ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมริสา..รักนี้เพื่อเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : 1..หลงทาง

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 50


    1...       หลงทาง
    ฉากหนึ่งที่โรงพยาบาล.................
                    เคลียร์ !
              “ ยังไม่ได้ผลค่ะหมอ
    ทีมหมอและพยาบาล กำลังวุ่นวายกับการช่วยชาร์ตหัวใจ เครื่องช็อตสองอันที่ถูกวางไว้บนหน้าอกของผู้ป่วยสาว ร่างแบบบางสะท้อนขึ้นตามแรงช็อต ซึ่งหน้าจอมอนิเตอร์ยังคงนิ่งเหมือนเดิมเส้นการเต้นของหัวใจที่วิ่งเป็นเส้นตรง   
                    อีกครั้ง    เคลียร์ !
     
    และบนเครื่องบินโดยสารลำหนึ่ง.....................
    กัปตัน! มีเหตุฉุกเฉินเครื่องของเรามีปัญหาครับ มีสิ่งผิดปกติที่ห้องเครื่อง ครับ 
    สีหน้าของกัปตันไม่สู้ดี ขณะที่ผู้ช่วยเข้ามาบอก 
    เปิดสัญญาณเตือน ส่งวิทยุขอความช่วยเหลือ ด่วน ! ด่วน !
    พนักงานบนเครื่องที่กำลังตื่นตระหนกกับข่าวที่จะต้องรายงานให้ผู้โดยสารบนเครื่องทราบ เสียงอื้ออึงของผู้โดยสารบนสายการบินเมื่อรู้ถึงสถานการณ์ของเครื่อง เด็กสาวกอดแขนหญิงชราที่นั่งข้างๆไว้แน่นก่อนหันมองไปยังเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกฝั่งในแถวเดียวกัน เด็กสาวที่อยู่ในการปกป้องคุ้มครองของคนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาทั้งสองโอบตัวเข้าหากันป้องเด็กสาวไว้ ซึ่งเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดนั่นพยายามเอื้อมมือมาหา ขณะที่เครื่องเริ่มสั่น และเริ่มดิ่งลง 
                    ออนจิง ออนจิง   ยาย คุณยาย หนูกลัว ไม่   ไม่   คุณพ่อ คุณแม่   ออนยอนคังมู ไม่นะ ไม่ ไม่! ________”
                บึ้ม!
    สิ้นเสียงหวีดร้อง เสียงระเบิดดังสนั่น หวั่นไหว ..นกยักษ์ควันพวยพุ่ง ดิ่งลงสู่พื้นน้ำของท้องทะเลกว้าง…….
    .............................................................................................................................................................................   ....แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องพาดผ่านแมกไม้ สู่พื้นหญ้าเขียวขจี ลมพัดผ่านไปทำให้อากาศอันร้อนระอุของตอนกลางวันเย็นลง เด็กชายสองคนที่วิ่งเข้ามาใกล้ ในมือนั้นมีลูกโป่งสีสันสดใส หญิงชราเดินตามมาไม่ห่างนัก มองไปรอบๆบริเวณนี่ผืนหญ้าเขียวขจีนี่มีม้านั้งวางอยู่เป็นจุดๆ ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มขึ้นอยู่โดยรอบ ผู้คนต่างเพศต่างวัย บ้างก็นั่งคุยกัน บ้างก็นอนหนุนตักกัน บางคนก็นั่งอ่านหนังสือ บางคนก็จูงสุนัขผ่านไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนนั่น
                    พี่ๆ มาเล่นด้วยกันไหม
    เด็กชายตัวอ้วนกลมเดินมาสะกิดเด็กสาวที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ 
                    “ …( o_o ) !!…..”
    เด็กสาวหันมามองก่อนส่ายหน้าช้า ๆแล้วยิ้มให้เด็กชายตัวกลม หากแต่เด็กชายยังไม่ลดความพยายามเขาดึงมือให้เด็กสาวลุกตาม
                    พี่ชื่ออะไรอ่ะ
              “(o_o)!…”
    เด็กสาวมองหน้าเจ้าเด็กตัวอ้วนแล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน นั่นซิ เธอชื่ออะไรล่ะ..
