ตอนที่ 28 : นารมาร บทที่ 27
บทที่ 27
“เอาตามที่น้องเล็กว่านั่นแหละ เปิดตัวก็ต้องทำให้ผู้คนจดจำ” ไป๋ เฟิงอี้เอ่ยตัดบทพลางยกจอกชาขึ้นจิบ
ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน ยามเฉิน (7.00-9.00) ของเช้าวันต่อมา หน้าหอบุปผามีผู้คนมามุงดูและยืนรอเพื่อที่จะได้เข้าไปใช้บริการ ตามคำเล่าลือต่อๆ กันว่าหอบุปผาที่จะเปิดให้บริการในวันนี้เป็นวันแรกนั้นมีสินค้าระดับสูงเข้าร่วมประมูลหลายชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำแร่ทิพย์ จนกระทั่งประตูเปิดออก ผู้ตรงก็รีบเข้าไปติดต่อของจองที่นั่งเพื่อทำการประมูลสินค้า
“คนมากกว่าที่ข้าคาดเดาไว้นัก” เฟิงอี้ ที่ยืนมองอยู่ที่ชั้นสองเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
เขายืนดูผู้คนวิ่งเข้ามาจับจองที่นั่งในการประมูลอยู่กับซื่อซื่อและซูหนี่ว์ ที่แต่งกายเรียบง่ายสวมใส่อาภรณ์สีดำปักลายเหมยกุ้ยสีแดง เปิดเผยใบหน้างดงามปานล่มเมืองไม่มีผ้ามาคาดปิดอย่างทุกที
“ดีแล้วไม่ใช่หรือ พี่ห้ามาแจ้งข้าว่าห้องรับรองเต็มทุกห้องตั้งแต่เมื่อวาน” ซูหนี่ว์เอ่ยอย่างอารมณ์ดี ที่เม็ดเงินกำลังวิ่งเข้ากระเป๋าอย่างไม่ขาดสาย
“หนี่ว์เอ๋อร์ แล้ววันนี้เหตุใดจึงไม่ปิดหน้าเหมือนทุกครา” ซื่อซื่อเอ่ยถามเพราะปกติคุณหนูของตนมักจะปิดบังใบหน้าไว้ตลอดเมื่อยามต้องมาเจอกับผู้คนมากมาย
“ข้าเพียงแต่จะเดินเรียกลูกค้าให้เท่านั้น อีกอย่างตอนสมัครเข้าเรียนยังไงก็ต้องเปิดเผยใบหน้าอยู่แล้ว ไม่สู้ใช้มันให้เป็นประโยชน์ด้วยเสียเลย ข้าของตัวก่อนนะเจ้าคะนายท่านไป๋ ไป๋ฮูหยิน ใกล้จะได้เวลาเปิดหอประมูลแล้วพวกท่านรีบไปเถอะ ข้าจะตรวจดูความเรียบร้อยข้างหน้าให้” เอ่ยจบคำซูหนี่ว์ก็เดินลงบันไดไปชั้นล่างทันที
“พี่ใหญ่เราไปเตรียมตัวเถอะเจ้าค่ะ” ซื่อซื่อที่อยู่ในชุดอาภรณ์หรูหราเอ่ยบอกพร้อมกับหันไปสบตาเฟิงอี้
“เรียกข้าท่านพี่ได้แล้ว เจ้าเป็นฮูหยินข้าจำไม่ได้รึ” ไป๋ เฟิงอี้เอ่ยตอบหญิงสาวตรงหน้า ซื่อซื่อเมื่อได้ฟังดังนั้นใบหน้านวลใสก็ซับสีชมพูจางๆ
“ตะ..แต่เป็นเพียงฮูหยินในนามเท่านั้น ไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่นข้าเรียกท่านเช่นเดิมดีแล้วเจ้าค่ะ” ซื่อซื่อเอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกัก แววตาลุกลน ไม่ยอมสบตาคนตรงหน้า
“หรือจะต้องเป็นฮูหยินจริงๆ เจ้าถึงจะยอมเรียก” เฟิงอี้เอ่ยพร้อมกับเชยคางนางให้เงยขึ้นมาสบตากับตน
ดวงตากระจ่างใสจ้องมองไปที่บุรุษหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าหวานเริ่มแดงก่ำลามไปถึงใบหู แม้จะอยู่ด้วยกันมานานจนผูกพันแต่นางกับเขาก็ไม่เคยใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้ สถานะของพวกเขาทั้งหมดเป็นดังพี่น้อง เป็นดั่งครอบครัว
