คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : วันที่โลกสิ้นลง
เช้ารุ่งขึ้นท้องฟ้าแจ้มใสจนแทบไม่มีเมฆหมอกบดบังสายตา ถึงแม้บรรยากาศจะดูมัวไปบ้าง แต่ก็เป็นเพียงจุด ๆ ตามบริเวณที่เกิดรอยโหว่สีดำ การเล่าเรื่องของทันเป็นผลสำเร็จถึงแม้ว่าพ่อจะทำสีหน้าไม่เชื่ออยู่บ้างแต่ก็ไม่มีทีท่าคัดค้านอะไร เมื่อเขายื่นข้อตกลงว่าจะไม่ใช้พู่กันจนกว่าจะถึงคราวจำเป็นจริง ๆ คงเหลือเรื่องเดียวที่เขาจะกังวลอยู่ในใจก็คือเรื่องของฉัตร เมื่อคืนเขาโทรไปหาแต่ก็ไม่มีคนรับสาย ผลสุดท้ายทันก็ไม่ได้ไปเรียนจึงกังวลใจที่ยังไม่ได้บอกฉัตร ทีแรกเขาว่าจะฝากเกดไปบอกแต่เกดก็ตัดสินใจไปต่างจังหวัดเหมือนกัน ดังนั้นจะโล่งใจก็โล่งไม่สุด มันคาใจดั่งมีรอยด่างดำเช่นท้องฟ้าในตอนนี้ ทันมองดูน้องชายที่กำลังขนของขึ้นรถอย่างสบายใจจนรู้สึกอย่างจะแลกตัวกันสักวัน บางทีเขาควรให้พ่อขับรถแวะไปบ้านฉัตรสักหน่อยเผื่อจะยังไม่ได้ไปโรงเรียน
“ทัน นั่นลูกใช่รึเปล่า” แม่ของเขาเรียกให้มาดูอะไรบางอย่างในทีวี ทันจึงวางของที่ถืออยู่เดินเข้าบ้านไปที่ห้องรับแขก
ภาพในทีวีกำลังฉายคลิปวีดีโอซึ่งถ่ายได้โดยใครบางคน คลิปที่โชว์ถึงตอนที่พวกเขาถูกคนกลุ่มใหญ่วิ่งไล่ตามเพื่อที่จะเอาพู่กัน ภาพถ่ายเห็นหน้าชองฉัตรอย่างชัดเจน
“แย่ละ ใครกันที่ถ่ายเอาไว้ บ้าชะมัด” ทันตกใจ รีบโทรศัพท์ไปหาฉัตรในทันที หากเป็นอย่างนี้คงมีคนจำนวนมากแห่กันไปบ้านของฉัตรเพื่อจะเอาพู่กันให้ได้เป็นแน่ สัญญาณดังอยู่นานแต่ไม่มีใครรับสายเช่นเดิม
“แม่ เก็บของไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา อาจมีเพื่อนไปด้วยอีกคนนะ” ทันบอก
“ไปไหนทัน” แม่ตะโกนถาม ขณะที่ทันกำลังเปิดประตูบ้าน
“บ้านฉัตรฮะ” ทันตอบพร้อมกับวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามอง
......................................................
