ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมริสา..รักนี้เพื่อเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : 2..เจออีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 50


    2…เจอกันอีกครั้ง
                    ฮัลโหล ว่าไงนะ ครับ ครับแล้วจะรีบไปครับ ครับ
              “ เป็นอะไรว่ะไอ้แมท ทำหน้าเหมือนเสียความบริสุทธิ์ “
    เสกสรรถามเมื่อเห็นแมททิวรับโทรศัพท์แล้วสีหน้าไม่ดีนัก
                    ไม่มีอะไรหรอก เด็กที่แอบขึ้นรถฉันเมื่อคืนน่ะ หนีออกจากโรงพักน่ะ เมื่อบ่ายนี่เอง พ่อแม่ไม่ยอมมารับรึไงนะ ถึงยังอยู่จนถึงบ่าย แล้วมันเกี่ยวกับฉันตรงไหนเนี่ยที่จะต้องรับรู้เรื่องของเด็กคนนี้  “
    เสกสรรหันมองคนที่พูดๆแล้วลุกขึ้นเดินออกไป อย่างรีบร้อนนั่น
                    เฮ้ย ! อะไรวะ ไหนว่าไม่เกี่ยวไงทำไมรีบร้อนอย่างนี้วะไอ้แมท นี่คอยกันก่อนซิ ไอ้แมท !”
    เสกสรรเดินตามคนที่เดินจ้ำอ้าวมาติดๆ เสกสรรโดดไปนั่งข้างๆคนขับนั่นเองแล้วแมททิวก็สตาร์ทรถขับออกไปอย่างรีบร้อน ก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเองหรอกแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันแค่นึกถึงสายตาคู่นั้นแล้วรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก
                    เฮ้ยไอ้แมท นี่ขับช้าๆซิวะ จะรีบร้อนไปไหนว่ะ ฉันหวาดเสียวนะโว้ย เมียก็ยังไม่มี
    เสกสรรจับที่จับข้างเบาะไว้แน่นขณะที่แมททิวเลี้ยวเข้าจอดข้างโรงพักอย่างรวดเร็ว
                    อ้าวคุณแมททิว คืองี้นะ ตอนนี้เราลองถามไปทั่วทั้งเขต เมืองหลวงและจังหวัดใกล้เคียงแล้วไม่มีการแจ้งเด็กหาย ตอนนี้เราประสานงานไปทั่วประเทศแล้ว คิดว่าถ้ามีเด็กหายจริงคงรู้ผลเร็วๆนี้
    แมททิวมองหาคนที่เขาพามาฝากทางตำรวจไว้เมื่อคืนนี้ เหมือนนายตำรวจผู้นั้นจะรู้ เขา หันไปหาหมู่ที่เข้าเวรก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามา
                    เล่าให้ฟังสิหมู่
    นายตำรวจรูปร่างท้วมเดินเข้ามายังที่ทั้งคู่ยืนอยู่
                    คืองี้ครับ ตอนผมเข้าเห็นเธอนั้งอยู่ตรงนั้น ผมก็ไปทานข้าวเพราะเที่ยงพอดี ผมชวนให้เธอทานอะไรเธอก็ไม่ยอมทาน นั่งนิ่งอย่างเดียว ผมก็เลยออกไปนั่งทานที่โต๊ะข้างใน ก็ไม่คิดว่าเธอจะเดินหายไป เฉยๆ ผมลองเดินไปตามแถวๆนี้แล้วแต่ไม่มีใครเห็น ผมก็เลยสัณนิฐานว่าเธอคงกลับบ้านไปแล้วล่ะครับ
              “ แล้วคุณตำรวจตามผมมาทำไม ก็แค่บอกว่าเธอกลับบ้านไปแล้วก็แค่นั้น ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลามา
              “ ขอโทษที ที่ทำให้คุณเสียเวลา แล้วก็ขอบคุณในความเป็นพลเมืองดีของคุณ
    เสกสรรมองตำรวจอย่างไม่สพอารมณ์นัก แค่นี้ ไม่รู้หรือไงว่าเพื่อนของเขาขับรถมานี่ เขาลุ้นเกือบตายแค่มาฟังคำว่าขอบคุณสำหรับการเป็นพลเมืองดีนี่   แมททิวเหมือนจะรู้ว่าเพื่อนของเขาคิดอย่างไร เขาเอามือแตะไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนที่จะเดินลงจากโรงพัก แมททิวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
                    ยังกลางวันอยู่เลยไปไหนต่อดี ล่ะ 
    แมททิวถามเมื่อเสกสรรขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว เสกสรรหันมายิ้มอย่างรู้ทัน
                    ตื้ดๆ ๆๆ ๆๆ
                    ฮ่ะโหล ฮะม่า ฮะ ๆ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้ละฮะ
    แล้วเสกสรรก็วางโทรศัพท์พร้อมทำหน้าเจื่อนๆ