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้แกล้งข้าแบบนี้” ซื่อซื่อเอ่ยพร้อมกับหลบตา แม้ใบหน้าของนางจะถูกมือหนาจับยึดไว้ก็ตาม
“ข้าไม่ได้แกล้ง เรียกข้าว่าท่านพี่แล้วข้าจะปล่อยเจ้า” เขาเอ่ยตอบใบหน้าคมก็เลื่อนเข้าไปใกล้ขึ้นจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของกันและกัน
ซื่อซื่อย่นคอลงเล็กน้อยทั้งยังปิดตาแน่น เฟิงอี้เห็นดังนั้นก็ยกยิ้มน้อยๆ ด้วยความเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า
“ท่านพี่ๆๆ ปล่อยข้า ข้าเรียกแล้วๆ” ซื่อซื่อรีบเอ่ยอย่างรีบร้อนเพราะปลายจมูกของเขามาชนกับนางเบาๆ นางกลัวอะไรจะเลยเถิดไปกันใหญ่
“ก็แค่นั้น ไม่เห็นจะต้องให้ใช้ไม้แข็ง เจ้าควรจะพูดไว้ให้ชินเสีย” เอ่ยจบเฟิงอี้ก็รีบหันหลังให้ซื่อซื่อแล้วเดินจากไปพร้อมกับใบหน้าและใบหูที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงน้อยๆ
หากยังอยู่ตรงนั้นต่อเขาเกรงว่าจะทำอะไรไปมากกว่านี้ หากนางคิดกับเขาแค่พี่ชายเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติดเสียเปล่า รอให้ข้าทำให้เจ้าติดกับข้าได้ทั้งตัวและใจเสียก่อนเถอะซื่อเอ๋อร์ น้องเล็กของเราคงอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว หึหึ
ซื่อซื่อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ที่หลุดพ้นจากเหตุการณ์น่าหวาดเสียวเมื่อครู่มาได้ ไม่รู้พี่ใหญ่คิดอย่างไรกับนาง หากแต่มาทำแบบนี้ แม้จะไม่ใช่หญิงสาวแรกรุ่น แต่นางก็เป็นผู้หญิงเจอบุรุษหน้าตาหล่อเหลามาสนิทใกล้ชิดแทบจะแนบเนื้อถึงเพียงนี้จะให้นางจะไม่หวั่นไหวได้หรือ
“ท่านจะมาล้อเล่นกับหัวใจข้าท่านรับมือไหวแน่หรือ!” ซื่อซื่อบ่นอุบอิบในลำคอก่อนจะเดินตามหลังเฟิงอี้ไปห่างๆ
ภายในหอประมูล
ผู้คนมากมายต่างมาจับจองที่นั่งกันเสียล้น ทั้งห้องรับรองทั้งหมดก็เต็มด้วยความเร็ว เมื่อทุกอย่างจัดการเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็ปรากฏร่างชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งกลางเวทีใหญ่ ทั้งคู่ยืนเคียงข้างกันด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ก่อนจะมีเสียงประกาศดังกึกก้องไปทั่วห้องประมูล
“ทั้งสองท่านที่ยืนอยู่ตรงนี้ คือนายท่านไป๋ และไป๋ฮูหยิน เจ้าของหอบุปผาแห่งนี้ วันนี้ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีขอเปิดหออย่างเป็นทางการ” เป็นเสียงของเจ้าห้าที่เอ่ยประกาศก้อง เมื่อจบคำไป๋ เฟิงอี้ และซื่อซื่อก็โค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินเคียงคู่กันไปนั่งด้านหน้าเวทีที่จัดที่นั่งไว้เฉพาะ
“เอาละๆ อย่าเสียเวลากันอีกเลย หอบุปผาแห่งนี้ขอเปิดประมูลสินค้าชิ้นแรกกันเลยขอรับ โสมอายุวัฒนะระดับสูงความสมบูรณ์เต็มสิบส่วน เริ่มประมูลกันที่ หนึ่งพันเหรียญทอง” เอ่ยคำจบ ชายร่างใหญ่ที่เป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันก็ถือโสมอายุวัฒนะจำนวนสองดอกขึ้นเวทีมา
