ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1..หลงทาง
1... หลงทาง
ฉากหนึ่งที่โรงพยาบาล.................
“ เคลียร์ ! “
“ ยังไม่ได้ผลค่ะหมอ “
ทีมหมอและพยาบาล กำลังวุ่นวายกับการช่วยชาร์ตหัวใจ เครื่องช็อตสองอันที่ถูกวางไว้บนหน้าอกของผู้ป่วยสาว ร่างแบบบางสะท้อนขึ้นตามแรงช็อต ซึ่งหน้าจอมอนิเตอร์ยังคงนิ่งเหมือนเดิมเส้นการเต้นของหัวใจที่วิ่งเป็นเส้นตรง
“ อีกครั้ง เคลียร์ ! “
และบนเครื่องบินโดยสารลำหนึ่ง.....................
“กัปตัน! มีเหตุฉุกเฉินเครื่องของเรามีปัญหาครับ มีสิ่งผิดปกติที่ห้องเครื่อง ครับ “
สีหน้าของกัปตันไม่สู้ดี ขณะที่ผู้ช่วยเข้ามาบอก
“ เปิดสัญญาณเตือน ส่งวิทยุขอความช่วยเหลือ ด่วน ! ด่วน ! “
พนักงานบนเครื่องที่กำลังตื่นตระหนกกับข่าวที่จะต้องรายงานให้ผู้โดยสารบนเครื่องทราบ เสียงอื้ออึงของผู้โดยสารบนสายการบินเมื่อรู้ถึงสถานการณ์ของเครื่อง เด็กสาวกอดแขนหญิงชราที่นั่งข้างๆไว้แน่นก่อนหันมองไปยังเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกฝั่งในแถวเดียวกัน เด็กสาวที่อยู่ในการปกป้องคุ้มครองของคนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาทั้งสองโอบตัวเข้าหากันป้องเด็กสาวไว้ ซึ่งเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดนั่นพยายามเอื้อมมือมาหา ขณะที่เครื่องเริ่มสั่น และเริ่มดิ่งลง
“ ออนจิง ออนจิง ยาย คุณยาย หนูกลัว ไม่ ไม่ คุณพ่อ คุณแม่ ออนยอนคังมู ไม่นะ ไม่ ! ไม่! ________”
บึ้ม!
สิ้นเสียงหวีดร้อง เสียงระเบิดดังสนั่น หวั่นไหว ..นกยักษ์ควันพวยพุ่ง ดิ่งลงสู่พื้นน้ำของท้องทะเลกว้าง
.
............................................................................................................................................................................. ....แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องพาดผ่านแมกไม้ สู่พื้นหญ้าเขียวขจี ลมพัดผ่านไปทำให้อากาศอันร้อนระอุของตอนกลางวันเย็นลง เด็กชายสองคนที่วิ่งเข้ามาใกล้ ในมือนั้นมีลูกโป่งสีสันสดใส หญิงชราเดินตามมาไม่ห่างนัก มองไปรอบๆบริเวณนี่ผืนหญ้าเขียวขจีนี่มีม้านั้งวางอยู่เป็นจุดๆ ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มขึ้นอยู่โดยรอบ ผู้คนต่างเพศต่างวัย บ้างก็นั่งคุยกัน บ้างก็นอนหนุนตักกัน บางคนก็นั่งอ่านหนังสือ บางคนก็จูงสุนัขผ่านไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนนั่น
“ พี่ๆ มาเล่นด้วยกันไหม “
เด็กชายตัวอ้วนกลมเดินมาสะกิดเด็กสาวที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่
“
( o_o ) !!
..”
เด็กสาวหันมามองก่อนส่ายหน้าช้า ๆแล้วยิ้มให้เด็กชายตัวกลม หากแต่เด็กชายยังไม่ลดความพยายามเขาดึงมือให้เด็กสาวลุกตาม
“ พี่ชื่ออะไรอ่ะ “
“(o_o)!