                    เฮ้ย ! ไว้วันหลังก็ได้ อาม่าคงต้องการเอ็งด่วน
              “ ไปส่งอั๊วรำไทเก๊กหน่อย
    เสกสรรเลียนเสียงอาม่าที่มักจะให้เขาไปส่งสนามกีฬาทุกวัน
                    ไม่รู้แกรักฉันหรือว่าอะไร อากู๋อยู่ก็ไม่ยอมใช้ต้องเรียกอาตี๋น้อยทุกทีซิน่า
                    เถอะน่ะ บ่นไปได้ เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้านหละกัน
     
    แมททิวขับรถกลับออกจากหมู่บ้านหลังจากส่งเสกสรรแล้ว
                    ตื้ดๆๆ ๆๆ ๆๆๆ
              “ ครับ แมททิวพูดครับ
              “ แมททิวขา นี่แอนนี่พูดนะคะ วันนี้ แมทว่างไหม คือแอนนี่จะชวนไปทานข้าว นะคะ
              “ ได้ซิครับ งั้นแอนนี่รอผมซักครึ่งชั่วโมงแล้วผมจะไปรับที่คอนโดนะครับ
              “ มาตอนนี้เลยไม่ได้เหรอคะ
              “ผมกลับมาจากคณะเมื่อกี้ ยังไม่ได้อาบน้ำเลยครับ น่า แค่ครึ่งชั่วโมง
              “ก็ได้ อย่าสายนะคะ
              “ คร๊าบ  แล้วเจอกันครับ
    แมททิวมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้สองทุ่มแล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เขาเลี้ยวรถเข้าคอนโดขณะผ่านสวนริมสระน้ำ แมททิวเหลือบไปเห็นวันรุ่นสามคนกำลังไล่จับกันอยู่คงเล่นกันกระมัง เขาหันมองกระจกรถเพื่อมองกลับไปด้านหลังเด็กที่กำลังถูกจับอยู่นั่นถ้ามองไม่ผิดเด็กผู้หญิงแน่ เด็กพวกนี้เล่นอะไรกัน แล้วแมททิวก็จอดรถ เขาถอยรถกลับทันทีที่คิดว่าอาจไม่ใช่การเล่น เด็กกลุ่มนั้นหยุดและหันมามองเมื่อแมททิวเปิดประตูรถ
                    เฮ้ย พ่อมึงมา เผ่นโว้ย !
    แล้ววัยรุ่นกลุ่มนั้นก็วิ่งกันกระเจิง แมททิวมองไปยังไต้ต้นไม้ใหญ่ เงาตะคุ่มๆของอะไรบางอย่าง.. คน ..นั่งอยู่ตรงนั้น แล้วเขาก็ก้าวเข้ามาอย่างระแวดระวัง แสงไฟสลัวของไฟสนามนั่น ทำให้เขามองไม่ถนัดนัก แมททิวรู้แค่ว่าคนที่นั่งอยู่นี่กำลังฟุบหน้า กอดเข่า เขาเอื้อมมือไปแตะข้างหลังคนที่นั่งอยู่ เธอสะดุ้งสุดตัวก่อนแหงนหน้าขึ้นมอง โอ ..เธอคือเด็กสาวคนนั้น คนที่เขาไปส่งที่โรงพัก แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  แมททิวมองหญิงสาวที่คลานถอยออกไปด้วยความกลัว เสียงร้องให้เบาๆ สะท้อนอยู่ในอกนั่น แมททิวรู้สึกเวทนาเธอนัก
                    พี่ไง คนที่เจอเธอเมื่อวาน พี่ไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า มาซิ
    ทว่าหญิงสาวยังคงถอยร่นไปถึงต้นไม้ เธอจึงพยุงตัวลุกขึ้นพิงต้นไม้ไว้ ตัวสั่นเทา แมททิวหยุดเพื่อไม่ให้เธอหนีอีก
                    เป็นอะไรหรือเปล่า แล้วพ่อแม่ไม่มารับเหรอ
    เด็กสาวส่ายหน้า แล้วเธอก็ร้องให้ออกมาดังๆอีกครั้งเกินจะกลั้นไว้อยู่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเธอเป็นใครเธอจะกลับบ้านได้อย่างไร เธออยากตายนัก ว่าแล้วเด็กหญิงก้าวออกจากต้นไม้เพื่อมุ่งไปยังสระน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก แมททิวมองตามเขาพอจะเดาออกว่าเด็กสาวคิดอะไร เขาดึงมือเธอไว้ทันทีที่เธอกำลังจะพุ่งไปยังสระ เขาคว้าตัวเด็กสาวเข้ามากอดแล้วตบไหล่นั่นเบาๆ
    ไม่เอาๆ อย่าคิดอย่างนี้อีกนะ ถ้าพ่อแม่เรารู้คงจะเสียใจ ไม่เป็นไร ๆ
     แรงสะท้อนจากการร้องให้หญิงสาวทิ้งตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง แมททิวพยุงเธอไว้ ก่อนที่เธอจะล้ม แล้วเขาจะทำอย่างไรกับเธอดี แมททิวคิดขณะที่พยุงเด็กสาวขึ้นรถไป
                    แล้วค่อยคิดกันใหม่ก็แล้วกันว่าจะเอาไงกับเธอดี 
     
    ที่คอนโด....................  
