คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 อัธยาศัยดี...มนุษยสัมพันธ์เยี่ยม
Chapter 5
อัธยาศัยดี...มนุษยสัมพันธ์เยี่ยม
“เอ่อ...” อะไรวะ?! แกให้ฉันมาทำไมฮะไอ้เต้? ฉันจะพูดอะไรต่อเล่า T^T
ฉันถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าร้องไห้จะเป็นจะตาย จะใครซะอีกล่ะคะ...ก็ฮันนี่แฟนอีตาบ้านั่นน่ะแหละ
“ฮือ! จะ...จะมาทำไมคะ ฮัน...ฮันนี่แค่แสบตา น้ำ...น้ำตาก็เลยไหล ฮือๆๆ” เอ่อ...เธอพูดอะไรน่ะ เรียกร้องความสนใจเหรอไงยะ =O=
“คือ...” ทำยังไงดีๆๆๆ TT___TT
“ฮันนี่ไม่เข้าใจ...ฮือ! ทำไมซิงเกิ้ลต้องทำเหมือนเป็นห่วงซัมวันด้วย ฮือๆๆๆ” ง่า...อะไรของเธอเนี่ย T^T
คนร้องไห้ต้องทำไงล่ะเนี่ย คิดๆๆๆ คิดสิซัมวัน อ่า...ใช่ๆ ปลอบ! ต้องปลอบ!! แล้วเวลาปลอบเข้าทำยังไงกันล่ะ ฉันไม่เคยปลอบคนนี่ แถมยังไม่มีคนปลอบด้วย กระซิก...กระซิก T^T
“คือฉัน...คือ...มันไม่มีอะไรหรอก นายซิงเกิ้ลก็ทำไปอย่างนั้นแหละ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกนะ T^T” โอยยยย...ถ้าเธอไม่หยุดร้องเดี๋ยวฉันก็ร้องตามเธอหรอก แง้ TOT ปลอบคนไม่เป็นว้อยยย
“ฮือ...แต่แววตา...แววตาที่ซิงเกิ้ลของซัมวันมันไม่เหมือนคนอื่นนี่นา แงๆๆ”
แววตา...แววตาเนี่ยนะ ฉันไม่เห็นจะรู้สึกเลย คิดมากเป็นเองล่ะมั้ง...
“ตาฝาดไปรึเปล่า ไม่มีอะไรหรอก ไปกินไอติมต่อเถอะ เดี๋ยวจะละลายหมดนะ ^^” ฉันยันไหล่ของเธอออกมาจากห้องน้ำแล้วตรงดิ่งกลับโต๊ะทันที
“อะ...อ้าว! เธอร้องไห้ทำไมน่ะฮันนี่ ใครทำอะไรเธอ? บอกฉันมาสิ” เขาพูดขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าฮันนี่ผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ
นายนั่นแหละ อีตาซื่อบื้อ! =O=;;
“เปล่าหรอก ทานต่อเถอะ ฝุ่นเข้าตาเฉยๆ” เธอตักไอศกรีมเข้าปากอย่างช้าๆ เหมือนความเป็นผู้ดีกำลังสิงร่างเธออะไรอย่างนั้น
“งั้นเหรอ? งั้นก็แล้วไป กินต่อเถอะ รสมะนาวนี่อร่อยน้า ชิมดูสิๆๆๆ” เขาใช้ช้อนตักไอศกรีมแล้วจัดการป้อนเธอซะ
เหอะๆ...นายนี่ไม่รู้อะไรจริงๆ - -“ ผู้หญิงเขาหึงยังทำเฉย เฮ้อ! ผู้ชายหนอผู้ชาย
ฮันนี่สลดไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคแรกที่ซิงเกิ้ลพูดเหมือนไม่ได้สนใจเธอ แต่พอได้ยินเสียงอ้อนๆของเขาเพียงเท่านั้น เธอก็ถึงกับยิ้มได้แล้วก็อ้าปากชิมไอศกรีมที่แฟนตักให้
“อร่อยจริงๆด้วย ^^” เธอยิ้มรับ
บรรยากาศกลับเข้าสู่สภาพเดิมอีกครั้งจะเรียกว่าดีกว่าเดิมเลยก็ได้ ไอศกรีมน่ะป้อนกันเข้าไปเถอะ บ๊ะ! ทั้งสองคู่เลย T___T เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด
แต่ทว่าสิ่งดีๆมันก็ไม่ได้อยู่ยืนยาวอะไรแบบนั้นใช่มั้ยคะ มันต้องมีอะไรสักอย่างมาขัดสิน่า
“กรุ๊งกริ๊ง” กระดิ่งที่ประตูร้านสั่นไหวทำให้เกิดเสียง ตามมาด้วยชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดี ที่สำคัญ...มาคนเดียวค่ะ!!
