ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Kingdom of Magic ศึกรักแคว้นทั้งสี่ (Fic:af8)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่1: ปฐมบท (ขอแก้จากดิวเป็นปิ๊กนะค่ะ)

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 54


    บทที่1: ปฐมบท

    ณ.อาณาจักรแห่งหนึ่ง


    อาณาจักรแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนการปกครอง สี่แคว้นการปกครอง ซึ่งแต่ละแคว้นจะมีอำนาจและเวทมนตร์ต่างกันออกไป ดังนี้
    1.แคว้นอัคนี: อยู่ทางทิศตะวันตกของอาณาจักร เชี่ยวชาญทางเวทย์แห่งไฟ รวมถึงเวทย์ต้องห้าม หรือคำสาบต่างๆ ซึ่งเป็นแคว้นที่ไม่มีใครหน้าไหนกล้าต่อกร


    2.แคว้นวารี: อยู่ทางทิศตะวันออกของอาณาจักร เชี่ยวชาญทางเวทย์แห่งน้ำ ปกครองรักษาผืนน้ำทั่วราชอาณาจักร รวมถึงทรัพยากรสัตว์น้ำด้วย


    3.แคว้นตะวันฉาย: อยู่ทางทิศเหนือของอาณาจักร เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเวทย์ด้านแสง ดูแลทรัพยากรป่าไม้ทั่วอาณาจักร


    4.แคว้นรัตติกาล: อยู่ทางทิศใต้ของอาณาจักร เชี่ยวชาญด้านศาสตร์มืด รวมถึงการปกครองที่ค่อนข้างเป็นระเบียบ 


    ซึ่งตามสัดส่วนการแบ่งราชอาณาจักรจะมีศูนย์รวมของทุกแคว้นจะอยู่ที่จัตุรัสกลางอาณาจักรซึ่งทุกคนจะเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่านครท่า ซึ่งจะเป็นสถานที่ที่ผู้คนจากทุกแคว้นจะเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดกัน


    ณ.แคว้นรัตติกาล



    ในห้องประชุมแห่งนครรัตติกาลซึ่งในห้องประชุมประกอบไปด้วยเจ้าแห่งแคว้นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด คือเจ้าวัชรกาจน์ หรือ เฟรม นั่งอยู่บนหัวสุดของการประชุม ด้านซ้ายคือน้องสาวร่วมสายเลือด เจ้านางอรวรรณ หรือปิ๊ก ด้านขวาเป็นที่ปรึกษาเจ้านครซึ่งพ่วงตำแหน่งไปอีกหลายประการ นั้นก็คือคชา ซึ่งกำลังนั่งเคร่งเครียดกับข้อมูลต่างๆ และต่อจากนั้นก็เป็นขุนนาง ซึ่งเรียงลำดับความสำคัญต่อๆกันไป


    " ข้าได้ข่าวมาว่าปีนี้จะมีงานรวมเจ้าแห่งแคว้น" เฟรมเจ้าแห่งรัตติกาลพูดขึ้นมาเป็นการเปิดประเด็นการประชุม


    " ทูลฝ่าบาท งานรวมเจ้านครครั้งนี้ ได้ข่าวมาว่าจะจัดที่นครของเราเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นได้" ขุนนางคนหนึ่งถามขึ้น



    " ที่นครท่า มีการจลาจลขึ้น ทางบรรดาแคว้นต่างๆจึงตกลงกันว่าเพื่อความปลอดภัยให้จัดที่วังประจำแคว้นเลยดีกว่า ซึ่งปีนี้ดันมาตรงกับแคว้นเราที่เป็นฝ่ายจัดงาน" เฟรมพูดอธิบายให้เหล่าบรรดาขุนนางฟัง


    " ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีทางเราจะจัดเตรียมงานยังไงบ้างล่ะค่ะ" เจ้านางปิ๊ก ผู้เป็นน้องพูดขึ้น ออกมาอย่างตื่นเต้น


    " ก็คงไม่ต้องมีอะไรมากมายหรอก คชาเจ้าไปจัดเตรียมงานรวมถึงจัดสรรงบประมาณดีๆล่ะอย่าให้น้อยจนเสียชื่อแคว้นหรือมากเกินไปจนแคว้นลำบากได้" เฟรมหันไปสั่งคชา คชาก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจก่อนจะเขียนรายละเอียดต่างๆ


    " พี่เฟรมค่ะ ข้าว่าเราควรจะมีงานเต้นรำ" ปิ๊กเสนอ


    " มันเป็นงานประชุมนะปิ๊ก จะให้มีงานเต้นรำได้อย่างไร" เฟรมแย้งความคิดของน้องสาวตนเอง


