ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรือนไม้และสายรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #2 : เขาชื่อ "ต้นกล้า"

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 57


    ตอนที่ 2 (เขาชื่อต้นกล้า)

     “ยัยหนูเป็นอะไรล่ะนั่น ใจลอยไปถึงไหน จานแตกรึเปล่า ย่าใหญ่ทักมาจากด้านหลัง สีรุ้งหัวเราะเขิน ๆ

    ไปอาบน้ำนอนเถอะ แขกคงออกไปข้างนอก ย่าเล็กเขาไปดูที่หลับที่นอนไว้แล้วล่ะ

    เดี๋ยวรุ้งออกไปเก็บยากันยุงก่อนดีไหมจ๊ะ หล่อนเสนอ

    ไม่ต้องหรอก ให้มันหมดดอกไปนั่นล่ะ บอกกล้ามันรึยังล่ะเรื่องพรุ่งนี้เช้า

    บอกแล้วจ้ะย่าใหญ่ รุ้งไปอาบน้ำก่อนนะ หล่อนจัดการคว่ำจานชามแล้วก็เดินเข้าประตูทรงไทยที่อยู่ด้านหลัง

    ด้านหน้าจะอยู่ติดริมน้ำเป็นเรือนไทยเช่นกันมีห้องหับสามห้องสำหรับแขกมาพัก ส่วนอีกหลังเป็นที่อยู่ของเจ้าของบ้านค่อนข้างกว้างกว่าหลังริมน้ำนัก อยู่กันสี่คน คือย่าใหญ่ ย่าเล็ก พ่อรวยของหล่อน และสีรุ้ง หล่อนนึกเสียดายบรรยากาศริมน้ำอยู่มากที่ต้องผูกขาดเป็นที่พักของแขก นึกอยากไปนั่งเล่นที่ศาลาท่าน้ำบ้าง ทว่าพ่อรวยมักพูดบ่อย ๆ ว่า อย่าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของพวกเขา และสีรุ้งก็จำต้องเชื่อฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ คนเมืองมักจะขวนขวายหาความสงบให้ชีวิตด้วยการมาพักผ่อนตามชนบท แต่คนชนบทรุ่นใหม่ก็มักไปขวนขวายหาความเจริญทางอื่นให้ตัวเองในเมือง

    คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า พ่อรวยว่าอย่างนั้น

    ระหว่างนั่งทำบัญชีอยู่ที่ริมหน้าต่างด้านใน สีรุ้งเปิดบัญชีดูรายชื่อแขกล่าสุดที่พ่อรวยเป็นคนรับไว้ รู้ว่ามีแขกทั้งหมดห้าคน หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มหน้าคมที่ดูสะดุดตากว่าใคร เขาคงจะเป็นพี่ใหญ่สุด และอาจเป็นลูกชายคนโตของชายสูงวัยคนนั้น ส่วนชายหนุ่มรุ่น ๆ อีกคนหน้าตาทันสมัย และดูจะสำอางนั้นคงเป็นน้องชายของเขา แล้วสาว ๆ อีกสองคนนั้นล่ะ ใครกัน?

    สีรุ้งนึกตำหนิตัวเองที่อยากจะรู้เรื่องของเขา หล่อนพลิกตัวอยู่ท่ามกลางความมืด ได้ยินเสียงย่าใหญ่กับย่าเล็กคงจะนอนดูละครหัวค่ำอยู่ด้วยกัน เสียงย่าเล็กบ่นอะไรคนเดียวท่ามกลางความเงียบ ก็คงไม่พ้นเรื่องหล่อนอีกนั่นล่ะ

    ย่าใหญ่คือแม่แท้ ๆ ของพ่อรวย ส่วนย่าเล็กคือน้องสาวของย่าใหญ่ ที่ครองตัวโสดมาจนถึงทุกวันนี้ และอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สีรุ้งจำความได้