ฉัตรพยายามนอนหลับมาตลอดทั้งคืนแต่ก็นอนไม่หลับ การที่ตัดสินใจไปโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ทำให้เขาคลาดกับพ่อ พ่อกลับมาบ้านไม่เจอเขาเลยเขียนโน๊ตบอกเอาไว้ว่างานเยอะมากและจะไม่กลับบ้าน ฉัตรเลยได้แต่เฝ้ารอโทรศัพท์จากพ่อเพื่อจะบอกเรื่องพู่กันที่สอดทิ้งเอาไว้ให้ใต้โต๊ะทำงานนั่น คนที่โทรหากลับเป็นทันและเกด คนที่เขาไม่อยากคุยด้วยที่สุด ฉัตรกลัวทั้งสองจะถามถึงเรื่องพู่กันที่บัดนี้ไม่มีเหลืออยู่กับตัวอีกแล้ว หากบอกว่าเอาไปให้เด็กหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกคงไม่พ้นได้โดยทันกับเกดโวยวาย และแบ่งพู่กันส่วนของตัวเองให้
ฉัตรเหล่ดูนาฬิกาบนผนังห้องซึ่งบอกเวลาแปดนาฬิกา หากจะไปโรงเรียนเวลานี้ก็เรียกได้ว่าสายแล้ว เพราะเขายังคงนอนอยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงยืนจากเมื่อวานโดยไม่มีที่ท่าว่าจะอาบน้ำ ไม่รู้ว่าป่านนี้เกดกับทันจะไปรออยู่ที่โรงเรียนรึเปล่า การที่ไม่โทรไปบอกทั้งสองคงเป็นเรื่องที่แย่มาก จะช้าหรือเร็วพวกนั้นก็ต้องมาหาที่บ้าน ฉัตรเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงมาดูอีกครั้ง นิ้วลูบไล้ไปมาบนปุ่มตัวเลขแต่ก็ไม่ยอมกดเสียที ฉัตรพยายามหาคำพูดแก้ตัวที่เหมาะสมที่สุดอยู่ ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้น โทรศัพท์จากคนที่เขารอมาทั้งคืน
“ฉัตรอยู่ไหนลูก นี่พ่อนะ” พ่อเอ่ยขึ้น
“พ่อ” มีเรื่องที่เขาอยากจะเล่ามากมายแต่ถึงเวลานี้กลับพูดอะไรไม่ออก เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่เหมือนข่มบางสิ่งอยู่
“พ่อเลิกงานแล้ว ไม่ต้องไปเรียนนะวันนี้ เดี๋ยวจะกลับไปถึงสักสิบโมง แล้วเราไปเที่ยวกัน วันนี้วันเกิดลูกนี่นา” พ่อพูดต่อ
ฉัตรได้แต่นอนนิ่ง มือไม้สั่น พ่อจำวันเกิดได้ เขาดันคิดน้อยใจต่อว่าในใจที่เห็นคนไข้ดีกว่าลูกชาย ขณะที่พ่อกำลังช่วยชีวิตผู้อื่นอยู่ เขากลับนึกว่าคนอื่นจะดิ้นรนมีชีวิตรอดไปเพื่อทำไม
“พู่กันละฮะ” ฉัตรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“อ๋อ เอ่อ ..พ่อได้แล้วล่ะ” พ่อถาม แต่ก็ไม่มีเสียงตอบจากฉัตร เพราะถึงตอนนี้เอามือปิดปากพยายามกลั้นเสียงและน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา
“เป็นอะไรไปลูก ไม่สบายเหรอ เดี๋ยวพ่อจะกลับไปแล้ว”
“ไม่.. เป็นไร ฮะ” ฉัตรตอบอย่างยากลำบาก
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ ฉัตร”
“เดี๋ยว... เดี๋ยวฮะ” ฉัตรหยุดพ่อไว้ก่อนที่วางสาย
“มีอะไรเหรอ” พ่อถาม