    " แต่ข้าเห็นด้วยกับเจ้านางนะครับ" ขุนนางต่างก็เห็นพ้องต้องกัน


    " แต่ข้าว่ามันจะสิ้นเปลือง" เฟรมยังคงยืนยันกับความคิดของตน เพราะถ้าหากขืนให้มีมากกว่านี้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของแคว้นได้


    " ถ้าหากจัดสรรงบประมาณดีๆก็พอได้นะฝ่าบาท" คชาพูดขึ้นพลางส่งเอกสารที่ร่างรายละเอียดไว้ให้เฟรมดู


    " อื้ม...ก็ได้แล้วแต่พวกเจ้าล่ะกัน จัดการให้ทีล่ะกันคชา มีใครมีอะไรอีกไหม ข้าจะได้ปิดการประชุม" เฟรมเอ๋ยขึ้นเมื่อตกลงข้อเสนอต่างๆได้แล้ว


    " เออ...ฝ่าบาท...ข้าคิดว่าฝ่าบาทสมควรมี...."


    " ราชินี" เฟรมต่อคำให้เสร็จสรรพ เพราะว่าโดนเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว เรื่องที่จะให้ตนมีคู่ครองเนี่ย แต่มันยังไม่เจอคนถูกใจนี่น่า จะให้มีได้ยังไงกัน แถมอีกอย่างนะการไม่ผูกมัดกับใครมีความสุขจะตายไป


    " ใช่ครับ" ขุนนางผู้นั้นตอบรับ


    " เฮ้อ~ จะให้พูดซักกี่ครั้ง ข้ายังไม่อยากมีราชินี" เฟรมพูดอย่างหน่ายๆ จะเถียงอะไรก็ไม่เคยชนะ


    " แต่ว่าฝ่าบาท......"


    " พอกันที เลิกประชุม!" เฟรมโบกมือเป็นเชิงไล่ก่อนจะร่ายเวทย์ให้เหล่าบรรดาเอกสารกลับเข้าที่พร้อมส่งสายตาไล่เหล่าบรรดาขุนนางเต็มที่


    " ท่านพี่ เกินไปไหมค่ะ" ปิ๊กที่เห็นถ้าไม่ไหว ลุกขึ้นมาเอ็ดพี่ชายของตน


    " อย่ายุ่ง! จะไปไหนก็ไป" แต่เฟรมก็ไม่วายขึ้นเสียงใส่น้องของตน จนปิ๊กหน้าเสียไปเลย


    " ท่านพี่เลือกเองนะค่ะ" ปิ๊กชักสีหน้าใส่พี่ชายของตนแล้วเดินออกไปทันที


    " เดี๋ยวข้าจัดการให้แล้วกันฮะ" คชาพูดขึ้นกับเหล่าบรรดาขุนนาง


    " ฝากด้วยนะคชา" ขุนนางหลายๆต่างเดินมาตบไหล่คชาเบาๆเป็นเชิงฝากความหวังไว้กับคชาได้แค่คนเดียวและเมื่อทุกคนออกไปแล้ว คชาก็หันไปมองฝ่าบาทของตนด้วยสายโมโห


    " ฝ่าบาท!"


    " โธ่! คชาข้ายังไม่อยากมีคู่ครอง" เฟรมเห็นถ้าไม่ดีเลยตัดสินใจพูดกับคชาดีๆ เฟรมไม่อยากจะมีเรื่องับคชาเพราะรู้ตัวดีว่าหากคชาโกรธตนต้องตายแน่ๆ เฟรมกับคชาเป็นเพื่อนกันมาก่อนตั้งแต่ที่เฟรมยังไม่เข้ารับตำแหน่งเจ้าแห่งแคว้นด้วยซ้ำไป เฟรมจึงรู้ดีว่าในความเงียบของคชานั้นมันน่ากลัวแค่ไหน เผลอๆ อาจจะโดนเวทย์นิทราของคชาเข้า เคยโดนไปหนหนึ่งหลับไป3วันติด ตื่นมาอีกทีบรรดาหญิงสาวในหอนางโลมหายหมดจะโว๊ยวายก็ไม่ได้เซ็งตรงนี้ล่ะ (แกเซ็งเรื่องไรว่ะเฟรม อย่าลามก~:ไรเตอร์บุพเพ)


    " แล้วทำไมฝ่าบาทไม่คิดถึงรัชทายาท แคว้นอื่นๆเขาก็มีชายากันเกือบหมดแล้วหรือฝ่าบาทมาบอกว่าหาคนถูกใจไม่ได้หรือความจริงฝ่าบาทไม่คิดรักใคร" คชาร่ายยาวเต็มที่ อาณาจักรนี้การจะมีคู่ครองไม่ยึดติดเรื่องเพศจึงสามารถทำให้เพศเดียวกันแต่งงานกันได้ แถมมีบุตรได้ด้วย นี่ขนาดไม่จำกัดเพศฝ่าบาทของตนยังหาคู่ไม่ได้เลย เวรกรรมอะไรกันเนี่ย


