คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 ความแตกแล้ว! TOT
Chapter 6
ความแตกแล้ว! TOT
“เฮ้ยไอ้เต้! ฉันเข้าใจแล้วนะเว้ย ไอ้ที่แกพูดเมื่อวันก่อนน่ะ ฉันฉลาด โฮะๆๆ”
เช้าวันรุ่งขึ้นฉันก็ตรงดิ่งไปหาไอ้เต้และยัยวุ้นทันที ฉันต้องให้มันแสดงความยินดีกับฉัน กรั่กๆๆๆ
“เออ แล้วไปทำอีท่าไหนวะฮะ? ถึงได้ตรัสรู้ล่ะ เซลล์สมองของแกไม่น่าจะคิดอะไรล้ำลึกแบบนี้ได้นะ” ไอ้เต้ทำท่าลูบคางตัวเองเหมือนคิดอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ
“ถูกต้องเลยที่รัก อย่างมันต้องมีคนช่วยชัวร์” ยัยวุ้นวาดวงแขนมาข้างหน้าพร้อมกับชี้หน้าฉัน เรามีต้นแบบค่ะ...ลองนึกถึงโคนันกำลังพูดว่า ‘ความจริงต้องมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!’ สิคะ ท่ามันเป็นแบบนั้นแหละ -.,-
“เชอะ ก็เมื่อคืนฉันคุยกับนายซิงเกิ้ลแล้วก็ลองนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานไง ก็ประกอบเรื่องไปมามันก็ได้แล้วคำตอบ ฮ่าๆๆ ฉันเก่ง!”
“...” ไอ้เต้เงียบ
“...” ยัยวุ้นก็เงียบ _ _”
“พวกแกเงียบกันทำไมวะ ฉันเล่าเพื่อจะให้แกแสดงความยินดีกับฉันนะเฟ้ย”
“ดูเหมือนว่าเราต้องคุยอะไรกันหน่อยแล้ว” วุ้นพูดพลางทำหน้าเครียด
อะไรกัน?! เรื่องที่ฉันฉลาดมันถึงขนาดต้องมานั่งจับเข่าคุยกันเลยเหรอไง T^T
“แกรู้มั้ยว่าทำไมพวกฉันถึงเงียบตอนที่ซิงเกิ้ลเอามืออังหน้าผากแกน่ะ” ไอ้เต้ถาม แถมคิ้วมันยังผูกกันเป็นปมอีก
“???” งงสิคะ -__-;;
“แล้วแกรู้มั้ยว่าทำไมฮันนี่ถึงร้องไห้” ยัยวุ้นก็อีกคน
“???” ไม่ทราบ
“แล้วแกรู้มั้ยว่าทำไมฮันนี่ถึงเดินปึงปังออกไปอย่างนั้นน่ะ” ไอ้เต้ถามอีกค่ะ
“ไม่รู้ ไม่ทราบ และตอนนี้อยากตรัสรู้แล้ว! =O=”
“เพราะฮันนี่หึงแกกับซิงเกิ้ล!!” นั่น! นัดกันมาพูดแหง พร้อมกันจนเป็นเสียงเดียวเลย -__-
“จะบ้าเหรอ?! จะหึงทำหอกอะไรฟะ ยังไม่ทันทำอะไรเลย”
“งั้นเอาตั้งแต่คำถามแรก ที่พวกฉันเงียบเพราะอึ้งกับการกระทำของไอ้หล่อนั่น! เจอหน้ากันไม่กี่ครั้งมีแตะเนื้อต้องตัว แสดงความห่วงใยออกนอกหน้า มันสมควรมั้ย?!” ยัยวุ้นพ่นน้ำลายฟอดๆๆๆ เหอะ...เต็มหน้าฉันเลย O-;;
“อันนั้นฉันก็อึ้งโว้ย แกเห็นฉันใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันถามหน้าหงิก เฮอะ! เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวอันนี้ฉันรู้ดีย่ะ
“เออ...แล้วที่ฮันนี่ร้องไห้อ่ะนะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาบอบบางมาจากไหน เห็นพวกแกเล่นบทสวีทขึ้นมาถึงกับต่อมน้ำตาแตก”
“นี่! เขาเรียกว่าเสียความรู้สึก ผู้หญิงคิดมากเรื่องแบบนี้นะยะ เขาเรียกว่าละเอียดอ่อนในความรัก ที่รักพูดเหมือนดูถูกผู้หญิงเลย” ยัยวุ้นพูดแบบตัดพ้อ ก็ไอ้ประโยคเมื่อกี้ไอ้เต้เป็นคนพูดค่ะ ในขณะที่ฉันก็คิดตาม...