มีผู้ให้ความสนใจโสมไม่น้อย การประมูลโสมผ่านไปแล้วด้วยราคาประมูลที่หนึ่งแสนสามหมื่นเหรียญทองตามด้วยหญ้ามังกรสมุนไพรหายาก ผู้คนแย่งกันประมูลกันตื่นเต้น เคาะราคาอยู่ที่สี่แสนเหรียญทอง น้ำแร่มรกตก็ทุกเคาะราคาอยู่ที่หกแสนเหรียญทอง ซูหนี่ว์ที่นั่งดูอยู่ห่างๆ ถึงกับยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“มาถึงสินค้าชิ้นต่อไป ชิ้นนี้หอบุปผาเพิ่งได้มาเมื่อเช้า ยาสมานแผลระดับสิบ ความบริสุทธิ์อยู่ที่ห้าส่วน แผลใหญ่แค่ไหนก็สมานได้ภายในหนึ่งก้านธูป!! มีทั้งหมดห้าเม็ดขอรับ พิเศษกว่านั้นคือเราจะขายประมูลทั้งขวดไม่แยกขายเป็นเม็ด” จบคำเสียงก็ดังอื้ออึงไปทั่วทั้งหอประมูล
เหล่าผู้คนแย่งกันสู้ราคาอย่างไม่ยอมกัน ที่เขาว่ากันว่าเมืองหนานเปียนเป็นแห่งรวบรวมคนรวยน่าจะเป็นเรื่องจริง
“ห้าแสนเหรียญทอง”
“ข้าให้หกแสนเหรียญทอง”
“เจ็ดแสนเหรียญทอง” แค่ยาสมานแผลระดับสิบยังได้ราคาถึงเจ็ดแสน
ซูหนี่ว์นั่งคำนวณตัวเล็กในใจ นางยังมียาระดับสิบอีกมากมายนัก แม้ความบริสุทธิ์ที่นางตั้งใจไม่ทำให้ความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนยังได้ราคาดีถึงเพียงนี้ เงินทองจะไปไหนเสียเล่า ชิ้นค้าชิ้นสุดท้ายที่ทุกคนใจจดใจจ่อตั้งหน้าตั้งตารอถูกนำขึ้นมาบนเวทีแล้ว เสียงดังอื้ออึงของเหล่าผู้ประมูลก็ดังขึ้นมาอีกระลอก
“น้ำแร่ทิพย์ คุณสมบัติรักษาพิษร้ายได้ทุกชนิด ทั้งยังรักษาบาดแผลให้สมานกันได้อย่างรวดเร็ว มีเพียงหนึ่งหยดเท่านั้นเปิดประมูลที่หนึ่งหมื่นเหรียญทอง!”
“ข้าให้หนึ่งแสน”
“สามแสน”
“ห้าแสน” เสียงทั้งสามเอ่ยดังมาจากในห้องรับรองพิเศษ ราคาก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว
“หนึ่งล้าน” เสียงผู้คนเงียบกริบเมื่อราคากระโดดขึ้นหนึ่งล้านอย่างไม่รีรอ ผู้คนที่นั่งอยู่ด้านล่างอย่างจะรู้กันเหลือเกินว่าผู้ที่นั่งอยู่ในห้องรับรองพิเศษทั้งห้าห้องนั้นเป็นใคร
“หนึ่งล้านสองแสน”
“หนึ่งล้านห้าแสน” สิ้นเสียงนี้เหมือนทุกอย่างถูกหยุดนิ่ง
ซูหนี่ว์พยักหน้าด้วยความพอใจอีกครั้งคราวก่อนประมูลที่เมืองหลวงได้ราคาหนึ่งล้านสองแสน นำมาประมูลที่นี่ได้ราคาขึ้นมาอีกถึงสามแสนเหรียญเชียว ดียิ่ง นางจ้องขึ้นไปยังห้องรับรองพิเศษผู้ดีให้ราคาสูงถึงเพียงนี้น่าจะไม่ธรรมดา สงสัยต้องให้พี่ใหญ่ขึ้นไปต้อนรับด้วยตัวเองเสียแล้ว
“หนึ่งล้านห้าแสน ครั้งที่หนึ่ง หนึ่งล้านห้าแสน ครั้งที่สอง หนึ่งล้านห้าแสน ครั้งสาม!” แน่นอนว่าไม่มีใครสู้ราคา
เคาะที่หนึ่งล้านห้าแสนเหรียญทอง เมื่อเสร็จสิ้นการขายผู้คุ้มกันจึงเดินขึ้นมาเพื่อรับของประมูลนำไปเก็บแต่ก็เกิดเห็นการณ์ไม่คาดฝัน มีชายชุดดำหนึ่งคนบุกเข้าชิงขวดน้ำแร่ทิพย์ไป
พรึบ!!