    ย่าเล็กอยากให้สีรุ้งทำงานในกรุงเทพฯ และย่าเล็กก็ออกจะเป็นคนทันสมัยมากอยู่ ย่าเล็กชอบพูดถึงลูกหลานคนละแวกเดียวกันที่ไปได้ดิบได้ดีในเมืองหลวง หลายคนทำงานเป็นเจ้าคนนายคน กลับมาบ้านทีก็แต่งตัวโก้ ขับรถคันใหญ่ราคาแพง บางคนก็ได้สามีหรือภรรยาเป็นคนกรุง กลับมาก็หอบเด็ก ๆ มาให้คนที่นี่เลี้ยงดูกัน

    สีรุ้งเรียนอยู่ปีสองแล้ว อีกสองปีหล่อนจะเรียนจบ และยังไม่รู้เลยว่าจะหางานทำได้หรือเปล่า ยุคข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ ผู้คนแก่งแย่งกันขอเพียงให้ได้มีที่อยู่ที่กิน ศีลธรรมเริ่มเสื่อมถอยลงทุกที ผู้คนก็เห็นแก่ตัวกันมากขึ้น ที่พอจะมีไมตรีจิตหลงเหลืออยู่บ้างก็ตามชนบทแบบนี้นี่ล่ะมัง

    พ่อรวยตื่นมาแต่เช้าตั้งแต่ตีห้าทุกวันเพื่อมาตรวจตราความเรียบร้อยของบ้าน วันนี้ก็เช่นกัน เขาเดินไปคุยกับแขกที่อาวุโสที่สุด แล้วก็เลยนั่งคุยกันอย่างถูกคอ สีรุ้งที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยจัดการเติมกาแฟลงในโหลแก้ว และเติมน้ำในกระติกน้ำร้อนพร้อมกับเสียบปลั๊กเพื่อรอแขกตื่นมาชงกาแฟหรือโอวัลตินดื่มกัน หล่อนเห็นประตูห้องพักหับไว้เรียบร้อย อีกสักครู่พวกเขาคงจะพร้อมกันที่ท่าน้ำ และอีกสักพักต้นกล้าก็คงจะมาตามนัด

    ตามคาด ต้นกล้าในชุดทะมัดทะแมงเดินมาหาหล่อน และทักทายย่าสองย่าก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะมาหยุดนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวเก่า สีรุ้งยิ้มให้เขาก่อนอื่น

    มาเร็วจังพี่กล้า เพิ่งหกโมงเช้าเองนี่ หล่อนว่าพลางเช็ดทำความสะอาดพื้นโต๊ะไปด้วย เทน้ำใส่เหยือกพลูด่าง แล้วจึงเลยมานั่งตรงข้ามกับเขา

    ไม่ชอบให้ใครรอน่ะสิ ต้นกล้าตอบ รุ้งกินข้าวหรือยัง พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ

    อ้าว...แล้วทำไมไม่กินอะไรมาก่อนนะหรือกะจะมาฝากท้องที่นี่อีกแล้วล่ะสิ สีรุ้งว่าไม่จริงจังนัก เพราะเพิ่งจะหกโมงเช้าเท่านั้นเป็นหล่อนก็คงกินข้าวไม่ลงเช่นกัน

    ก็...พี่รีบออกมา อยากเห็นหน้ารุ้งน่ะล่ะ เขาพูดหน้าตาเฉย แต่สีรุ้งแสร้งทำตาโต แล้วพูดหน้าตาเฉยตอบ

     “อย่ามาปากหวานนะพี่กล้า ไม่ได้ใช้งานฟรี ๆ เดี๋ยวแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ สีรุ้งพูดถึงที่ให้ต้นกล้ามาพายเรือพาแขกชมธรรมชาติ เพราะปกติต้นกล้าก็มักขันอาสามาให้ทุกครั้ง แต่พ่อรวยก็จะแบ่งเปอร์เซ็นต์ค่าเหนื่อยให้ทุกครั้งไป แม้ว่าเขาจะปฏิเสธก็ตาม

