คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter : 1 [ 100% ]
Chapter : 1
กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ระฆังบอกเวลาเข้าแถวประชุมตอนเช้าก็ดังกังวานขึ้นทั่วโรงเรียนแล้ว ผมวิ่งกระหืดกระหอบออกจากหอพักนักเรียนไปตามทางเดินที่ตอนนี้ไร้ผู้คน นักเรียนทั้งหมดคงจะอยู่ที่ห้องประชุมกันหมดแล้ว
วันนี้ผมไม่มีเวลาพอที่จะเดินชมนกชมไม้อย่างทุกที ผมที่ยังเช็ดไม่ทันแห้งโดนลมตีจนกระเจิงไม่เป็นทรง ไทก็ยังผูกไม่เรียบร้อย เสื้อคลุมสูทก็วิ่งไปใส่ไป ช่างทุรักทุเรจริงๆ
ผมวิ่งมาถึงหน้าห้องประชุมหลังระฆังสุดท้ายดังพียงไม่กี่วินาที รู้สึกแปลกใจที่วันนี้อาจารย์สุดเฮี้ยบแสนจะเจ้าระเบียบจางฮยอนซึง ไม่ได้มาจิกตามองอยู่หน้าห้องประชุมอย่างทุกที นับเป็นโชคของผมที่แอบเคลื่อนตัวเข้าไปแทรกแถวถัดจากคยองซูได้
“ไหนว่าจะไม่สายไง” คยองซูว่าเบาๆ “ผมยุ่งอย่างกับรังนกเลย”
เอ่อ...รังนกอะไร เครื่องดื่ม รึว่ารังนกเล็กๆ น่ารักๆ สวยๆ อย่างนกฮัมมิ่งเบิร์ด หรือว่านกยกหน้าตาประหลาดอย่างนกกระจอกเทศล่ะ!!??
ผมยกมือเช็ตผมอย่างลวกๆ ยิ้มแหย “ใครว่าสาย ทันเว่ย!”
“มึงโชคดีหรอก ที่อาจารย์ฮยอนซึงต้องไปรับเด็กนักเรียนใหม่ที่สนามบิน”
โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนมัธยมชายล้วนกึ่งโรงเรียนประจำ ซึ่งหมายถึงว่า นักเรียนจะอยู่แบบประจำหรือแบบไปกลับก็ได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเด็กนักเรียนที่บ้านอยู่ไกล หรือเด็กที่ชอบตื่นสายอย่างผม
“แล้วจะเข้ามาเรียนชั้นไหนอ่ะ?” ผมเอ่ยถาม
“เข้ามาเรียนเกรดสิบสองเหมือเรานี่แหละ” คยองซูตอบยิ้มๆ “น่าตื่นเต้นว่ะ ตั้งแต่เปิดเทอมเรายังไม่มีนักเรียนใหม่เข้ามาเลย”
“เอ่อ...แต่เพิ่งจะเปิดแค่เดือนเดียวไม่ใช่เหรอ?” ผมอดไม่ได้ที่จะขัดคอเพื่อน
“มันตั้งเดือนหนึ่งแล้วต่างหาก!”
ช่างเถอะ! จะนักเรียนใหม่รึอะไรก็ช่าง ผมไม่มีอารมณ์มาสนใจหรอก สายตาของผมเหม่อมองไปทางจงอินที่ยืนเข้าแถวอยู่อีกฝั่งตามความเคยชิน อย่างน้อยวันนี้ก็เป็นวันดีของผมบ้างแหละที่จงอินหันกลับมามอง และยิ้มให้อย่างอบอุ่นอ่อนหวาน ผมเลยเผลอยิ้มตอบกลับไปหน่อยนึง ก่อนจะรีบหุบซะแทบไม่ทันเมื่อรู้สึกตัว
....เพล้ง!!!
