คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : โลก ผู้คน ความเปลี่ยนแปลง และ พู่กัน
ทันทีที่เปิดประตูออก ก็เกิดแสงสว่างสีขาวโพลนจนไม่อาจลืมตาขึ้นมามองได้ อึดใจต่อมาพวกเขาก็พุ่งพรวดออกมาจากประตูอีกด้าน ร่างเซถลาออกไปคนละทิศละทาง ทันกลิ้งไปตามพื้นชนกับขาของคนที่ยืนเรียงรายอยู่ เขาไม่อาจเงยหน้ามองขึ้นมาเพราะทันทีที่เงยก็โดนกลุ่มคนมากมายบรรจงรุมถีบอย่างไม่ยั้ง ประตูนั่นมันก็เรื่องหลอกงั้นหรือ นี่พวกเขาโผล่มาที่เดิมหรือไงกัน แต่ความคิดก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงมากมายกรีดร้อง กับเสียงฉัตรเรียกให้เขาลุกขึ้นโดยเร็วพร้อมกับลากออกไปจากห้องนั่น เขาหันหลังไปมองก็เจอผู้หญิงแก้ผ้ามากมายยืนปิดร่างตัวเองอยู่ และคนหนึ่งในกลุ่มนั้นก็เขวียงกระเป๋าใบโตมาโดยหัวเขาเต็ม ๆ ก่อนที่ทั้งสามจะวิ่งพ้นรัศมีไป นี่พวกเขามาโผล่ที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของผู้หญิง
“หมายความว่ายังไงเนี่ย ที่ ๆ แกอยากไปมากคือห้องเปลี่ยนเสื้อผู้หญิงของโรงเรียนเราอย่างนั่นเรอะ” ทันร้องถาม พร้อมกับหยุดหอบแฮ่กที่หลังกำแพงไกลออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อนิดหน่อย
“ไม่ใช่เว้ย ฉันนึกถึงโรงเรียนต่างหาก” ฉัตรตอบหน้าแดง
“โรงเรียนที่มีห้องเปลี่ยนเสื้อล่ะสิไม่ว่า” ทันแย้ง ยิ้ม ๆ อย่างเข้าใจความคิดฉัตร
“ก็... สัญชาตญาณผู้ชายละมั้ง” ฉัตรพูดเบา ๆ เอามือลูบหัวตัวเอง แล้วทั้งสองก็หัวเราะ จนลืมดูไปว่ายังมีคนที่ตกใจกลัวอยู่
เกดยังมีอาการสั่นไปทั้งตัว ฉัตรค่อย ๆ ลูบหัวเธอ สัมผัสมือที่แผ่วเบาทำให้ความรู้สึกที่อดกลั้นทั้งหมดถูกระบาย เกดเริ่มร้องไห้ออกมา มันยากที่ใครจะหาคำมาเอ่ยปลอบใจ ถึงไม่มีใครพูดออกมาทั้งสามคนก็รู้ซึ้งถึงจิตใจของมนุษย์ซึ่งผลสุดท้ายเลือกที่จะหาทางรอดให้กับตัวเองและครอบครัวโดยไม่สนเหตุผลอื่นใด หากโลกใกล้จะแตกดับแล้วจริง ๆ คนที่เหลือบนโลกจะทำเช่นไร จะเข่นฆ่าแก่งแย่งชิงดี หรือช่วยเหลือกัน
“ไปที่ห้องเรียนกัน” ฉัตรเอ่ยหลังจากที่เกดเริ่มตั้งสติได้บ้างแล้ว ระหว่างที่เดินกันตรงริมระเบียงพวกเขาเห็นท้องฟ้าดำมืดเป็นจุด ๆ สลับกับสีท้องฟ้า ชั้นบรรยากาศโลกส่วนนั้นดูจะเบาบางจนเห็นแม้กระทั่งอวกาศ สิ่งที่พลอยบอกทำท่าจะมาเร็วกว่าที่คิด ไม่มีใครพูดจาอะไรถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดทางเดินไปถึงห้องเรียน
“พวกเราจะทำยังไงกับพู่กันดี” ฉัตรเปิดประเด็น “มีพู่กันรวมทั้งสิ้น 10 อัน 1 อันที่ฉันมีอยู่หายไปแล้ว หลังจากใช้มัน”
