ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❀マジェンターネコ ^ↀᴥↀ^

    ลำดับตอนที่ #15 : event| lock*1 - the stories in the past

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 60


    CRYSTAL TM.
    Event : The Stories in the Past

    ปล1 ขอเตือนว่ายาวมากนะฮะ
    ปล2  อยากบอกว่าออกทะเลไปเยอะเหมือนกัน
    ปล3 ใส่เครดิตให้ประโยคตอนสุดท้ายไว้แล้วนะฮะ(?)
    ปล4 มันอาจจะน่าเบื่อ เพราะตันหลายจุด
    ปล5 ไม่ใช่นักเขียนแต่อย่างใด สำนงสำนวนบรยายอาจจะผิดแปลกไปบ้างนะ
    ปล6 เยอะเกินละเอ็ง ! ไปอ่านเลยแล้วกัน
     

     
    เปาะแปะๆ

    แม้ว่าหน้าต่างถูกปิดเอาไว้หมดแล้ว ทว่าเสียงฝนนั่นก็ยังไม่วายเล็ดลอดเข้ามาอยู่ดี ภายในห้องที่มืดสนิทมีเพียงแค่แสงไฟจากตะเกียงเท่านั้นที่ให้แสงสว่างสลัวๆถึงกระนั้นมันก็ไม่สว่างเพียงพอที่จะมองให้เห็นสิ่งต่างๆในห้องทั้งหมดแต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขาอุ่นใจได้แล้ว ภายในห้องมีเครื่องเรือนอยู่ไม่กี่ชิ้นอย่าง โต๊ะเครื่องแป้ง เตียงเดี่ยว และตู้เสื้อผ้าขนาดไม่ใหญ่มากนัก เพียงเท่านี้ก็รู้ได้ว่าห้องนี้คือ ห้องนอนอย่างแน่นอน

    ร่างบางร่างหนึ่งนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง เป็นร่างที่บอบบางทว่ามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเขาเป็นผู้ชาย นัยน์ตาสีแดงที่ว่างเปล่าสะท้อนภาพเปลวไฟดวงน้อยเต้นเร่าๆในตะเกียง

    เวลาผ่านไปสักพัก เด็กหนุ่มค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แสงไฟเป็นดวงๆยังคงติดตาของเขาอยู่จนชักน่ารำคาญอยู่หน่อยๆ แต่ท้ายที่สุดมันก็ค่อยๆเลือนหายไปเหลือแต่ความมืดมิดอยู่ดี

    อา...ได้ยินเสียงฝนแล้วทำให้นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นทุกครั้งเลย

    "คุณพ่อ...คุณแม่..." เสียงเล็กๆที่สั่นเทาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง น้ำอุ่นๆไหลลงมาอาบแก้ม...



    8 ปีก่อน ณ คฤหาสน์ตระกูลโรเซ่น

    "กลับมาแล้วหรอฮะ คุณพ่อ คุณแม่ !" ทันทีที่พ่อแม่ของเขาเดินเข้ามา เด็กชายตัวน้อยก็รีบกระโดดกอดทั้งคู่ด้วยท่าทางดีใจสุดๆ

    "ใช่แล้วจ้ะ" หญิงสาวผู้มีหน้าตาสะสวยลูบขยี้เส้นผมสีขาวของลูกชายเบาๆ เธอคือแม่ของเขานั่นเอง

    "ว่าไงเพรท วันนี้ลูกเล่นอะไรบ้างล่ะ ?" ร่างสูงที่ยืนข้างๆกันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    "เยอะแยะเลยฮะ ! ผมสไลด์ลงมาจากราวบันไดด้วยล่ะ" เจ้าของชื่อรีบอธิบายสิ่งต่างๆที่ตัวเองทำให้กับผู้เป็นพ่อฟังอย่างกระตือรือร้น


    ผมชื่อ เพรทเซล ที. โรเซ่น (Pretzel T. Rosen) หรือปกติคุณพ่อคุณแม่จะเรียกผมว่าเพรท แต่ถ้าเป็นพวกคุณลุง คุณป้า เอ่อ...หมายถึงพ่อบ้าน แม่บ้านจะเรียกผมว่า นายน้อย ผมเพิ่งจะอายุ 7 ขวบหมาดๆ และรูัสึกว่าตั้งแต่อายุเท่านี้ผมเล่นซนกว่าเมื่อก่อนเป็นไหนๆ

    ว่าแล้วก็ยังอยากเล่นอยู่เลยแฮะ...