    " เข้าใจแล้วคชา ข้าจะพยายามหาคู่ครอง ตกลงไหม" เฟรมถึงกับต้องยอมแพ้


    " งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะได้หมดห่วงซักที" คชาถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ


    " คชา...เจ้าหนีพอรึยัง?" จู่ๆเฟรมก็ถามขึ้นมา


    " เหตุใดฝ่าบาทถึงถาม" คชาถามกลับอย่าเหม่อลอยนี่กะว่าตนจะไม่คิดถึงมันแล้วนะ


    " งานรวมเจ้าแห่งแคว้นเจ้าจะหนีพ้นหรอคชา" เฟรมยังคงถามต่อ


    " ข้าไม่รู้...." คชาพึมพำกับตัวเอง


    " คชา...เจ้าก็รู้แคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดก็คืออัคนี เจ้าเคยสงสัยไหมล่ะว่าอัคนีไม่เคยญาติดีกับแคว้นไหนๆนอกจากรัตติกาล"


    " หยุดพูดนะฝ่าบาท ข้าไม่อยากฟัง" คชารีบปิดหูตัวเองทันทีพร้อมกับหยาดน้ำตาใสๆที่เริ่มใหลรินลงมา


    " คชา...เต๋ามันรักเจ้ามาก เหตุกาณ์ในอดีตที่มันทำลงไปก็เพื่อแคว้น ยังไงหน้าที่มันก็ต้องสำคัญกว่าถูกไหม มันไม่ได้คิดจะทิ้งเจ้า" เฟรมยังคงย้ำเตือนอดีตระหว่างคชากับเต๋าไม่เลิก


    " ฮึก...พอเถอะฝ่าบาท...ยังไงข้าก็ไม่คู่ควรอยู่ดี...ฮึก...ข้าขอตัวทูลลาฝ่าบาท" คชาพยายามเก็บเสียงสะอื้นของตัวเองเบาๆก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องประชุมทันที


    คชาเดินออกมาตรงระเบียงของวังพลางมองวิวโดยรอบอย่างเหม่อลอย ใช่! ตนรู้จักเจ้าแห่งแคว้นอัคนีดี ผู้ปกครองแคว้นก็คือฝ่าบาทเศรษฐพงค์หรือเต๋า ซึ่งตนรู้จักดีมาก ดีจนถึงขั้นไม่อยากนึกถึง อยากลบเลือนออกไปจากหัวใจ อยากจะหนีมันไปให้พ้นๆแต่ก็ไม่เคยทำได้


    เต๋ากับคชารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยยังศึกษาตำราเวทย์ต่างๆซึ่งทั่งคู่ต่างก็แอบรักกันจนสุดท้ายก็กลับกลายมาเป็นคนรักกัน แต่ดูเหมือนจะรักกันไม่ได้นาน ตนได้ข่าวว่าเต๋ามีคู่หมั่นคู่หม้ายอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับตนเอง ตนเองด้อยกว่าเห็นๆจึงถอยห่างจากเต๋ามา และดูเหมือนเต๋าเองก็รักคู่หมั่นของตนมาก ตนจึงขอเป็นฝ่ายจากมาเอง 


    และคชาก็ตัดสินใจครั้งที่แสนยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต นั้นก็คือการถวายงานรับใช้แผ่นดิน จนจากขุนนางระดับล่างเลื่อนขั้นขึ้นมาเรื่อยๆ จนเป็นขุนนางระดับสูงจนถึงขั้นกลายเป็นที่ปรึกษาเจ้าแห่งแคว้นไปเลย แต่คชาไม่ได้รู้เลยซักนิดว่า หนทางที่คชาเลือกเดินนี่ล่ะ จะเป็นหนทางที่จะเปลี่ยนชนชั้นตัวเองไปจนวันตาย


    " เมื่อไรข้าจะหนีท่านพ้นซักที...เต๋า"   



    *******************************************************************************************


    สั้นไปไหม~ ยังไงบุพเพก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ ไม่รู้จะถูกใจรึเปล่าแต่กรุณาช่วยเม้นซักนิดเถอะค่ะ จะขอบคุณมาก

    บุพเพขอสารภาพบาป เมื่อกี้มีใครแอดเมลล์บุพเพมา คอมมันรวนบุพเพเลยกดทิ้ง ยังก็ช่วยแอดมาใหม่นะค่ะ ขอโทษจริงๆนะค่ะ



    ขอโทษนะค่ะไรเตอร์มึนไปหน่อย ความจริงดิวจะออกตอนหน้า แต่ไรเตอร์พิมชื่อผิดแถมจำสลับกันอีก ToT เดี๋ยวตอนดึกๆจะมาอัพอีกตอนไถ่โทษแต่ขอไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×