“เออๆ แล้วบทสวีทอะไรของพวกแกวะ ฉันไปสวีทกับไอ้บ้านั่นตอนไหนมิทราบ”
“ฉันขอเวลานึกก่อน มันเยอะมากกกกก...อ่ะๆ อยากเช่นตอนที่อังหน้าผากล่ะหนึ่ง ตอนที่แกหยิกนายซิงเกิ้ลแล้วตานั่นก็จิ้มแก้มแกนั่นแหละ ฉันนึกได้แค่นี้ -__-“ ยัยวุ้นร่ายยาวใส่ฉัน
ฮะ? สวีท...ตรงไหนฟะ =O=
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยยัยบ้า แกอาจจะไม่รู้สึก แต่คนมองเป็นใคร ใครก็คิดวะ แกคิดดูนะ พวกฉันที่เป็นเพื่อนแกแท้ๆยังคิด แล้วแฟนเขาจะคิดยังไงวะ” อะไรนะไอ้เต้?!
“แต่เอาเถอะ ฉันจะถือซะว่าอย่างน้อยแผนเราก็สำเร็จไปเกือบครึ่ง” ยัยวุ้นยิ้มอย่างพอใจ
แต่ที่ฉันสงสัยคือแววตาของไอ้เต้...หรือว่าแกไม่ได้คิดอย่างยัยวุ้น?
ยังไม่พอ...ฉันยังรู้สึกได้อีกว่าเหมือนมีใครอีกคนนอกจากพวกเรากำลังมองมาทางนี้...ลางสังหรณ์ฉันมันบอก และมันก็มักจะเป็นจริงเสมอ...
ทุกๆคืนฉันก็ยังคุยกับซิงเกิ้ลตามปกติ คุยกันเรื่องไร้สาระนั่นแหละ แน่นอนว่าอย่างเราสองคนไม่ได้มีคำว่า ‘สาระ’ อยู่ในหัวเลยค่ะ อีกอย่าง...ตั้งแต่ที่ฉันพูดเรื่องผู้ชายอัธยาศัยดีกับผู้หญิงมนุษยสัมพันธ์เยี่ยมหมอนั่นก็ไปง้อฮันนี่ และพวกเขาก็แฮปปี้กันอีกครั้ง =__=;;; แต่เมื่อคืนวันพฤหัสบดีหรือวันที่ไอ้เต้กับยัยวุ้นโวยวายนั่นแหละค่ะ ก่อนจะวางสายซิงเกิ้ลพูดทิ้งท้ายให้ฉันสงสัยเล่นๆอีกแล้ว
‘เหลืออีกสามวันแล้วสินะ...’
เป็นคุณจะงงกันมั้ยคะ? ยังไม่พอ...มันก็พูดนับถอยหลังของมันเรื่อยๆจนมันพูดแค่ว่า ‘วันนี้แล้วสินะ’ คือเราคุยกันถึงเที่ยงคืนกว่าๆน่ะค่ะ วันนี้ที่หมอนั่นว่าก็คือวันจันทร์นี่แหละ!! ความจริงกำลังจะเปิดเผย .\/.