“อย่าว่าแต่พู่กันหายเลย จะสรุปได้ไงว่าพวกคนที่ใช้ในทีวีหายไปไหน อาจจะหายมาอยู่ที่โรงเรียนอย่างเราก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เราก็ยังคงอยู่บนโลกใบเดิม” ทันพูดต่อ “บ้าชะมัด เราจะไปเชื่อเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน”
“ทำไมเราไม่ลองให้มันรู้ไปเลยล่ะ” เกดเสนอความเห็น
“ลองกับใครล่ะ” ทันแย้งกลับ
“นั่นสินะ บางทีเราอาจจะลองกับของที่ไม่มีชีวิต” ฉัตรบอก
“แต่เราจะเสียพู่กันไปอีกอันหนึ่งฟรี ๆ” ทันก้มดูพู่กันอย่างพินิจ ทุกอันมีรอยสลักแปลกๆ ที่ไม่ซ้ำกัน
“ฉันว่ามันก็ยังดีกว่าที่จะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงโดยที่ไม่รู้ว่าพวกเราไปโผล่ที่ไหนนะ” ฉัตรยืนยันความคิด
“แล้วมันจะต่างอะไรกัน ถ้าโลกมันแตกในเร็ววันนี้แล้ว” เสียงเกดค้านอีกครั้ง
“....” ฉัตรเงียบไปก่อนตอบเสียงเบา “นั่นสินะ ฉันว่า.... เลิกสนใจกันก่อนเถอะ เวลานี้เราอาจควรกลับบ้านกันดีกว่า”
ทั้งสามมองดูเมฆฝนที่เริ่มปกคลุมท้องฟ้าบดบังรอยโหว่ของชั้นบรรยากาศจนมิด ภาพรอยโหว่สีดำเตือนให้รับรู้ถึงสภาพความเป็นจริงในตอนนี้ พู่กันเพียงสิบอันมันช่างน้อยนิดเมื่อเทียบจำนวนผู้คนที่พวกเขาทั้งสามอยากจะให้ ลำพังแค่เพื่อน ญาติ พ่อและแม่ของแต่ละคนก็ไม่เพียงพอกับความต้องการแล้ว จึงเป็นเรื่องลำบากใจเหลือเกินที่จะตัดสินใจแบ่งไปให้ใครสักคนนั่นรวมถึงตัวพวกเขาเองด้วย ดังนั้นการค้นพบจุดหมายปลายทางของพู่กันอาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญก็ได้ บางทีสิ่งสำคัญที่สุดอาจเป็นเวลาที่เหลืออยู่ที่จะมีให้กับเพื่อน และครอบครัวมากกว่า
“ตกลงเราจะทำยังไงกับพู่กันดี” ทันถาม
“ฉันกับทันแบ่งไปคนละสาม ที่เหลือให้เกดไป ใครจะเอาไปทำยังไงก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ” ฉัตรตัดสินใจ การคิดมากไปกว่านี้ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
“ถ้าฉันรู้วิธีใช้ที่ถูกต้องแล้วจะรีบโทรมาบอกนะ” เกดบอก ทันและฉัตรพยักหน้ารับ
หลังจากนั้นฉัตรและทันจึงตกลงกันไปส่งเกดที่บ้าน ก่อนที่พวกเขาสองคนจะกลับด้วยกันเช่นเคย จำนวนผู้คนข้างทางดูบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งคงจะไปเดินขบวน อีกส่วนหนึ่งคงเก็บตัวอยู่บ้าน หรือหายตัวกันไป เมื่อไปถึงหน้าบ้านของเกด ก็มีพ่อกับแม่มายืนรออยู่นานแล้ว ดูค่อนข้างอารมณ์เสียมาก เมื่อเธอมาถึงก็โดนบ่นเสียยกใหญ่เนื่องจากไม่รู้จักติดมือถือเอาไว้ติดต่อด้วย เกดหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะเดินปึงปังเข้าบ้านไป พ่อเกดเดินตามเข้าไปในทันที ขณะที่แม่ของเธอผงกหัวเล็กน้อยขอบคุณพวกฉัตรกับทันที่พาเกดมาส่งก่อนเข้าบ้านไป