“ผม... คือผม เอ่อ คือ....” ฉัตรยังคงอ้ำอึงอยู่
“เอาเถอะ ไม่พูดตอนนี้ก็ได้ เดี๋ยวกลับไปค่อยบอกละกันนะ พ่อต้องวางสายแล้ว เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ” พ่อบอกก่อนวางหูไป
สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าพูด คำที่เขาอยากจะบอกพ่อมาตลอดทั้งชีวิต คำที่บางคนมองว่าเป็นคำง่าย ๆ แต่สำหรับเขาไม่ใช่ ฉัตรร้องไห้อยู่นานจนกระทั่งมีคนมาเคาะประตู จึงรีบลุกไปล้างหน้าล้างตาเพื่อที่จะลงไปเปิด พ่อคงบ่นเล็กน้อยที่เขายังไม่เตรียมตัวอะไรสักอย่าง แต่ก็แปลกใจนิดหน่อยที่กลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้
ทันทีที่เปิดประตูขึ้นก็รู้ว่าไม่ใช่พ่อ กลับเป็น ต่อ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งยืนอยู่แทน
“อ้าว ว่าไง มีอะไรเหรอ” ฉัตรถามด้วยความแปลกใจ เพราะไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ อีกอย่างต่อแต่งชุดนักเรียนเรียบร้อยแล้ว น่าจะไปโรงเรียนมากกว่าที่จะมาหาเขา
“ได้ข่าวว่านายมีพู่กันเยอะนี่ใช่ไหม” ต่อถามตรงไปตรงมา
“เอ่อ อ่า ที่จริงก็เคยมีแต่ตอนนี้ไม่เหลืออีกแล้ว” ฉัตรตอบ
“ฉันเห็นนายกุมเป้ไว้แน่นในทีวี นายจะเอาไปใช้ไหนหมดได้ในวันเดียว” ต่อเดินเขยิบเข้าใกล้ฉัตรขึ้นอีกนิด
“ฉันให้คนอื่นไปหมดแล้วจริง ๆ แม้แต่ที่ตัวฉันเองก็ไม่มีเหลือสักอันด้วยซ้ำ” ฉัตรเลือกที่จะไม่บอกว่าให้ใครไป เพราะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยดี
“ฉันไม่เชื่อ เอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้” ต่อตะคอกยืนมือแบออกมาตรงหน้า
“ถ้านายไม่เชื่อก็ไม่รู้พูดอะไรแล้ว นายกลับไปเถอะ” ฉัตรตอบกลับพลางปิดประตู แต่ก็โดนต่อเอามือยื้อเอาไว้ แล้วดันประตูเปิดอย่างแรงจนกระแทกผนัง
“อย่างนั้นฉันคงต้องใช้กำลัง” ต่อบอก
“ก็เอาสิ” ถึงตอนนี้เขาโมโหจนขีดสุด
สิ้นเสียงฉัตร ต่อก็เหวี่ยงหมัดใส่หน้าเขาอย่างจังจนกระเด็นเข้าไปในตัวบ้าน ขณะที่ฉัตรกำลังมึนอยู่ ต่อก็คว้าไม้กวาดหน้าประตูฟาดลงไปเต็มแรง แต่ฉัตรก็เอี้ยวตัวหลบได้ทัน เขาถีบสะโพกต่อจนหัวคะมำชนตู้ปลาแตกกระจาย ฉัตรรีบปิดประตูและล็อคกลอนข้างนอกอย่างเร็ว เอามือจับกระเป๋ากางเกงหามือถือแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าทิ้งเอาไว้ที่เตียงนอน ฉัตรตัดสินใจหันหลังวิ่งออกไปนอกบ้านก็เห็นกลุ่มคนจำนวนมากกำลังเดินตรงมาที่บ้านของเขา
“นี่มันอะไรกัน” ฉัตรเอ่ย
“ฉัตร !!! ทางนี้”