อย่าตกใจ มันเป็นเสียงของหน้าผมที่แตกละเอียดเป็นเศษๆ ดังก้องอยู่ในสมองของผม ดังขนาดแทบทำให้ผมแทบหูหนวกได้เลยล่ะ เปล่า...จงอินไม่ได้ยิ้มให้ผม แต่ยิ้มให้คยองซูที่ยื้มเขินตอบกลับไป อยู่ตางหาก
...หวานกันเข้าไป ฮรื่ออออออออ
ผมจะทนเห็นภาพพวกนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนเนี่ย แงๆๆๆ
หลังจากการประชุมอันยืดยาว และสุดแสนจะน่าเบื่ออย่างเคยจบลงนักเรียนทุกคนก็เข้าแถวเรียงหนึ่งเดินไปห้องเรียนของตัวเอง ระหว่างทางก็คุยกันจอแจไปหมด ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย มันไม่ใช่เรื่องของผมนี่
ชั่วโมงแรกวันนี้เป็นโฮมรูม อาจารย์ ยุนดูจุน เป็นครูประจำชั้นของเรายังมาไม่ถึง สงสัยว่าคงจะอยู่ห้องอาจารย์ใหญ่เรื่องนักเรียนใหม่นั่นแหละ ส่วนในห้องเรียนน่ะหรือ เสียงคุยกันดังเจี๊ยวจ๊าวยิ่งกว่านกกระจอกแตกรัง หัวข้อหลักก็คือนักเรียนใหม่ ในห้องก็อยากได้นักเรียนใหม่ที่หน้าตาดี
ผมนั่งตีมึนนั่งฟังเฉยๆ ไม่มีความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น สำหรับผมเป็นใครยังไงก็ได้ทั้งนั้น ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับผมเลย
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก ทำให้ฝูงที่จับกลุ่มคุยกันกรูไปนั่งประจำที่ของตัวเอง เสียงรองเท้าดังกระทบพื้นและเสียงเก้าอี้ครืดคราดหยุดลงพอดีกับที่ประตูห้องเรียนถูกเปิดออก
อาจารย์ยุนดูจุน เจ้าของร่างสูงโปร่ง สีผมสีดำสนิทแต่จัดทรงสุดเฟี้ยว ใบหน้ามีตีนกาขึ้นประปรายที่หางตา อย่าให้ยิ้มนะ ไม่งั้นมันจะมาเป็นแผงให้ชื่นชม พร้อมฟันหน้าที่พร้อมออกมาเฉาะหัวนักเรียนที่ชอบล้อเรื่องตีนกาของอาจารย์ได้เลย
อาจารย์ดูจุนเดินมาพร้อมกับเด็กผู้ชายแต่ตัวเหมือนกับทุกคนในห้อง คงไม่ใช่ใครอื่นคงเป็นนักเรียนใหม่ที่ทุกคนในห้องกำลังกล่าวขวัญถึงนั่นเอง
ละ...ล้อเล่นใช่มั้ย...
ผมตะโกนอยู่ในใจ เมื่อเงยหน้ามองเด็กนักเรียนใหม่เต็มๆตา ชัดเจนยิ่งกว่า HD
เด็กผู้ชายรูปร่างสูงยกยิ้มขึ้นร้ายๆ แต่ดูโคตรหล่อ โคตรเท่ มีขอบตาที่ค้ำอย่างกับหมีแพนด้า จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากบางรูปกระจับนั่นเหมือนตัวร้ายที่หลุดออกมาจากในละครเสียอีก ยิ่งผมสีดำสนิทนั่นทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าห้องมีลุคที่แบดบอยมากขึ้นไปอีก
บ้าน่า! หน้าอย่างมันไม่น่าจะมีซ้ำอีกแล้ว ไอ้เวรนี่มันมาได้ยังง๊ายยยยยยยยยย
ไม่พอแค่นั้นอาจารย์ดูจุนย้ำรางสังหรณ์ร้ายของผม ด้วยการเขียนชื่อหมอนั่นลงไปบนกระดานดำตัวเบ้อเร่อ!
‘ฮวางจื่อเทา’
แล้วอาจารย์ดูจุนก็หันกันมาพูดว่า “ฮวางจื่อเทาเป็นคนจีน และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจื่อเทาจะมาเรียนกับทุกคน และจะมาเป็นสมาชิกอีกคนในห้อง ขอให้ทุกคนต้อนรับนักเรียนใหม่ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย”
ฟ๊าคคคคคคคค!!!! ใครก็ได้บอกผมทีว่านี่มันเรื่องโกหก
...มันก็แค่เรื่องโกหก
จื่อเทายิ้มแบบเดิม คือยิ้มมุมปากร้ายๆ ทำเอาคนในห้องทั้งหลายเริ่มแตกตื่น พากันเขินกับรอยยิ้มนั่นกันหมด
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
สำเนียงเกาหลีแปล่งๆ ที่ถูกเอ่ยจากปากของหมอนั่นทำเอาเคะน้อยเพ้อฝันกันเลยทีเดียว
ฮรื่ออออออออออ…
คงมีแต่ผมที่นั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในใจ นี่มันฝันร้ายชัดๆ พวกนี้คงยังไม่รู้จักหมอนี่ดี! ฮวางจื่อเทา หน้าหล่อแต่นิสัยโคตรแย่! ยิ้มเท่แต่ความจริงนั้นร้ายยิ่งกว่าซาตานอีก!!
