ตอนที่ 26 : นางมาร บทที่ 25
บทที่ 25
-ทางด้านพี่ใหญ่-
ชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มที่ถูกคาดปิดด้วยผ้าสีดำปิดบังใบหน้าครึ่งล่าง เปิดเผยแค่เพียงดวงตาคม สวมอาภรณ์เนื้อดีสีดำรัดกุม
เขาเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอกับศัตรูที่จะสามารถทำให้เขาเล่นด้วยได้นานขึ้นมาหน่อย เพราะตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่ระดับจ้าวจอมยุทธก็ยังไม่มีโอกาสได้เล่นสนุกแบบนี้มานานแล้ว
พี่ใหญ่มองนักฆ่าชุดดำที่มีระดับพลังปราณขั้นสิบเป็นเพียงแค่เหยื่อเท่านั้น แม้ระดับจะห่างกันเพียงแค่ขั้นเดียวแต่ก็นับว่าต่างชั้นกันมาก ผู้ที่มาถึงระดับเจ้าจอมยุทธได้นั้นแน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
เขาหลีกเลี่ยงการใช้พลังธาตุเพราะอยากเล่นให้นานขึ้นหน่อย ร่างสูงพุ่งตรงไปหาเหยื่อตรงหน้าเพื่อปะทะฝีมือกันโดยตรง นักฆ่าชุดดำเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้ารีบเกร็งพลังปราณไปที่ฝ่ามือรอการปะทะ มันแอบเหงื่อตกเล็กน้อยเมื่อพบว่าชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ที่ระดับใด
ผวัะ!!
หมัดชนหมัดกันอย่างแรง แต่ผู้หนึ่งกลับยืนนิ่งไม่ไหวติ่งผิดกับอีกคนที่ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว หัวหน้านักฆ่าเมื่อเห็นว่ามันน่าจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้จึงเรียกพลังธาตุออกมาใช้ ปรากฏลูกไฟขนาดใหญ่บนฝ่ามือทั้งสองข้างมันซัดลูกไฟใส่พี่ใหญ่อย่างไม่ยั้งมือ
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ลูกไฟพุ่งตรงไปปะทะเข้ากับร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยใบหน้านิ่งเฉย เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่ว เกิดควันและฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณที่พี่ใหญ่ยืนอยู่ นักฆ่าชุดดำยกยิ้มกว้างเมื่อคิดว่าจัดการกับชายหนุ่มตรงหน้าของตนได้พลางเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง
“นึกว่าจะเก่งเพียงใด หึ” เอ่ยคำจบนัยน์ตามันก็เบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อฝุ่นที่ฟุ้งกระจายค่อยๆ จางลง ปรากฏเงาร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง
“ถึงคราวข้าบางละนะ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมา ร่างที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านักฆ่าก็หายวับไปกับตา
ผวัะ!
ก่อนจะปรากฏเพียงเรียวขาใหญ่ยาวตวัดฟาดไปอย่างเต็มแรงที่ด้านหน้าหลังของนักฆ่าโดยที่มันไม่ตั้งตัว ร่างของมันลอยกระเด็นไปไกลก่อนจะกระอักเลือกออกมาคำโต
“อึก! จะ..เจ้า!!” มันหันมองอีกฝ่ายด้วยความเคียดแค้นทั้งยังปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
วันนี้มันแค่อยากสนุกมาคุมงานลูกน้องด้วยตัวเองเฉยๆ ใครจะคาดคิดว่าจะมาเจอกับก้างชิ้นใหญ่แบบนี้ บัดซบที่สุด!! ไหนว่ามีผู้คุมกันเพียงระดับแปด
