ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 8..ห้วงนิทรา
8
หลับ
โรงพยาบาล .....
“ เคลียร์ 1 เป็นไง เคลียร์อีกครั้ง เคลียร์ 2 “
เสียงผู้คนสีห้าคนที่ฟังไม่ได้ศัพท์นัก เสียงที่ชาร์ตหัวใจที่ปั้มอยู่ที่หน้าอกของหญิงสาวร่างผอมบาง สายฝนกอดไหล่ผู้เป็นพ่อที่กำลังนั่งร้องให้เขาดูไม่ต่างกับผู้เป็นพ่อนัก น้องสาวที่หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน หมอเข้าไปนานแล้วยังไม่ออกมาเสียที แล้วสายฝนก็หันไปดูเมื่อทีมหมอและพยาบาลเดินออกมา
“ เธอกลับมาแล้วครับดูลูกสาวคุณจะฮึดมากเลยนะครับเธอยังไม่ยอมแพ้ ตอนนี้คุณเข้าไปได้แล้วครับแต่เธอยังหลับอยู่”
“ ขอบคุณครับคุณหมอ ขอบคุณ “
นันทเสนกล่าวด้วยเสียงสั่นๆ เขาคิดว่าจะต้องเสียเธอไปเสียแล้ว นันทเสนเดินเข้าไปในห้องอย่างอ่อนแรง สายฝนพยุงผู้เป็นพ่อไว้ตลอดเวลา นี่ก็จะสี่เดือนแล้วนะ สองเดือนข้างหน้าก็วันเกิดฟ้าใสแล้วเธอจะไม่ได้กลับมาเป่าเค้กแล้วจริงเหรอเนี่ย นันทเสนเกาะแขนอันผอมบางนั่น แล้วต้องเบิกตากว้างเมื่อมือเล็กๆของฟ้าใสกุมมือเขาไว้แล้วขยับเบาๆ สายฝนมองอย่างไม่เชื่อสายตา ฟ้าใสกระพริบตาริกๆ เหมือนเธอพยายามที่จะลืมตาขึ้น นันทเสนหันมากุมมือนั่นแทน สองพ่อลูกมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“ เข้มแข็งไว้นะฟ้าใส อย่าเพิ่งทิ้งพ่อกับพี่ฝนไปตอนนี้ นะ สัญญาซิฟ้า สัญญากับพ่อ “
เธอขยับนิ้วเบาพร้อมยิ้มพรายบนใบหน้า แล้วบางครั้งคิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเธอกำลังต่อสู้กับตัวเอง สายฝนสังเกตอยู่ตลอดเวลาเขาสงสารน้องเหลือเกิน น้องคงทรมานมาก เขายังจำฟ้าใสก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาลได้ น้องสาวของเขาขี้อ้อน น่ารักมีเหตุผลรักสัตว์เธอร่าเริงตลอดเวลาทั้งๆที่หัวใจดวงน้อยไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็กเพราะแม่ของเขาท้องน้องสาวคนนี้ขณะที่ตัวเองป่วย พอฟ้าใสเกิดแม่ก็ตายไป แต่พ่อก็ไม่คิดจะมีใครใหม่ ยอมดูแลน้องด้วยตัวเองมาตลอดสิบหกปี สายฝนมองผู้เป็นพ่อด้วยความศรัทธา พ่อเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอมา
ไนต์คลับแห่งหนึ่ง ....