พวกเรารวมตัวกันที่เดิมนั่นแหละค่ะ แต่ว่ามีเจ๊ซัมเมอร์เพิ่มเข้ามาอีกคน แกบอกว่าเพื่อนยังมาไม่ถึง ก็เลยมาอยู่กับพวกเราก่อน
“ฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกเราฟังล่ะ สังเกตมั้ยว่าพักนี้เพื่อนของพวกเธอชอบบ่นปวดหัว”
ระหว่างที่เรากำลังคุยกันเพลินๆอยู่นั้น เจ๊ได้จัดการเปิดบทสนาขึ้นมาใหม่ แล้วเพื่อนที่ว่านี่มันคนไหนฟะ...?
...เฮ้ๆ ฉันชอบบ่นว่าปวดหัว อย่างนี้ก็แปลว่าหมายถึงฉันน่ะสิ เฮือก!!!
“อ่า...อะไรกันเจ๊ เจ๊คิดอะไรอยู่เนี่ย” ฉันโวยวายก่อนใครเพื่อน
“ฉันคิดว่าแม่นี่คุยโทรศัพท์ดึกๆดื่นๆทุกวัน” เจ๊พูดเพียงแค่นั้นก็ทำเอาฉันเหงื่อตกเลยทีเดียว คำพูดของเจ๊กำลังจะทำให้ฉันทำตัวมีพิรุธ อ๊ากกก TOT
“อะ...อ๋อๆ! ก็ทำไมเล่า ฉันก็คุยกับไอ้เต้แล้วก็ยัยวุ้นไง ใช่มะๆ อะไรกันเจ๊ก็” แน่นอนว่าฉันเป็นคนพูดเองเออเองหมด แล้วก็พยายามขยิบตาให้พวกนั้นรับมุขฉันด้วย
“อ่าใช่ๆ เจ๊คิดว่าไงเหรอครับ ^^;;” ไอ้เต้ที่ดูท่าว่าจะเก็ทเป็นคนแรกก็ช่วยด้วยอีกแรง
“เปล่าหรอก เจ๊แค่คิดว่าน้องสาวเจ๊จะขายออกซะอีก ตอนที่เจ๊แอบฟังนี่นะ แม่นี่นั่งขำก๊ากอยู่คนเดียว อย่างกับมีความสุขมากมาย” เฮือก! อะไรกัน T^T
“เจ๊คิดมากมั้งคะ พอดีพวกเรานั่งนินทาคนอื่นกันน่ะค่ะ หุๆ” เซลล์สมองของยัยวุ้นก็เริ่มเข้าที่แล้วเหมือนกัน
“ฉันคงคิดไปเอ...”
“ไงทุกคน! ตกใจล่ะสิ อิๆ” เสียงผู้ชายที่ฟังดูคุ้นหูพูดขัดขึ้นมาก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงใสๆของผู้หญิงอีกคน
“ฮิๆ ดูน่าแต่ละคนสิ อะ...อ้าว ใครกันคะเนี่ย เพื่อนเหรอ ^^”
ใช่ค่ะ! ตกใจ...ตกใจมาก เสียงผู้ชายที่ว่าก็นายซิงเกิ้ล ส่วนเสียงใสๆนั้นก็ฮันนี่แหละค่ะ สองคนนี้มาพร้อมๆกับเครื่องแบบโรงเรียนฉัน!
“นี่มันอะไรกัน?” เจ๊เป็นคนพูดขึ้นคนแรก ตายล่ะ...ทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้
“เอ๊ะ! หน้าตาเธอคุ้นๆอยู่นา ใช่คนที่เดินชนกันตอนนู้นนนนนหรือเปล่าครับ ^^” ไอ้คนอัธยาศัยดีพูดขึ้น
“ใช่ และฉันก็เป็นพี่สาวของแม่นี่ด้วย” เจ๊กระชากฉันให้ลุกขึ้นยืนตาม
“ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอมีพี่สาวที่น่ารักอย่างนี้นะซัมวัน” ซิงเกิ้ลพูดยิ้มๆ
“ใช่ค่ะ ฮันนี่ว่าซัมวันน่ารักแล้วนะ พี่สาวคนนี้ยังน่ารักกว่าอีก ^^”
“พวกเธอรู้จักกัน...?” สายตาของเจ๊ในตอนนี้ในแต่ความว่างเปล่า ตั้งแต่เกิดมาฉันเพิ่งจะเคยเห็นเจ๊ด้วยแววตาแบบนี้
“ครับ รู้จักกันดีด้วย ^^” นายจะพูดทำไมฮะเนี่ยนายซิงเกิ้ล!