    กล้าเอ๊ย...กล้า... เสียงย่าใหญ่ตะโกนเรียกเขา ต้นกล้ารีบเดินไปตามเสียงทิ้งให้สีรุ้งยืนยิ้มอยู่คนเดียว แดดกำลังอ่อน อากาศยังไม่ร้อนมากนัก

    คุณครับ น้ำร้อนหรือยัง? สีรุ้งสะดุ้ง และหันไปมองคนพูด ใบหน้าของหล่อนแดงหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่คนพูดนั้นมองหล่อนยิ้ม ๆ ไม่ได้หน้าดุแบบวันก่อน เขาแต่งตัวตามสบายแสดงว่าเพิ่งตื่น ผมออกยุ่งนิด ๆ แต่ก็ดูคมแปลกดี

    น้ำ...เอ่อ...น่าจะร้อนแล้วค่ะ คะ...คุณจะทานกาแฟหรือคะ? สีรุ้งประหม่าจนพูดผิดพูดถูกตรงกันข้ามกับเขาหยิบถ้วยสีขาวขึ้นมาฉีกซองกาแฟเทใส่แต่ก็ยังมองหน้าของหล่อนขณะรินน้ำร้อนไปด้วย

    ติดกาแฟน่ะ ปกติอยู่กรุงเทพนี่ขาดไม่ได้เลย มีปาท่องโก๋ด้วยหรือครับ เขามองจานปาท่องโก๋แล้วก็หย่อนก้นลงนั่งอย่างคุ้นเคย สีรุ้งยิ่งเคอะเขิน เลื่อนกล่องกระดาษชำระไว้ข้าง ๆ เขา

    ต้องการอะไรก็บอกนะคะ เรือจะออกราว ๆ แปดโมงเช้า คนพายเรือมารออยู่แล้วถ้าจะไปก่อนก็ได้

    คนพายเรือมารอแล้วหรือ? เขามองหน้าอ่อนละมุนของสาวรุ่นน้องก่อนจะยกขาขึ้นไขว่ห้างดูสมาร์ทไม่เบา หน้าที่การงานของเขาคงนั่งสั่งการอยู่ที่โต๊ะกระมัง บุคลิกของเขาจึงดูเท่เก๋นัก

    ไม่ทราบว่ามีกี่คนกันคะที่จะไป

    ขอโทษที ผมยังไม่ได้นับ แต่ที่แน่ ๆ มีผมคนนึงล่ะ เขาตอบยิ้ม ๆ ฉีกปาท่องโก๋ใส่ปากเคี้ยวเพลิน คุณชื่ออะไรหรือ เขาถามและมองหน้าหล่อน สีรุ้งค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง

    สีรุ้งค่ะ

    อ้อ...เมื่อวานได้ยินคุณเรียกแทนตัวเองว่ารุ้ง ชื่อเพราะดี คุณอยู่ที่นี่มาแต่เกิดหรือ

    ใช่ค่ะ พ่อแม่รุ้งเกิดที่นี่

    น่าอิจฉานะครับ เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็เรียกร้องธรรมชาติกัน อยากจะมีบ้านอยู่ริมแม่น้ำริมลำคลอง เพื่อน ๆ ผมน่ะไปคว้านซื้อที่ดินตามชานเมืองปลูกบ้านพักตากอากาศกัน พอวันหยุดก็พาครอบครัวไปพักผ่อน

    คำว่า ครอบครัว ทำให้สีรุ้งสะดุดหู เพื่อน ๆ ของเขาคงจะมีครอบครัวกันแล้ว แล้วตัวของเขาล่ะมีครอบครัวหรือยัง หรืออาจมีหนึ่งในสามสาวนั้นเป็นคนรักของเขาหรือเปล่า แต่หล่อนก็ไม่เห็นว่าจะมีใครสนิทสนมกับเขาเป็นพิเศษ

    ใช่ค่ะ เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็มาถามหาซื้อที่ดินกัน แต่ที่นี่น่ะหาซื้อยากค่ะไม่ค่อยมีใครอยากขาย