“หล่อว่ะ” ฉันพูดออกมาเบาๆอย่างอดไม่ได้ ไอ้เต้ที่ได้ยินอยู่คนเดียวก็ส่งสายตาประมาณว่าฉันบ้าไปแล้ว _ _”
ผมสีดำขลับถูกจัดทรงตามแฟชั่นของวัยรุ่นทั่วไป ดวงตาคมกริบเช่นเดียวกับผม ผิวขาวเนียนอมชมพู สูงประมาณร้อยแปดสิบเซ็นต์เป็นอย่างต่ำ โอว...สเป็ค!
ไม่รู้ว่าเพราะฉันหันไปจ้องเขานานเกินไปหรือเปล่า คนอื่นเลยหันไปมองที่ประตูร้านบ้าง
เอ๋...นั่นมันเครื่องแบบโรงเรียนนายซิงเกิ้ลนี่นา ทำไมฉันได้กลิ่นแปลกๆล่ะเนี่ย มันชักจะยังไงๆอยู่แฮะ
เครื่องแบบโรงเรียนที่ว่านั้น ของนักเรียนชายจะมีลักษณะเป็นสูทสีแดง ที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้ายมีปักตราโรงเรียนไว้ ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงขายาวสีเดียวกับเสื้อ ส่วนนักเรียนหญิงนั้นก็จะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ จะต่างกันก็ตรงที่กระโปรงลายสก็อตสีแดงที่สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยนั่นล่ะ
ส่วนโรงเรียนฉันก็คล้ายๆกันนั่นแหละ เครือเดียวกันนี่นา จำนวนเครื่องแบบมีเท่ากันทุกชิ้นค่ะ เพียงแค่เปลี่ยนตราโรงเรียนที่กระเป๋าเสื้อ เสื้อสูทและกระโปรงจะเป็นสีแดงเข้มออกไปทางสีเลือดหมู ไม่ได้เป็นลายสก็อตเหมือนโรงเรียนบางกอกฯ
ผู้ชายคนนั้นได้แต่สวมใส่เสื้อเชิ้ตเท่านั้น เพราะเขาได้พาดเสื้อสูทไว้ที่ไหล่น่ะสิ อ๊ายยยย เท่ชะมัด!
“นั่นมีนนี่นา! งั้นเดี๋ยวฮันนี่มานะคะ” เมื่อพูดจบเธอก็เดินไปที่ประตูแล้วพาผู้ชายคนเมื่อกี้มาที่โต๊ะ
“งั้นแนะนำเลยแล้วกันนะคะ นี่มีนเพื่อนห้องเดียวกันกับฮันนี่ค่ะ” เธอพูดพลางชี้ไปที่มีน
“มีน ส่วนนี่ก็ซิงเกิ้ล ซัมวัน โปเต้ แล้วก็วุ้นจ้ะ” เธอชี้ทีละคนตามลำดับที่พูดไป
“เอ่อ...สวัสดีครับ” มีนสุดหล่อก้มหัวให้เล็กน้อย
คนอื่นๆก็ทักทายกันตามมารยาท จะแปลกก็มีนายซิงเกิ้ลนั่นแหละ ปากก็พูดทักทายไปอย่างนั้นล่ะนะ แต่สีหน้ากับแววตามันผิดกันเลย! เย็นชา! ว่างเปล่า!! ทำไมมันกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ
เนื่องจากมีสมาชิกเพิ่มมาอีกคนนึงก็เลยต้องเสริมเก้าอี้เพิ่ม แล้วที่ๆพอจะนั่งก็อยู่ระหว่างฮันนี่กับยัยวุ้นนั่นแหละ ฉัน...รู้สึกใจไม่ดีแฮะ
มีนนำเสื้อสูทพาดไว้กับเก้าอี้แล้วปลดกระดุมแขนเสื้อออก จากนั้นก็พับแขนขึ้นเพื่อความสะดวก
“หึๆ เก๊ก!” ทายสิคะว่าใครเป็นคนพูดน่ะ! ถึงแม้ว่าจะเบาสักแค่ไหน แต่คนที่นั่งข้างๆนายก็ได้ยินนะยะ!