“ ไอ้แมท เป็นไงวะช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย สาวหนีหมดหรือไงวะ ธรรมดาข้าเห็นไม่หนีบน้องหวานก็น้องแอน แล้วนี่ฉายเดี่ยว “
แมททิวยกแก้วเบียร์ในมือซดก่อนจะหันไปมองนักร้องบนเวทีนั่นร้องเพลง แสงไฟสลัวๆ มีบางคู่ก็ออกไปร่ายรำเนิบนาบตามจังหวะเพลงที่ฟลอเต้นรำนั่น แมททิวแอนหลังไปพิงโซฟาแล้วหันมามองเพื่อนอีกครั้ง
“ ไม่รู้ซิก็แค่รู้สึกเบื่อๆน่ะ ไม่มีอะไรหรอก แล้วแกล่ะงานผ่านแล้วซิ ถึงอารมณ์ดีจะเลี้ยงฉัน “
“ ใช่แล้วผ่านฉลุยเลย ข้าจบแล้วโว้ย มะรืนก็เทสรอบสุดท้ายแล้ว แล้วแกล่ะ “
เสกสรรหันมองเพื่อนชายที่ไม่เจอกันไม่กี่วันดูเงียบขรึมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น สงสัยคงเจอศึกหนัก ก็ต้องเรียนรู้ทุกอย่างนี่นะ เป็นลูกเจ้าของบริษัทที่เปิดสาขาไปทั่วโลกร้อยกว่าแห่งแล้วคงไม่ใช่ภาระเล็กๆกระมัง แล้วเสกสรรก็นึกถึงเอ็ดเวิร์ทพ่อของเพื่อนที่ เขร่งขรึมและเคร่งครัดในกฎระเบียบมาก ขนาดเป็นเพื่อนกับลูกชายเสกสรรไม่เคยกล้าคุยกับพ่อเพื่อนคนนี้เลย แค่เห็นก็หนาวแล้ว
“ นี่คุณเอ็ดเวิร์ทจะมาเมืองไทยวันไหนน่ะ “
“ ก็คงวันที่ฉันจบนั่นหละ นี่จะให้ฉันไปเรียนต่อทันทีที่จบจากนี่ เกี่ยวกับงานที่บริษัทน่ะ “
“ เป็นแกนี่ก็น่าสงสารนะที่จริงพ่อแกน่าจะมีลูกซักโหลจะได้ช่วยกันทำงานไง ไม่ใช่มีแกอยู่คนเดียว ยังงี้ต่อไปก็ไม่มีเวลาให้เพื่อนฝูงน่ะสิ “
“ บ้า! ไม่ถึงขนาดนั้นโว้ย พออยู่ตัวก็นั่งเช็คข้อมูลอยู่ที่บ้านก็ได้ แล้วถ้าที่ไหนมีปัญหาก็ค่อยลงไปซักครั้ง “
เสกสรรพยักหน้ามองเพื่อนพูดอย่างตั้งใจ ก่อนสะดุ้งเมื่อมีมือมาโอบต้นคอไว้ เขาหันไปมองเจ้าของมือ หญิงสาว สายเดี่ยวสีดำกางเกงสีดำรัดรูป เธอยิ้มให้ก่อนหันไปมองแมททิว แมททิวยิ้มตอบ
“ ลิต้า มาไงครับเนี่ย .”
แมททิวเอ่ยทักขณะที่เสกสรรยังมองค้างอยู่ ด้วยสีหน้างงๆ
“ ต้า นี่เสกสรร เพื่อนผม เฮ้ยเสกนี่ลิต้า เพื่อนฉันเอง แล้วคุณนั่งโต๊ะไหนรึยังต้า ถ้าไม่รังเกียจก็นั่งที่นี่เถอะจะได้คุยกัน “
แล้วหญิงสาวก็เข้าไปนั่งอิงไหล่แมททิว เอามือคล้องแขนไว้ ก่อนหันมามองเสกสรรอย่างยั่วยวน เสกสรรมองเธออยู่เช่นกัน ผู้หญิงคนนี้ร้อนแรงใช่เล่น เสกสรรคิด
“ ก็อยากนั่งหรอกค่ะ แต่อยากให้เราอยู่กันแค่สองคนมากกว่าค่ะ แล้ววันนี้ลิต้าก็มีนัดแล้วด้วย วันหลังต้าชวนคุณออกมาทานข้าวด้วยกันนะคะ แล้วขอเบอร์ใหม่ให้ต้าด้วย คุณชอบเปลี่ยนเบอร์อยู่เรื่อย “
แล้วแมททิวก็หยิบโทรศัพท์ในมือขึ้นมากดส่งเบอร์ให้เธอก่อนกดปิด แมททิวมองโทรศัพท์แล้วมองนาฬิกา ห้าทุ่มแล้วเมย์คงนอนแล้ว
“ ลิต้าไปแล้วนะคะ เพื่อนมาแล้ว เดี๋ยวลิต้าจะโทรไปคุยนะ ไปนะคะ คุณเสกสรร “
