ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมริสา..รักนี้เพื่อเธอ

    ลำดับตอนที่ #3 : 3..รับเลี้ยง

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 50


    3...รับเลี้ยง
     
    โอ้ย อะไรกันเนี่ยเขาต้องมารับผิดชอบใครก็ไม่รู้ อยากจะบ้าตาย นี่ถ้าพ่อแม่เธอไม่มารับจริง ๆ เขามิต้องดูแลเด็กคนนี้ตลอดไปหรอกรึ โอยไอ้แมทนะไอ้แมท อิสระอันหอมหวานกำลังจะอันตรธานหายไป เฮ่ย คิดแล้วมันเศร้า
                    พี่แมท พี่เป็นอะไรคะ ตั้งแต่เข้ามานั่ง แอนเห็นพี่ถอนหายใจตลอด เบื่อแล้วเหรอคะ งั้นเราเปลี่ยนที่ไปหาอะไรที่มันมันส์กว่านี้ไหมคะ
              “ ขอโทษนะ พี่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ทีนี่แหละดีแล้วไม่วุ่นวายดี
    แอนนี่หันมามองเขาขณะที่เพลงบรรเลงแว่วหวานดังขึ้น
                    ซักเพลงนะคะ ไปค่ะ
    แอนนี่ดึงแมททิวไปยังฟลอเต้นรำ หญิงสาวโชว์ลีลาการร่ายรำอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีเคอะเขิน แมททิวก็พอกันเขาเป็นหนุ่มนักท่องราตรีคนหนึ่งที่ร้านต่างๆต่างคุ้นหน้าเขาดี หากแต่คนที่เขามักไปด้วยประจำนอกจากสาวๆแล้วก็คือชายหนุ่มร่างท้วมอีกคน
                    โอ้ย!
              “ ขอโทษ แอนนี่ ผมขอโทษ
    แมททิวก้มลงมองเท้าของหญิงสาวที่เขาเผลอเหยียบไป แอนนี่ผละจากเขาแล้วเดินเข้ามายังโต๊ะ แมททิวตามมาติดๆ
                    วันนี้พี่เป็นอะไรคะ ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย แอนนี่ว่าวันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่าค่ะ
    เขาเดินมาโอบหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แอนนี้ยิ้มแล้วหันไปมองชายหนุ่ม
                    วันหลังผมค่อยแก้ตัวนะ
              “ แน่นะคะ พี่สัญญาแล้วนะคะ งั้น วันนี้พี่ไม่ต้องไปส่งแอนนี่หรอกค่ะ แอนนี่มีคนมารับ
    แมททิวปล่อยหญิงสาวแอนนี่มองเขาอย่างเสียดายเธอยอมรับว่า ไม่ว่าคนตรงหน้าจะสายหรือผิดสัญญากี่ครั้งมาแล้วพอเจอลูกอ้อนของแมททิวก็ทำให้เธออ่อนได้ทุกทีซิน่า แล้ว แอนนี้ก็ลุกขึ้นเธอยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนหอมแก้มสากนั้นเบาๆก่อนเดินจากไป
                   