”
เด็กสาวมองหน้าเจ้าเด็กตัวอ้วนแล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน นั่นซิ เธอชื่ออะไรล่ะ..
“ ช..ชะ ชื่อ ..”
เด็กสาวเอ่ยคำด้วยความลำบากทำไมลิ้นมันถึงแข็งนักล่ะทั้งๆที่เธอฟังเจ้าเด็กนี่รู้เรื่องแท้ๆ แต่กลับตอบออกมาไม่ได้ แต่นั่นซิ เธอชื่ออะไรล่ะ เด็กสาวครุ่นคิด ทว่าในหัวเธอกลับมีแต่ความว่างเปล่า
“ ว้า.. พี่นี่แย่จัง ชื่อตัวเองก็จำไม่ได้ สู้นองผมก็ไม่ได้ตัวเล็กนิดเดียวยังจำชื่อตัวเองได้เลย “
เด็กชายเท้าสะเอว แล้วแหงนหน้าคุยกับเด็กสาวที่ตัวสูงกว่าเยอะ
“ ตาอ้น ! อย่าไปกวนพี่เค้าลูก ไปเถอะ กลับบ้านยายจะกลับแล้วนะ ตาอ้น! “
“ครับคุณยาย อ้นไปเดี๋ยวนี้แหละคร๊าบ ไปนะ พี่สาวแล้วรีบกลับบ้านล่ะ เดี๋ยวแม่คอยนะ “
พูดเสร็จแล้วเจ้าตัวกลมก็วิ่งไปยังที่หญิงชรายืนคอยอยู่ เขายกมือบ๊ายบายให้เด็กสาวอีกครั้งก่อนที่จะจับมือผู้เป็นยาย เด็กสาวมองตาม แล้วเธอล่ะ นี่เป็นความฝันหรือไง เป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะจำอะไรไม่ได้เลย คิดแล้วเด็กสาวก็ลองหยิกตัวเองดู
“ อูย..อะ ..”
เธอรู้สึกเจ็บ! ใช่ นี่คือความจริง แต่ทำไมล่ะ! เด็กสาวทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงนั้นเอง เธอครุ่นคิด หากยิ่งคิดกลับยิ่งสับสนไม่มีข้อมูลใดในสมองของเธอเลย มันมีแต่ความว่างเปล่า เธอหันซ้ายทีขวาที แล้วจะไปทางไหนดี หญิงสาวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ข้างต้นไม้นั้นเริ่มขยับหนีเมื่อเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของเด็กสาว เธอยกมือห้ามเพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นหยุด เธออยากถาม แต่..จะถามว่าอย่างไรล่ะ แค่นั้นก็ทำให้เธอรู้สึกท้อจนน้ำตาจะไหล เธอคิดไม่ออกแม้กระทั่งคำที่จะพูด ว่าแล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไป บางทีเธออาจจะอยู่แถวๆนี้ และอาจจะมีใครที่รู้จักเธอบ้าง แล้วหญิงสาวก็รู้สึกเย็นวาบ แล้วถ้าไม่มีใครรู้ล่ะ จะทำยังไง ..ทำไงดี..
“ มีอะไรรึแม่หนู นี่พูดไม่ได้หรอกเหรอ น่าสงสารจัง ฉันฟังภาษาใบ้ไม่ออกหรอก ไปข้างหน้าเถอะ”
หญิงวัยกลางคนโบกให้เธอไปข้างหน้าทันทีที่เห็นว่าเธอพูดไม่ได้ เด็กสาวหยุด แล้วชี้ไปที่ตัวเอง เธอก็แค่อยากรู้ว่าคนๆนี้จะรู้จักหรือทักเธอบ้างเธอจะได้แน่ใจว่าเธออยู่แถวๆนี้ แต่ก็เปล่าผู้หญิงคนนั้นและคนแถวนั้นที่เธอเดินผ่านมาไม่มีทีท่าว่าจะรู้จักเธอเลยซักคน นั่นทำให้เธอเริ่มหวาดกลัว แต่เธอจะท้อไม่ได้ ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินตามถนนมาเรื่อยจากสวนสารธาณะก็เป็นหมู่บ้านออกจากหมู่บ้านก็เป็นเมือง เมืองใหญ่ที่มีรถรามากมายแล่นไปมาบนท้องถนน ตึกราบ้านช่องแข่งกันสูงเสียดฟ้า เด็กสาวยังคงเดินไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง
“ นี่หล่อนอย่าเดินสะเปะสะปะเซ่ เดี๋ยวแม่ชนกระเด็นนะย่ะ “
“
.”