                    ช..ชะ ชื่อ ..
    เด็กสาวเอ่ยคำด้วยความลำบากทำไมลิ้นมันถึงแข็งนักล่ะทั้งๆที่เธอฟังเจ้าเด็กนี่รู้เรื่องแท้ๆ แต่กลับตอบออกมาไม่ได้ แต่นั่นซิ เธอชื่ออะไรล่ะ เด็กสาวครุ่นคิด ทว่าในหัวเธอกลับมีแต่ความว่างเปล่า
                    ว้า.. พี่นี่แย่จัง ชื่อตัวเองก็จำไม่ได้ สู้นองผมก็ไม่ได้ตัวเล็กนิดเดียวยังจำชื่อตัวเองได้เลย
    เด็กชายเท้าสะเอว แล้วแหงนหน้าคุยกับเด็กสาวที่ตัวสูงกว่าเยอะ
                    ตาอ้น ! อย่าไปกวนพี่เค้าลูก ไปเถอะ กลับบ้านยายจะกลับแล้วนะ ตาอ้น!  
              “ครับคุณยาย อ้นไปเดี๋ยวนี้แหละคร๊าบ ไปนะ พี่สาวแล้วรีบกลับบ้านล่ะ เดี๋ยวแม่คอยนะ
    พูดเสร็จแล้วเจ้าตัวกลมก็วิ่งไปยังที่หญิงชรายืนคอยอยู่ เขายกมือบ๊ายบายให้เด็กสาวอีกครั้งก่อนที่จะจับมือผู้เป็นยาย เด็กสาวมองตาม แล้วเธอล่ะ นี่เป็นความฝันหรือไง เป็นไปได้อย่างไรที่เธอจะจำอะไรไม่ได้เลย คิดแล้วเด็กสาวก็ลองหยิกตัวเองดู
                    อูย..อะ ..
    เธอรู้สึกเจ็บ! ใช่ นี่คือความจริง แต่ทำไมล่ะ! เด็กสาวทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงนั้นเอง เธอครุ่นคิด หากยิ่งคิดกลับยิ่งสับสนไม่มีข้อมูลใดในสมองของเธอเลย มันมีแต่ความว่างเปล่า เธอหันซ้ายทีขวาที แล้วจะไปทางไหนดี หญิงสาวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ข้างต้นไม้นั้นเริ่มขยับหนีเมื่อเห็นอาการลุกลี้ลุกลนของเด็กสาว   เธอยกมือห้ามเพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นหยุด เธออยากถาม แต่..จะถามว่าอย่างไรล่ะ แค่นั้นก็ทำให้เธอรู้สึกท้อจนน้ำตาจะไหล  เธอคิดไม่ออกแม้กระทั่งคำที่จะพูด ว่าแล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกไป บางทีเธออาจจะอยู่แถวๆนี้ และอาจจะมีใครที่รู้จักเธอบ้าง   แล้วหญิงสาวก็รู้สึกเย็นวาบ แล้วถ้าไม่มีใครรู้ล่ะ จะทำยังไง ..ทำไงดี..
                    มีอะไรรึแม่หนู นี่พูดไม่ได้หรอกเหรอ น่าสงสารจัง ฉันฟังภาษาใบ้ไม่ออกหรอก ไปข้างหน้าเถอะ
    หญิงวัยกลางคนโบกให้เธอไปข้างหน้าทันทีที่เห็นว่าเธอพูดไม่ได้ เด็กสาวหยุด แล้วชี้ไปที่ตัวเอง เธอก็แค่อยากรู้ว่าคนๆนี้จะรู้จักหรือทักเธอบ้างเธอจะได้แน่ใจว่าเธออยู่แถวๆนี้ แต่ก็เปล่าผู้หญิงคนนั้นและคนแถวนั้นที่เธอเดินผ่านมาไม่มีทีท่าว่าจะรู้จักเธอเลยซักคน นั่นทำให้เธอเริ่มหวาดกลัว แต่เธอจะท้อไม่ได้ ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินตามถนนมาเรื่อยจากสวนสารธาณะก็เป็นหมู่บ้านออกจากหมู่บ้านก็เป็นเมือง เมืองใหญ่ที่มีรถรามากมายแล่นไปมาบนท้องถนน ตึกราบ้านช่องแข่งกันสูงเสียดฟ้า  เด็กสาวยังคงเดินไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง
                    นี่หล่อนอย่าเดินสะเปะสะปะเซ่ เดี๋ยวแม่ชนกระเด็นนะย่ะ
              “….”