    รีบตัดความหวังกันเลย เขามองหล่อนด้วยหางตาเป็นเชิงต่อว่ากลาย ๆ สีรุ้งยิ้มแก้มแดง

    ขอโทษเถอะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเอ่อ...ก็อยากหาซื้อที่ดินเหมือนกันหรือคะ

    ก็...ถ้ามีก็น่าสน เขาจิบกาแฟในถ้วยจนเกือบหมดแล้ว สีรุ้งรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ก็หันไปเห็นต้นกล้ายืนมองมาด้วยสายตาคมเข้มพิกล

    อ้าว...พี่กล้า ย่าใหญ่เรียกทำไมหรือ

    เรียกให้รุ้งไปกินข้าวแน่ะ ไม่พูดเปล่าเขาเดินมาลากแขนหล่อนจนตัวแทบปลิวอีกด้วย สีรุ้งนึกโกรธเหมือนกันแต่ไม่เห็นว่าชายหนุ่มอีกคนจะสนใจมองหล่อนจึงต่อว่าต้นกล้าเบา ๆ ขณะที่ย่าใหญ่ตักข้าวใส่จานให้

    พี่กล้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ รุ้งอายแขกเขาหล่อนต่อว่าเมื่อนั่งแปะลงกับเสื่อ

    อายทำไมล่ะ เราเคยอยู่ยังไงทำยังไงก็ทำไปแบบนั้น พวกเขาน่ะเป็นแขกมาอาศัยบ้านคนอื่นก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเรา ไม่ใช่ให้เราไปปรับเข้ากับเขานะรุ้ง เขาตักข้าวใส่ปากคำโตเหมือนโกรธใครมา สีรุ้งไม่ตอบกินข้าวหน้าตาเฉย

    ไอ้หมอนั่นน่ะ แขกเหรอ? ต้นกล้าถามขณะกินข้าวไปได้ครึ่งจาน

    อืม...ทำไมหรือพี่กล้า

    เปล่าหรอก เห็นมันมองรุ้งแปลก ๆ เขาว่าตามตรง แล้วก็นึกหมั่นไส้ไอ้หนุ่มชาวกรุงนั่นนัก สีรุ้งยังอ่อนต่อโลกดูไม่ออกหรอกว่าใครจะมาไม้ไหน โดยเฉพาะหนุ่มหน้าตาดีที่ชอบมาตีสนิทเพื่อประสงค์ร้ายก็มีมากในสังคมยุคนี้ เขาเป็นผู้ชายยังไม่อันตรายเท่ากับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งซึ่งมองโลกสวยงามอย่างสีรุ้ง

    พี่กล้าคิดมากน่า เขาแค่ชวนคุยเรื่องที่ดิน เห็นทำท่าสนใจอยากจะซื้อที่แถวนี้ไว้ปลูกบ้านพักมั้ง

    หึ... เขายักไหล่ตักข้าวคำสุดท้ายใส่ปาก ไม่รู้จะมาอยู่อะไรกันนักหนานะ พื้นที่ที่ควรเป็นธรรมชาติก็กลายเป็นตึกรามบ้านช่องไปหมด เขาพูดอย่างมีอคติกับชายแปลกหน้า คงเพราะไม่ชอบหมอนั่นมากกว่าอื่น  สีรุ้งไม่ได้ตอบอะไรเก็บจานชามไปล้าง ย่าใหญ่ทักว่ากินเร็วหล่อนก็เฉย

    นี่คุณรุ้ง ชายหนุ่มมายืนอยู่ตรงทางเดินแล้วก็เรียกเสียงดังขึ้นนิดหนึ่ง สีรุ้งมองหน้าเขาแล้วก็หน้าแดงระเรื่อ

    พวกผมจะออกไปทานข้าวกันสักชั่วโมง กลับมาราว ๆ แปดโมงไม่เกินเก้าโมงหรอก คนพายเรือจะรอไหวไหมครับ เขาถามสีรุ้งแต่หน้ากลับมองต้นกล้านิ่ง ต้นกล้าสบตาตอบ