“ ว่าแล้วยังมองหน้าอีก เป็นเด็กเป็นเล็ก เดี๋ยวแม่ตบซะเลยนี่ “
“ เฮ้ยอีหวาน นั่นแค่เด็กนะย่ะ จะไปถือสาอะไรกะมันวะ “
“ วู้ย ! ก็คนกำลังโมโหนี่หว่า “
เด็กสาวมองตามผู้ชายที่แต่งตัวเสียเป็นสาวเต็มตัวนั่น เสียงสนทนาไกลออกไปเรื่อยๆ เด็กสาวน้ำตาเริ่มไหล เธอยกมือขึ้นปาดมันทิ้ง ใกล้ค่ำเข้ามาทุกที เธอจะทำอย่างไรดี..ยังมองไม่เห็นทาง ว่าเธอจะไปทางไหนดี แล้วเธอก็ทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้างๆร้านเรือนกระจกนั่นเอง
รถสปอร์ตสีดำ แล่นมาจอดหน้าร้านอาหารหรูของโรงแรมแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุง
“ แน่ใจหรือคะ แมททิว ว่าจะไม่เข้าไปด้วยกัน ที่จริงคุณน่าจะได้รู้จักพ่อของแอนนะคะ ท่านก็อยากรู้จักคุณ นะคะ “
“ไว้วันหลังดีกว่าครับ วันนี้ผมนัดกับเจ้าเสกแล้ว เจ้านี่ยิ่งขี้น้อยใจ ผมไปนะครับ “
“ เดี๋ยวค่ะ !”
ว่าแล้วหญิวสาวท่าทางเปรี้ยวจัดตามแบบสาวสังคมทั่วๆไปก็คว้าคอชายหนุ่มไว้ แล้วจุ๊บแก้มเขาเบาๆ พนักงานหน้าโรงแรมสองคนที่ยืนรอรับแขกหันมองหน้ากัน ก่อนที่จะหันกลับเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้
“ ไอ้ แมท แกอยู่ไหนแล้ว ฉันนัดแกวันนี้นะโว้ย ไม่ใช่พรุ่งนี้ “
“ เออ! ใกล้ถึงแล้ว “
“ ให้เวลาอีกแค่สิบนาที ถ้ายังไม่มา ฉันกลับ.”
“ เออ.”
