที่ผมคุ้นเคยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผมช้าๆ
คุณพ่อ ?
....และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นหน้าคุณพ่อ
คุณแม่เสียใจมากที่คุณพ่อตายไป คุณพ่อว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็ยังอุตส่าห์มาช่วยผม... ผมไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่เพราะตอนนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น---
คุณแม่ที่ปกติใจดีและอ่อนโยนกับผมเสมอ ตั้งแต่คุณพ่อตาย เธอกลายเป็นคนละคน เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่พูดไม่จา พอผมจะเข้าไปขอโทษ เธอก็ไม่สนใจ ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากวันนั้น ทุกๆคืนเธอจะเดินละเมอมาที่ห้องของผมและเข้ามาบีบคอ ทำร้ายผมจนกว่าเธอจะพอใจแล้วเดินกลับห้องไป
แต่ผมไม่สามารถทำอะไรเธอได้ เพราะเธอเป็นแม่ของผม และที่สำคัญที่สุดคือทุกครั้งที่เธอละเมอมาเธอจะพูดว่า 'เป็นความผิดของแก !' ...ใช่แล้ว ผมเลยทำอะไรเธอไม่ได้จริงๆ แล้วก็ต้องจมปรักกับความทุกข์อยู่แบบนั้น...
จนกระทั่งผ่านไปสองสัปดาห์หลังจากที่พ่อตาย ผมก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาณจากคุณแม่อีกต่อไปเพราะ--
เธอฆ่าตัวตายตามคุณพ่อไป
"ใช่แล้ว...มันเป็นความผิดของฉัน" เด็กหนุ่มที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมห้องพึมพำออกมาเบาๆ
"มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน ...." เขาพึมพำประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบจนกระทั่ง "...ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉัน !!" เขาตะโกนออกมาเสียงดังอย่างเหลืออดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากเข่าที่บัดนี้เปียกไปหมดเพราะน้ำตา ดวงตาแดงก่ำด้วยความทุกข์ทรมาณจากอดีตที่ฝังใจของเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แฮ่ก...แฮ่ก...
เขาหอบหายใจเบาๆเพราะการพูดประโยคที่ว่า ' มันเป็นความผิดของฉัน ' หลายรอบ
เปาะแปะๆ ๆ
เสียงฝนจากด้านนอกตกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทั้งๆที่มันเป็นต้นเหตุทั้งหมดในวันนั้น แต่ยามนี้มันกลับทำให้เด็กหนุ่มใจเย็นอย่างน่าประหลาด
ติ๊กตอก ติ๊กตอก ติ๊ก-ตอก... เปร้งงง !!!
จู่ๆก็มีเสียงใสก้องกังวาล(?) ราวกับเสียงนาฬิกาตีดังขึ้นมา วินาทีนั้นเสียงฝนที่ตกอย่างสม่ำเสมอหายไปทันใด-- เหลือเพียงความเงียบโดยสิ้นเชิง แม้แต่แสงไฟจากตะเกียงที่สั่นไหวยังหยุดนิ่ง
"อะ...อะไรกันน่ะ !?" เพรทเซลสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงนาฬิกานั่น เขายกมือขึ้นมาปิดใบหูทั้งสองข้าง ร่างกายขดงอยิ่งกว่าเดิมด้วยความหวาดกลัว
' มันเป็นความผิดของแก... '
เสียงอันแผ่วเบาทว่าสำหรับเพรทเซลมันชัดเจนยิ่ง ดังอยู่ข้างหู เจ้าตัวสะดุ้งจนตัวโยนแล้วรีบหลับตาแน่น
"อึก...ไม่นะ ไม่ใช่--" เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆราวกับจะปลอบใจตัวเอง
' มันเป็นความผิดของแกนั่นแหล่ะ... ' เสียงนั่นดังขึ้นกว่าเดิม
"ไม่ !" เขาพึมพำเสียงดังขึ้นร่างกายกำลังสั่นเทา
' 'มันเป็นความผิดของแก แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ !!! ' เสียงนั่นประกาศกร้าว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันเกรี้ยวกราดแค่ไหน
"ไม่ !! ไม่ !!!" ร่างบางอุดหูจนใบหูแดงก่ำ หยดน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างกลั้นไม่ได้
' มันเป็นความผิดของแก มันเป็นความผิดของแก ทั้งหมดน่ะเป็นความผิดของแก !! ' ประโยคเดิมที่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว
"พอสักทีเถอะ ---!!!" เพรทเซลตะโกนเสียงดังลั่น เขาทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เลิกตอกย้ำสักทีเถอะ !
"คุณก็...คุณก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ผมถูกทอดทิ้ง ! คุณทอดทิ้งผม --!!" ร่างบางตะโกนออกไปด้วยความเศร้า ความโกรธและความรู้สึกต่างๆมากมาย
เสียงนั่นเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งเบาๆ
' แกจะต้องชดใช้ ในสิ่งที่แกทำ... '
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เด็กหนุ่มได้ยินก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไป--
ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ปรากฏว่าตัวเองอยู่หน้าประตูบานใหญ่..นอกจากนั้นผมก็ไม่ได้สังเกตอะไรแล้ว
"ที่นี่ที่ไหนเนี่ย หรือว่า...ประตูสู่ยมโลก" เจ้าของเส้นผมสีขาวโพลนพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่มือก็เอื้อมไปเคาะประตูสามทีตามมารยาทเสียแล้ว
จะยังไงก็ช่าง-- ยังไงเขาก็สูญเสียเจตนารมณ์ที่จะมีชีวิตอยู่ไปนานแล้วนี่นะ...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
บัดนั้นท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ฝูงนกกาบินข้ามผ่านหมู่เมฆสีดำ
พลางส่งเสียงร้องดั่งเชิญชวนความหดหู่และสิ้นหวังมายังคฤหาสน์แห่งนี้
ต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาแข็งกระด้างแหลมคมอยู่เหนือทางเข้า
เปลวไฟสีทองในตะเกียงไหววูบไปตามลมที่พัดพาความหนาวเย็น
ทันใดนั้น ประตูบานใหญ่ ได้เปิดออก
" เข้ามาซะ...นี่ไม่ใช่คำข อ ร้ อ ง หรือ ต้ อ น ร ับ --แต่เป็นการ บั ง คั บ ต่างหาก หึ ! "
พลางส่งเสียงร้องดั่งเชิญชวนความหดหู่และสิ้นหวังมายังคฤหาสน์แห่งนี้
ต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาแข็งกระด้างแหลมคมอยู่เหนือทางเข้า
เปลวไฟสีทองในตะเกียงไหววูบไปตามลมที่พัดพาความหนาวเย็น
ทันใดนั้น ประตูบานใหญ่ ได้เปิดออก
" เข้ามาซะ...นี่ไม่ใช่คำข อ ร้ อ ง หรือ ต้ อ น ร ับ --แต่เป็นการ บั ง คั บ ต่างหาก หึ ! "
CR. Lock n' Loz (?)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น