ซูหนี่ว์เห็นดังนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปาก โจรกระจอกคิดจะปล้นข้าหรือเตรียมหลุมศพไว้แล้วใช่หรือไม่!!
ซูหนี่ว์ใช้พลังตรึงร่างนั้นไว้ให้นิ่งอยู่กับที่เมื่อชายชุดดำนั่นกำลังจะหนี ผู้คุ้มกันก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว กระโดดเข้ามาขว้างไว้พร้อมยกขาเตรียมจะเตะอัดชายชุดดำตรงหน้าแต่ร่างของผู้คุมกันก็ดันขยับไม่ได้เช่นกัน เป็นซูหนี่ว์ที่ตรึงร่างนั้นไว้อีกคน เพราะนางไม่อยากให้มีการปะทะกันรุนแรง เดี๋ยวข้าวของจะเสียหาย
ร่างของซูหนี่ว์พุ่งตรงไปหา ไป๋เฟิงอี้ รวดเร็วราวกับหายตัว กระซิบบอกเขาเพียงหนึ่งประโยคบุรุษหนุ่มร่างสูงก็เดินเข้าไปหาชายชุดดำที่ยังขยับไม่ได้ด้วยท่าทางเคร่งขรึม ท่ามกลางสายตานับร้อยที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตื่นตกใจ
ไป๋ เฟิงอี้ สะบัดมือเพียงหนึ่งครั้งร่างคนของตนก็ขยับได้ตามปกติ เป็นซูหนี่ว์ที่แอบปล่อยเขา แต่ก็ยังคงตรึงร่างของชายชุดดำไว้ไม่ให้มันขยับได้ ผู้คนที่มองดูจึงคิดว่าเป็นฝีมือของนายท่านไป๋ เจ้าของหอประมูลแห่งนี้
“คิดจะเหยียบจมูกเสือ เจ้ามีกี่หัวหรือ” เขาเอ่ยเสียงเข้ม
โจรชุดดำจึงได้แต่เบิกตากว้างอย่างตกใจไม่คิดว่า มันจะถูกจับตัวอย่างง่ายดายเพียงนี้ เฟิงอี้เอื้อมมือไปดึงเอาขวดน้ำแร่ทิพย์ออกจากมือของโจรชุดดำ ก่อนจะส่งมันไปให้กับผู้คุ้มกัน เสร็จแล้วจึงหันไปมองหน้าโจรตรงหน้าอีกครั้ง
มือหน้าเอื้อมไปกุมคอชายตรงหน้าก่อนโยนมันไปให้น้องห้าลากไปจัดการด้านนอก อีกทั้งไป๋ เฟิงอี้ ยังเปิดเผยพลังระดับเจ้าจอมยุทธ์ข่มขู่ผู้คนอีกด้วย
“หอบุปผาไม่ใช่ลูกมะพลับนิ่ม โจรที่คิดจะเข้ามาปล้นที่นี่เตรียมหลุมศพไว้ให้ตัวเองด้วย” เอ่ยจบก็สะบัดชายเสื้อเดินทางลงเวทีไป
เสียงภายในหอประมูลดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างเลื่อมใสเจ้าของหอที่จัดการโจรได้อย่างเด็ดขาดรวดเร็ว ไม่มีข้าวของเสียหาย ทั้งยังชื่นชมที่เขาอยู่ในระดับเจ้าจอมยุทธทั้งที่อายุเพียงสามสิบห้าเท่านั้น
โจรคนนั้นอยู่ระดับแปดยังถูกจัดการง่ายดายเพียงนั้น หอบุปผานับเป็นเสือหมอบมังกรซ่อนโดยแท้ เจ้าของหอมีปราณระดับเจ้าจอมยุทธ ทั้งคนงานในหอก็มีพลังปราณระดับเจ็ดขึ้นไป ใครคิดจะหาเรื่องหอแห่งใหม่นี้คงต้องไตร่ตรองดูใหม่ให้ถี่ถ้วนเสียแล้ว
_______________________________________________
วันนี้มีทอล์กยาวหน่อยนะคะ อยากให้อ่านทุกคน