    ผมพลิกตัวไปอีกทางหนึ่ง หันมาด้านที่เป็นหน้าต่าง นี่เป็นเวลากลางคืนแต่กลับมืดกว่าปกติเพราะฝนตก เมฆฝนนั่นคงจะบังแสงจันทร์เสียจนมืดมิด ไม่มีฟ้าร้องหรือฟ้าผ่าเหมือนตอนที่พายุเข้า...
    ผมจ้องมองหน้าต่างนั่นอยู่สักพักใหญ่ แทนที่จะเคลิบเคลิ้มจนหลับไปกลับตาโตยิ่งกว่าเดิม

    ด้วยความซนหรืออยากลองในตอนนั้น ผมก็เลยลุกจากเตียงเดินไปเปิดหน้าต่าง ลมเบาๆทว่าทำให้ขนลุกได้อย่างน่าประหลาดพัดเข้ามาในห้องจนผ้าม่านเก่าๆบางๆพัดไปตามสายลม สัมผัสของละอองน้ำที่ผมไม่ต้องเอื้อมมือไปแตะมันเลยสักนิด...

    ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง มองลอดกิ่งไม้ใบไม้ลงไป เห็นแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นเพราะฝนตกเป็นเวลานาน ความคิดซุกซนของเด็กเจ็ดขวบก็แล่นแปรบเข้ามาในหัว

    เคยเห็นในโทรทัศน์อยู่นะ-- เวลาฝนตกชอบออกไปเดินย่ำน้ำเล่นใช่มั้ยล่ะ ?

    เพรทเซลกระตุกยิ้มซุกซนขึ้นที่มุมปากก่อนจะหมุนตัวเดินไปในอีกทิศทาง ในหัวของเขาตอนนี้ไม่มีอะไรนอกจากความสนุกสนานเท่านั้น


    'ยังไงก็ตาม ลูกห้ามออกไปนอกคฤหาสน์เข้าใจมั้ย ?'

    'จะเล่นยังไงก็ได้แต่ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด'

    'ข้างนอกนั่นน่ะ มีแต่สิ่งที่อันตรายรออยู่นะ !'



    คำพูดที่ได้ยินอยู่ทุกวี่ทุกวันลอยเข้ามาในหัว แต่เด็กชายตัวจ้อยก็ทำเพียงเมินมันและมุ่งหน้าไปที่ประตูทางเข้า
    ถ้าให้ว่ากันตามตรงเขาไม่ใช่เด็กดีที่ทำตามคำสั่งของพ่อแม่ทุกอย่างหรอกนะ โดยเฉพาะเรื่อง ห้ามออกไปข้างนอกคฤหาสน์น่ะ เป็นอะไรที่เขาลำบากใจจะทำตามมาตั้งนานแล้ว เขาไม่สนใจหรอกว่าข้างนอกนั่นมันอันตราย หรือถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆเขาก็หวังว่าจะได้ออกไปเดินเล่นนอกบ้านบ้างก็เท่านั้นเอง

    เด็กหนุ่มเดินมาถึงประตูทางเข้าได้อย่างง่ายดาย โดยแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เขารู้ดีว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีเวรเฝ้าประตู ไม่รู้เพราะอะไรเช่นกัน เขามองซ้ายมองขวาเพื่อเพิ่มความแน่ใจ ก่อนจะบิดลูกบิดประตู

    "อะไรกันเนี่ย ? ขนาดประตูหน้ายังไม่ล็อค มันไม่ง่ายไปหน่อยหรอ ?" เพรทเซลพึมพำเบาๆอย่างหัวเสีย เขาไม่รู้จะติพ่อกับแม่หรือว่าพวกพ่อบ้านแม่บ้านดี ทั้งๆที่เวลานี้เขาควรจะดีใจมากกว่าไม่ใช่หรือ ที่ทางสะดวก

    เด็กชายก้าวออกมาข้างนอกบ้านเบาๆ แล้วค่อยปิดประตูเบาๆเช่นกัน

    "เย้ ! ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ออกมาข้างนอกเลยนะเนี่ย !!" เขาพูดพลางรีบวิ่งเข้าไปในป่า และไปกระโดดโลดเต้นตามแอ่งน้ำ เหยียบย่ำจนดินโคลนกระเซ็นขึ้นมาเปรอะเปื้อนชุดนอนสีอ่อน อ้าแขนรับหยาดน้ำฝนจนตัวเปียกปอนไปหมดราวกับลูกหมา แต่ก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาสนใจแค่ความสนุกที่ได้รับ

    มันสนุกกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก !

