ตอนที่ 18 : นางมาร บทที่ 17
บทที่ 17
ซูหนี่ว์ใช้เวลาเดินทางจากจวนถึงค่ายประมาณสองเค่อ นางใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงสุด ทะยานตัวมาด้วยความรวดเร็วเห็นเป็นเพียงเงาผ่านไปดุจสายลมต้นไม้ใบหญ้าปลิวว่อนไปตามทางที่นางขยับตัวผ่าน เมื่อมาถึงค่ายลับนางจึงตรงไปหาเจ้าสองแสบที่กำลังแอบรังแกพญาอินทรีอยู่ตรงข้างธารน้ำตก
“ไป๋ปิงกับไป๋ซาน! เจ้ากำลังทำอะไร” ภาพที่นางเห็นคือหมาจิ้งจอกสีขาวตัวอวบอ้วนขนปุกปุยตัวหนึ่งตาสีฟ้าน้ำทะเล อีกตัวดวงตาสีคราม ปากของไป๋ปิงหมาจิ้งจอกผู้พี่ ผู้มีนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลกำลังงับไปที่ปีกซ้าย ส่วนตัวอวบอ้วนของไป๋ซานหมาจิ้งจอกตัวน้องก็กำลังนั่งทับตัวพญาอินทรีอยู่ ทั้งสามตัวถึงกับหยุดค้างทุกการกระทำของตนเมื่อได้ยินอันคุ้นหู
“ข้าเปล่า!!”
“ข้าก็เปล่า!! เราหยอกกันเฉยๆ ขอรับ” ไป๋ซานน้องเล็กสุดเอ่ยคำแก้ตัวพร้อมทั้งวิ่งเข้ามาหาซูหนี่ว์แล้วใช้ท่าไม้ตายอ้อนนางด้วยการเอาหัวไปถูไปกับขาของนาง ไป๋ปิงเห็นน้องชายทำแบบนั้นก็ไม่รอช้า ขาอีกข้างของซูหนี่ว์ก็โดนไป๋ปิงเข้าไปออดอ้อนทันที
“ไม่ต้องมาอ้อนข้าเลยนะ” ซูหนี่ว์เอ่ยเสียงเย็นพร้อมทั้งใช้พลังยกเจ้าสองตัวแสบให้ลอยขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา
ใบหน้าบูดบึ้งของนางทำให้ทั้งคู่ทำหน้าสลดหูลู่หางตก ส่วนพญาอินทรีที่เห็นว่านายหญิงของตนมาช่วยก็ไม่รอช้า รีบเดินมาหาซูหนี่ว์ด้วยท่าทางองอาจ สง่างามคอตั้งหน้าเชิด ขนาดตัวของมันใหญ่กว่าตัวซูหนี่ว์มากนัก ส่วนหัวและลำคอมีขนสีขาว ส่วนลำตัวเป็นสีน้ำตาลแดง ไว้ท่าทีเหมือนคุณชายอยู่ในทีจนน่าหมั่นไส้
“นายหญิงเราแค่หยอกกันเล่นเฉยๆ” มันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง
“อาซาเจ้าเงียบไปเลยนะ ไม่ต้องเข้าข้างเจ้าสองตัวนี้”
“พวกเขายังเล็ก ท่านก็อย่าดุหนักเลย” ซูหนี่ว์ตวัดสายตาไม่พอใจไปให้อาซา พญาอินทรีตัวโตที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนทันที ทำให้อาซาถึงกับเสียวสันหลังและเงียบลงไม่คิดเอ่ยวาจาใดไปกวนนางอีก
เมื่อเห็นว่าอาซาหยุดตอบโต้แล้วนางจึงจับเจ้าสองแสบโยนเข้าไปในมิติ ร่างนางก็หายวับเข้าไปตาม
“ท่านพ่อ ท่านแม่ช่วยข้าด้วยยยยย” เมื่อเข้ามาในมิติได้ไป๋ซานและไป๋ปิงก็วิ่งตรงไปในถ้ำ ที่แม่และพ่อมันนอนอยู่พร้อมทั้งไปแอบด้านหลังไป๋ซิงอย่างหวาดกลัวหญิงสาวตรงหน้า