ฉัตรรีบหันไปทางต้นเสียงที่คุ้นเลย ทันตะโกนเรียกอยู่ตรงแยกฝั่งตรงข้ามพร้อมรถมอเตอร์ไซต์ เขาจึงรีบวิ่งไปกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซต์
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ฉัตรถาม
“มีคนเห็นนายแล้วในทีวี อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว” ทันบอก พร้อมกับบิดมอเตอร์ไซต์ออกไปอย่างเร็ว แต่ก็โดนกลุ่มคนอีกกลุ่มยืนขวางเอาไว้
“บ้าชิบเกาะแน่นๆ นะ” ทันบอก จากนั้นก็เบี่ยงมอเตอร์ไซต์ออกซ้ายเข้าพงหญ้าไป หากจะจับเจ้าของถิ่นแถวนี้ได้คงยากหน่อย เขานึกในใจ
“แล้วเราจะไปไหนกัน” ฉัตรถาม ขณะที่คอยเอามือป้องกิ่งไม้ที่ชนตัวเขาเป็นระยะๆ
“เราจะนวนอ้อมล่อพวกนั้นไปแล้วค่อยไปเจอพ่อกับแม่ฉันที่บ้าน”
“ระวัง!!” ฉัตรร้องบอก แต่ก็สายไป รถขึ้นลูกระนาดอย่างแรงจนเสียหลักล้ม โชคดีที่ทั้งสองได้กองขยะรับเอาไว้ แต่มอเตอรไซต์ก็ไถลจนไฟลุกท่วม มีเวลาให้พวกเขานอนเจ็บไม่นานนัก เพราะคนกลุ่มใหญ่กำลังไล่ตามใกล้เข้ามาทุกทีๆ ทำให้ทั้งสองออกวิ่งต่อ
“เห้ย
ทันดูนั่นสิ” ฉัตรชี้ขึ้นไปข้างบน ขณะนี้รูโหว่บนท้องฟ้าถัดไปจากเหนือพวกเขาเล็กน้อยกำลังขยายวงกว้างขึ้น
และดำขึ้นอย่างรวดเร็ว มันหมุนวนสักสองสามวิ แล้วก็มีของเหลวสีดำไหลคล้ายกาวออกมาราวกับก๊อกน้ำขนาดใหญ่
ท่วมสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าจนมิดเพียงชั่วพริบตา มันเหมือนทั่วทั้งอวกาศภายนอกโลกแท้จริงแล้วเป็นเพียงของเหลวสีดำที่ห่อหุ้มโลกอยู่
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือโลกจมอยู่ในของเหลวนี่มานานแล้ว
“แย่ชะมัด ไหนบอกว่าหนึ่งเดือนโลกจะแตกไง นี่ยังไม่ถึงสามวันเลย งี่เง่าชะมัด” ทันบ่น ใจคิดถึงพ่อแม่และน้องชายว่าจะทำตามที่เขาตกลงกันไว้
“เขาบอกว่า ไม่เกินหนึ่งเดือน ๆ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ ขึ้นไปบนตึกนั่นเร็ว” ฉัตรบอก พลางชี้ไปที่ตึกสูงห่างจากหน้าพวกเขาไปยี่สิบเมตร
“ยังจะมีอารมณ์พูดกวน ๆ อีกไอ้นี่” ทันเอามือตบหัวฉัตร
ระยะทางระหว่างพวกเขาทั้งสองกับคลื่นของเหลวสีดำที่กำลังไหลมาหาเฉียดฉิวกับตึกที่จะขึ้นไปเหลือเกิน เพราะทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไป ในตัวตึก น้ำสีดำก็ท่วมกวาดผู้คนฝูงใหญ่ที่วิ่งไล่หลังมาจนหมดสิ้น ขณะที่ทั้งสองวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วโดยมีพวกคนที่เหลือรอดอีกสี่ห้าคนยังวิ่งไล่ไม่ลดละ
อึดใจต่อมาพวกเขาก็ขึ้นมาจนถึงดาดฟ้า เอามือล็อคกลอนประตู และดันสิ่งของมาทับไว้อีกชั้นนึง นั่นคงพอมีเวลาเหลือให้เขาคิดอะไรต่ออีกนิดหน่อย ก่อนที่คนเหล่านั้นจะพังเข้ามาได้ หรือที่จริงก่อนที่น้ำสีดำนี่จะท่วมมาถึงตัวพวกเขา