    ผมรอไหวครับ แต่พวกคุณอาจจะร้อนกันนิดหน่อย ยังไงก็เตรียมหมวกกันไว้ก็ดีนะ

    โอเคครับ เขาตอบเท่านั้น เดินหายออกไป สีรุ้งมองตาม และทำท่าจะเดินตามไปด้วย

    จะไปไหนล่ะรุ้ง

    ไปเก็บถ้วยกาแฟ หล่อนว่าแล้วก็เดินตามออกไป ต้นกล้าขบฟันนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเดินไปช่วยย่าใหญ่เก็บหม้อ กะละมังเข้าที่ พ่อรวยเดินเข้ามาทักทายเขาสองสามคำ แล้วก็เดินไปเปิดฝาชีทานข้าวบ้าง

    กล้ากินข้าวแล้วหรือ มานั่งคุยกับอาหน่อยไหม? 

    ต้นกล้าเดินไปนั่งคุยด้วยแต่โดยดี หยิบฝรั่งกับชมพู่ที่ย่าใหญ่ส่งมาให้จานเบ้อเริ่มเข้าใส่ปากอย่างเป็นกันเอง เพราะเขากับคนที่บ้านนี้แทบจะเป็นญาติกันอยู่แล้ว เพราะพ่อของสีรุ้งก็ถูกคอกันดีกับพ่อแม่ของเขา มีอะไรก็บอกกันได้ทุกเรื่อง และพร้อมจะช่วยเหลือกันเสมอ

    รุ้งมันเรียนใกล้จบแล้ว อีกสองปีเอง มีอะไรกล้าก็แนะนำน้องมันหน่อยนะ ว่าจะทำงานอะไรได้บ้าง

    งานอะไรน่ะหมายถึงงานอะไรล่ะครับอารวย เขามองหน้านายสำรวยแล้วก็นึกเอะใจ

    รุ้งมันเรียนบัญชีน่ะสิ เดี๋ยวนี้งานการหายาก จะไปสอบข้าราชการก็เข้ายากเข้าเย็น ย่าเล็กน่ะเขาอยากให้ยัยรุ้งเข้ากรุงเทพฯ แบบพี่สาวเขาน่ะ

    อ้อ...พี่สาวสีรุ้งชื่อสิริน เขาเกือบลืมไปแล้วว่าสีรุ้งมีพี่สาว เพราะตั้งแต่จำความได้สิรินก็ไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ เรียนจบก็ได้งานในกรุงเทพฯ สิรินแทบไม่ได้กลับบ้านเลยด้วยซ้ำ จะมีอยู่บ้างในตอนแรก ๆ หรอกที่หล่อนจะกลับมาในช่วงเทศกาลที่หยุดยาว เพราะสิรินทำงานเอกชนมีวันหยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว โอกาสที่จะได้กลับบ้านจึงมีเพียงวันหยุดยาว ๆ เท่านั้น

    ย่าเล็กคงอยากให้รุ้งทำงานสบาย ๆ ไม่ต้องลำบากเหมือนอารวยมั้งครับ เขาออกความเห็น

    คนเดี๋ยวนี้กลัวความลำบาก บางทีพ่อแม่นี่แหละที่ขับไล่ลูกทางอ้อม กลัวลูกจะลำบากก็เลยส่งเสียให้เรียนสูง ๆ แล้วไปหางานนั่งโต๊ะทำ ตากแอร์เย็นฉ่ำ ไม่ต้องถูกแดดถูกลม

    แหม่...กล้าก็พูดแบบนี้อาละอายใจ สำรวยยิ้มไม่ได้ถือสาหาความกับชายหนุ่มแต่อย่างใดเพราะรู้ที่เขาพูดมาก็เป็นความจริงไม่น้อย รินมันเรียนเก่งนี่ ยังไม่ทันได้กลับมาอยู่บ้านก็มีบริษัทไปจองตัวไว้ล่วงหน้า โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีง่าย ๆ นี่นะ อีกอย่างตอนนั้นแม่เขาก็ยังอยู่ที่บ้านไม่ได้เดือดร้อนเรื่องคนสวน