“แหะๆ นี่ก็ได้เวลาแล้ว งั้นฮันนี่กับซิงเกิ้ลขอตัวไปรายงานตัวก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ ^^” เธอพูดพลางมองดูนาฬิกาข้อมือสีชมพูของเธอ
หลังจากที่สองคนนั้นเดินหายไปแล้ว ก็เหมือนกับว่ายัยวุ้นกับไอ้เต้ก็เลิกอึ้งกันเสียที (นานมาก..._ _”)
“มีใครจะอธิบายได้บ้าง แล้วฮันนี่ใช่แฟนเขาหรือเปล่า” เจ๊พูดเสียงเย็น ตอนนี้ดวงตาของเจ๊เริ่มจะแดงและสั่นระริก
“ใช่ เขาสองคนเป็นแฟนกัน” ฉันพูด
“แล้วทำไมเธอไม่บอกฉัน!! ฮะ? ทำไมต้องปิดบังกันด้วย” เจ๊เขย่าตัวฉันไปมา
“เจ๊ครับ ใจเย็นๆก่อน เรามีคำอธิบาย” ไอ้เต้เดินเข้าไปแยกฉันกับเจ๊
ฉันได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ในหัวของฉันตอนนี้กำลังสับสนไปหมด ที่ฉันทำมาทั้งหมดมันเพื่ออะไรกัน...ถ้านายนั่นไม่ย้ายโรงเรียนมาเจ๊ก็จะไม่รู้เรื่องนี้ เจ๊จะได้ไม่ต้องมาเจ็บปวดแบบนี้ นายกำลังทำให้ทุกอย่างพังทลาย...ซิงเกิ้ล
“ว่ามาสิ! อธิบายมาเดี๋ยวนี้!!” เจ๊เขื่อนแตกเรียบร้อย
“ซิงเกิ้ลเป็นเพื่อนผมเอง พวกเรารู้กันทุกคนว่ามันมีแฟนแล้ว เราก็เลยคิดที่จะ...”
“แยกพวกเขาแล้วให้ฉันเข้าไปแทนที่?! ทำไมกันล่ะ!!! ทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรก! ฉันผิดหวังในตัวพวกเธอมากนะ...” เจ๊ถึงกับทรุดลงกองกับพื้น ฉันรีบเข้าไปประคองเจ๊ขึ้นมาทันที
“อย่ามาแตะตัวฉัน เรื่องที่ปิดบังฉันยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่คิดจะแยกพวกเขานั่นทำให้ฉันโกรธพวกเธอมากๆ! เธอน่าจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ทำไมทำอะไรไม่คิดแบบนี้!!! แล้วรู้อะไรมั้ย...วันนั้นฉันบังเอิญไปได้ยินที่เธอคุยกัน แต่ฉันก็พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไร แล้วเป็นไง...ฉันคิดไม่ผิดเลย!!” เจ๊ตะคอกใส่ฉันไม่หยุด ฉันกัดปากตัวเองแน่นจนปากแตก
“พวกเราก็แค่อยากให้เจ๊สมหวัง...” ยัยวุ้นพูดขึ้นเสียงอ่อย
“ใครเป็นคนคิดเรื่องนี้...เธอใช่มั้ย?” เจ๊หันมามองฉันด้วยแววตาที่เย็นชา
“มะ...”
“ใช่ ฉันเป็นต้นคิดเรื่องนี้ ฉันทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวาย ฉันมันไม่ดีเอง...”