    ที่มหาวิทยาลัย.............
    แมททิวหันรีหันขวางเหมือนมองหาอะไรซักอย่าง เขาเดินตรงเข้าไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์   ผ่านไปยังตึกด้านหลังตรงม้าหินอ่อนมีนักศึกษานั่งอยู่สี่ห้าคน แมททิวเดินตรงไปยังจุดนั้นทันที
                    อ้าวเฮ้ย ! วันนี้เด็กบริหารบุกคณะวิศ-วะ เว้ย บุกเดี่ยวเสียด้วย ! มีอะไรไหมเพ่ ! กล้าบุกเดี่ยวเหรอ
    เสียงกวนๆที่ผ่านคนกลุ่มที่นั่งอยู่ ชายหนุ่มร่างท้วม ลุกขึ้นเอามือป้ายจมูก ก่อนเดินมายังจุดที่แมททิวยืนอยู่
                    เฮ้ยมีอะไรวะ เพื่อน วันนี้มาถึงขณะ เรื่องด่วนใช่ไหม 
    เสกสรรมองหน้าเพื่อนที่คิ้วขมวดเข้าหากัน แมททิวพยักหน้า ก่อนเดินนำเพื่อนไปยังม้าหินอีกตัวที่ว่างอยู่ เสกสรรหันไปมองยังกลุ่มเพื่อนที่เขาลุกออกมาเมื่อครู่
                    เฮ้ย ! ขอตัวเดี๋ยว เดี๋ยวมา
    แมททิวมองตามเสกสรร ซึ่งในกลุ่มกำลังขีดๆเขียนอะไรบางอย่าง เพื่อนกลุ่มนั้นหันมาพยักหน้าก่อนที่จะก้มหน้าลงไปเขียนต่อ
                    รบกวนรึเปล่าวะ
              “ เอ้ย นิดหน่อย ไม่เป็นไร เสนองานจบน่ะ งานกลุ่ม คิดมาเป็นอาทิตย์แล้วกะจะเคลียร์ให้เสร็จในเทอมนี้   แกมีอะไรรึเปล่าวะ สำคัญละซิ หรือคิดไม่ตก   ไปทำใครเค้าท้องรึไง
              “ ไอ้บ้า ไม่ถึงขนาดนั้นโว้ย เอ่อจะเล่าไงดีว่ะ แกจำเรื่องเด็กที่ฉันส่งไปโรงพักได้ไหม
    เสกสรรทำทีนึก ก่อนที่จะหันมามองเพื่อน
                    ทำไม ก็เห็นตำรวจบอกไม่ใช่เหรอว่าพ่อกับแม่เขามารับแล้ว แล้ว มีอะไร..
    แมททิวมองเพื่อนชาย เขาจะบอกอย่างไรดีล่ะ แล้วถ้าวันนี้พ่อแม่เขาอาจจะมาจากต่างจังหวัดก็ได้ รออีกซักหน่อยแล้วค่อยบอกดีกว่าไหม เสกสรรหันมามองเมื่อเพื่อนเงียบไป
                    เอ้า มีอะไรก็บอกซิวะ จะได้กลับไปทำงานต่อ เดี๋ยวไอ้พวกนั้นมันเฉ่งเอา แล้วฉันค่อยโทรไปแล้วกันนะ อย่าคิดมาก
    แล้วเสกสรรตบไหล่เขาเบาๆก่อนเดินเข้าไปยังกลุ่มเหมือนเดิม แมททิวเดินกลับไปยังที่จอดรถ เขาลังเลก่อน ที่จะขึ้นรถ วันนี้เด็กสาวจะออกจากโรงพยาบาล เขาควรปล่อยเธอไว้หรือกลับไปรับเธอ ดี นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรเก็บมาคิดด้วยซ้ำ เขาไม่ได้เป็นญาติ ไม่ได้รู้จัก เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น ไม่จำเป็นเลย เพราะถ้าเขาใจอ่อนภาระอีกมากมายรอเขาอยู่แน่ๆ แล้วแมททิวก็สตาร์ทรถออกไป
     