    "ฮ่าๆ ๆ คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวอย่างที่บอกเลยนี่นา" เพรทเซลหัวเราะพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิด ปล่อยให้เม็ดฝนตกใส่หน้าของตัวเองจนพอใจแล้วจึงใช้มือลูบเสยผมไปด้านหลัง "ฮ่าๆ ๆ แถมยังสนุกกว่าในบ้านด้วย ดูสิฝนพวกนี้ !"

    เด็กชายเดินกึ่งวิ่งลึกเข้าไปในป่า เขาเล่นน้ำฝนอย่างสนุกสนานอยู่คนเดียว


    จนกระทั่ง...

    "นั่นมันอะไรน่ะ ?" เพรทเซลสังเกตเห็นอะไรไวๆที่พื้น เนื่องจากเขาไม่ได้ตั้งใจสังเกตเลยไม่รู้ว่ามันคืออะไร ร่างบางสาวเท้าเข้าไปใกล้พื้นที่ตรงนั้น เขานั่งลงยองๆพลางพินิจพิเคราะห์พื้นดินที่มีรอยยาวคดเคี้ยวลากผ่านเป็นทาง ยิ่งดินเปียกชื้นด้วยแล้วรอยนั่นจึงชัดเจนมากขึ้น

    "อยากรู้ชะมัดเลย" เขาลุกขึ้นเดินตามรอยนั่นไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่เคยออกมาสู่โลกภายนอก

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่และเดินมาไกลแต่ไหน ร่างกายของเด็กชายเริ่มเหนื่อยล้าจากการเล่นทั้งวัน บวกกับการมาเดินตากฝนในเวลานี้อีก ที่สำคัญคือเพรทเซลไม่เคยโดนฝนสักเม็ดเลยในชีวิต อีกอย่างสุขภาพของเขาก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ การมาเดินตากฝนเป็นเวลานานๆแบบนี้ทำให้เขาต้องเป็นหวัดอย่างไม่ต้องสงสัย

    รู้สึกหนาว...แต่กลับร้อนยังไงไม่รู้

    เด็กชายคิด เขากอดแขนตัวเองเผื่อร่างกายจะอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย

    แต่จะเดินกลับตอนนี้ไม่ได้ ! ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเมื่อกี้มันคืออะไร

    "อ๊ะ !" ดวงตาสีแดงมองบางอย่างที่ไม่ใช่รอยคดเคี้ยวที่พื้นดินอีกต่อไป แต่มันกลับกลายเป็นบางอย่างที่ยาวๆ มีสีเขียวอมดำ นัยน์ตาสีแดงเข้มจ้องตอบนัยน์ตาสีแดงสดของเขา ด้านหลังของสิ่งนั้นไม่ใช่ป่าอีกต่อไป แต่กลับเป็นทะเลสาบที่กว้างสุดลูกหูลูกตา-- สำหรับเด็กเจ็ดขวบ

    ฟ่ออ...ฟ่ออออ....

    สิ่งนั้นชูคอขึ้นขู่เขาดังฟ่อ ร่างบางเงียบไปอึดใจหนึ่ง เขาจ้องมองสิ่งนั้นตาไม่กระพริบ
    จากที่เขาเคยอ่านในหนังสือมา เจ้านี่...ไม่ผิดแน่

    "งู ?" เพรทเซลถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เท่าที่รู้มาดูเหมือนมันจะเป็นสัตว์ที่ดุร้ายใช่เล่น

    แต่ก็นะ...
    มันก็เป็นแค่งูนี่...ใช่มั้ย ?