    ตอนนี้ก็เหลือรุ้งอีกคนนะครับอารวย

    จะไปปรึกษาอะไรกับเจ้ากล้ามันล่ะทิดรวย พ่อกล้ามันทำสวนมันก็อยากให้ยัยหนูทำสวนเหมือนมันไม่อยากให้ไปทำงานในกรุงหรอก ใช่ไหม ย่าเล็กเพิ่งโผล่หน้าออกมาจากบานประตูไม้สัก แล้วก็นั่งลงกับพื้นกระดานมันปลาบ

    เรียนมาเสียเปล่า ใช่ว่าเรียนฟรีซะที่ไหนกว่าจะจบก็ปาไปครึ่งค่อนชีวิต เอาวิชาความรู้ที่ได้ไปพัฒนาประเทศชาติซะยังจะดีกว่า

    ที่ย่าเล็กพูดก็ถูกนะฮะ แต่ถ้าขืนทำแบบนั้น คิดแบบนั้นกันทุกคน อาชีพเกษตรกรรมจะสูญพันธุ์เอาสิครับย่าเล็ก เขาพูดเสียงเรียบ เดี๋ยวนี้เหลือแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ที่แก่กันแล้วทำสวนกันไม่ค่อยไหว เผลอ ๆ ต้องให้คนเขาเช่าได้ค่าเช่าปีละไม่กี่ตังค์ ทำเองยังได้เยอะซะกว่า แถมได้ขายได้กินไม่ต้องซื้อหา ของของเราเองไม่ได้ฉีดหยูกยาอะไร ปลอดภัยไร้สารพิษ...

    โอ๊ย...พอเถอะพอ ฉันไม่คุยกับเธอด้วยแล้วเจ้ากล้า เพราะฉันไม่เคยเถียงเธอชนะเลยสักที

    สำรวยหัวเราะร่วนขณะที่ต้นกล้านั่งเฉย เขาชินเสียแล้วกับอารมณ์ย่าเล็ก เขารู้ว่าย่าเล็กไม่ค่อยชอบวิธีคิดแบบเขานัก ที่สำคัญย่าเล็กดูเหมือนจะยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่หากรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับหลานสาวของนาง

    เขาคุยกับสำรวยไม่นานนักก็ลุกไปดูสีรุ้ง เห็นหล่อนกำลังสาละวนอยู่ในเรือมาดลำใหญ่ ใช้ผ้าขี้ริ้วซักน้ำเช็ดจนสะอาดดูน่านั่ง แล้วหล่อนก็แหงนหน้าขึ้นมองเขายิ้มแห้ง ๆ

    ไปทะเลาะอะไรกับย่าเล็กมาอีกล่ะพี่กล้า เสียงย่าเล็กงี้ดังมายันนี่

    จะอะไรก็เรื่องเดิม ๆ สาวแก่ก็เงี้ยะ เขาว่าไปเรื่อย หยิบพายส่งให้หล่อนสองเล่ม จะไปด้วยกันไหมละรุ้ง สงสัยคนคงไม่เยอะหรอกเพราะแดดเริ่มออกแล้ว

    ไปเถอะจ้ะ รุ้งต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ

    ต้นกล้าเสียดายนิด ๆ แต่คิดอีกทีก็ดี ขืนสีรุ้งไปด้วยก็คงต้องสนทนาพาทีกับหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นที่เขาไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าเท่าไหร่ เขาคิดแล้วก็ตำหนิตัวเองที่อคติไม่มีเหตุผล ความจริงคนคนนั้นอาจเป็นคนดีก็ได้ แต่ทำไงได้ ก็เล่นมาตีสนิทกับสีรุ้งทำไม ใครเข้าใกล้สีรุ้ง เขาก็คิดว่าไม่ดีทั้งนั้นล่ะ