    โรงพยาบาล...........
                    ตื่นแล้วเหรอคะวันนี้ก็ได้กลับบ้านแล้วนะ ดีใจล่ะซิคะ
    เด็กสาวมองพยาบาลที่กำลังวัดความดันให้เธอ ใช่แล้วเธอดีใจที่จะได้ออกจากโรงพยาบาล แต่ที่เธอกังวลเค้าจะมารับเธอหรือเปล่าคนที่เธอไม่รู้จักแม้ชื่อ   แล้วเธอก็หันมองยังประตู นี่ก็บ่ายแล้ว ด้วยความกังวลพยาบาลจึงเข้ามาถาม 
                    ปวดท้องเหรอคะ
    หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอยิ้มให้พยาบาลก่อนชี้ออกไปข้างนอก
                    อยากไปเดินเล่นเหรอคะ
    เด็กสาวพยักหน้า พยาบาลมองขวดน้ำเกลือที่ตอนนี้ใกล้หมดแล้ว เธอถอดสายน้ำเกลือ ก่อนที่จะพาเด็กสาวออกไปเดินที่ระเบียง ซึงตกแต่งไว้ด้วยพันธุ์ไม้ประดับนานาชนิด มีเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนของผู้ป่วยและญาติที่มาเยี่ยม เด็กสาวเดินมาหยุดอยู่ที่กำแพงและมองออกไปไกลไม่มีจุดหมาย ทำไมเมืองนี่ถึงไม่คุ้นในความรู้สึกเธอเลย   พยาบาลมองเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผิวพรรณผุดผ่อง หน้าตาสะสวยปากนิดจมูกหน่อย ออกไปทางญี่ปุ่นหรือเกาหลี คงจะเป็นลูกครึ่งนี่ขนาดเธอยังเด็กอยู่แท้ๆยังสวยขนาดนี้ถ้าโตกว่านี้อีกซักหน่อยเป็นดาราได้สบาย  แล้วพยาบาลก็ยิ้มเมื่อเด็กสาวหันมามอง แล้วเธอก็ชี้ลงทีพื้นสองครั้ง แล้วทำท่าหยิบนิ้วนิดเดียว
                    อยู่ที่นี่ อีกแป๊บเดียว เหรอ คะ.. แต่ว่า
    พยาบาลอ่านภาษามือที่จะว่าภาษาใบ้ก็ไม่ใช่บวกกับสายตาออดอ้อนนั่นทำให้เธอยากที่จะปฏิเสธเด็กสาว
                    ... เอ้าก็ได้ค่ะ อ้อนขนาดนี้พี่ชายไม่รักแย่ เหรอคะเนี่ย    เดี๋ยวอีกหนึ่งชั่วโมงพี่มารับก็แล้วกันนะ
    เด็กสาวพยักหน้าก่อนพยาบาลจะเดินจากไป เธอมองไปรอบๆบริเวณที่มีทั้งคนที่กำลังยิ้มและหลายคนที่นั่งเครียดแบบคนคิดไม่ตก เด็กสาวมองหาที่ว่าง แล้วเธอก็เจอที่หนึ่งที่อยู่ตรงใกล้ประตูทางเข้านั่น เด็กสาวเดินเข้าไปใกล้ที่นั่ง เธอมองเข้าไปยังห้องผู้ป่วยที่อยู่ใกล้ที่นั่งนั่น ทำไมมันรู้สึกหนาวๆร้อนๆขนลุกอย่างบอกไม่ถูก เด็กสาวเดินห่อไหล่เดินเข้ามานั่งยังเก้าอี้ตัวนั้น ฝนเริ่มปรอย คนที่นั่งอยู่ตรงระเบียงด้านนอกเริ่มทยอยเข้าในตัวตึก มีสองพ่อลูกคู่หนึ่งเข้ามานั่งข้างๆ ไม่ไกลนัก เด็กสาวหันไปมอง พวกเขามองมายังเธอเหมือนกันแต่ไม่ได้ใส่ใจนัก คนเป็นพ่อที่สีหน้าไม่ดีนักขณะที่ลูกชายตบไหล่นั่นเบาๆ เด็กสาวมองสองพ่อลูกอย่างสนใจ ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยนัก แต่ก็ไม่เห็นว่าสองคนนั้นจะมีปฏิกิริยาอะไรกับเธอเลย หากแต่ไอ้อาการหนาวๆวูบๆ นี่ล่ะ พอพ่อลูกคู่นั้นเดินจากไป อาการนี่ก็หายไป หรือว่าเธออาจจะคิดมาก  คิดแล้วเด็กสาวก็หันไปสนใจกับเม็ดฝนที่กระทบกับกระจกด้านข้างนั่น มองมันอย่างคิดไม่ตก
     