    มุมปากของเขายกขึ้นได้อีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความซุกซนฉบับเด็กๆที่ไม่ประสีประสาอะไรกับโลกใบนี้

    "ฮ่ะๆ ผมจะจับคุณนะ คุณงู ! คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้วด้วย ข้างหลังคุณเป็นทะเลสาบนี่นา... อย่างน้อยผมจะเอาไปอวดคุณพ่อคุณแม่ พวกท่านจะได้ยอมรับว่าข้างนอกคฤหาสน์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดสักหน่อย !" ทันทีที่พูดจบเด็กน้อยก็กระโดดเข้าไปหมายจะจับงูตัวนั้นทว่ามันกลับพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมๆกัน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายเขาหลบการโจมตีของเจ้างูได้ แต่กลับพลัดตกลงไปในทะเลสาบข้างหลังแทน !


    ตู้มมม !!!


    ความรู้สึกที่ถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำที่หนาวเย็นและความมืดมิดที่ดำลึกลงไป...


    อึกก ! อั่กก...

    ร่างบางกลืนน้ำเข้าไปหลายอึกหลังจากที่ตกลงมาในน้ำแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เขาว่ายน้ำไม่เป็นแต่ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดร่างบางจึงพยายามแกว่งขา วาดแขนไปมา หวังจะขึ้นไปสู่ผิวน้ำ แต่มันไม่ได้ผลเลย เขาค่อยๆดำดิ่งลงไปเรื่อยๆแล้ว 

    ดูเหมือนจะเป็นโชคร้ายแฮะ

    เด็กชายตัวน้อยค่อยๆหมดแรงเพราะกิจกรรมที่เขาทำทั้งวัน แขนและขาที่พยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำนั้นค่อยๆหยุดลงช้าๆจนมันนิ่งสนิท

    เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจมดิ่งลงไปสู่ก้นบึ้งแห่งความมืด แสงระยิบระยับนั่นค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ จนฟองอากาศของลมหายใจสุดท้ายของเขาลอยออกไป


    ในที่สุดผมก็เข้าใจทุกๆอย่าง...

    นี่คือ 'จุดจบ' งั้นสินะ...?



    ในวินาทีที่ผมสูญเสียความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป และตอนนั้นที่สติของผมกำลังจะหลุดลอยออกไป--


    ตู้มมม !!

    ใบหน้าของคนที่ผมคุ้นเคยก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของผมช้าๆ


    คุณพ่อ ?


    ....และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นหน้าคุณพ่อ



    คุณแม่เสียใจมากที่คุณพ่อตายไป คุณพ่อว่ายน้ำไม่เป็นแต่ก็ยังอุตส่าห์มาช่วยผม... ผมไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่เพราะตอนนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น---

    คุณแม่ที่ปกติใจดีและอ่อนโยนกับผมเสมอ ตั้งแต่คุณพ่อตาย เธอกลายเป็นคนละคน เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่พูดไม่จา พอผมจะเข้าไปขอโทษ เธอก็ไม่สนใจ ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากวันนั้น ทุกๆคืนเธอจะเดินละเมอมาที่ห้องของผมและเข้ามาบีบคอ ทำร้ายผมจนกว่าเธอจะพอใจแล้วเดินกลับห้องไป

    แต่ผมไม่สามารถทำอะไรเธอได้ เพราะเธอเป็นแม่ของผม และที่สำคัญที่สุดคือทุกครั้งที่เธอละเมอมาเธอจะพูดว่า 'เป็นความผิดของแก !' ...ใช่แล้ว ผมเลยทำอะไรเธอไม่ได้จริงๆ แล้วก็ต้องจมปรักกับความทุกข์อยู่แบบนั้น...

    จนกระทั่งผ่านไปสองสัปดาห์หลังจากที่พ่อตาย ผมก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาณจากคุณแม่อีกต่อไปเพราะ--

    เธอฆ่าตัวตายตามคุณพ่อไป



    "ใช่แล้ว...มันเป็นความผิดของฉัน" เด็กหนุ่มที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมห้องพึมพำออกมาเบาๆ

    "มันเป็นความผิดของฉัน 
    มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน มันเป็นความผิดของฉัน ...." เขาพึมพำประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบจนกระทั่ง "...ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉัน !!" เขาตะโกนออกมาเสียงดังอย่างเหลืออดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจากเข่าที่บัดนี้เปียกไปหมดเพราะน้ำตา ดวงตาแดงก่ำด้วยความทุกข์ทรมาณจากอดีตที่ฝังใจของเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    แฮ่ก...แฮ่ก...