แล้วรถสปอร์ตสีดำ ก็เข้าจอดข้างๆร้านนั่นเอง เข้ารีบลงจากรถ แล้วเข้าหายไปในร้านทันที
“ เกินไปหนึ่งนาที โดนหัก คะแนน เอาเป็นว่าเพื่อไถ่โทษที่แกมาสาย มื้อนี้แกเลี้ยงแล้วกัน “
“ เฮ้ยอะไร มาสายแค่หนึ่งนาที ขี้โกงนี่หว่า “
“ ก็ใครใช้ให้แกไปเที่ยวรับส่งสาวอยู่เล่า นัดเพื่อนนี่ไม่สำคัญรึไง “
“ โธ่ นี่นายเสก แค่นี้อย่าเอาเรื่องอื่นมาพูดได้ป่ะ เลี้ยงก็ได้ แค่นี้ เอง “
แมททิวมองเครื่องดื่มและอาหารบนโต๊ะแสดงว่าเพื่อนของเขามานานแล้วอย่างที่พูดจริง
“ ก็แค่นั้น ทีกะสาวๆ ไม่อั้น แกนะ แก ไอ้แมท “
“ ยังบ่นไม่เลิกนะ เดี๋ยวเถอะ “
พนักงานเสริ์ฟยิ้มทักเมื่อเห็นชายหนุ่มลูกครึ่งไทย อเมริกัน หน้าตาหล่อฉบับอินเตอร์ รูปร่างสูงโปร่ง ผู้คนที่นั่งอยู่โต๊ะรอบข้างหันมองเป็นตาเดียวกัน ยังใส่ชุดนักศึกษาของสถาบันหนึ่ง นั่งหอบอยู่ที่โต๊ะประจำนั่น คู่นี้มานั่งด้วยกันทุกวัน ดูจากสีเสื้อของทั้งคู่น่าจะอยู่กันคนละสถาบัน หรือไม่ก็คนละคณะ เพราะคนละสีกัน แต่ความสนิทของทั้งคู่นี่ซิเป็นที่รู้กันของคนในร้านและเจ้าของร้านเป็นอย่างดี
“ ว่าไงล่ะ แมท ปีนี้ก็จบแล้วใช่ไหมจะ ฝึกงานแล้วนี่ “
เฮียหมูหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านซึ่งนั่งอยู่ตั้งแต่แรกกับเสกสรรเอ่ยถาม เมื่อแมททิวหันมาทักเขาแล้วนั่งลงข้างๆเขา
“ โธ่ !พี่ถามใครไม่ถามอย่างเจ้านี่มันไม่เรียนมันยังจบเลย ขนาดสอบเพื่อนเขาอ่านหนังสือกันเจ้านี่ไปเหล่สาว นั่งสอบยังหลับ แต่กลับได้ทอปเท็นของห้อง เขาไม่พูดถึงมันกันแล้วหละพี่ “
เสกสรรพูดขณะที่ยกแก้วซดไปด้วย สีหน้าที่เริ่มแดงด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล
“ ขนาดนั้นเลยเหรอแมท พี่ดูเธอเงียบๆนะ เจ้าชู้ด้วยเหรอเนี่ย “
“ โธ่พี่เจ้าแมทน่ะประเภทไม่ต้องวิ่งไปหาสาวแต่สาวๆวิ่งมาหามันแทนน่ะ ไอ้ผมรึ อยู่กับมันตลอดแท้ๆ ไม่ยักกะมีสาวมอง น่าเคร้า “
“ ขอโทษครับ อาหารแล้วก็เครื่องดื่มได้แล้วครับ “
พนักงานเสริฟยกอาหารและเครื่องดื่มมาให้ก่อนที่จะก้มไปกระซิบบางอย่างกับเจ้าของร้าน เข้าพยักหน้ารับรู้ก่อนที่พนักงานเสริฟจะถอยออกไป
“ ผมขอตัวก่อนนะครับ บ๋อยบอกว่ามีเด็กมาขโมยของกินหลังร้าน เจ้าเด็กเหลือขอพวกนี้นี่ ต้องจัดการเด็ดขาด จะได้ไม่มาอีก “
เสียงพนักงานที่วิ่งตามมาทำให้เด็กสาววิ่งหนีสุดชีวิต เธอวิ่งเข้ามาที่จอดรถข้างร้าน แอบอยู่ข้างรถสีดำคันงาม เธอเกาะประตูรถ ทันทีที่เธอกำลังจะวิ่ง ประตูนั่น...