แมททิวมองไปยังประตู ชายหนุ่ม ใส่สูทสีเทาที่พึ่งเข้ามา ลิต้าเดินเข้าไปคล้องแขนชายหนุ่ม แล้วเขาก็หันมามองโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง เสกสรรมองเพื่อน ที่มองโทรศัพท์อย่างลังเล
“ นี่ ข้าถามจริงๆเถอะ ตอนไปฝึกงานนี่ แกไปปิ้งใครไว้หรือเปล่าว้า ข้าเห็นมองโทรศัพท์หลายรอบอย่างเอ็งนี่ต้องลังเลในการจีบสาวด้วยเหรอวะ ข้าเห็นสาวๆวิ่งเข้าหาทุกที อยากโทรทำไมไม่โทร ไม่กล้าเหรอ มาข้าโทรให้ “
“ ไม่ต้อง ! ข้าโทรเองได้ “
แล้วแมททิวก็กดโทรศัพท์ แต่ไม่มีคนตอบรับ สายติดแต่ไม่รับ เขารู้ดีว่าเวลาที่เมริสาหลับเธอหลับเป็นตายใครปลุกยังไงก็ไม่ตื่น
“ คงหลับไปแล้วหละ ..ไม่รับสาย “
“ นี่อย่าบอกว่ารายนี้แกจริงจังน่ะ ข้าเห็นซีเรียดจัง “
เสกสรรมองเพื่อนที่มองโทรศัพท์อย่างผิดหวังก่อนเก็บมันไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม
“ ไม่ใช่อย่างนั้น “
“ ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันอย่างไหนล่ะ “
“ ไม่มีอะไรหรอกน่า ..”
แมททิวตัดบทด้วยการยกแก้วเบียร์ขึ้นชนแก้วกับเขา เหมือนรู้เสกสรรไม่เซ้าซี้ที่จะถามอีก เพราะแน่ใจว่าถ้ามีอะไรจริงเพื่อนคงบอกเขาโดยไม่ต้องถาม
แมททิกลับถึงคอนโดเมื่อเวลาตีหนึ่งแล้ว เขากดเปิดไฟแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นเมริสานอนฟุบอยู่หน้าห้องเล็กนั่น เขารีบเข้าไปแล้วคว้าเธอเข้ากอดไว้ เขย่าปลุกเธอเบา ไม่มีปฏิกิริยาจากคนในอ้อมแขน เขาอุ้มเธอเข้าไปยังห้องเล็ก วางเธอลงบนเตียงห่มผ้านวมหนานุ่มแค่ระดับอก แมททิวมองหน้าเมริสาหวังว่าเธอคงไม่ได้ล้มนะ หญิงสาว ที่หลงทางเข้ามาอยู่ในบ้าน และตอนนี้เธอกำลังจะก้าวเลยไปข้างใน..นั้นด้วยกระมัง แมททิวลุกขึ้น เขาก้มลงบรรจงจูบหน้าผากนั่นแผ่วเบา ก่อนเดินกลับออกไป
แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เมริสาตื่นขึ้นมาด้วยอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว เธอลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วกระพริบตาถี่ๆเมื่อเห็นแมททิวนั่งอยู่ข้างเตียง
“ พี่แมท ..”
“ เมย์ .. น้องเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ปวดหัวหรือเปล่าเมื่อคืนพี่เห็นเราฟุบอยู่ตรงหน้าห้อง ล้มหรือเปล่า”
เมริสาจะขยับตัวเธอจำได้ว่าเมื่อวานก่อนที่เธอจะหมดสติเธอเหมือนถูกกระแสไฟหรืออะไรบางอย่าง
ช็อตเองอย่างรุนแรง มันมีพลังกว่าทุกครั้งแล้วแต่ละครั้งพลังมันมากขึ้นเรื่อย ๆ แมททิวมองสีหน้าเมริสาสีหน้าไม่ดีเลย เขาเอามือแตะหน้าผากเธอเบามือ เมริสายิ้มกับสีหน้าที่แสดงความเป็นห่วงนั่น
“ ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่ หน้ามืดเหรอ “