ถึงหน้าจะหล่อคมแบบในพระเอกหนังสือการ์ตูน แต่ก็ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนในหนังสือการ์ตูนรักกุ๊กกิ๊กหรอกนะ...จะบอกให้!!
คิดว่าชาตินี้จะไม่เจอกันแล้วนะเนี่ย! ให้ตาย!!!
ทำไมผมถึงได้ดวงซวย ดวงตก อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน แล้วยังต้องมาเจอคู่ปรับเก่าอีก ผมได้แต่ภาวนาว่าให้หมอนี่จำผมไม่ได้ทีเถอะ!
แบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆ สะกิดผมเบาๆ อย่าเพิ่งสะกิดตอนนี้ได้มั้ย ยิ่งพยายามทำตัวให้เล็กลงอยู่ TT’
“หล่อดีเนอะ >///< ”
เหอะ!!
ผมทำหน้าหมั่นไส้ ...หมั่นไส้มันนั่นแหละ! มาบ้าผู้ชายอะไรตอนนี้!! รู้มั้ยนั่นมันศัตรูผมเลยนะ!
...หล่อ แต่นิสัยเสียอย่างนี้ไม่เอาด้วยหรอก ฮรื่อออออออออ...
พอถึงช่วงพักเบรก นักเรียนทั้งหมดพากันรุมกรูไปที่นักเรียนใหม่ของห้องกันใหญ่ เหมือนแมลงวันตอมขี้ - -* หรือไม่ก็แร้งรุมกินศพเน่า ถามไถ่เซ็งเซ่ว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมาเรียนที่นี่
ผมไม่ได้ตั้งใจฟังนะ แค่มันบังเอิญได้ยินเองต่างหาก
ผมรู้ดีอยู่แล้วว่าจื่อเทาเป็นคนจีน แต่ที่ผมอยากรู้สุดๆ คือคำถามสุดท้าย ว่ามันมาทำอะไรที่ประเทศเกาหลีสุดที่รักของผม
แล้วคำตอบที่ได้ยินคือมาอยู่กับญาติที่เกาหลีซึ่งเป็นคนจีนเหมือนกัน ประเทศเกาหลีก็ออกจะกว้างทำไมไม่ไปอยู่ที่อื่นกัน
ขณะที่นักเรียนคนอื่นกำลังรุมร้อมจื่อเทาอยู่ ผมก็นั่งก้มหน้าก้มตา ทำเป็นตั้งสมาธิอยู่กับหนังสือเล่มโปรด ไม่รู้จะคุยกับใคร เพราะทุกคนในห้องไปสนใจเด็กนักเรียนใหม่อย่างจื่อเทากันหมด ไม่เว้นแม้แต่คยองซู กับแบคฮยอน(รายนี้ต้องไปอยู่แล้ว)
“ทำอะไรอยู่เหรอเซฮุน”
ผมสะดุ้งเฮือก จู่ๆ มีเสียงทักแบบนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้ไปก็แทบจะลมจับ เจ้าของเสียงคือจงอิน ทำให้ผมกลายเป็นคนติดอ่างอย่างฉลับพลัน!
“อะ...เอ่อ..อ่ะ..อ่าน..หนังสือน่ะ”
จงอินหัวเราะเห็นฟันซี่ขาวเรียงกันเป็นระเบียบตัดกับสีผิว (ป่าวทำร้ายนะ) ตวงตารีเล็กลง
...อา...หล่อชิบหายเลย -/////-
“มีมึงคนเดียวไม่สนใจนักเรียนใหม่ ไม่สนใจจื่อเทาหน่อยเลยเหรอ?”
โห่ว! ทำไมถามกันอย่างนี้ล่ะ คนที่ผมสนใจคือมึงนั่นแหละ ไอ้ดำ!! - -* จงอิน ...จงอินที่ตอนนี้เป็นแฟนคยองซูนั่งแหละ...
“แล้ว..มึงล่ะ คยองซูไปคุยกับไอ้...เอ่อ ...จื่อเทามึงไม่หึงไง?”
จงอินหน้าแดงระเรื่อตัดผิวขึ้นมาหน่อยๆ ยกมือขึ้ลูบผมด้านหลังอย่างเขินๆ
“มึง...รู้แล้วเหรอ?”