“คิดว่าใครจะช่วยเจ้าได้ห้ะ จะออกมาเองถึงให้ข้าจับออกมา” ซูหนี่ว์ยืนกอดอกรอเจ้าสองแสบเดินออกมา มันค่อยๆ คลานออกมาอย่างช้าๆ พลางส่งสายตาไปอ้อนวอนให้ท่านพ่อท่านแม่มันช่วย
เมื่อไป๋หูและไปซิงได้สบตาลูกตัวน้อยทั้งคู่ก็ถอนหายใจพร้อมกับหันหลังให้ทันที เพราะทั้งคู่เคยออกปากช่วยสองแสบมาครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนั้นทำให้พวกเขาโดนทำโทษไปด้วยในข้อหาให้ทายลูกจนเกินไป
“เจ้าเป็นลูกผู้ชายกล้าทำผิดก็ต้องกล้ายอมรับโทษ” ไป๋ซิง พูดกับลูกๆ พร้อมกับเอาหัวดันให้เจ้าตัวเล็กเดินออกไปรับโทษ
“พี่ซูหนี่ว์ไม่ดุหรอกถ้าพี่ยอมรับผิด” ไป๋เสวี่ยลูกหมาจิ้งจอกตัวเมียอีกตัวเอ่ยออกมา ส่วนไป๋อวี้ที่นอนอยู่ข้างๆ ไป๋หู ก็ลืมตาขึ้นมองพี่ชายกับน้องชายตัวเองอยู่ครู่หนึ่งจึงล้มตัวลงนอนต่ออย่างเกียจคร้าน
เมื่อทั้งคู่ยอมออกไปก็เป็นไปดังคาด ซูหนี่ว์จัดการสั่งสอนเจ้าสองแสบนานถึงหนึ่งชั่วยามทั้งยังสั่งลงโทษกักบริเวณให้อยู่แต่ในถ้ำห้ามออกไปไหนเป็นเวลาหนึ่งเดือน แม้มันจะอ้างว่าพี่ใหญ่เป็นคนสั่งให้มันจัดการพี่รองกับพี่สามก็ตามแต่เพราะมันลงมือกับคนของนางหนักเกินจะให้อภัยซูหนี่ว์จึงจำต้องลงโทษทั้งคู่เสียบ้างจะได้ไม่มาทำร้ายพวกพ้องกันเองถึงขั้นเลือดตกยางออกแบบนี้ เมื่อจัดการเสร็จนางก็ออกจากมิติโผล่มาที่เดิม ก็ยังเจออาซานั่งรอนางอย่างใจจดใจจ่อ
“มีอะไรหรืออาซา”
“นายหญิงเมื่อไหร่ท่านจะยอมทำพันธสัญญากับข้าเสียที” พญาอินทรีผู้สูงศักดิ์เอ่ยพร้อมทั้งเอาหัวของมันไปถูไถกับแขนของซูหนี่ว์อย่างออดอ้อนไม่ต่างกับที่สองแสบทำเมื่อครู่
“เจ้าจอมตะกละอย่าคิดว่าข้ารู้ไม่ทันนะว่าเจ้าหวังอะไร” นางพูดพร้อมกับลูบหัวมันไปด้วยความอ่อนโยน
“โธ่นายหญิงข้าไม่ได้หวังอะไรเสียหน่อย” มันเอ่ยพร้อมทำตาปริบๆ นายหญิงเก่งกาจข้าแค่อยากมีเจ้านายที่ดี ไม่ได้หวังน้ำแร่ทิพย์ของท่านเสียหน่อย
“เป็นจอมอสูรเมื่อไหร่ค่อยมาเอ่ยกับข้า” ซูหนี่ว์พูดยิ้มๆ ที่นางไม่อยากทำพันธสัญญากับมันตอนนี้ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้อย่างเดียว แต่เป็นเพราะมันมีฝูงของมันที่ต้องดูแล นางไม่อยากดึงมันมาเป็นพวกพ้องตอนนี้
“ถึงเวลานั้นท่านคงแก่ก่อนพอดี”