              “ ว่าแล้วยังมองหน้าอีก เป็นเด็กเป็นเล็ก เดี๋ยวแม่ตบซะเลยนี่
              “ เฮ้ยอีหวาน    นั่นแค่เด็กนะย่ะ จะไปถือสาอะไรกะมันวะ
              “ วู้ย ! ก็คนกำลังโมโหนี่หว่า
    เด็กสาวมองตามผู้ชายที่แต่งตัวเสียเป็นสาวเต็มตัวนั่น เสียงสนทนาไกลออกไปเรื่อยๆ เด็กสาวน้ำตาเริ่มไหล เธอยกมือขึ้นปาดมันทิ้ง              ใกล้ค่ำเข้ามาทุกที เธอจะทำอย่างไรดี..ยังมองไม่เห็นทาง ว่าเธอจะไปทางไหนดี แล้วเธอก็ทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้างๆร้านเรือนกระจกนั่นเอง
     
                    รถสปอร์ตสีดำ แล่นมาจอดหน้าร้านอาหารหรูของโรงแรมแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุง
                    แน่ใจหรือคะ แมททิว ว่าจะไม่เข้าไปด้วยกัน ที่จริงคุณน่าจะได้รู้จักพ่อของแอนนะคะ ท่านก็อยากรู้จักคุณ นะคะ
              “ไว้วันหลังดีกว่าครับ วันนี้ผมนัดกับเจ้าเสกแล้ว   เจ้านี่ยิ่งขี้น้อยใจ ผมไปนะครับ
              “ เดี๋ยวค่ะ !
    ว่าแล้วหญิวสาวท่าทางเปรี้ยวจัดตามแบบสาวสังคมทั่วๆไปก็คว้าคอชายหนุ่มไว้ แล้วจุ๊บแก้มเขาเบาๆ พนักงานหน้าโรงแรมสองคนที่ยืนรอรับแขกหันมองหน้ากัน ก่อนที่จะหันกลับเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้   
                    ไอ้ แมท แกอยู่ไหนแล้ว ฉันนัดแกวันนี้นะโว้ย ไม่ใช่พรุ่งนี้ 
              “ เออ! ใกล้ถึงแล้ว
              “ ให้เวลาอีกแค่สิบนาที ถ้ายังไม่มา ฉันกลับ.
              “ เออ.