รูหลายแห่งทั่วฟ้าเริ่มเกิดรอยรั่ว และน้ำสีดำหนืดเหนียวก็ร่วงหล่นลงมากวาดบ้านเรือนบนพื้นดินจมหายไป ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อม เสียงพังประตูจากด้านในอาคารจนเริ่มเกิดรอยราวทีละนิด ๆ
“ฉันยังไม่ได้บอกพ่อถึงวิธีใช้พู่กันเลย” ฉัตรกล่าว เขาน่าจะบอกตอนพ่อโทรมาครั้งล่าสุดนั่น หากพ่อเป็นอะไรไป เขาคงรู้สึกผิดไม่ต่างจากเด็กหญิงที่มอบพู่กันให้เช่นกัน
“พ่อนายต้องใช้เป็นแน่
ไม่เป็นไรหรอก เชื่อฉันเถอะ” ทันบอก “เรารีบหนีดีกว่า
ถึงเวลาที่เราต้องใช้มันแล้ว” ทันควักพู่กันออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ทัน ฉันมีเรื่องจะบอกนาย ฉัน... ไม่มีพู่กันนั่น” ฉัตรตะโกนบอก เนื่องจากเสียงน้ำดำไหลกระแทกตัวตึกใกล้ตัวมากแล้ว
“หมายความว่ายังไง นายไม่ได้ติดตัวเอาไว้ตลอดเหรอ” ทันร้องอย่างตกใจ
“เปล่า ฉันให้มันกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่โรงพยาบาลไปแล้ว” ฉัตรตอบ
ทันคว้าคอเสื้อฉัตรดึงเข้ามาหา “ไอ้บ้าเอ้ย นายนี่มัน…”
ประตูถูกพังออกแล้ว และผู้คนรีบกรูหนีตายกันออกมา ของเหลวเริ่มไหลทะลักมาบนดาดฟ้า ทันมองดูคนเหล่านั้นที่กำลังหมดสภาพ แต่อีกเดี๋ยวก็คงลุกฮือวิ่งเข้ามาแย่งพู่กันจากเขา ทันละมือจากคอเสื้อแล้วยื่นพู่กันให้ฉัตร
“ให้นายเป็นคนวาด อย่างน้อยเราอาจจะรอดกันทั้งสองคน” ทันบอก
ฉัตรรีบรับพู่กันมา ว่าแต่เขาจะวาดอะไรล่ะ พวกเขาควรจะไปโผล่ที่ไหน “เราจะไปที่ไหน”
“วาดไปเถอะ จะไปโผล่ที่ไหนก็ไม่ต้องไปสนใจมันแล้ว ขอให้เราไปจากที่นี่ให้ได้ก็พอ”
“โอเค” ฉัตรรีบวาดพู่กันบนอากาศอย่างรวดเร็วเป็นวงกลมก็เกิดโพลงสีดำขนาดเท่าตัวคนผุดขึ้นมา บางทีคำตอบของการใช้พู่กันอาจเป็นการที่ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าเราจะไปที่ใดก็ได้ “ไปกันเถอะ ทันนายเข้าไปก่อน”
ทันพยักหน้า ทำท่าเดินเข้าไปแต่ก็ชะงักหมุนตัวดันฉัตรไปอยู่ด้านหน้าเขาอย่างฉับพลัน
“ฝากบอกครอบครัวฉันด้วยว่าฉันรักเขา” ทันบอกก่อนบิดข้อมือดันตัวฉัตรเข้าไป “แล้วก็ถือซะว่า นี่เป็นของขวัญวันเกิดนายก็แล้วกัน สุขสันวันเกิดเว้ย”
ร่างฉัตรถูกผลักเข้าไปไม่อาจทานแรงได้ “อย่า ทัน”
“ไอ้ทันนนนนนนนนนนนนนนน”
ภาพต่าง
ๆ ค่อย ๆ มืดลง พู่กันสลายหายไป ร่างของฉัตรร่วงห่างจากโพลงทุกที ๆ
ทันโบกมือให้เข้าและนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เห็น
ความคิดเห็น