Talk 1
ใครได้กลิ่นความรักเหมือนไรท์บ้างไหมค่ะ อิ้อิ้อิ้
ผู้เรื่องนี้เขาจีบกันแบบนิ่งๆละมุนๆ ฮ่าๆๆ
ใครที่รอน้องเข้าเรียน รออีกหน่อยนะคะ
น้องต้องจัดการเรื่องภายนอกก่อน
แล้วก็ตอนนี้เฮียขึ้นค่าตัว ยังไม่มีเงินไปจ้างมา
_______________________________________________
Talk 2
คอมเม้นหายไปไหนหมดดดดดด นักอ่านเงาแสดงตัวมาเดี๋ยวนี้เลยนะ
ใครไม่รู้จะเขียนอะไรก็พิมว่า
#ข้าจะจับชินอ๋องทำสามี
#ข้าจะจับแม่ทัพฉิงทำสามี
#ข้าจะจับไท่จื่อทำสามี
เชียร์คนไหนจับคนนั้นนะคะ
พิมแค่หนึ่งประโยคแลกกับหนึ่งตอนได้ไหมเอ่ย
เราจะไปอันดับหนึ่งด้วยกัน ขึ้นเมื่อไหร่ไรท์จะจับสองตอนในวันเดียวกันให้ดูเลย
_______________________________________________
Talk 3
หายไปทำใจหนึ่งวัน มีคนแชทลับมาว่าไรท์ ทำไมแต่งแบบนี้ ทำไมไม่เขียนอย่างนั้น
ไรท์กลับไปนอนคิดแล้วก็คิดได้ว่า...
ฉันคือคนเขียน มันคือนิยายของฉัน โลกของฉัน ไรท์จะเขียนอย่างไรก็ได้
จะเขียนว่าสัตว์อสูรหน้าตาเหมือนแมมมอธมีปีกเหมือนค้างคาว มีหางเหมือนหมู ก็ได้
จะเขียนให้นางเอกที่เก่งวิชาตัวเบามากๆสะดุดขี้นกบนหลังคาแล้วตกลงมาหัวแตกก็ได้
นี่คือโลกในจินตนาการของไรท์ค่ะ จะให้เปลี่ยนตามทุกคนก็คงจะไม่ได้
สำหรับคนแบบนี้ ไรท์จะบอกว่าไปแต่งเองค่ะ ง่ายดีเนอะ
เอาละจบแยกไม่ดร่าม่า
วันนี้ฉันหยุดและกำลังอารมณ์ดี
หากเม้นถึงหนึ่งร้อยจะมาเบิ้ลให้อีกตอน
ที่ขอเยอะเพราะคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ยาก ฮ่าๆๆๆ หัวเราะชั่วร้าย
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ
#สามีข้าคือชินอ๋องใครแย่งตบจบนะบายค่ะ
_______________________________________________
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

555 โจรกระจอก คิดจะลองดีรึไงนะเนี่ย
แต่งตามใจของไรท์....คำถูก...ขวาง....พรึ่บ...
ตามดูความเติบโตของน้อง
ขอบคุณคะ
ใช่คะไรท์ อย่าไปแคร์คำพูดของคนที่ทำให้เราดูด่อย หรือ ดูผิด เราทำตามที่เราตั้งใจไว้คือดีย์ที่สุดแล้วคะ สู้ๆนะคะ ไรท์แต่งได้สนุกมากคะ รออ่านอยู่นะคะ
ป.ล.ขออณุญาตเกลียดแฮชแท็คคะ ระวัง โดนยาพิษนะคะ 555
เยี่ยม เป็นตัวอย่างที่ดี ใครจะว่าอย่างไร อย่าไปแคร์ บ้านของเรา นิยายของเรา จะให้เป็นแบบไหนก็เรื่องของเรา....ดีครับ 55555
แค่กๆ!!!
มาให้กำลังใจสู้ๆนะคะ😋
เป็นกำลังใจให้ สู้ๆน้าไรท์
สู้ๆค่ะไรท์