นักฆ่าชุดดำปาดเลือดที่มุมปากลวกๆ ก่อนจะเรียกสัตว์อสูรระดับสูงของตนเองออกมา เพราะมันเองคงสู้ไม่ไหวแน่ๆหากร่วมกันสู้กับสัตว์อสูรน่าจะมีทางรอดบ้าง เกิดแสงสว่างวาบที่ฝ่ามือก่อนจะปรากฏอสรพิษยักษ์ขนาดใหญ่กำลังแผ่แม่เบี้ย ข่มขู่ชายหนุ่มตรงหน้าที่มาทำร้ายเจ้านายของมัน
ซูหนี่ว์ที่นั่งดูอยู่หรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายถึงกับเรียกสัตว์อสูรระดับสูงออกมา พี่ใหญ่ของนางยังไม่มีสัตว์ในพันธะ
นางตั้งใจจะยกไป๋ปิงให้เพราะคุยกับไป๋หูและไป๋ซิงไว้แล้ว เพียงแต่ว่าจะรอให้เจ้าไป๋ปิงโตกว่านี้และเลื่อนเข้าระดับจอมอสูรเสียก่อน ปราณในมิตินางนั้นบริสุทธิ์มากทำให้สัตว์อสูรเลื่อนขั้นได้เร็ว ไหนจะสมุนไพรระดับสูงอีกหลายชนิดที่เรียกได้ว่ากินไม่อั้นอีก
เหล่านักฆ่าที่เหลือถูกจัดการหมดแล้ว โดยคนของซูหนี่ว์ทั้งห้าคนและคนของเฉินคุนอีกสามคน ทั้งหมดจึงมานั่งพักด้านข้างรถม้าทั้งยังคอยชมการต่อสู้ตรงหน้าของบุคคลระดับสูงทั้งสองด้วย เฉินคุนเองหลังจากที่พูดจ้อไม่หยุดแต่เมื่อเห็นว่าจะสัตว์อสูรระดับสูงเข้าร่วมด้วยจึงสงบปากสงบคำหันไปให้ความสนใจกับการต่อสู้
“พี่ซื่อซื่อว่าพี่ใหญ่จะใช้เวลาเท่าไหร่เจ้าคะ” ซูหนี่ว์เอ่ยถามซื่อซื่อที่รักษาอันฉีน้องสาวของเฉินคุนเรียบร้อยแล้วจึงออกมานั่งตรงที่คนขับรถม้า
“หากไม่มัวแต่เล่นสนุกก็ไม่น่าเกินสองก้านธูปเจ้าค่ะ” ซื่อซื่อเอ่ยตอบสายตาก็มองไปทางพี่ใหญ่อย่างอดห่วงไม่ได้
แม้จะรู้ดีว่าเขาเก่งกาจแค่ไหนแต่ว่าอสรพิษตนนั้นมีพิษร้ายแรงไม่ใช่น้อยหาพลาดขึ้นมานั้นหมายถึงจบชีวิต
“พนันกันดีกว่า เกินสองก้านธูปกับไม่เกินสองก้านธูป เดิมพันขั้นต่ำสิบเหรียญทองข้าเป็นเจ้ามือเอง” ซูหนี่ว์เอ่ยอย่างสนุกสนาน
เปิดบ่อนพนันขนาดเล็กๆ อย่างกระตือรือร้น เหล่าผู้ติดตามทั้งหลายก็ให้ความร่วมมือดียิ่งลงพนันกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะสหายใหม่ของซูหนี่ว์ที่ลงเดิมพันข้างเกินสองข้างธูปถึงหนึ่งร้อยเหรียญทอง
“เจ้าดูถูกพี่ใหญ่ของข้าเกินไปแล้วสหาย” ซูหนี่ว์เอ่ยเบาๆ อย่างถูกอกถูกใจกับสหายใหม่ใจป้ำผู้นี้นัก
นางสำรวจเงินเดิมพันคร่าวๆ ฝั่งเกินสองก้านธูปมีเงินมากถึงสองร้อยเหรียญทอง ส่วนไม่เกินมีเพียงหกสิบเหรียญทองเท่านั้น งานนี้กำไรเห็นๆ ซูหนี่ว์ยิ้มกริ่มภายใต้ผ้าปิดหน้าผืนบาง
“พี่ใหญ่ ข้าเมื่อยแล้วให้เวลาเพียงสองก้านธูปนะเจ้าคะ!!” ซูหนี่ว์ตะโกนเอ่ยบอกพี่ใหญ่ของตนจนคนที่วางเดิมพันข้างเกินสองก้านธูปถึงกับร้อนๆ หนาวๆ ธูปถูกจุดขึ้นทันทีหลังซูหนี่ว์เอ่ยจบ
“ซูหนี่ว์ เจ้าขี้โกงนี้น่า แต่เอาเถอะถึงเจ้าจะเอ่ยบอกพี่ใหญ่ของเจ้าไปแบบนั้นแต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับฝีมือล้วนๆ” เฉินคุนเอ่ยพลางยกมือกอดอกที่เสียรู้สหายใหม่ผู้นี้ หวังว่าแค่เสียรู้อย่างเดียวคงไม่เสียเงินด้วยหรอกนะ
“หึหึหึ” ซูหนี่ว์นางไม่ได้เอ่ยต่อปากต่อคำเพียงหัวเราะอยู่ในลำคอเท่านั้น
ทางด้านพี่ใหญ่ที่ได้ยินน้องเล็กของตนตะโกนมาแบบนั้นคงไม่ใช่เพราะนางเมื่อยจริงๆ อย่างปากว่าหรอกนางอาจจะเล่นอะไรพิเรนทร์อีกก็เป็นได้ เขาได้แต่คิดพลางส่ายหัวกับความแสบซนของน้องน้อยของตน แต่ก็เอาเถอะตามใจนานเสียหน่อย ค่อยหาเหยื่อเล่นสนุกด้วยใหม่ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน
ฟ่อ! ฟ่อ!