ผมทำได้แค่พยักหน้า ซ่อนแววตาเจ็บปวดไว้
“กูจะหึงทำไม แค่คุยกันแค่นี้เอง ใครๆก็สนใจเด็กนักเรียนใหม่กันเป็นธรรมดา มึงสิแปลก ไม่สนใจบ้างเหรอ?”
ผมส่ายหน้า แล้วทำเสียง ‘ฮึ’ ในลำคอ
“ไม่อ่ะ”
ผมไม่พูดอะไรต่อจนจบ ไม่อยากรื้นฟื้นอดีตอันเจ็บปวด ผมไม่ใช่คนซาดิสม์นี่!
พักกลางวันยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะจงอินเป็นหัวหน้าห้อง จึงได้รัยหน้าที่ ดูแล ‘นักเรียนใหม่’ แน่นอนว่าไอ้คยองซูต้องติดสอยห้อยตามติดตูดไปด้วย แถมเพิ่มขบวนผู้ติดตามอย่าง แบคฮยอน แทมิน คีย์ เร็น และบลาๆๆๆๆ จะให้ไล่ลายชื่อพ่อเคะน้อยๆใหญ่ๆ ที่ทำดตัวเหมือนลูกเป็ดตามแม่ของมันคงไม่ไหว ไม่งั้นคงต้องได้บอกชื่อเคะทุกคนในห้องเป็นแน่!
“ไอ้เซฮุน มาด้วยกันดิ ไปกินข้าวที่โรงอาหาร และจะได้พา ‘จื่อเทา’ ไปชมโรงเรียนกัน”
โดคยองซู กับบยอนแบคฮยอนเดินกลับมาชวนผมในห้องเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้อยู่ในขบวนลูกเป็ดนั่นด้วย
ผมไม่ไปหรอกนะ ผมส่ายหน้ายิกๆ ปฏิเสธ ยกหนังสือในมือชูเป็นการบังหน้า “ไม่ไป เดี๋ยวกูไปซื้ออะไรมากินเองดีกว่า เกิดอยากเป็นเด็กดีอ่านหนังสือ”
“อย่ามาแสดงน่าโอเซฮุน!! ทำตัวเอนตี้สังคมไปได้!!” ไอ้แบคฮยอนมันตวาดแว๊ดอย่างที่มันชอบทำใส่ผม
ผมเบ้ปากใส่เพื่อนทั้งสองคน แล้วไง? ผมใม่สนหรอกที่มันว่า ผมก็เป็นของผมอย่างนี้อยู่แล้ว อีกอย่างจะให้ผมแฝงกายไปอยู่ในขบวนนั่นผมไม่เอาด้วยหรอก
“กูไม่ได้เอนตี้ กูอยากอยู่เงียบๆ โอเค้!??”
“น่า! อุตส่าห์มีเด็กใหม่หล่อๆมาทั้งที มึงอย่ามาเรื่องเยอะ ไปคุยกับเค้าหน่อยดิวะ”
“ไม่เอา มึงสองคนอย่ามาเยอะกับกู กูไม่ไปก็คือไม่ไป ไอ้เด็กใหม่นั่นมันอยู่ที่นี่อีกนาน คุยเมื่อไหร่ก็ได้”
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย
“แต่เมื่อกี้จื่อเทาถามถึงมึงด้วยนะ” คยองซูว่า
“ถามว่าไงวะ?” ผมถามกลับแทบจะทันที
“ก็ถามว่ามึงชื่ออะไร”
“ละ..แล้วมึงตอบว่าไง”
เสียงผมกำลังสั่น ผมรู้ดี คยองซูบอกอะไรไอ้บ้านั่นไปบ้างเนี่ย โอ๊ยยยย นั่นมันคู่อริของผมเลยนะ อยากจะร้องไห้จริงๆ
“กูก็เลยตอบว่าชื่อ โอเซฮุน เป็นเพื่อนสนิทของกูกับคยองซูเอง” แบคฮยอนเป็นคนชิงตอบขึ้น
...ฝรัส! เป็นเพื่อนที่ดีมาก! ดีชิบหาย! ดียั่งหร่า! ดีไปหมด! ดีโคตรจะดี ผมร้องไห้แล้วนะจริงๆ
“แล้วไอ้...เอ่อ...มันว่าไง?” ผมกัดฟันถามต่อ
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แค่ ‘อ๋อ งั้นเหรอ’ แค่นั้น ...ทำไมสนใจรึไง?” ว่าเสียงกระเซ้า เย้าแหย่ แต่ขอโทษนะมันไม่ใช่ประเด็น!