ฉันพูดขัดยัยวุ้นเสียก่อนแล้วเดินออกมานั่งเงียบๆคนเดียวที่สนามฟุตบอลหน้าโรงเรียน อะไรกัน...ฉันแค่อยากให้พี่สาวของฉันสมหวังมันผิดมากเลยเหรอ? ฉัน...ไม่เข้าใจ
น้ำตาที่ถูกอัดอั้นไว้เมื่อกี้นี้ถึงกับทะลักออกมา ฉันเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ใครจะรู้ว่าสองคนนั้นจะมาย้ายโรงเรียนกัน ฉันเหนื่อย...
สัมผัสที่ไหล่ทำเอาฉันสะดุ้งเล็กน้อย ฉันหันไปมองเจ้าของมือนั้นก็หันกลับมาที่เดิม
“ใจเย็นๆน่า เดี๋ยวเรื่องมันก็ดีขึ้นเอง...” ไอ้เต้ลูบหัวฉันไปมาเป็นการปลอบ
“ไอ้เต้...ฉันไม่เข้าใจ ฉันทำอะไรผิด...”
“ไม่มีใครผิดหรอกน่ะ ต่างฝ่ายต่างความคิด มองกันคนละมุม แต่ฉันก็เข้าใจว่าเจ๊รู้สึกยังไงนะ”
“ยังไง แกจะบอกว่าพวกเราเป็นฝ่ายผิดใช่มั้ยที่คิดเรื่องบ้าๆนี่น่ะ” ฉันยังคงสะอึกสะอื้นต่อไป
“เปล่า แต่แกลองคิดดูนะ ถ้าแกเป็นเจ๊ แกจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าแกมีส่วนที่จะทำให้สองคนนั้นเลิกกัน มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ?” ฉันเงยหน้าขึ้นมาฟังมันทันทีหลังจากที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่นาน
ถ้าเป็นฉันเหรอ...จริงสิ มันเลวร้ายมากๆเลยนี่นา
ฉันพยักหน้าหงึกหงักตอบเขาไป
“แล้วเจ๊จะคุยกับฉันมั้ย?” ฉันถามไอ้เต้
“แกก็ต้องให้เวลาเจ๊บ้าง ให้เรื่องมันผ่านไปสักพักค่อยว่ากัน เช็ดน้ำตาด้วย หน้าแกดูไม่ได้เลย” เขาพูดยิ้มๆ
“เช็ดให้หน่อยก็ไม่ได้ แล้วหนีแฟนมาอย่างนี้แฟนไม่หึงตายเหรอ?” ฉันแหย่มันเล่นบ้าง
“มันไม่ใช่เรื่อง! ที่รักฉันมีสมองพอ ฉันกับแกเป็นเพื่อนสนิทกันนะโว้ย ถ้ายัยวุ้นหึงอะไรไร้สาระแบบนั้นฉันไม่คบเป็นแฟนหรอก ยัยวุ้นเข้าใจว่าฉันกับแกไม่เคยล้ำเส้นคำว่าเพื่อน” ถ้ายัยวุ้นหึงฉันจะไปบอกมัน กั่กๆๆ
“แหม...ฉันอาจจะแอบชอบแกก็ได้ใครจะไปรู้” ฉันส่งสายตาปิ๊งๆไปให้มัน
“อย่ามาตลก ผู้ชายหล่อๆอย่างฉันไปคิดสั้นชอบเพื่อนสนิทหรอก หุๆ” ไอ้เต้ผลักหัวฉันเล่น
พอได้เวลาเข้าเรียนก็พบว่านายซิงเกิ้ลกับฮันนี่อยู่ห้องเดียวกับฉัน สวรรค์เล่นตลกอีกแล้ว ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเจอหน้าสองคนนี้อย่างยิ่ง เพราะเรื่องของเจ๊ก็ทำให้ฉันหัวปั่นมากพออยู่แล้ว ฉันมั่นใจเลยว่าจะต้องมีคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาจากปากนายซิงเกิ้ลแน่ๆ
ฉันพยายามไม่พูดไม่จากับสองคนนั้น แต่พวกเขาก็มีความพยายามกันเหลือเกินที่จะชวนฉันคุย
“ซัมวันเป็นอะไรไป ทำไมสีหน้าดูแย่จัง” ฮันนี่ถามฉันอย่างสงสัย
“...” ฉันไม่ตอบ บอกแล้วไงว่าตอนนี้ฉันไม่อยากคุยกับสองคนนี้
“เอ๋? ไม่สบายอีกแล้วเหรอ” ฮันนี่ยังพยายามต่อ
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” ฉันเผลอตะคอกออกมาอย่างเหลืออด
ยัยวุ้นได้ยินอย่างนั้นจึงหันมาฉุดฉันให้ลงไปนั่งที่ตามเดิม ไอ้เต้ทำคิ้วขมวดกันอีกแล้ว...