                    เอ้า ! ผ้าเช็ดตัว อาบน้ำอาบท่าซะ เดี๋ยวจะพาไปทานข้าว นี่คงยังไม่ได้ทานอะไรซินะ
    แมททิวโยนผ้าขนหนูให้เด็กสาวก่อนที่ตัวเองจะหายเข้าไปในห้อง   เด็กสาวมองผ้าขนหนูสีขาวที่ชายหนุ่มโยนมาให้ เธอมองมันแล้วยังเฉยอยู่ เด็กสาวชันเข่าขึ้น เธอนั่งกอดเข่า น้ำตาที่พาลจะไหลอยู่ตลอดเวลา ด้วยความสับสน เธออยากกลับบ้าน แต่ที่ไหนล่ะ แล้วตัวเธอล่ะเป็นใคร แล้วน้ำตาก็สุดจะกลั้นมันไหลออกมาอีกครั้งหญิงสาวฟุบหน้ากับหัวเข่าตัวเอง 
     แมททิวอาบน้ำเสร็จ เขาแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดแขนยาวเนื้อหนาคอกลมสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนส์สีดำ ฉีดน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ   แมททิวหยิบมือถือและกำลังจะเปิดประตูออกไป ทว่านึกขึ้นได้ในห้องยังมีอีกคนที่เขาเก็บมาเมื่อครู่   แล้วแมททิวก็มองคนที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้า แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ดี เขาไม่ใช่คนที่จะรับเลี้ยงเด็กเสียด้วย สงสารก็สงสารหรอก แต่อย่างเขานี่ถ้าเลี้ยงสาวๆคงพอไหว แต่..แมททิวเอามือกุมขมับอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
    นี่ไปอาบน้ำซะ ไป ตัวเธอสรกปรกมาก ฉันไม่มีเสื้อตัวเล็กหรอก ทนใส่ไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวเธอคงได้กลับบ้าน ไม่มีพ่อแม่คนไหนใจดำกับลูกได้นานหรอกน่า ไปซิ เดี๋ยวฉันมีนัดนะ เร็วเข้า .
    แมททิวดึงให้เด็กสาวลุกขึ้นก่อนดันหลังให้เธอเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับส่งเสื้อผ้าให้
                    ฮัลโหล แอนนี่เหรอ วันนี้ผมขอไปสายซักครึ่งชั่วโมงนะแอน พอดีมีเหตุฉุกเฉินน่ะ
              “ แน่ใจนะคะว่าแค่ครึ่งชั่วโมงไม่ใช่ไม่มาเหมือนคราวก่อนล่ะ
              “ แน่ใจซีครับ น่า แล้วจะรีบไป คอยนะ
    ชายหนุ่มกดวางสาย เมื่อเด็กสาวก้าวออกจากห้องน้ำ แมททิวมองเด็กสาวตรงหน้าเด็กสาวผมเปียกปอน เสื้อของเขาดูตัวใหญ่มากเมื่อเด็กสาวคนนี้สวมใส่มัน แมททิวขำกับหน้าตาของเด็กสาวที่ยืนเหมือนลูกหมาตกน้ำอยู่นี่
                    นี่ ไม่เช็ดผมเสียหน่อยล่ะ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก
              “…...