ฉันเอื้อมมือไปหยิกต้นขาของนายซิงเกิ้ลเพื่อเตือนสติเขาทันที
“โอ๊ย! เธอหยิกฉันทำไมเนี่ย ถึงเนื้อถึงตัวนะเราน่ะ” เขาพูดยิ้มๆ
ทำไมนายไม่พูดเบาๆเหมือนเมื่อกี้เล่า T^T แฟนนายส่งสายตามาที่ฉันอีกแล้วนะ!
“อะไรเล่า! ที่พูดเมื่อกี้ฉันได้ยินนะยะ” ฉันพูดลอดไรฟันให้เบาที่สุด
“หึๆ ฉันบอกว่าอยากกินเก๊กฮวยมันผิดเหรอ? แต๊ะอั๋งฉันอ่ะดิ หึๆๆ” ดูมันทำสิ! ไม่พูดเปล่า ยังมาทำรุ่มร่ามเอานิ้วมาจิ้มแก้มฉันอีก T^T ง่า
“เอ่อ...” นายมีตัวตนด้วยเหรอมีน... -__-;;
“มีน! ช่วยไปส่งฮันนี่หน่อยสิ ฮันนี่อยากกลับบ้านแล้ว!!!” ง่ะ! แฟนเธอนั่งอยู่ข้างๆทำไมไม่บอกฟะ เธอไปบอกเพื่อนเธอให้มันเป็นเรื่องทามม้ายยยยยย
“อะ...อื้มๆ ไปก็ไป ผมไปนะครับ” มาเร็วไปเร็วจริงๆคนหล่อ เหอะๆ
ฮันนี่เดินกระทืบเท้าปึงๆออกไปก่อนที่นายมีนจะพูดจบเสียอีก ส่วนไอ้ผู้ชายที่มันกล่าวหาฉันเมื่อกี้ก็นั่งสั่นเป็นเจ้าเข้านั่นแหละค่ะ หึๆๆๆ สมน้ำหน้า!!!
“พวกนายเห็นที่ฮันนี่ทำมั้ยล่ะ!!! บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้คิดไปเอง ฮันนี่ต้องนัดไอ้มินนี่ออกมาแน่ๆ” เรียกซะน่ารักเลย...มินนี่ ฮ่าๆๆ
“แล้วดูนายทำสิ! จะให้ฮันนี่เขาคิดยังไงฮะ?” วุ้นขึ้นเสียงเล็กน้อยก่อนจะหันมาทำสายตาดุๆให้ฉัน
ฉันผิดอะไรยะ?!
“ถูก! ฉันคิดว่าคนอัธยาศัยดีอย่างนาย สมควรที่จะเจอกับคนมนุษยสัมพันธ์เยี่ยมนั่นแหละถูกแล้ว กรั่กๆๆ” ไอ้เต้พูดขำๆ
“อะไรวะ...อัธยาศัยดี? มนุษยสัมพันธ์เยี่ยม?? คนสวยงง!” โฮะๆ ฉันเองๆ ฉันสวย เอิ๊กๆ
“หึๆๆ แกยังอ่อนต่อโลกไปหน่อยว่ะซัมวัน ลองไปคิดๆดูดีๆดิ” ไอ้เต้ว่าฉันอ่อนต่อโลกง่ะ T^T ฉันไม่ได้อินโนเซ้นซ์น้า!
“เธอเห็นมั้ย!! ไม่มีใครเข้าข้างฉันเลย!!!”
พอกลับมาถึงบ้านเสร็จฉันก็อาบน้ำเตรียมตัวจะนอนพอดี หัวเกือบจะถึงหมอนแล้วแท้ๆ ไอ้บ้าซิงเกิ้ลยังโทรมาปรึกษาปัญหาหัวใจกับฉันอีก!
“อะไรกัน เลิกแหกปากได้แล้วน่า” เซ็ง! คนอยากนอนเซ็ง!!