“ทำไมต้องตะคอกกันด้วยฮะ?! ฮันนี่เป็นห่วงเธอนี่มันผิดใช่มั้ย?! เธอบอกฉันเองว่าเธอเกลียดคนที่ชอบตะคอก งั้นฉันก็เกลียดเหมือนกัน!!!” นายซิงเกิ้ลหันมาตะคอกฉันกลับ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ!!! อย่ามายุ่งกับฉันแล้วกัน!”
ตอนนี้อารมณ์ฉันกำลังเดือดปุดๆ ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด เรื่องใหญ่กว่าเดิมแถมยังทะเลาะกันเองอีก
“เฮ้ย ใจเย็นๆดิวะ” ยัยวุ้นพยายามไกล่เกลี่ย
“ฉันก็ขอโทษแทนมันด้วยแล้วกัน แม่นี่มันกำลังเครียดนิดหน่อย” ไอ้เต้หันไปอธิบายให้นายซิงเกิ้ลกับฮันนี่
“พูดเหมือนพวกนายไม่เครียดงั้นแหละ” ฉันบ่นอุบ
“แล้วยังไง? ทำไมต้องพาล คุยกันดีๆไม่ได้เหรอไง” นายซิงเกิ้ลยังไม่เลิกรา หาเรื่องฉันจนได้
“ฉันไม่ได้พาล ต้นเหตุก็มาจากพวกนายนั่นแหละ...ช่างมันเถอะ!” เหอะ!!! หลุดปากอีกแล้วฉัน
“เพลาๆหน่อยยัยซัมวัน” ไอ้เต้พูดปราม
ว่าแต่ฉันสงสัยมานานแล้วว่าทำไมไอ้โปเต้มันถึงดูเป็นผู้ใหญ่ซะเหลือเกิน =__=;;; เข้าใจคนนู้น พูดปลอบคนนี้ เดี๋ยวอย่างโน้น เดี๋ยวอย่างนี้ พับผ่า!
“อะไร! อย่ามากล่าวหาสิ แล้วต้นเหตุอะไร พูดให้เคลียร์ซิ” ซิงเกิ้ลว่าต่อ
“ก็บอกว่าช่างมันไง ฉันขอโทษ!! พอใจรึยัง?! เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ปวดหัว!!!” ฉันพูดตัดบทเพราะไม่อยากจะพูดอะไรต่อไปอีก
ไอ้เต้คงจะหมดความพยายามก็เลยเงียบ ตอนที่พวกเราทะเลาะทั้งห้องเงียบกริบเลยนะ พอฟังกันจบก็หันไปซุบซิบกัน พับผ่า!!!
“ไอ้พวกที่นินทาชาวบ้านเขาน่ะ หุบปากซะ หมดอารมณ์ว้อย!”