    แขกเดินทางกลับเอาตอนสายเกือบเก้าโมงครึ่งจริง ๆ ต้นกล้าเก็บความหงุดหงิดไว้แทบไม่มิดเพราะถือว่าผิดเวลานัด แม้ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะเอ่ยขอโทษกับเขาแล้วก็ตาม ยิ่งเสียงสาวอีกสามสาวที่แข่งกันดังจนแสบแก้วหูนั้นยิ่งทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนี  แต่เมื่อพวกหล่อน ๆ ลงเรือกัน เขาก็ต้องทำหน้าที่มัคคุเทศน์อย่างเคยแบบเลี่ยงไม่ได้

    สีรุ้งชะโงกหน้ามองลำคลองที่น้ำกำลังไหลขึ้นเชี่ยวกราก อีกสักครู่ก็จะไหลลง ต้นกล้าจะออกแรงน้อยลงเพราะพายเรือตามน้ำ หล่อนถือโอกาสนั่งเล่นที่ศาลาท่าน้ำมองต้นไม้ที่ขึ้นดาษดื่นตามธรรมชาติแล้วก็เกิดความร่มเย็นเป็นสุขสงบ นกกวักแม่ลูกพากันว่ายน้ำข้ามคลองดูน่ารัก มีเรือลำอื่น ๆ ผ่านมาบ้างเหมือนกัน เป็นเรือจากโฮมสเตย์อื่นที่มีแขกมาพักเหมือนกับที่นี่ หล่อนทักทายกับคนพายเรืออย่างคุ้นเคย แล้วจึงเข้าไปจัดการเก็บผ้าปูที่นอนของแขกที่มาพักให้เรียบร้อย  นักท่องเที่ยวชุดนี้ยังอยู่จนถึงวันมะรืนนี้หรอก คืนนี้หล่อนก็คงได้คุยกับเขาบ้าง

    โทษนะครับ เขาจะกลับกันเมื่อไหร่น่ะ หนุ่มวัยรุ่นที่ไม่ได้ไปกับเรือเดินออกมาจากห้องพักริมสุด ที่หูมีหูฟังอันใหญ่แทบจะตลอดเวลาที่หล่อนได้เห็นเขา หล่อนนึกเวทนาเขานักช่างไม่รู้จักดื่มด่ำธรรมชาติซะบ้างเลย

    เดี๋ยวก็คงจะกลับแล้วค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ

    เด็กหนุ่มคนนั้นน่าจะอ่อนกว่าหล่อนหรอก แต่สีรุ้งไม่อยากใส่ใจนัก

    ไม่มีไร เขาตอบเท่านั้น เดินหายเข้าไปในห้องอีก เฮ้อ...คงจะไปนอน จะมีอะไรดีมากไปกว่านอน ฟังเพลง ดูทีวี เล่นเกมนะ หล่อนเข้าไปช่วยย่าใหญ่กับย่าเล็กจัดอาหารมื้อเที่ยงที่แขกสั่งไว้

    กว่าจะทำอาหารเสร็จก็กลับกันมาพอดี เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ของสาว ๆ ทำให้สีรุ้งอยากจะเข้าไปดู แต่ย่าใหญ่สั่งให้หล่อนเตรียมจานชามไว้ เมื่ออาหารเสร็จแล้วก็พอดีกับที่ต้นกล้าเดินมานั่งข้าง ๆ หยิบพัดกาบหมากมาพัดแก้ร้อนเฉิบ ๆ เหงื่อไหลอยู่ตามข้างกกหูของเขา สีรุ้งส่งน้ำให้เขายิ้มล้อ ๆ

    ร้อนล่ะสิพี่กล้า

    ร้อนไม่เท่าไหร่ แม่พวกสาว ๆ ช่างซักช่างถาม แถมยังนั่งคุยกันคุยไม่คุยเปล่าโคลงเรืออีก เรือก็หนักแสนหนัก