“เธอดูไอ้มินนี่นั่นสิ! มันดีกว่าฉันตรงไหนฮันนี่ถึงไปหามันน่ะ”
“ฮันนี่บอกนายหรือไงว่าจะไปหาเขาน่ะ” ฉันกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“เอ้า! เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอไง หลักฐานตำตาเธอยังจะไปแก้ตัวแทนอีก เฮอะ เข้าข้างกันเข้าไปซี่!” เอ๊ะ! ทำเสียงงอนอีก - -*
“เออๆๆ ก็เห็นเหมือนกันนั่นแหละ แล้วยังไง แล้วมาบ่นให้ฉันฟังทำไมฟะ คนจะนอน!”
“...ฉันทะเลาะกับฮันนี่อีกแล้ว เที่ยวนี้รุนแรงอีกต่างหาก” เขาพูดเสียงแผ่ว
“เฮ้อ นายไปโวยวายอีกล่ะสิ แล้วเขาว่าไงล่ะ” รู้ทันค่ะ!! ไอ้นี่โวยวายเป็นอย่างเดียว
“เชอะ ฮันนี่บอกว่าเป็นแค่เพื่อน แล้วที่ให้ไปส่งก็เพราะว่าเห็นฉันกำลังกินไอติมอย่างสนุกสนาน ร่าเริง แจ่มใส คงไม่อยากกลับด้วย” ไอ้สนุกสนาน ร่าเริง แจ่มใสนี่มันยังไงน่ะ _ _”
“หมายความว่าไง ไอ้ที่พล่ามมายาวๆนั่นน่ะ”
“ถ้าฉันรู้ฉันจะมาปรึกษาเธอมั้ยล่ะ ยัยเบ๊อะ =O=;;”
“ชิ! ก็ฮันนี่คงเห็นนายยังกินไม่เสร็จเลยไม่อยากกวนล่ะมั้ง เห็นมะ? นายคิดไปเอง โถ่!” ฉันพยายามไกล่เกลี่ยเต็มที่เพราะง่วงอย่างแรง
“ไม่มีคนอยู่ข้างฉันสักคน เห็นมั้ยล่ะ เฮอะ! เธอคงเบื่อมากล่ะสินะถึงได้ตัดบทแบบนี้น่ะ งั้นฉันวางก็ได้ บาย”
เร็วเท่าความคิด หมอนั่นกดตัดสายทิ้งทันที เสียงสัญญาณดังกระทบโสตประสาทฉันได้สักพัก ที่นายพูดแบบนี้เพราะนายงอนใช่มั้ย? นายต้องการคนที่จะอยู่ข้างนายใช่มั้ย?
ช่างเถอะ...ไม่เกี่ยวกับฉัน
พอตัดสินใจได้อย่างนั้นฉันก็เปิดโคมไฟที่หัวเตียงแล้วเดินไปปิดไฟข้างๆประตูซะ อย่างงกับพฤติกรรมของฉันเลยค่ะ เพราะฉันเป็นโรคกลัวความมืดขึ้นสมอง เลยต้องเปิดไฟนอน ขอให้เป็นโคมไฟก็ยังดี แหะๆ
ฉันพยายามข่มตามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเพราะอะไรอีกล่ะ...ตาฉันน่ะอยากจะพักเต็มทน แต่สมองมันไม่ยอมพักตามน่ะสิ
ช่างเถอะ...ไม่เกี่ยวกับฉัน
พอตัดสินใจได้อย่างนั้นฉันก็เปิดโคมไฟที่หัวเตียงแล้วเดินไปปิดไฟข้างๆประตูซะ ฉันพยายามข่มตามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเพราะอะไรอีกล่ะ...ตาฉันน่ะอยากจะพักเต็มทน แต่สมองมันไม่ยอมพักตามน่ะสิ
หรือฉันต้องโทรไปง้อเขาล่ะเนี่ย??