“อาซา เจ้าเป็นหัวหน้าฝูง เจ้าจะทิ้งฝูงเจ้ามาติดตามข้าหรืออีกไม่กี่เดือนข้าก็ต้องออกเดือนทางไปเมืองอื่นแล้ว เจ้าจะติดตามข้ามาได้รึ ข้าคงไม่เอาฝูงเจ้าทั้งฝูงเข้ามาในมิติหรอกนะ แค่เจ้าตัวแสบก็ปวดหัวจะแย่แล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว นายหญิงไม่อยู่ก็รักษาตัวด้วย ส่วนนี้ข้าให้เผื่อท่านมีภัยหรือต้องการให้ข้าช่วยเหลือให้ทำลายมันแล้วข้าจะไปหาท่านได้ในทันที” อาซาดึงขนหน้าอกของมันในซูหนี่ว์เก็บไว้ห้าเส้น มันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่มีพลังไม่ธรรมดา
“ขอบใจเจ้ามาก เอานี่แลกกัน” ซูหนี่ว์ยื่นน้ำแร่ทิพย์กลับคืนให้อาซาไปถึงห้าขวดใหญ่ทั้งยังใช้เชือกผูกปากขวดไว้ให้ง่ายต่อการที่อาซาจะได้นำกลับไปได้
“ขอบคุณนายหญิง” มันรีบรับไปด้วยความดีใจพลางบินจากไปอย่างรีบร้อนกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจเอาของคืน
“เจ้านกตะกละ ได้ของก็รีบหนีเลยนะ” ซูหนี่ว์ตะโกนไล่หลังมันไป จากนั้นนางจึงเดินกลับเข้าไปในค่าย
ตลอดทางเดินผู้คนที่เดินผ่านนางก็มักจะก้มคำทำความเคารพนางตลอดทางด้วยรู้ดีว่านางคือนายหญิงของพวกเขา ผู้ก่อตั้งค่ายและเป็นผู้เลี้ยงดูเขา ซูหนี่ว์เดินตรวจตราความเรียบร้อยจนถึงยามเซิน (15.00-17.00) จึงออกจากค่ายเพิ่งมุ่งตรงกลับจวนแต่ขากลับนางไม่ได้รีบร้อนมากนัก ทะยานตัวไปไม่เร็วมากเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยภายในป่าด้วย
นางเดินทางออกจากป่าชั้นในมาถึงป่าชั้นกลาง ป่าชั้นในนั้นไม่มีอะไรมากนักเพราะนางจัดการผูกมิตรกับสัตว์อสูรขั้นสูงไว้หมดแล้ว ป่าชั้นกลางก็จะมีพวกสัตว์อสูรชั้นกลางอยู่เยอะพอสมควรแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาหาอะไรกับนางหรือคนอื่นๆ อยู่แล้ว
ซูหนี่ว์ทะยานตัวมาเรื่อยๆ จนได้กลิ่นเลือกคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทำให้นางตื่นตัวอย่างยิ่งว่ามีเหตุการณ์อะไรขึ้นข้างหน้าซูหนี่ว์จึงเริ่มตัวเก็บตนของตัวเองอย่างมิดชิดและไม่ลืมเอาผ้ามาคาดปิดหน้าไว้เช่นเดิม
ร่างบางปราดเปรียวเริ่มกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูงกระโดดไปมาสลับต้นไปเรื่อยๆ จนได้เห็นเหตุการณ์นองเลือดข้างหน้าตน ซูหนี่ว์เลือกต้นไม้ที่ไม่ห่างมากและไม่ใกล้มากเพื่อนั่งดูสถานการณ์ตรงหน้ามีชายหนุ่มสวมใส่อาภรณ์เนื้อผ้าดีทั้งสามคน กำลังอยู่ในวงล้อมของชายชุดดำนับสิบคน คาดการณ์ด้วยตาเปล่าของซูหนี่ว์ก็น่าจะประมาณ สี่สิบกว่าคน ยังไม่นับศพที่นอนเกลื่อนกลาดแขนไปทาง ขาอยู่อีกทางนับสิบคน
เคร้ง!! ตูมมม!!