พอฉันเก็บของเสร็จก็เดินกระทืบเท้าปึงปังออกมาจากห้องทันที ตอนแรกก็กะว่าจะไปหาเจ๊ที่ห้องเหมือนกันนะ แต่พอนึกว่าต้องให้เวลากับเจ๊หน่อยฉันก็ล้มเลิกความคิดแล้วก็ตรงดิ่งกลับคอนโดทันที
ระหว่างทางฉันแวะร้านสะดวกซื้อนิดหน่อยเพราะขนมที่บ้านหมดเกลี้ยงเลย เดินๆดูไปก็ไปจ๊ะเอ๋กับป๊อกกี้รสสตรอเบอร์รี่ของโปรดของเจ๊ ฉันหยิบมันมาสองสามกล่องแล้วก็หยิบอย่างอื่นอีกนิดหน่อยก็เดินไปจ่ายเงิน
เมื่อถึงคอนโดแล้วฉันก็จัดการเก็บของเข้าตู้ให้เรียบร้อย ฉันเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อจะหาน้ำมาดื่มแก้กระหายนิดหน่อยก็ต้องเจอกับกระดาษโน้ตที่เจ๊เขียนทิ้งไว้
‘กับข้าววางอยู่บนโต๊ะแล้ว จะกินก็อุ่นเอง’ เขียนไว้เท่านี้แหละค่ะ
แสดงว่าเจ๊ยังห่วงว่าฉันจะหิวตายใช่มั้ย...
เหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ที่คอ ความรู้สึกผิดเข้ามาเกาะกุมอย่างช้าๆ ฉันควรจะทำอะไรต่อไป...
เหมือนทุกๆวัน ก่อนเข้านอนฉันจะต้องเปิดโคมไฟทีหัวเตียงก่อนที่จะเดินไปปิดสวิตช์ไปที่ข้างๆประตู จู่ๆมือถือก็สั่นครืดคราดข้างๆโคมไฟ เมื่อมองหน้าจอก็เห็นว่าเป็นยัยวุ้นเลยกดรับ
“แกโอเคใช่มั้ย?” นี่แกโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบหรือเนี่ย???
“อืม สบายดี ยังไม่อดตาย”
“ฮะๆ งั้นก็ดีแล้ว เต้เล่าให้ฉันฟังหมดแล้วล่ะ ถ้าแกแอบชอบที่รักฉันจะตรอมใจตาย กั่กๆ” ฉันนึกตามที่ยัยวุ้นพูด แหม...โดนพูดตัดหน้าซะแล้ว
“แหย่มันเล่นนิดหน่อยเองแหละน่า ว่าแต่แกหึงฉันรึเปล่าวะ?” หุๆ ยุเข้าไป ยุเข้าป๊ายยย
“ไม่ใช่เรื่อง! มันไร้สาระเกินกว่าที่ฉันจะหึง แกสบายใจได้” เชอะ! ใช้คำพูดเดียวกันอีกต่างหาก ไม่ใช่เรื่อง!
มันพยายามจะขุดเรื่องตลกต่างๆมาเล่าให้ฉันรู้สึกดีขึ้น แต่มันก็ขอวางสายก่อนเพราะฝืนหนังตาตัวเองไม่ไหว
“ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนฉัน ขอบคุณที่ไว้ใจกัน สวัสดี!!!” ฉันบอกลามันด้วยประโยคนี้แหละค่ะ ซึ้ง...?
พอวางสายเสร็จฉันก็เตรียมตัวจะเฝ้าพระอินทร์แล้วล่ะ แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมก็สั่นอีกเป็นครั้งที่สอง คนๆนั้นไม่ใช่ใคร...เพื่อนสนิทอีกคนของฉันเองค่ะ
“อะไรกัน กลัวฉันจะฆ่าตัวตายหรือไงฮะ?” ฉันโวยวายเมื่อไอ้เต้ถามประโยคเดียวกันกับหวานใจของมัน
“พวกฉันเป็นห่วงแกไม่ได้เลยใช่มั้ย เฮอะ!” ดูมันงอน! ทำไมผู้ชายขี้งอนอย่างงี้ฟะ!!!
“โถๆ ได้สิจ๊ะ ฉันผิดเอง แหะๆๆๆ”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก” ไอ้เต้พูดเสียงเครียด
“แกจะบอกรักฉันเหรอ อย่านะโว้ย ไหนแกบอกว่าจะไม่โง่ชอบเพื่อนสนิทตัวเองไง” ฉันแหย่มันเล่น
“ไอ้นี่เดี๋ยวปั๊ด! ฉันจะคุยเรื่องเมื่อตอนเย็น” ตอนเย็น...ตอนที่ทะเลาะกัน?!