    แล้วรถสปอร์ตสีดำ ก็เข้าจอดข้างๆร้านนั่นเอง เข้ารีบลงจากรถ แล้วเข้าหายไปในร้านทันที
                    เกินไปหนึ่งนาที โดนหัก คะแนน เอาเป็นว่าเพื่อไถ่โทษที่แกมาสาย มื้อนี้แกเลี้ยงแล้วกัน
              “ เฮ้ยอะไร มาสายแค่หนึ่งนาที ขี้โกงนี่หว่า
                    ก็ใครใช้ให้แกไปเที่ยวรับส่งสาวอยู่เล่า นัดเพื่อนนี่ไม่สำคัญรึไง
               “ โธ่ นี่นายเสก แค่นี้อย่าเอาเรื่องอื่นมาพูดได้ป่ะ เลี้ยงก็ได้ แค่นี้ เอง
    แมททิวมองเครื่องดื่มและอาหารบนโต๊ะแสดงว่าเพื่อนของเขามานานแล้วอย่างที่พูดจริง
     “ ก็แค่นั้น ทีกะสาวๆ ไม่อั้น แกนะ แก ไอ้แมท
              “ ยังบ่นไม่เลิกนะ เดี๋ยวเถอะ
    พนักงานเสริ์ฟยิ้มทักเมื่อเห็นชายหนุ่มลูกครึ่งไทย อเมริกัน หน้าตาหล่อฉบับอินเตอร์ รูปร่างสูงโปร่ง ผู้คนที่นั่งอยู่โต๊ะรอบข้างหันมองเป็นตาเดียวกัน   ยังใส่ชุดนักศึกษาของสถาบันหนึ่ง นั่งหอบอยู่ที่โต๊ะประจำนั่น คู่นี้มานั่งด้วยกันทุกวัน ดูจากสีเสื้อของทั้งคู่น่าจะอยู่กันคนละสถาบัน หรือไม่ก็คนละคณะ เพราะคนละสีกัน แต่ความสนิทของทั้งคู่นี่ซิเป็นที่รู้กันของคนในร้านและเจ้าของร้านเป็นอย่างดี
                    ว่าไงล่ะ แมท ปีนี้ก็จบแล้วใช่ไหมจะ ฝึกงานแล้วนี่
    เฮียหมูหนุ่มใหญ่เจ้าของร้านซึ่งนั่งอยู่ตั้งแต่แรกกับเสกสรรเอ่ยถาม เมื่อแมททิวหันมาทักเขาแล้วนั่งลงข้างๆเขา
              “ โธ่ !พี่ถามใครไม่ถามอย่างเจ้านี่มันไม่เรียนมันยังจบเลย ขนาดสอบเพื่อนเขาอ่านหนังสือกันเจ้านี่ไปเหล่สาว นั่งสอบยังหลับ แต่กลับได้ทอปเท็นของห้อง เขาไม่พูดถึงมันกันแล้วหละพี่
    เสกสรรพูดขณะที่ยกแก้วซดไปด้วย สีหน้าที่เริ่มแดงด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล
              “ ขนาดนั้นเลยเหรอแมท พี่ดูเธอเงียบๆนะ เจ้าชู้ด้วยเหรอเนี่ย
              “ โธ่พี่เจ้าแมทน่ะประเภทไม่ต้องวิ่งไปหาสาวแต่สาวๆวิ่งมาหามันแทนน่ะ ไอ้ผมรึ อยู่กับมันตลอดแท้ๆ ไม่ยักกะมีสาวมอง น่าเคร้า
              “ ขอโทษครับ อาหารแล้วก็เครื่องดื่มได้แล้วครับ 
    พนักงานเสริฟยกอาหารและเครื่องดื่มมาให้ก่อนที่จะก้มไปกระซิบบางอย่างกับเจ้าของร้าน เข้าพยักหน้ารับรู้ก่อนที่พนักงานเสริฟจะถอยออกไป
                    ผมขอตัวก่อนนะครับ บ๋อยบอกว่ามีเด็กมาขโมยของกินหลังร้าน เจ้าเด็กเหลือขอพวกนี้นี่ ต้องจัดการเด็ดขาด จะได้ไม่มาอีก
    เสียงพนักงานที่วิ่งตามมาทำให้เด็กสาววิ่งหนีสุดชีวิต เธอวิ่งเข้ามาที่จอดรถข้างร้าน แอบอยู่ข้างรถสีดำคันงาม เธอเกาะประตูรถ ทันทีที่เธอกำลังจะวิ่ง ประตูนั่น...
                    มันหายไปไหนแล้ว ว่าไงล่ะ จับตัวได้หรือเปล่า
              “ มันหายไปแล้วครับ มันไวจริงๆ
              “ แล้วมันกินอะไรไปบ้าง
    พนักงานครัวหันมองหน้ากันก่อนตอบ
                    ขนมปังคู่นึงครับ
              “แค่นั้น!