เมริสาพยักหน้าก่อนขยับลุกขึ้น แต่ด้วยอาการเพลียและเมื่อยอย่างรุนแรงเธอเป็นอะไรกันแน่นะ แล้วเมริสาก็ฝืนตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ เธอไม่อยากให้เขากังวล
“ นอนต่อเถอะเมย์ วันนี้พี่หยุด เดี๋ยวพี่จัดการเองนะ เมย์อยากกินอะไร บอก เดี๋ยวพี่ทำให้ “
“ เมย์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมย์ทำได้ “
เมริสาลุกขึ้นยืนขณะที่แมททิวกำลังจะก้าวออกไป เมริสาคว้าแขนเขาไว้เมื่อรู้สึกหน้ามืดแล้วก็เธอทรุดลงข้างเตียง แมททิวพยุงให้เธอนั่งบนเตียง ทำไมวันนี้เมริสาดูไม่ดีเลย เขาให้เธอนอนก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องเมริสาหลับไปอีกครั้งด้วยความเหนื่อยล้า
“ เป็นไงบ้างครับหมอ “
แมททิวถามทันทีที่หมอเก็บกระเป๋าเครื่องมือ
“ จากที่หมอตรวจก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ความดันต่ำไปหน่อยเธอเลยหน้ามืดและอ่อนเพลีย ได้พักซักหน่อยก็ดีขึ้นแล้วหละครับ ไม่ต้องห่วง ต้องให้เธอกินพวกตับเยอะๆครับ อาหารบำรุง ต่างๆ “
แมททิวฟังอย่างโล่งอก เขาเดินไปส่งหมอแล้วกลับมายังห้องครัวเพียงครู่ใหญ่ๆ เมริสาก็เดินออกมา แมททิวกำลังทำอะไรบางอย่างด้วยความคล่องแคล่วพอควร เขาหันไปมองหญิงสาวที่สีหน้าดูดีขึ้น
“ ให้เมย์ช่วยไหมคะ เมย์หายแล้วค่ะ “
“ ช่วยซิช่วยทานให้หมดนะ เพราะพี่ตั้งใจทำมากเลย ไปนั่งไป เสร็จแล้วหละ “
แล้วเมริสาก็ยอมไปนั่งแต่โดยดี แมททิวถือจานอาหารตามมาติดๆ กลิ่นหอมฉุยเมริสาชะโงกดูอาหารที่เขาถือมา แมททิววางจานตรงหน้าแล้วก็ถือของตัวเอง นั่งเก้าอี้ตัวถัดไป
“ ไข่ทรงเครื่อง “
เมริสามองเมื่อแมททิวบอกชื่ออาหาร กลิ่นน่าทานทีเดียว แมททิวแบมือเหมือนเชิญทานได้ แล้วเมริสาก็ลงมือตักอาหารเข้าปาก แล้วเธอก็หันมองคนตรงหน้าที่กำลังลุ้นเมริสายิ้มกับอาการนั่น
“ อ้าว ไม่อร่อยเหรอ อุตส่าห์ทำสุดฝีมือเลยนะเนี่ย “
“ ใครบอกล่ะว่าไม่อร่อย อร่อยที่สุดเลยค่ะ จริงๆ “
เมริสาพูดย้ำเมื่อเขาทำหน้าเหมือนไม่แน่ใจว่าเธอชมจริงหรือเล่น แมททิวยิ้มอย่างดีใจก่อนจะก้มลงจัดการอาหารของตัวเอง อย่างรวดเร็ว
“ วันนี้เมย์ยังไม่แข็งแรงค่อยไปเรียนวันพรุ่งนี้แล้วกันนะ เดี๋ยวพี่โทรไปบอกเพื่อนว่าเราไม่สบาย “
ใช่ซินะนี่ก็วันเสาร์แล้วนี่นา แมททิวเคยบอกว่าจะพาเธอไปเรียนกับเพื่อน เธอแข็งแรงแล้วจะทำให้เขาเสียคำพูดกับเพื่อนเพราะเธอไม่ได้
“ เมย์สบายแล้วค่ะพี่แมท อย่าเสียคำพูดเพราะเมย์เลยค่ะ เมย์ดีขึ้นแล้วจริงๆ นะคะ เมย์อยากเรียนเร็วๆ “
แมททิวมองหน้าหญิงสาว เธอดูสีหน้าดีขึ้น แต่เขาก็ยังกังวลอยู่
“ งั้นก็ได้ เราแน่ใจนะว่าหายดีแล้ว “
แมททิวมองเมริสาอีกครั้งเธอพยักหน้า แล้วยิ้มให้เขาอย่างอ้อนออด
“ เมย์หายแล้วจริงๆค่ะพี่ ไปเรียนกันนะ..นะ “