“ มันหายไปไหนแล้ว ว่าไงล่ะ จับตัวได้หรือเปล่า “
“ มันหายไปแล้วครับ มันไวจริงๆ “
“ แล้วมันกินอะไรไปบ้าง “
พนักงานครัวหันมองหน้ากันก่อนตอบ
“ ขนมปังคู่นึงครับ “
“แค่นั้น! “
เขาถามพนักงานอีกครั้ง ก่อนที่จะส่ายหน้าแสดงสีหน้าเสียอารมณ์
“ ทีหลังถามมันก่อนแล้วกันถ้ามันต้องการแค่ขนมปังละก็ ให้มันไปแพ็คนึงเลยนะ เสียเวลาจริงๆ เล้ย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ กลับไปทำงาน“
แล้วเฮียหมูก็เดินกลับเข้าไปที่ร้านพนักงานทำหน้าจ๋อยๆก่อนที่จะตามเข้าไป พนักงานคนสุดท้ายยังมองหาเด็กหญิงที่เขาแน่ใจว่าตามมาติดๆ แต่แล้วเธอก็หายไปเฉยๆ ตรงรถคันนั้น ด้วยความสงสัย พนักงานเดินลงไปยังลานจอดรถอีกครั้ง เขาเดินตรงไปยังรถสปอร์ตสีดำทันที
“ จะทำอะไรรถฉัน “
“ ปละ ..เปล่าครับ “
แล้วพนักงานก็ถอยกลับไปเมื่อแมททิวกดรีโมทรถ พนักงานสะบัดหน้าเหมือนหายสงสัย รถมีรีโมทเธอจะเข้าไปได้อย่างไร แล้วพนักงานก็เดินกลับเข้าร้านไป
“เฮ้ย ไอ้เสก แกแน่ใจนะว่าขับรถได้ โธ่รู้ว่าเมาง่ายยังเดาะกินรออีก นี่ถ้ารอฉันก่อน คงยังไม่เมาหรอก“
แมททิวมองเพื่อนที่เดินโย้ไปเย้มาอยู่ข้างๆนี่ เสกสรรคออ่อนแต่ก็รั้นที่จะดื่ม เขายกไปแค่ สองสามแก้วก็มึนแล้ว แมททิวมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ เองไม่เชื่อรึไง ว่ะ คบกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ห๊า ไอ้นี่ “
“ เออ! ข้าเชื่อ แต่เป็นห่วง แล้วขับรถดีๆล่ะ แล้วเจอกันนะเพื่อน “
“ เออ ! แล้วเจอกัน กลับบ้านนะไอ้แมท อย่าเข้าบ้านผิดนะมึง “
“ ไปได้แล้ว บ่นอยู่นั่นแหละ “
แล้วรถเก๋งสีบรอนก็เคลื่อนตัวออกไป แมททิวกำลังจะเปิดประตูรถ
“ อ้าว ก็เมื่อกี้ก็เปิดแล้วนี่นา ? “
แมททิวคิดอย่างไม่แน่ใจแล้วเขาก็กดเปิดรถอีกครั้งก่อน สตาร์ทรถออกไปอย่างรวดเร็ว เกือบเที่ยงคืนที่แมททิวกลับถึงคอนโด เขาก้าวลงจากรถก่อนที่จะเปิดประตูด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋า
“ เฮ้ย !”
ชายหนุ่มสะดุ้งก่อนถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นไม่อันตราย
“ ลงมาจากรถฉันเดี๋ยวนี้ ลงมา ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจ “
เด็กสาวค่อยๆลุกขึ้นอย่างหวาดกลัว ผมบ๊อบสั้นนั้นยุ่งเหยิง เธอเดินออกมาจากรถอย่างช้า ๆ แมททิวมองเด็กหญิงกางเกงสีซีดนั้นดูมอมแมม เสื้อสีเข้ม ผมเผ้ารุงรัง หน้าตามอมแมมดูไม่ได้เลย เขาเดินเข้ามาใกล้ เด็กหญิงก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว
“ เธอมาอยู่ในรถฉันได้ไง บอกมา “
แมททิวตะคอกเสียงดัง อย่างลืมตัวด้วยความโกรธ เด็กสาวนำตาคลอเบ้า และสะอื้นเบาๆ แมททิวเห็นน้ำตาแล้วทำอะไรไม่ถูก