    เขาถามพนักงานอีกครั้ง ก่อนที่จะส่ายหน้าแสดงสีหน้าเสียอารมณ์
                    ทีหลังถามมันก่อนแล้วกันถ้ามันต้องการแค่ขนมปังละก็ ให้มันไปแพ็คนึงเลยนะ เสียเวลาจริงๆ เล้ย เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ ๆ  กลับไปทำงาน 
    แล้วเฮียหมูก็เดินกลับเข้าไปที่ร้านพนักงานทำหน้าจ๋อยๆก่อนที่จะตามเข้าไป พนักงานคนสุดท้ายยังมองหาเด็กหญิงที่เขาแน่ใจว่าตามมาติดๆ แต่แล้วเธอก็หายไปเฉยๆ ตรงรถคันนั้น   ด้วยความสงสัย พนักงานเดินลงไปยังลานจอดรถอีกครั้ง เขาเดินตรงไปยังรถสปอร์ตสีดำทันที
                    จะทำอะไรรถฉัน 
              “ ปละ ..เปล่าครับ
    แล้วพนักงานก็ถอยกลับไปเมื่อแมททิวกดรีโมทรถ  พนักงานสะบัดหน้าเหมือนหายสงสัย รถมีรีโมทเธอจะเข้าไปได้อย่างไร แล้วพนักงานก็เดินกลับเข้าร้านไป
                    เฮ้ย ไอ้เสก แกแน่ใจนะว่าขับรถได้  โธ่รู้ว่าเมาง่ายยังเดาะกินรออีก นี่ถ้ารอฉันก่อน คงยังไม่เมาหรอก
    แมททิวมองเพื่อนที่เดินโย้ไปเย้มาอยู่ข้างๆนี่ เสกสรรคออ่อนแต่ก็รั้นที่จะดื่ม เขายกไปแค่ สองสามแก้วก็มึนแล้ว แมททิวมองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
              “ เองไม่เชื่อรึไง ว่ะ คบกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ห๊า ไอ้นี่
              “ เออ! ข้าเชื่อ แต่เป็นห่วง  แล้วขับรถดีๆล่ะ แล้วเจอกันนะเพื่อน
              “ เออ ! แล้วเจอกัน กลับบ้านนะไอ้แมท อย่าเข้าบ้านผิดนะมึง
              “ ไปได้แล้ว บ่นอยู่นั่นแหละ
    แล้วรถเก๋งสีบรอนก็เคลื่อนตัวออกไป แมททิวกำลังจะเปิดประตูรถ
                    อ้าว ก็เมื่อกี้ก็เปิดแล้วนี่นา ? “
    แมททิวคิดอย่างไม่แน่ใจแล้วเขาก็กดเปิดรถอีกครั้งก่อน สตาร์ทรถออกไปอย่างรวดเร็ว เกือบเที่ยงคืนที่แมททิวกลับถึงคอนโด เขาก้าวลงจากรถก่อนที่จะเปิดประตูด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋า
                     เฮ้ย !