เปรี้ยง!!
เสียงอสรพิษตรงหน้าร้องขู่ใส่เขาไม่หยุดทั้งยังตวัดหางฟาดลงมาตรงที่ชายหนุ่มยืนอยู่ทำให้เขารีบกระโดดตีลังกาหลบอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้ตั้งตัวมันก็พ่นพิษร้ายมาใส่พี่ใหญ่แต่ก็ยังช้าไปนิด ร่างสูงกระโดดหลบได้อีกครั้ง ฝ่ามือหนาก็ชูขึ้นเรียกสายฟ้าขึ้นมาในมือแล้วสะบัดแขนฟาดสายฟ้าใส่งูยักษ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็วไม่ให้มันได้มีโอกาสหลบได้ง่ายๆ
เปรี้ยง!! ตูม!!
ลำแสงสายฟ้าสว่างวาบไปทั่วทั้งบริเวณฟาดลงที่อสรพิษร้ายอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดนเข้าที่กลางลำตัวมันอย่างเต็มๆ จนปรากฏรอยไหม้เกรียมและกลิ่นควันฟุ้งกระจาย เขาไม่รอให้มันได้ทันตั้งตัว ฟาดสายฟ้าอีกเส้นไปที่หัวมันอย่างจังอีกครั้ง
เปรี้ยง!! ตูม!!
ตามจริงเขาก็อยากจะเล่นสนุกอีกนิดแต่กลัวน้องน้อยเขาจะรอนานจึงจำเป็นต้องรีบจบงาน อสรพิษร้ายแน่นิ่งไปแล้วพร้อมกับกลิ่นควันที่ลอยคละคลุ้ง มันยังไม่ตายเพียงแค่สลบไป เมื่อเห็นว่าสัตว์ในพันธะของมันถูกจัดการอย่างง่ายดายทำนักฆ่าตกใจเตรียมจะหันหลังหนี แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้นักฆ่าหนีรอดไปได้
เมื่อจัดการกับอสรพิษจนสิ้นฤทธิ์แล้วร่างสูงใหญ่ก็หายไปอีกครั้งไปปรากฏที่ด้านหลังของนักฆ่าชุดดำ มือหนามีสายฟ้าล้อมรอบ เขาพลิกมือเล็กน้อยใช้สันมือฟาดไปเต็มแรงที่หลังคอของนักฆ่า
เปรี้ยง!!
“อั่ก!!”