                    อ้อ! รู้ไหมนี่เหมือนลูกหมาตกน้ำเลย ฮ่าๆๆ
    แมททิวหัวเราะเต็มเสียงก่อนโยนผ้าเช็ดตัวนั่นให้เธอ
                    เด็กสาวมองผ้าในมือก่อนที่จะลงมือเช็ดผมที่ยังเปียกโชก เธอรู้สึกดีขึ้น    อย่างน้อยคืนนี้เธอก็ไม่ถูกรังแกจากคนพวกนั้น
    แมททิวนำเด็กสาวไปยังร้านค้าใกล้ๆหมู่บ้าน เขาไม่อยากเป็นเป้าสายตาใครต่อใครนักด้วยสภาพชุดที่เธอใส่
                    เจ้ กระเพราไก่ ไข่ดาว ที่นึง ไม่ต้องเผ็ดมากนะ ของเด็กน่ะ  
    เพียงครู่เดียวอาหารก็มาวางอยู่ตรงหน้า เด็กสาวมองหน้าเขาก่อนทำจมูกย่น เธอไม่คุ้นกับกลิ่นของมันเลย
              “ ฮัด ชิ้ว ! ฮ้าด ชิ้ว
    แมททิวมองเด็กสาวที่จามแล้วจามอีก จนจมูกแดง หน้าแดง น้ำตาไหล เขามองจานข้าวอีกครั้งเชิงถามว่าจะกินรึเปล่า เด็กสาวดึงจานข้าวเข้าไปใกล้แล้วมองหน้าเขาอีกครั้ง เธอไม่อยากเรื่องมากกับเขานักอย่างน้อยเขาก็ช่วยเธอมาหลายครั้งแล้ว หญิงสาวตักข้าวเข้าปากช้าๆ เธอเลี่ยงส่วนที่เป็นกับข้าว เพราะมันเผ็ดร้อนมากสำหรับเธอ แมททิวมองเด็กสาวตรงหน้า หน้าตาผิวพรรณเธอไม่ใช่คนที่มาจากบ้านนอกแน่ๆ ผิวขาวค่อนข้างจัด หน้าที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ แมททิวยื่นน้ำให้เมือเด็กสาวเริ่มเอามือพัดวีด้วยความเผ็ด ตอนนี้ไม่เฉพาะน้ำตาเท่านั้นแต่น้ำมูกเธอก็เริ่มไหล เด็กสาวเอามือปาดมันในขณะที่แมททิวหยิบทิชชูส่งให้
                    เจ้ใส่พริกไปกี่ดอกเนี่ยดูซิน้องสาวผม ไฟขึ้นหน้าแล้ว
    แมททิวถามเมื่อเรียกเจ้เจ้าของร้านมาเก็บเงิน
                    โอ้ย ! แม่คุณ นี่ฉันยังไม่ได้ใส่พริกซักกะเม็ดใช้แค่รอยครกของโต๊ะโน้นเท่านั้นนะเนี่ย โห!ดูซิ เผ็ดขนาดนี้เลยเหรอ น่าสงสาร อยู่เมืองไทยทานเผ็ดไม่ได้มีหวังอดตายแน่ลูกเอ้ย !“  
    แมททิวมองคนตรงหน้า แล้วหันไปมองแม่ค้า ก็ถูกของแก ขนาดเขายังทานเผ็ดได้ถึงจะไม่มาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดนี้ บ้านของเด็กคนนี้อยู่ไหนน้า แล้วเลี้ยงกันยังไง ทานอาหารยังไง แมททิวคิดก่อนเดินออกจากร้าน เขาเดินมายังรถที่จอดอยู่ข้างทางนั่นเขาสตาร์ทรถขณะที่เด็กสาวเดินตามมาไม่ห่างนัก
                    เด็กสาวมองตามคนตัวใหญ่ที่เดิน ไปขึ้นรถเธอรู้สึกขอบคุณเขา ถึงแม้นเธอจะทานได้ไม่มากนักแต่มันก็ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น    หวืบ!__._หวืบ __!! เด็กสาวหยุด กึก!เธอมองไปข้างหน้าภาพที่ขาดหายเป็นช่วงๆ แล้วเธอก็รู้สึกวูบไป
    โรงพยาบาล.......
                    เธอเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ
    แมททิวมองเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก เด็กสาวที่เดินตามเขามาดีๆ อยู่ๆก็ล้มฟุบไปโดยไม่มีสาเหตุ
                    ความดันต่ำกว่าปกติครับ อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้นอน หรือความวิตกกังวล หรือทานน้อยก็มีส่วนะเลยทำให้หน้ามืด ถ้าไงก็คืนนี้ให้พักที่โรงพยาบาลก่อนก็แล้วกันให้น้ำเกลือซักขวดสองขวดอาการคงดีขึ้น ถ้ายังไงพรุ่งนี้ค่อยมารับกลับ
              “ ครับ   ขอบคุณครับหมอ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×