    ขี้บ่นจริงนะพี่กล้า ไม่ชอบอะไรใครเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า รู้งี้รุ้งไปช่วยพายก็ดี

    ไม่ไปน่ะดีแล้ว เขาว่า ดื่มน้ำอีกหลายอึกใหญ่ อ่านหนังสือไปกี่ตัวล่ะเราน่ะ

    ยุ่งอยู่น่ะพี่กล้า ไม่มีสมาธิหรอก เดี๋ยวต้องเอาอาหารไปเลี้ยงแขกอีก

    ต้นกล้ากุลีกุจอยกถาดสำรับกับข้าวไปเอง สีรุ้งจะร้องเรียกแต่ก็ไม่ทัน ได้แต่มองตามงง ๆ

    พ่อกล้านี่ดีนะ ขยันขันแข็ง ยัยหนูไปหยิบเงินมาสิ ย่าจะติ๊บให้เขาซะหน่อย ย่าใหญ่ว่าอารมณ์ดี แล้วสีรุ้งก็ทำตามอย่างไม่ต้องลังเล

    ต้นกล้าปฏิเสธเงินที่หล่อนยื่นให้ แต่สีรุ้งก็ยัดใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเขาจนได้ ต้นกล้ามองหล่อนทำตาดุใส่ สีรุ้งก็เลยพูดเสียงเบา

    คิดซะว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยเสน่หานะพี่กล้า ย่าใหญ่ใจดีอยากให้ก็รับไว้เถอะ

    พี่ไม่อยากให้รุ้งมองว่าพี่เห็นแก่เงินที่มาทำให้นี่พี่ไม่ได้ทำเพื่อเงินนะ แต่ทำเพื่อ...

    จะเพื่ออะไรก็ช่างเถอะน่าพี่กล้า กลับบ้านได้แล้วรุ้งจะได้อ่านหนังสือจริง ๆ

    ต้นกล้าผิดหวังที่สีรุ้งไม่สนใจนัก หล่อนเดินเข้าห้องไปแล้ว เหลือแต่ย่าใหญ่ที่กำลังนั่งเย็บผ้าปูที่นอน กับย่าเล็กที่นั่งอยู่ที่ชานบ้านนั่งเลือกพริกแห้งอยู่ละมัง บ้านนี้เขาก็ดี ขยันขันแข็งแบบคนมืออยู่ไม่สุข ไม่มีใครนั่ง ๆ นอน ๆ หรือปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ เขาออกไปร่ำลาสำรวยที่กำลังจัดสวนดอกไม้ใหม่และติดป้ายชื่อโฮมสเตย์อย่างตั้งอกตั้งใจ

    จะกลับหรือกล้า ดูให้อาทีใช้ได้ไหม อาทำเองนะเนี่ย นี่ว่าจะต่อเติมห้องพักเพิ่มอีกสักหลังนะกล้าว่าดีไหม?

    มันน้อยไปหรือฮะอารวย เขาถามแล้วมองแผ่นป้ายไม้ของอารวย นึกชื่นชมในฝีมือของเขาไม่น้อย

    เผื่อไว้น่ะบางกรุ๊ปมากันเยอะ สิบกว่าคนแต่เรารองรับได้แค่เต็มที่แปดคน สิบกว่าคนนี่ต้องถามความสมัครใจเขาว่าจะอยู่ได้หรือเปล่า แต่อาน่ะไม่อยากให้อยู่แบบนั้นมันอึดอัดทั้งเราทั้งเขา

    นั่นสิครับอารวย แค่นี้อารวยก็รวยจะแย่แล้ว จะไปต่อเติมทำไมล่ะฮะ

    ก็จริง สงสัยความงกกำเริบ สำรวยหัวเราะเปิดเผย คนเรานี่บางทีก็โลภโดยไม่รู้ตัวว่าไหม

    ครับ... เขาตอบสั้น ๆ ไม่อยากพูดอะไรมาก ขอตัวสำรวยเดินกลับบ้านไปเงียบ ๆ

    ********************

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×