    ร้านเฮียหมู................
                    รับอะไรดีครับ.. เหมือนเดิม?
    พนักงานเสริ์ฟร้านประจำเดินเข้ามาถามเพื่อความแน่ใจ ว่าลูกค้าคนนี้ต้องการเบียร์เหมือนเดิมหรือต้องการเปลี่ยนรสชาติบ้าง 
                     วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ
    พนักงานเสริ์ฟถามด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นเสกสรรมากับเขาในวันนี้ ขณะวางแก้วเบียร์แล้วก็เดินถอยออกไปเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามายังโต๊ะ
                    อ้าวมาคนเดียวเหรอวันนี้ ..
    ครับ.
    เชิญนั่งก่อนซิครับ เฮียหมู .
    เฮียหมูนั่งลงตรงข้าม แมททิวถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
              “ มีเรื่องอะไรรึเปล่า.. ท่าทางเหมือนคนคิดไม่ตก
    เจ้าของร้านมองหน้า   แมททิวเก็บสีหน้าไม่อยู่นักเพราะไม่ค่อยจะมีอะไรให้เขาหนักใจตลอดเวลาที่ผ่านมา  
                     มีอะไรก็ปรึกษากันได้นะ ถือซะว่าเป็นญาติ ไหนๆ นายกับเพื่อนก็เป็นลูกค้าประจำพี่มาก็นานนะตั้งแต่เปิดร้านมั้งนี่ก็ปีที่ 4 แล้ว เห็นหน้ากันเกือบทุกวัน มีอะไรไม่สบายใจก็มาเล่าให้กันฟังบ้าง แต่..ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร
    เฮียหมูนั่งมองคนที่ยกแก้วเบียร์ติดต่อกันสองครั้งก่อนที่จะวางแก้วแล้วหันมามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
                    คือ ..คือผมมีปัญหาที่คิดไม่ตก จะว่าเป็นเรื่องของผมก็ไม่ใช่ แต่ว่าจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของผมเสียเลยก็ไม่ใช่ 
    เอียหมูฟังคนที่กำลังอธิบายอย่างงงๆ
                    ตกลงว่าเป็นเรื่องของเธอรึเปล่า
    แมททิวส่ายหน้า ก่อนที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้เฮียหมูฟัง คนฟังๆอย่างตั้งใจเขาพยักหน้ารับรู้
                    สรุปว่า แมทไม่อยากทิ้งเด็กนั่นเพราะสงสารเธอ นี่ แมท ในความคิดเฮียนะ สมัยนี้การที่จะรับเลี้ยงดูใครซักคนไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่าง เด็กคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าเกิดเธอเป็นพวกชอบลักเล็กขโมยน้อย แกล้งความจำเสื่อมแล้วมาขโมยของบ้านนายล่ะ มิแย่หรือ อีกอย่างนะ คนอย่างนายนี่ก็ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ที่จะรับเลี้ยงเด็กผู้หญิงถึงจะทำด้วยความบริสุทธิ์ใจก็เถอะ เอาเป็นว่า . .ลืมมันไปซะ แล้วใช้ชีวิตของนายตามปกติ วันนี้ไม่มีนัดกับสาวรึไง ?
    ฟังเฮียหมูพูดจบแมททิวก็ยกเบียร์ขึ้นซดจนหมดแก้ว เฮียลุกออกไปเมื่อเห็นแขกอีกกลุ่มที่เดินเข้ามา แมททิวเรียกพนักงานก่อนสั่งเบียร์เพิ่ม
                    นั่งคนเดียวเหรอคะ ถ้าไม่รังเกียจขอนั่งด้วยคนได้ไหม
    แมททิวหันไปมองรอบๆ โต๊ะทุกตัวแขกนั่งอยู่เต็มจริงเขาจึงพยักหน้าให้สามสาวทึ่ยืนลุ้นอยู่นั่นนั่งลง สาวๆต่างมองเขาอย่างพินิจไม่วางตา จนแมททิวรู้สึกแปลกๆ เขาเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
                    ไม่นั่งด้วยกันก่อนเหรอคะ รีบจัง ยังไม่รู้จักชื่อเลย
              “ อ่ะ ขอโทษครับผมนัดเพื่อนอีกคนไว้สงสัยคงไม่มาแล้ว ยังไงผมขอตัวนะครับ อ้อแล้วนี่ ผมจ่ายไปแล้วนะครับ
              “ ต๊ายขอบคุณค่ะ แหมคุณนี่ทั้งหล่อทั้งใจดีเลยนะคะ
    แมททิวมองนาฬิกาขณะรอเงินทอน เด็กคนนั้นคงรอ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขานี่นาไม่เห็นต้องสนใจเลย
                    ตื้ดๆๆ ๆๆ
                    แมทพูดครับ เอ่อไม่ทราบใครพูดครับ
              “ ต๊าย ชื่อแมท ชื่อเพราะจังค่ะ
    สาวๆที่นั่งอยู่เอ่ยแซวพอดีกับที่พนักงานนำเงินทอนมาให้ แมททิวลุกออกมาทันที เขาชอบจีบสาวก็จริงแต่ก็วิ่งเหมือนกันหากมีสาวมาตามจีบอย่างเมื่อกี้..คิดแล้วขนลุก
                    อ้าว ! หวานเหรอ เปลี่ยนเบอร์ใหม่เหรอครับเบอร์ไม่คุ้น เลยจำไม่ได้  
              “ แล้วคิดว่าใครล่ะคะ แหมแมทนี่ร้ายนะ เมือวันก่อนหวานโทรมาคุณไม่รับสายเพื่อนหวานบอกว่าเห็นคุณกับแม่แอนน่งแอนนี่อะไรนั่นที่ผับ ว่าไงคะ จะมีอะไรแก้ตัวไหม
    แมททิวยิ้มอย่างกะล่อนใช่ อย่างเขาหรือจะมานั่งเลี้ยงเด็ก ไม่มีทางเสียหรอก แค่สาวๆพวกนี้ก็สับรางไม่ทันแล้ว
                    งั้นจะให้โอกาสผมได้แก้ตัวไหม .....
     