“อะไร จะคุยอะไร ตอนนั้นฉันโมโหนี่หว่า”
“ฉันรู้แกโมโห ฉันรู้ว่าแกเครียด แต่แกไม่ควรจะพาลใส่มันนะ”
“อะไรเล่า ก็ฉันรำคาญสองคนนั่นนี่นา ตัวต้นเหตุแท้ๆ เฮอะ!”
“หยุดเลย ไม่ต้องโทษใครทั้งนั้น ฉันบอกว่าแล้วไม่มีใครผิด รวมถึงตัวแกเองด้วย เลิกโทษตัวเอง โทษคนอื่นได้แล้ว” ง่า O- มันมาจะไม้ไหนล่ะเนี่ย
“อย่ามาเทศน์กันน่า แกไปฝึกมาจากไหนฮะ? เมื่อก่อนล่ะไม่เค้ยไม่เคยมีสาระ เดี๋ยวนี้ล่ะหายใจเข้าออกไปพุธโธล่ะมั้ง”
“มันไม่ใช่เรื่องตลก เข้าใจที่ฉันพูดแล้วใช่มั้ย?” ไอ้เต้ถามย้ำ
“อืม ไอ้เต้...ถึงเจ๊จะโกรธฉันแต่เจ๊ก็ไม่ใจร้ายให้ฉันท้องกิ่วว่ะ” ฉันพูดไปก็นึกถึงเจ๊ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง...
“เออ...ยังไงก็ฝันดีนะโว้ย ฉันไปนอนก่อนล่ะ สวัสดี!”
“ไอ้โปเต้...ขอบคุณที่เข้าใจกัน ขอบคุณที่เป็นห่วงกัน ขอบคุณสำหรับคำว่าเพื่อน...สวัสดี!!!”
>O< ฉันพูดอะไรออกปายยย ฮ่าๆ ไม่รู้สิ เพียงแค่วันนี้วันเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าพวกมันสองคนเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับมากกกก เพื่อนแท้...ฮะๆ
ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน ฮะๆ วันนี้เจออะไรมาเยอะแยะ แถมยังร้องไห้อีกต่างหาก เหนื่อยมากๆแถมยังเพลียอีกต่างหาก ปากก็บอกง่วงแต่ทำถึงข่มตาหลับไม่ได้สักทีนะ! ฉันนอนพลิกไปพลิกมากระสับกระส่ายอยู่นาน ก็หันไปเจอะเข้ากับโทรศัพท์มือถือตัวเอง...หรือเพราะไม่ได้คุยกับเขาคนนั้น...???
----- To be continued -----
อ๊า เป็นไงกันมั่งคะ >__< ดู...มาอัพก่อนจนได้ =__=;;
ตอนนี้นิยายแทบจะไม่มีเหลือแล้ววว อ๊างงง
ตอนนี้โปเต้ดูผู้ยั้ยผู้ใหญ้เนอะ น่ารัก! -.,-
เจ๊ซัมเมอร์จะเป็นยังไงต่อน้า
คิดๆแล้วสงสารซิงเกิ้ล =__=;;;
อีกหน่อยจะมีบทสวีทเยอะขึ้นนน แบบคงจะเยอะมากกกก O-^
เพราะ...หึๆๆ ไม่บอก กั่กๆๆ ต้องติดตามๆๆ
ทำไมคนเม้นท์เริ่มถดถอย TT^TT
ไม่มีกำลังใจจะแต่งเลย แง้ TOT
ปุ้ยเปิดเทอมวันที่ 17 นี้แล้ว >O<
นิยายสงสัย...หึๆๆๆ
ใครเปิดวันไหนก็บอกกันบ้างนะคะ ^^”
$m[i]LeYz dEviL
ความคิดเห็น