...แค่นั้น แล้วมันยังไงวะ? ไอ้แพนด้า!! มึงถามทำม๊ายยยยยย
“พ่องง! ไม่ได้สนใจ มึงสองตัวไปกันเหอะ” ผมตัดบทดื้อ ไม่อยากคุยอะไรตอนนี้ “เดี๋ยวคนอื่นจะรอ”
“เออๆ ไอ้คยองซูไปเหอะ ปล่อยมันไปเหอะ ...อิตุ๊ดกูไปก่อนนะ บาย~”
“ฝรัส!!”
ผมด่าตะโกนไล่หลังร่างบางสองร่างที่เดินหัวเราะกันไปร่วมขบวนแม่ลูกเป็ด ...ทำไมชอบเรียกจังว่าตุ๊ด ผมน่ะเก้านิ้วนะ ..ขอบอก -O-;;
ผมไม่สนใจก้มหน้าลงนอน ไม่ได้อ่านหนังสืออย่างที่บอกพวกมันไปหรอก พยายามระงับสติอารมณ์ของตัวเองอยู่ จู่ๆ ก็มีมือเรียว ไม่ได้รับเชิญมาเกาะโต๊ะไว้ซะงั้น ผมเงยหน้าขึ้นไป แล้วก็พบว่าเป็น ‘ลู่หาน’ หนุ่งจีนสุดฮอตอีกคนของห้อง เค้ายืนค้ำหัวผมอยู่
ความจริง ลู่หานเป็นรุ่นพี่ของพวกผมนะ แต่ด้วยการที่เป็นคนจีนมา และต้องมาเรียนภาษาเกาหลีใหม่เลยทำให้ลู่หานเรียนห้องเดียวกับผม ผมก็ไม่แน่ใจว่าห่างกันกี่ปี
“มีอะไร?” ผมกระชากเสียงถาม หน้าบอกบุญไม่รับ ตอนนี้ผมกำลังอารมณ์เสียนะ! อย่ามากวนได้มั้ย!!?
ลู่หานไม่อารมณ์เสีย แต่กลับยิ้มน่ารักมาให้ผม “ก็เห็นเซฮุนอยู่คนเดียว ก็เลยจะมาชวนไปกินข้าวด้วยกัน”
“อ่าว แล้วเพื่อนมึงล่ะ” อายุมากกว่าหรอ? ไม่สนอะไรทั้งนั้น เรียนห้องเดียวกัน ถือว่าเพื่อนเว่ย!
“ไปแล้ว...”
“...เออ! ไปก็ไป!”
ไหนๆก็ไม่มีคนอยู่แล้ว ไปกับลู่หานก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง มาชวนขนาดนี้แล้วถ้าปฏิเสธไปก็คงจะเสียน้ำใจน่าดูเลย
“เซฮุนกินอะไร เดี๋ยวซื้อมาให้” ลู่หานถามผม
ผมไม่ชอบเป็นภาระใครด้วยสิ!
“ไม่ต้อง! กูซื้อเอง”
ผมเดินไปต่อแถวยาวเหยียดนั่น แต่ในใจเหมือนจะร้องไห้!! ทำไมน่ะเหรอ? ก็ผมดันไปสบตากับสายตาคมๆ ของหมอนั่นซะได้ แว๊กกก!! หมอนั่นแสยะยิ้มด้วย
ผมก้มลงมองพื้นหลบตาคมที่กำลังมองมาไม่ลดละ เมื่อไอ้แพนด้ามันเดินออกจากฝูงผู้คนเดินมาทางผม มันกำลังเดินมา มันกำลังเดินมา... มันเดินมาแล้ววววว
“เซฮุน! เป็นอะไร” ผมสะดุ้ง หันไปตามแรงสะกิดจากคนด้านหลัง! โธ่!! จะมาสะกิดอะไรตอนนี้เล่า!!
“ปะ เปล่า! ไม่ได้เป็นไร!!” ผมบอกเสียงสะบัด ไม่ได้อยากทำหรอก แต่มันบังคับไม่ได้เองนะ
ผมหันกลับตาก็ต้องตกใจจนผงะ! หมอนั่น ‘ฮวางจื่อเทา’ ยืนอยู่ตรงหน้าผม!!!
“สวัสดี โอ เซฮุน ที่รัก!!”
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
TBC.
ความคิดเห็น