    โรงพยาบาล....
                    นี่ก็หกโมงแล้วพี่ชายยังไม่มารับอีกเหรอคะ
    พยาบาลคนที่เพิ่งเข้ามาเปลี่ยนเวรเดินเข้ามาถามเด็กสาวที่นั่งรออยู่ที่จุดรับบัตรหน้าเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ตั้งแต่บ่าย เธอมองเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงตัวหลวมที่เด็กสาวใส่ ตอนเข้ามาโรงพยาบาล
    นี่ชุดนี้น่ะ ใส่เข้าไปได้ยังไงเนี่ย เอางี้นะ พี่มีชุดมาเปลี่ยนตอนออกเวร ยังไงพี่ให้เราเปลี่ยนไปก่อนก็แล้วกันนะ ตัวเราก็ไม่ได้เล็กมาก แค่สูงกว่าพี่หน่อยแค่นั้น
    เด็กสาวก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่แล้วยิ้มหน้าเจื่อนๆ แล้วพยาบาลใจดีก็ลากมือเด็กสาวเข้าไปข้างใน ก่อนที่จะกลับออกมาพร้อมชุดใหม่พยาบาลมองเด็กสาวอย่างพอใจชุดแซกสีขาวแขนกุด คอปกดูเข้ากับเด็กสาวนักด้วยความสูงของเธอทำให้ชุดยาวถึงกลางน่องสั้นขึ้นไปถึงเข่าทีเดียว
    เห็นไหมสวยมากเลย พี่ยกให้เลยแล้วกันนะ น้องใส่แล้วสวยมากเลย แล้วชุดนั่นล่ะจะทิ้งไว้นี่ก็ได้นะ
    เด็กสาวกอดชุดที่เปลี่ยนแน่นเหมือนกลัวว่าพยาบาลจะนำชุดนั้นไปทิ้ง พยาบาลมองเธอด้วยความเอ็นดู
                    เอาเถอะๆ ไม่ทิ้งก็ไม่ทิ้ง
    แล้วพยาบาลก็กอดไหล่เธอเดินออกมายังทีเดิม เพื่อคอยคนที่มารับ
     
    ไนต์คลับ.......
    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้แมททิวไม่อยากสนใจ เสียงเพลง เบาๆ หญิงสาวร่างเพรียวอยู่ในอ้อมกอดนี่เยื้อนย่างไปตามจังหวะเพลงอย่างช้าๆ 
                    นานแล้วนะที่แมทไม่ได้พาหวานมาเต้นรำอย่างนี้ หวานขอบคุณค่ะ
    หญิงสาวแขย่งเท้าขึ้นกระซิบข้างหูนั่นเบาๆ แมททิวยิ้มในทีก่อนที่จะกระชับร่างนั้นเข้ามาแนบกระชับยิ่งขึ้น
    ทันใดนั้นเขากลับนึกถึงร่างที่สั่นเทาของเด็กสาวขึ้นมา แมททิวคลายอ้อมแขนจากร่างเพรียว เขาเริ่มเต้นช้าลง แล้วก็หยุด หวานหันมามองเขาอย่างแปลกใจ แมททิวมองนาฬิกาข้อมือ ตีหนึ่งแล้ว โรงพยาบาลงดเยี่ยมไปนานแล้ว แต่...
                    หวานครับ ลืมไปว่าพรุ่งนี้ผมมีสอบ วันนี้ก็ดึกแล้ววันหลังเราค่อยมาใหม่นะครับ พรุ่งนี้คุณก็มีเรียนนี่นาใช่ไหม กลับกันเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว 
    หวานมองหน้าเขาอย่างเสียดายแต่ที่แมททิวพูดก็ถูก ถึงจะเที่ยวแต่ก็ไม่ควรเสียการเรียนยิ่งนี่ก็เทอมสุดท้ายแล้วด้วย นั่นทำให้หวานหันมามองเขาแล้วยิ้ม
                    ค่ะ
     