“เฮ้อ พรุ่งนี้วันจันทร์จะเป็นยังไงนะ พวกเรายังจำเป็นต้องไปโรงเรียนอีกรึเปล่า” ทันเอ่ยขึ้นขณะเดินไปตามทางกลับบ้าน
“นายไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวดีกว่านะ” ฉัตรเสนอแนะ
“เห่ยๆ ไอ้จุด ๆ บนฟ้าที่นายเห็นอาจจะเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติก็ได้ อย่าทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปเลย” ทันพูดพลางทำหน้าแหยๆ “พ่อฉันสิ จะยอมใช้พู่กันนี่รึเปล่าก็ไม่รู้ แกคงหาว่างี่เง่าแน่ๆ”
ฉัตรหัวเราะ นิสัยของทันที่เชื่อเรื่องในเหตุผลและความจริงสืบทอดมาจากพ่อของเขามาทุกรูปแบบ ดูเหมือนทันจะติดการเอ่ยคำว่า “งี่เง่า” เหมือนพ่อไปโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้อ ฉันเองก็ไม่ได้เจอหน้าพ่อกับแม่มาสองวันละ ตั้งแต่เรื่องราว ๆ หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้น” ทันพูดพลางถอนหายใจ
“เอ้านี่” ฉัตรยื่นพู่กันหนึ่งในสามที่เขามีให้ทัน “ฉันให้นาย”
“อะไรน่ะ” ทันถาม
“ฉันใช้แค่สองอันก็พอแล้ว นายยังมีน้องชายอีกคนไม่ใช่เหรอ เอาไปให้น้องนายด้วยดีกว่านะ” ฉัตรจับพู่กันยัดใส่กระเป๋าโดยไม่รอคำตอบจากทัน “มันเป็นของฉันและฉันจะทำยังไงกับมันก็ได้จริงไหม”
ทันมองตาฉัตรที่ฉายแววมุ่งมั่น “อ่า ถึงฉันจะพูดอะไรไปนายก็คงไม่ยอมเอาคืนแน่ๆ ตกลง แต่ว่านายอยากได้คืนเมื่อไหร่ก็มาบอกฉันทันที ตกลงไหม”
ถึงตอนนี้ฝนเริ่มฝนลงมาบ้างแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พวกเราถือว่าโชคดีกันรึเปล่านะ” ฉัตรถามโดดออกมา
ทันได้แต่ส่ายหน้า ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป พวกเขารู้ดีว่าหากพู่กันเป็นหนทางรอดสุดท้ายของมนุษย์จริง เพื่อนร่วมห้องหลายคนคงต้องถูกทิ้งไว้อยู่เบื้องหลัง จะว่าไปพวกเขาก็กำลังทำสิ่งที่เหมือนกับคนอื่นๆ นั่นคือ หาทางรอดชีวิตให้ตัวเอง
สักพักพวกเขาก็เดินมาถึงทางแยกของทั้งสองบ้าน
“โชคดีเว้ย ไว้เจอกันพรุ่งนี้ อย่าลืมติดโทรศัพท์มือถือไว้กับตัวล่ะ” ทันเอ่ย
ฉัตรพยักหน้ารับ “อืม ระวังตัวล่ะ มีอะไรรีบโทรมาละกัน”
จากนั้นทั้งสองจึงเดินแยกย้ายกันกลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่นี่เป็นการแยกย้ายกันเหมือนที่เคยเป็นตามปกติ หากแต่คราวนี้ทั้งสองรู้สึกราวกับว่าจะไม่ได้พบเจอกันอีก เหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้ที่โรงเรียนอีกแล้ว
ความคิดเห็น