“นอนรึยัง?” ฉันคิดว่าฉันสมควรจะง้อเขาค่ะ -__-;;
“ยัง แล้วเธอไม่นอนเหรอไง มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ ไม่สบายไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความห่วงใยที่ปิดไม่มิด
อย่าสงสัยเลยค่ะว่าทำไมฉันถึงคิดมากขนาดต้องโทรไปง้อเขาเนี่ย ก็เพราะฉันไม่ใช่เหรอคะที่ว่ากล่าวเขาอย่างเดียว คอยแต่จะตัดบทว่าเขาคิดมากไปเอง หรือไม่ก็พูดแต่คำว่า ‘ไม่มีอะไรหรอก’ ทุกคนเห็นด้วยใช่มั้ยคะว่าฉันควรจะโทรมาง้อเขาน่ะ =O=
“หายดีแล้ว สบายมากเรื่องแค่นั้น คือฉัน...” พูดไม่ออก จะขอโทษก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่มันไม่สบายใจต่างหากถ้าไม่พูดอะไรออกไปเลยน่ะ
“...” เขาเงียบเพื่อรอให้ฉันพูดให้จบประโยค
“ฉัน...ฉันขอโทษ” ฉันพูดเสียงอ่อย โธ่!~ คำว่าขอโทษมันพูดกันง่ายๆซะที่ไหนล่ะ T^T
“ขอโทษ? ขอโทษฉันทำไม เรื่องนั้นน่ะเหรอ?”
“อืม คือฉันคิดว่าถ้าฉันเป็นนาย...”
“ไม่เป็นไร ฉันอาจจะคิดมากไปเองอย่างที่เธอว่านั่นล่ะ” เขาพูดตัดบท
“โธ่! นายงอนฉันใช่มั้ยเนี่ย ฮะ? ฉันง้อคนไม่เก่งนะบอกไว้ก่อน” เชอะ! คิดว่าฉันไม่รู้เหรอไงยะว่าอยากให้ง้อน่ะ
“เปล่า ฉันจะงอนอะไรเธอ ไม่สิ...ฉันไม่มีสิทธิ์ต่างหาก”
“ง่า อย่างอนสิ นะๆๆ ฉันอุตส่าห์เลือกที่จะโทรมาง้อนายแทนที่จะนอนนะ การนอนสำหรับฉันมันสำคัญมากนะ!!” จริงๆค่ะ ToT มันสำคัญกับฉันมาก อย่างฉันต้องนอนอย่างน้อยสิบชั่วโมง ฮือๆๆ
“งั้นก็ไปนอนสิ ถ้าไม่เต็มใจน่ะ” เอ๊า! ไม่เลิกแฮะไอ้นี่
“เดี๋ยวก็ไปนอนจริงๆซะหรอก จะให้คุยเป็นเพื่อนมั้ยยะ”
“เชอะ! หายงอนก็ได้ ผู้หญิงอะไรใจร้ายชะมัด” บ่นๆ บ่นเข้าไปสิยะ ผู้หญิงอย่างฉันถึงขนาดอดนอนมาคุยกับนายเลยนะ น่าจะซึ้งในพระคุณ เชอะ!!
“เออนี่ ฉันถามอะไรหน่อยสิ ปกตินายคุยกับฮันนี่กี่ชั่วโมงน่ะ” ก็ลองคิดดูสิคะ แค่เพื่อนอย่างฉันแทบจะคุยกันทั้งคืน กับฮันนี่ก็ต้องทั้งวันสิ!
“อ๋อ แป๊บเดียวเองนะ อืม...สักชั่วโมงเดียวเองอ่ะ พอคุยไปคุยมาแล้วเหมือนไม่มีอะไรจะคุย ก็ได้แค่นั้นแหละ...หนึ่งชั่วโมง”
“หา...นี่นายคุยกับฉันมากกว่าฮันนี่อีกเหรอ? เป็นงั้นไป O-“ ผิดคาดจริงๆ เหอะๆ
“ก็ทำไมล่ะ ปกติออก” ดูพูดสิ ไม่ได้สนใจอะไรเล้ย
“งั้นฉันถามความคิดเห็นนายหน่อย ถ้ามีผู้หญิงอยู่คนนึง เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วยนะ แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่คิดเล็กคิดน้อย เจอใครก็ทักทายไม่ว่าจะชายหรือหญิง แถมมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายอีก...นายคิดยังไงกับเรื่องนี้” แหะๆๆ ฉันกำลังจะอธิบายให้นายนั่นฟังว่าฮันนี่อาจจะไม่ผิดก็ได้!