เสียงดาบ เสียงระเบิดดังลั่นไปทั่วบริเวณ ไม่ใช่แค่ตรงหน้านางเท่านั้นแต่ใกล้ๆ กันก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่ด้วยเช่นกัน คาดว่าน่าจะเป็นเหล่าองครักษ์ของชายสามคนนี้ แต่ทั้งสามดูตึงมือกับการต่อสู้ตรงหน้าเหลือเกิน ทั้งยังดูเหนื่อยล้าเหมือนต่อสู้กันมานานแล้ว สภาพของแต่ละคนนั้นมีเลือดสาดกระเซ็นเต็มร่างไปหมดจนแยกไม่ออกว่าเป็นเลืดของพวกเขาหรือเลือดของนักฆ่าชุดดำ
ตูม!! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
เสียงระเบิดดังมาอีกระลอกพร้อมทั้งร่างของชายชุดดำคนหนึ่งกระเด็นมาใกล้ๆ กับต้นไม้ที่นางนั่งดูอยู่ ซูหนี่ว์จึงรีบสร้างม่านพลังมาครอบตนเองและต้นไม้ที่ตนอยู่ไว้เพราะกลัวจะโดนลูกหลง ร่างของชายคนนั้นแน่นิ่งไปทันที พร้อมกับแท่งน้ำแข็งแหลมคมสี่แท่งปักไปที่ลำตัวตรึงร่างไร้ลมหายใจนั้นไว้กับต้นไม้แน่น
ซูหนี่ว์เบือนหน้าหนีจากร่างไร้วิญญาณชายคนนั้นหันไปสนใจการต่อสู้ตรงหน้าต่อ พร้อมทั้งดึงเอาลูกผิงกั่ว* ในมิติมากินอย่างสบายใจ ก่อนภาพในอดีตชาตินางจะผุดขึ้นมาในหัว ชาติที่แล้วนางก็ตกตายด้วยฝีมือชายชุดดำนับสิบคนแบบนี้ หาได้มีคนช่วยนางไม่ มาชาตินี้พอได้เห็นภาพแบบนั้นตอนแรกก็ว่าจะนั่งดูเฉยๆ เสียหน่อยแต่พอภาพในอดีตชาติแวบเข้ามาทำให้นางจำต้องทิ้งลูกผิงกั่วในมือทิ้งทั้งที่กัดไปได้คำเดียว
ซูหนี่ว์ยืนขึ้นบนต้นไม้พลางทำสมาธิ ก่อนจะส่งพลังปราณของนางไปครอบคลุมชายทั้งสามไว้ พอดีกับที่มีชายชุดดำกำลังจะโจมตีพวกเขา ทำให้ชายผู้ฌชคร้ายคนนั้นโดนพลังตัวเองอัดสะท้อนกลับไปจนแน่นิ่ง ชายดำชุดคนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้าพยายามจะเข้าไปรุมโจมตีต่อ
“ไป๋หู ได้เวลาสนุกแล้ว”
ซูหนี่ว์เอ่ยเรียกไป๋หูออกมาพร้อมทั้งขึ้นไปนั่งบนหลังไป๋หู ก่อนที่ทั้งคู่จะกระโดดเข้าไปกลางวงล้อม จนเหล่าชายชุดดำแตกกระเจิงกันไปคนละทางชายหนุ่มทั้งสามคนที่กำลังเหนื่อยล้า เมื่อเห็นว่ามีคนกระโดดเข้ามาขว้างพวกเขากับชายชุดดำเหล่านั้นไว้จึงได้แต่สงสัยพร้อมเตรียมตัวตั้งรับเพราะไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเบิกตากกว่าเมื่อจับสัมผัสหมาจิ้งจอกยักษ์ตรงหน้าได้
“จอมอสูร!” เขาเอ่ยขึ้นทำให้อีกสองคนตื่นตัวทันที หากเป็นศัตรูเห็นทีว่าพวกเขาคงต้องทิ้งชีวิตไว้ในป่าแห่งนี้เป็นแน่
* ผิงกั่ว/แอปเปิล
Talk...
มาส่งฉากต่อสู้ทิ้งท้ายนะคะ น้องจะเล่นสนุกมันแค่ไหนก็รอติดตามนะคะ
พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้อัพนะคะ
ไรท์ต้องเริ่มเข้าออฟฟิตทำงานเหมือนเดิมแล้วว
อยากจะถามว่าระหว่างอัพ 100% ทีเดียวกับอัพทีละ 50% ชอบแบบไหนมากกว่ากันคะ
เพราะถ้าไรท์ไปทำงานอาจจะมีเวลาแต่งน้อยลง อัพช้าลง
แต่จะพยายามมาอัพให้ได้บ่อยๆไม่ทิ้งช่วงนานเหมือนเดิมนะคะ
ขอหัวใจ ขอกำลังใจให้ไรท์เยอะๆน้าาา
เรื่องนี้คอมเม้นน้อยจนน่าใจหาย นิยายเค้าไม่สนุกหยอออ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตอนนี้ คำผิดเยอะอ่ะ
ขอบคุณมากค่ะไรท์
ตกลงเป็นหมาป่าหรือหมาจิ้งจอกกันแน่ ไรท์เอาสักอย่างสิ
ขอบคุณค่ะ ตามใจไรท์ค่ะ
รออ่านต่อนะคะ นอนหลับฝันดีค่ะไรท์ *_*