ร่างของนักฆ่าลอยไปกระแทกต้นไม้พร้อมกับสลบไป ร่างของอสรพิษเริ่มขยับตัวอีกครั้ง ทำให้พี่ใหญ่เร่งเข้าไปตรงร่างชายชุดดำที่สลบอยู่ มือหนาบีบไปที่ลำคอจับยกตัวนักฆ่าลอยขึ้นมาก่อนจะหักมันอย่างง่ายดาย ทำให้นักฆ่าชุดดำสิ้นใจคามือหนาทันที
“โทษทีข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า” เขาเอ่ยพร้อมกับโยนร่างไร้วิญญาณในมือทิ้งอย่างไม่ไยดี
ร่างของอสรพิษตัวใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏแสงสีขาวไปทั่วลำตัวก่อนจะสลายหายไป เมื่อเจ้านายมันตายตัวมันก็จะตายไปด้วย ถ้ายังไม่ปลดพันธะก่อนเจ้านายจะตาย แต่น้อยนักที่จะทันได้ปลดพันธะออก โดยส่วนมากก็จะตายไปพร้อมๆ กัน ยิ่งกับนักฆ่าผู้นี้ตายโดยไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
“หนึ่งก้านธูปกับอีกครึ่งก้านธูปเพียงเท่านั้น! พวกเจ้าจ่ายมาเสียดีๆ” ซูหนี่ว์เอ่ยอย่างอารมณ์ดี เมื่อพี่ใหญ่ของตนทำเวลาได้รวดเร็วทันใจยิ่ง
“เอาไป ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าขอตัวไปดูน้องสาวก่อนนะ” เฉินคุนยืนถุงเงินไปให้ซูหนี่ว์อย่างเสียไม่ได้ พลางกระโดดลงจากหลังคารถม้าแล้วหายเข้าไปดูน้องสาวของตน
“พี่ใหญ่ท่านทำเวลาดีมากเจ้าค่ะ นี่ส่วนแบ่งท่าน อิอิอิ” ซูหนี่ว์กระโดดลงจากรถม้าพลางวิ่งไปยื่นถุงเงินให้พี่ใหญ่ของตน ส่วนคนอื่นๆ ก็ต่างแยกย้ายไปจัดการศพที่นอนขวางทางอยู่
“ยิ่งโตยิ่งมีความคิดพิเรนทร์นะน้องเล็ก เจ้าเก็บไว้เถอะ” พี่ใหญ่เอ่ยบอกพลางเอื้อมมือมาขยี้หัวของน้องเล็กตนอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะกระโดดขึ้นรถม้าเตรียมออกเดินทางต่อ
“เราเดินทางต่อไปสักห้าหกลี้ให้ห่างจากตรงนี้เสียหน่อยแล้วค่อยตั้งกระโจมพักก่อนเถอะ” พี่ใหญ่เอ่ยต่อ
ซูหนี่ว์จึงพยักหน้ารับแล้วกระโดดขึ้นขี่ม้าเพราะในรถม้าของนางถูกสองพี่น้องตระกูลจ้าวยึดไว้เสียแล้ว
“พวกเจ้าพักในรถม้าข้าไปก่อนก็ได้ ให้คนของเจ้าไปขับรถม้าเจ้าไปแล้วกัน เราค่อยไปตั้งค่ายพักข้างหน้า” ซูหนี่ว์ดึงบังเหียนม้าให้เดินมาตรงหน้าต่างรถม้าของตน พลางเอ่ยบอกสหายคนใหม่ที่ยึดรถม้าตนไว้เรียบร้อย
“ได้ๆ ขอบใจเจ้ามาก” เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย รถม้าสองคันก็ออกเดินหน้าต่อทันที
นักฆ่าปาดเลือดออกจากมุมปาก ส่วนไรท์ปาดเหงื่อปาดน้ำตา
โอ้แม่เจ้า!! บทต่อสู้ทำไมมันเขียนยากแบบเน่ เขียนอย่างไรให้ตัวเอกดูเท่มากๆ
เขียนอย่างไรให้คนอ่านเข้าใจและนึกภาพตามได้ง่าย
เมื่อได้อ่านบทนี้นักอ่านคงจะน้ำตาไหลพราก // ซึ้งหรอที่นักเขียนบรรยายได้เห็นภาพขนาดนี้
ป่าวพวกข้าอ่านไม่เข้าใจ
พ่าม!!
เล่นตัวเองก่อนจะได้ไม่เจ็บมากเวลาโดนนักอ่านคอมเม้นตำหนิ ฮ่าๆๆๆ // ภายใต้เสียงนี้มีน้ำตาซ่อนอยู่นะ
ด่าได้แต่อย่าแรง
อารมณ์ดีไรท์ก็จะไปเม้นขอบคุณที่ให้คำชี้แน่ะ ถ้าอารมณ์เสียก็จะหายไปสักหลายๆวันฮิฮิ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ผัวะ ไม่ใช่ ผวัะ (ตัววอแหวนทำหน้าที่เป็นสระ)....ยื่น ไม่ใช่ ยืน
สนุกค้าาา
เห็นความน่ารักของไรท์พยายามเพื่อคนอ่านอย่างแท้ทรู พี่ใหญ่เก่งเอาเสียงปรบมือ ไม่เอาเงิน เดี๋ยวน้องเลี้ยงมื้อใหญ่น้องรวยจากพนัน 555 ขอบคุณค่ะ