“ งั้นก็ตามใจ”
เมททิวถอนหายใจก่อนที่จะลุกเอาจานของเขาและเธอไปล้าง เมริสามองตามพี่ชายก่อนลุกตามไปช่วย แมททิว มองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เมริสาสูงขึ้นรู้สึกว่าเธอจะสูงเร็วผิดปกติ เมริสาจ้องหน้าเขาแล้วเอาไหล่ชนไหล่หนานั่นเบาๆ เขามองหน้าแล้วกระแทกไหล่เล็กๆนั่นเมริสาเซออกเล็กน้อย ก่อนหันมากระแทกกลับแล้วรีบวิ่งออกไป
“ นี่กลับมานี่เลย ชนแล้วจะหนีไปไหนล่ะ เมย์ เอ้ยขี้โกงนี่นา “
เมริสาวิ่งออกมาทันทีเมื่อจานใบสุดท้ายถูกเก็บ แมททิวตามมาทันที และคว้าเธอไว้ก่อนที่เมริสาจะวิ่งเข้าห้องไปแล้วสายตาของเมริสาก็หันไปเห็นไม้ปัดขนไก่ที่วางอยู่ในชั้นวางหนังสือนั่นเอง
“ ว้าย ! พี่แมท นี่ๆๆ ๆๆมาซิเข้ามาซิ เข้ามาเลยๆ “
เมริสาฉวยไม้ปัดขนไก่แล้วแกว่งไปมาขณะที่มืออีกข้างยังอยู่ในมือเขา แมททิวดึงร่างบางเข้ามากอดไว้เอาคางเคลียข้างแก้มนั้นเบาๆ เมริสาป้องแล้วเธอก็กดคอเขาลงก่อนหันกลับไปเกาะอยู่ข้างหลังแทน เมริสาเกาะเขาแน่นจากข้างหลัง
“ ไปเลย พ่อม้า ศึก ไปเลย “
เมริสาโอบต้นคอเขาไว้เขย่าแรงๆ แมททิวก้าว แต่แล้วเขาเผลอสะดุดเจ้าหมอนสามเหลี่ยมล้มตึงลงไปตรงพื้นพรหม เมริสาที่เกาะหลังเขาอยู่ก็โถมตัวตามลงมา
“ โอ้ย ! อุ๊บ ! “
“ พี่แมท พี่แมทเป็นไงบ้าง ! เมย์ขอโทษ .”
แมททิวฟุบหน้า เมริสาเขย่าเมื่อเห็นเขาฟุบหน้านิ่ง เมริสาเริ่มใจไม่ดี เธอเขย่าเขาอีกครั้ง แต่เขายังคงเงียบอยู่
“ พี่แมทอย่าเล่นอย่างนี้ซิ พี่แมท พอเถอะพี่แมท พี่...”
เมริสาพลิกตัวเขาให้หงายขึ้น เมริสาใจไม่ดีจริง ๆ ใช่แล้วเธอต้องตามหมอสิ แล้วเมริสาก็กำลังจะลุกแต่ทันใดนั้นแมททิวคว้าข้อมือเธอไว้ เมริสาหันมามองหากน้ำตาคลอเบ้า นั่นทำให้แมททิวใจหายไม่น้อย เขาคว้าเธอเข้ามากอดด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“ พี่แมท.. อย่าล้อเมย์เล่นอย่างนี้อีกได้ไหม เมย์รู้สึก ..รู้สึก..รับมันไม่ได้..ที่..ที่จะต้องสูญเสีย เมย์ทนไม่ได้ พี่อย่าทำอย่างนี้อีกนะจ๊ะ สัญญาได้ ไหม.. นะ.. “
เมริสาสะอื้นตัวโยน เธอก็ไม่รู้เหมือนกันเมื่อนึกถึงการสูญเสียเธอรู้สึกมันจุกอยู่ตรงอก มันทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก ..ทำไมนะ ..เมริสาสะอื้น มีอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวเธอมันกำลังสั่นกลัว ร่างที่สะอื้นของเมริสา ทำให้แมททิวลูบหลังเธอไปมา เมริสาซุกหน้ากับอกกว้างของชายหนุ่ม เธอไม่อยากสูญเสียอะไรอีกแล้ว..พอแล้ว..
“ จ๊ะ ๆ พี่สัญญา พี่สัญญา เมย์อย่าร้องเลยนะ พี่ขอโทษ ไม่คิดว่าเมย์จะตกใจขนาดนี้ ขอโทษนะ “
แล้วแมททิวก็กระชับกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น