    เขาหอบหายใจเบาๆเพราะการพูดประโยคที่ว่า ' 
    มันเป็นความผิดของฉัน ' หลายรอบ


    เปาะแปะๆ ๆ

    เสียงฝนจากด้านนอกตกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทั้งๆที่มันเป็นต้นเหตุทั้งหมดในวันนั้น แต่ยามนี้มันกลับทำให้เด็กหนุ่มใจเย็นอย่างน่าประหลาด

    ติ๊กตอก ติ๊กตอก ติ๊ก-ตอก...    เปร้งงง !!!

    จู่ๆก็มีเสียงใสก้องกังวาล(?) ราวกับเสียงนาฬิกาตีดังขึ้นมา วินาทีนั้นเสียงฝนที่ตกอย่างสม่ำเสมอหายไปทันใด-- เหลือเพียงความเงียบโดยสิ้นเชิง แม้แต่แสงไฟจากตะเกียงที่สั่นไหวยังหยุดนิ่ง

    "อะ...อะไรกันน่ะ !?" เพรทเซลสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงนาฬิกานั่น เขายกมือขึ้นมาปิดใบหูทั้งสองข้าง ร่างกายขดงอยิ่งกว่าเดิมด้วยความหวาดกลัว

    มันเป็นความผิดของแก... '

    เสียงอันแผ่วเบาทว่าสำหรับเพรทเซลมันชัดเจนยิ่ง ดังอยู่ข้างหู เจ้าตัวสะดุ้งจนตัวโยนแล้วรีบหลับตาแน่น

    "อึก...ไม่นะ ไม่ใช่--" เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆราวกับจะปลอบใจตัวเอง


    มันเป็นความผิดของแกนั่นแหล่ะ... ' เสียงนั่นดังขึ้นกว่าเดิม

    "ไม่ !" เขาพึมพำเสียงดังขึ้นร่างกายกำลังสั่นเทา


    'มันเป็นความผิดของแก แกจะต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำ !!! ' เสียงนั่นประกาศกร้าว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันเกรี้ยวกราดแค่ไหน

    "ไม่ !! ไม่ !!!" ร่างบางอุดหูจนใบหูแดงก่ำ หยดน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างกลั้นไม่ได้


    มันเป็นความผิดของแก มันเป็นความผิดของแก ทั้งหมดน่ะเป็นความผิดของแก !! ' ประโยคเดิมที่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว

    "พอสักทีเถอะ ---!!!" เพรทเซลตะโกนเสียงดังลั่น เขาทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

    เลิกตอกย้ำสักทีเถอะ !

    "คุณก็...คุณก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ ผมถูกทอดทิ้ง ! คุณทอดทิ้งผม --!!" ร่างบางตะโกนออกไปด้วยความเศร้า ความโกรธและความรู้สึกต่างๆมากมาย

    เสียงนั่นเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งเบาๆ

    ' แกจะต้องชดใช้ ในสิ่งที่แกทำ... ' 

    นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เด็กหนุ่มได้ยินก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไป--


    ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ปรากฏว่าตัวเองอยู่หน้าประตูบานใหญ่..นอกจากนั้นผมก็ไม่ได้สังเกตอะไรแล้ว

    "ที่นี่ที่ไหนเนี่ย หรือว่า...ประตูสู่ยมโลก" เจ้าของเส้นผมสีขาวโพลนพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่มือก็เอื้อมไปเคาะประตูสามทีตามมารยาทเสียแล้ว

    จะยังไงก็ช่าง-- ยังไงเขาก็สูญเสียเจตนารมณ์ที่จะมีชีวิตอยู่ไปนานแล้วนี่นะ...

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก...


     
    บัดนั้นท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ฝูงนกกาบินข้ามผ่านหมู่เมฆสีดำ
    พลางส่งเสียงร้องดั่งเชิญชวนความหดหู่และสิ้นหวังมายังคฤหาสน์แห่งนี้
    ต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาแข็งกระด้างแหลมคมอยู่เหนือทางเข้า
    เปลวไฟสีทองในตะเกียงไหววูบไปตามลมที่พัดพาความหนาวเย็น
    ทันใดนั้น ประตูบานใหญ่ ได้เปิดออก

    " เข้ามาซะ...นี่ไม่ใช่คำข อ ร้ อ ง หรือ ต้ อ น ร ับ --แต่เป็นการ บั ง คั บ ต่างหาก หึ ! "

     
    CR. Lock n' Loz (?)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×