    ชายหนุ่มสะดุ้งก่อนถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นไม่อันตราย
    ลงมาจากรถฉันเดี๋ยวนี้ ลงมา ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจ
     เด็กสาวค่อยๆลุกขึ้นอย่างหวาดกลัว ผมบ๊อบสั้นนั้นยุ่งเหยิง เธอเดินออกมาจากรถอย่างช้า ๆ แมททิวมองเด็กหญิงกางเกงสีซีดนั้นดูมอมแมม เสื้อสีเข้ม ผมเผ้ารุงรัง หน้าตามอมแมมดูไม่ได้เลย เขาเดินเข้ามาใกล้ เด็กหญิงก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว
                    เธอมาอยู่ในรถฉันได้ไง บอกมา
    แมททิวตะคอกเสียงดัง อย่างลืมตัวด้วยความโกรธ เด็กสาวนำตาคลอเบ้า และสะอื้นเบาๆ แมททิวเห็นน้ำตาแล้วทำอะไรไม่ถูก
                    อ้าวอย่าร้องซิ ฉันแค่ถามว่า มาอยู่ในรถฉันได้ไง อ้าวๆไม่ถามก็ได้ อย่าร้องได้ไหม ฉันไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง แล้วบ้านอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวไปส่ง ให้ นี่มันก็ดึกแล้วเป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรอยู่นอกบ้านในยามวิกาลรู้ไหม
    เด็กสาวส่ายหน้า เธออยากกลับบ้านอย่างที่เขาบอก แต่ก็ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน แล้วเด็กสาวก็สะอื้นหนักขึ้นกว่าเดิม มีรถเข้ามาจอดที่จอดรถ คนหนึ่งหันมามองยังที่แมททิวยืนอยู่
                    เอ่อไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร นี่น้องสาวผมครับ น้องสาวผม
    สองคนที่ลงจากรถพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนเดินเข้าคอนโดไป ชายหนุ่มมองเด็กสาวอย่างหงุดหงิดจะตอบอะไรก็ไม่ตอบ ในที่สุดเขาก็ต้องเรียกตำรวจ     
                    ในขณะสอบปากคำ เด็กหญิงกลับไม่ตอบอะไรเลย ตำรวจเลยสรุปว่า เธออาจเป็นใบ้ และที่สำคัญเธอจำทางกลับบ้านไม่ได้ เวลาเลยเที่ยงคืนมามากแล้วแมททิวเริ่มหาว เขามองเด็กหญิงอีกครั้ง น่าสงสารนัก ยังเด็กอยู่แท้ ๆ คงไม่เคยออกจากบ้านซินะ แมททิวส่ายหน้าก่อนเดินเข้าไปหานายตำรวจ
                    นี่ก็ดึกมากแล้วผมฝากด้วยนะครับคุณตำรวจ เดี๋ยวญาติเค้าก็คงโทรมาเองหละ  
    แมททิวหันมามองเด็กสาวอีกครั้งแล้วเขาก้มลงเขียนบางอย่างให้นายตำรวจ นั่น
                    นี่เป็นที่ๆเธอขึ้นรถผมครับ เผื่อว่าคุณตำรวจอยากตามหาหรือแจ้งคนหายจะได้ง่ายขึ้น ผมกลับนะครับ
    นายตำรวจหยิบแผ่นกระดาษนั้นขึ้นมาดู แล้วก็หันมองขณะที่แมททิวกำลังจะเดินออกมา
                    เอ่อขอโทษที ถ้าผมจะขอเบอร์โทรคุณไว้จะได้ไหมครับ
              “ได้ซิครับ
    แมททิวจดเบอร์โทรให้ตำรวจอย่างไม่เต็มใจนัก เขาหันมองเด็กสาวอีกครั้งก่อนจะเดินผ่านออกมา ทว่าเขาก็ต้องหยุดเมื่อมือบาง ที่เย็นเฉียบจับมือเขาไว้ กระแสบางอย่างทำให้เขาหันมองเด็กหญิงที่กำลังทำหน้าเศร้าด้วยความสับสน สายตาอ้อนวอน และขอความช่วยเหลือ ดูแล้วแมททิวใจหายวาบ น้ำตาที่เริ่มไหลรินอีกครั้ง แมททิวมองไปยังตำรวจ เชิงขอความช่วยเหลือ
                    นี่แม่หนู เดี๋ยวพ่อกับแม่ของหนูคงมารับนะ ทางโรงพักได้ประกาศออกไปแล้ว หนูต้องคอยอยู่นี่ ทางตำรวจจะดูแลหนูเอง  และอีกอย่างการที่หนูทะเลาะกับพ่อกับแม่แล้วหนีออกจากบ้านอย่างนี้มันไม่ถูก
              จะอะไรก็แล้วแต่แมททิวรู้สึกไม่ดีเลย เขาสงสารเด็กสาวคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่อ้อนวอนเหมือนเด็กหลงทางนั่น แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะรับเลี้ยงเด็กเสียด้วย คิดแล้วแมททิวก็รีบเดินจากไปทันทีที่เด็กหญิงปล่อยมือ แมททิวหันมองขึ้นไปบนโรงพักอีกครั้งก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถออกไป
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×