“ก็ไม่คิดยังไง ก็คนเขามนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย แล้วไง? ผิดด้วยเหรอ??” โป๊ะเชะ!! นายกำลังฆ่าตัวเองล่ะ หึๆๆ
“นายไม่คิดบ้างเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะเจ้าชู้ประตูดินก็ได้นะ ถึงแม้ว่าจะมนุษยสัมพันธ์ดีก็เถอะ”
“ไม่ล่ะ เธอมองคนในแง่ร้ายจัง”
“แล้วถ้าเขาคนนั้นคือฮันนี่ล่ะ นายจะยังคิดแบบนั้นอยู่มั้ย”
“ฉัน...!”
“ไง ใช่มั้ยล่ะ งั้นมีอีกเรื่องนึง ลองคิดตามดู ถ้ามันเปลี่ยนกันนิดหน่อย จากผู้ชายเป็นผู้หญิง ผู้หญิงเป็นผู้ชาย คือฉันหมายถึงผู้ชายคนนั้นมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิง ทั้งๆที่มีแฟนอยู่แล้ว นิสัยทุกๆอย่างเหมือนกับผู้หญิงที่พูดถึงเมื่อกี้เป๊ะ นายคิดว่าไง?”
“เอ้า! อัธยาศัยดี!! ฉันพูดได้คำเดียวว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยดี ใช่มั้ยล่ะ?...ก็เมื่อกี้เธอบอกว่าเจอใครก็ทักทายเซย์ไฮกันตามมารยาท ผู้ชายคนนี้อัธยาศัยดี ใจกว้าง แถมยังเป็นเพื่อนกับมนุษย์ทุกคนบนโลก!” ชิ! ที่ผู้ชายล่ะเยินยอกันเข้าไป ที่ผู้หญิงล่ะพูดไม่กี่คำ
“หึๆ งั้นฉันก็เข้าใจที่ไอ้เต้มันพูดแล้วล่ะ ‘คนอัธยาศัยดีอย่างนาย สมควรที่จะเจอกับคนมนุษยสัมพันธ์เยี่ยม’...อย่างฮันนี่ หุๆ”
“เธอแกล้งฉัน!! แง้ TOT ยัยบ้า”
“ฉันเปล่า ฉันแค่ทำให้นายเข้าใจว่าฮันนี่เป็นคนน่ารัก นิสัยดี อย่าไปคิดมากเลยน่า”
ฉันพูดคุยกับเขาอีกนิดหน่อยก็ขอตัวไปนอน มันเลยเที่ยงคืนมาเลยน่ะสิ T^T ถ้าไม่ชิงวางสายก่อนไม่ถึงเช้าเลยเหรอ ToT
“งั้นก็นอนหลับฝันดีนะ อย่าฝันถึงฉันล่ะ ฮี่ๆ อ้อ!...อีกไม่นานฉันจะได้เจอเธอทุกวันแล้วนะ...” เขาพูดไว้แค่นั้นก็วางสายไป
‘อีกไม่นานฉันจะได้เจอเธอทุกวันแล้วนะ’ ...มันหมายความว่ายังไงกันล่ะเนี่ย นายจะมาหาฉันทุกวันเลยเหรอไง บ้าสิ...เขาจะทำแบบนั้นไปทำไม แต่ช่างเถอะ...ตาฉันจะปิดแล้ว ไม่ไหวๆ...สวัสดี! ~O~
--------- To be continued -------
วิ้วววว!~ มาอัพแล้ว TT^TT พอดีเมื่อวานปั่นจบตอนนึงวันนี้เลยเอามาอัพ
-O-^ ตอนนี้ยังไม่ได้ตามอ่านนิยายคนอื่นเลย ต้องปั่นของตัวเองอย่างเดียว TT^TT
ไม่งั้นไม่มีอ่านกันแหงๆ ขอโทษน้าค้า T/l\T
เพิ่งกลับมาจากค่ายแบบว่าจะตายเลยค่ะ -__-^
เอาล่ะ สปอยเล็กน้อย... “อีกไม่นานฉันจะได้เจอเธอทุกวันแล้วนะ” กร๊ากกกกก
หมายความว่ายังไงเนี่ย ตอนต่อไปจะวุ่นวายเหลือหลายค่ะ O-^
เจ๊แกจะกลับมาแล้ววว เอิ๊ก!!!
$m[i]LeYz dEviL
ความคิดเห็น