    แมททิวส่งหวานก่อนที่จะกลับบ้าน เขาเหลือบมองทางซ้ายมือซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาล ป่านนี้พ่อแม่เขาคงมารับไปแล้วไม่เห็นจะต้องกังวลเลย ทำไมนะ เขาถึงรู้สึกแปลกๆ ที่ยังต้องกังวลเรื่องของเด็กคนนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของเขาแท้ๆ เฮียหมูพูดถูก แล้วแมททิวก็ขับรถเลยไป
                    เอี๊ยด!
    เสียงเบรกดังสนั่น ทำให้รถข้างหลังบีบแตรไล่เป็นระยะๆ 
                    อยากตายรึไง อยู่ๆก็เบรค “
     
    ภายในโรงพยาบาล แสงไฟถูกปิดลงบางจุดเหลือไว้บางจุดเพื่อเป็นการประหยัดไฟ พยาบาลเวรสองคนหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องรับบัตรมาตั้งแต่ตอนกลางวัน จนเลยเที่ยงคืน เธอยังไม่ลุกไปไหน
                เด็กสาวมองไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย เธอจะทำอย่างไรต่อไปดีถ้าเขาไม่มา เธอจะทำอย่างไร เธอจะไปไหน เธอมองไม่ออกไม่เห็นทางข้างหน้าว่าจะทำอะไรต่อ …ทำอะไร.. แล้วนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกหนาวอย่างบอกไม่ถูก เด็กสาวกอดเข่าแล้วโยกตัวไปมาอยู่อย่างนั้น
                    นี่เธอเด็กนั่นน่าสงสารนะ เห็นว่าพี่จะมารับนี่ก็เลยเวลาเยี่ยมมานานแล้ว ให้นอนต่อก็ปฏิเสธอย่างเดียว คนเป็นพี่ก็กระไรนะ ทำไมไม่รับผิดชอบเล้ย ..”
    พยาบาลสาวที่กำลังพูดหยุดพูดทันทีที่เพื่อนสาวสะกิด ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาเขาหยุดมองภาพเด็กสาวที่นั่งกอดเข่าและห่ออะไรบางอย่างอยู่ตรงเก้าอี้นั่น เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกหดหู่และสงสารเธอนัก แล้วแมททิวก็ถอนหายใจอีกครั้ง ต่อจากนี้คงมีอะไรอีกมากมายแน่ที่จะต้องรับผิดชอบ เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเข้าไป
                    คุณมาช้านะคะ มากด้วย น้องสาวคุณน่าสงสารออก เธอไม่ยอมทานอะไรเลย ชะเง้อแต่ประตูทางเข้ามาตลอด นี่คงถอดใจแล้วเห็นเธอเงียบไปแล้วนะคะ นั่นแน่ะพูดถึงก็หันมาพอดี ..ไปหาเธอเถอะค่ะ แล้วอย่าทิ้งเธอไว้อย่างนี้อีกนะคะ “
    แมททิวมองเด็กสาวซึ่งมองมาที่เขาด้วยความดีใจ เด็กสาวเดินเข้ามามองเขาเชิงสำรวจ คงคิดว่าเขาคงมีอันตรายซินะถึงมารับช้า เด็กหนอเด็กจะรู้ไหมนะที่ช้าเพราะจะไม่มาต่างหาก แล้วแมททิวก็ยื่นมือไปลูบหัวนั่นเบาๆ เด็กสาวแหงนหน้าขึ้นมอง เธอยิ้มอย่างดีใจ แล้วเธอก็เอามือปาดน้ำตาที่คลอเบ้า นั่น แมททิวรู้สึกดีทีเดียวที่เขามีค่าต่อเด็กสาวไม่น้อย เขาจูงเด็กสาวออกจากโรงพยาบาล ขณะที่เขาก็ง่วงเต็มที
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×