“ อ้าวอย่าร้องซิ ฉันแค่ถามว่า มาอยู่ในรถฉันได้ไง อ้าวๆไม่ถามก็ได้ อย่าร้องได้ไหม ฉันไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง แล้วบ้านอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวไปส่ง ให้ นี่มันก็ดึกแล้วเป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรอยู่นอกบ้านในยามวิกาลรู้ไหม “
เด็กสาวส่ายหน้า เธออยากกลับบ้านอย่างที่เขาบอก แต่ก็ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน แล้วเด็กสาวก็สะอื้นหนักขึ้นกว่าเดิม มีรถเข้ามาจอดที่จอดรถ คนหนึ่งหันมามองยังที่แมททิวยืนอยู่
“ เอ่อไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร นี่น้องสาวผมครับ น้องสาวผม “
สองคนที่ลงจากรถพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนเดินเข้าคอนโดไป ชายหนุ่มมองเด็กสาวอย่างหงุดหงิดจะตอบอะไรก็ไม่ตอบ ในที่สุดเขาก็ต้องเรียกตำรวจ
ในขณะสอบปากคำ เด็กหญิงกลับไม่ตอบอะไรเลย ตำรวจเลยสรุปว่า เธออาจเป็นใบ้ และที่สำคัญเธอจำทางกลับบ้านไม่ได้ เวลาเลยเที่ยงคืนมามากแล้วแมททิวเริ่มหาว เขามองเด็กหญิงอีกครั้ง น่าสงสารนัก ยังเด็กอยู่แท้ ๆ คงไม่เคยออกจากบ้านซินะ แมททิวส่ายหน้าก่อนเดินเข้าไปหานายตำรวจ
“ นี่ก็ดึกมากแล้วผมฝากด้วยนะครับคุณตำรวจ เดี๋ยวญาติเค้าก็คงโทรมาเองหละ “
แมททิวหันมามองเด็กสาวอีกครั้งแล้วเขาก้มลงเขียนบางอย่างให้นายตำรวจ นั่น
“ นี่เป็นที่ๆเธอขึ้นรถผมครับ เผื่อว่าคุณตำรวจอยากตามหาหรือแจ้งคนหายจะได้ง่ายขึ้น ผมกลับนะครับ “
นายตำรวจหยิบแผ่นกระดาษนั้นขึ้นมาดู แล้วก็หันมองขณะที่แมททิวกำลังจะเดินออกมา
“ เอ่อขอโทษที ถ้าผมจะขอเบอร์โทรคุณไว้จะได้ไหมครับ “
“ได้ซิครับ “
แมททิวจดเบอร์โทรให้ตำรวจอย่างไม่เต็มใจนัก เขาหันมองเด็กสาวอีกครั้งก่อนจะเดินผ่านออกมา ทว่าเขาก็ต้องหยุดเมื่อมือบาง ที่เย็นเฉียบจับมือเขาไว้ กระแสบางอย่างทำให้เขาหันมองเด็กหญิงที่กำลังทำหน้าเศร้าด้วยความสับสน สายตาอ้อนวอน และขอความช่วยเหลือ ดูแล้วแมททิวใจหายวาบ น้ำตาที่เริ่มไหลรินอีกครั้ง แมททิวมองไปยังตำรวจ เชิงขอความช่วยเหลือ
“ นี่แม่หนู เดี๋ยวพ่อกับแม่ของหนูคงมารับนะ ทางโรงพักได้ประกาศออกไปแล้ว หนูต้องคอยอยู่นี่ ทางตำรวจจะดูแลหนูเอง และอีกอย่างการที่หนูทะเลาะกับพ่อกับแม่แล้วหนีออกจากบ้านอย่างนี้มันไม่ถูก“
จะอะไรก็แล้วแต่แมททิวรู้สึกไม่ดีเลย เขาสงสารเด็กสาวคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่อ้อนวอนเหมือนเด็กหลงทางนั่น แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะรับเลี้ยงเด็กเสียด้วย คิดแล้วแมททิวก็รีบเดินจากไปทันทีที่เด็กหญิงปล่อยมือ แมททิวหันมองขึ้นไปบนโรงพักอีกครั้งก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถออกไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น