ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sketch My Worlds --หนึ่งโลกของฉันกับปลายพู่กัน--

    ลำดับตอนที่ #5 : จุดเริ่มมาจากไหนกันนะ

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 50


    ฉัตรชอบนิสัยเกดอยู่อย่างหนึ่งคือ เธอมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีไม่ว่าเรื่องที่ใครมาเล่าจะสนุก น่าเบื่อ หรือผิดธรรมชาติมากแค่ไหนก็ตาม ปฏิกิริยาที่เธอมีต่อเรื่องนั้น ๆ แทบจะเรียกได้ว่าเท่ากันหมด นั่นคือ ร่าเริง อยากรู้อยากเห็น ให้ข้อมูลเสริมเรื่องนั้นเท่าที่ทำได้ และเธอสามารถรับเรื่องของทุกคนได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ดังนั้นการที่มาบ้านของเกดในยามวิกาลเช่นนี้จึงไม่ได้ทำให้ฉัตรกับทันรู้สึกตะขิดตะขวงใจเท่าไหร่ อย่างน้อยก็มั่นใจว่าเรื่องที่เล่าให้ฟังจะไม่สูญเปล่า

    ทั้งสองต่างเล่าเรื่องราวออกมาแบบไม่เว้นช่วงหายใจ  เรื่องเด็กหญิงในความฝัน เรื่องพู่กันกับผู้สูญหายในอุบัติเหตุรถตู้ เรื่องที่ทันลืมเหตุการณ์ที่เคยไปเที่ยวบ้านเกิด รวมทั้งเรื่องแม่ที่ทันและฉัตรเห็นตรงกันว่ายังมีชีวิตอยู่แน่นอน ฉัตรหยิบพู่กันขึ้นมาวางบนโต๊ะกินข้าว โดยมีพวกเขานั่งล้อมรอบจ้องดู เกดมีทีท่าดีใจที่สุดที่เคยเป็นมา เพราะนอกจากเรื่องเหลือเชื่อที่พวกฉัตรเล่าให้ฟังไปตรงกับข้อสงสัยแล้ว ยังได้พู่กันพิศวงมาไว้ในมืออีกด้วย

    เรื่องแม่ของเธอ ฉันขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่า ฉันจำได้ว่าแม่ของเธอเสียไปตั้งแต่ก่อนเธอเขาโรงเรียนมัธยมอีกเช่นเดียวกับที่พ่อเธอบอก เกดเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบฟังมาพักหนึ่ง ทำให้ฉัตรกับทันเริ่มตีหน้าเศร้า เธอจึงรีบพูดต่อ แต่ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องที่เธอเล่ามันจะไม่จริง ตอนนี้โลกมันแปลกขึ้นเรื่อยๆแล้ว

    เกดลุกขึ้นไปหยิบกองกระดาษมากมายมาวางกองบนโต๊ะแล้วพูดต่อ นี่เป็นเหตุการณ์ประหลาดมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีผู้สูญหายตามประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพู่กันหลายล้านคนแล้ว

    จริงหรือเนี่ย ทันใจเต้นแรง รื้อกองกระดาษซึ่งเป็นเศษหนังสือพิมพ์ หรือที่เกดปรินต์ออกมาจากอินเตอร์เนทขึ้นมาดู แล้วพูดขึ้น สงสัยพระเจ้าจะลงโทษมนุษย์แล้วมั้ง แต่ก็ดีเหมือนกันเนอะ ถ้าโลกจะแตกจริง พวกเราก็ไม่ต้องเรียนแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า แหะๆ....

    ทันขำแปบหนึ่งก็ค่อย ๆ เงียบไปเนื่องจากบรรยากาศอึกทึมเหมือนเดิม มุขที่ปล่อยไปไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น จึงพูดเข้าเรื่องต่อ เอ่อ คนหายไปเยอะขนาดนี้ ทำไมพวกนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิเคราะห์ดูไม่ค่อยตื่นตกใจกันเลย

    จากบันทึกเหตุการณ์ของคนที่หายไป บางคนก็ถือพู่กันไว้เฉย ๆ ก็หาย บางคนวาดรูปแปลก ๆ แล้วก็เดินหายเข้าไปนรูปนั่น เธอว่าสิ่งเหล่านั้นนักวิทยาศาตร์กล้ายอมรับไหมล่ะ และเมื่อไม่มีคนที่หาเหตุผลเรื่องพวกนี้ได้ก็มีพวกตั้งลัทธิบ้าบอเพิ่มขึ้นอีก รวมถึงมีคดีฆาตกรรมแช่งชิงพู่กันด้วย เกดบอกค่อย ๆหยิบพู่กันบนโต๊ะทำท่าทางประกอบ

    เธอจะบอกฉันว่า...” ฉัตรพูด

     แม่เธอ อาจหายไปพร้อมกับพู่กันก็ได้เกดต่อประโยคของฉัตรต่อจนจบ

    แล้วทำไมฉันถึงจำเรื่องที่แม่ไม่มีชีวิตอยู่ไม่ได้ ทันก็ด้วย ฉัตรเริ่มงุนงงมากขึ้น

    ฉันเคยฟังดร.ท่านหนึ่งพูด มนุษย์เราเมื่อเห็นอะไรแล้วหรือรับรู้ ไม่มีทางที่จำไม่ได้หรอก มันจะถูกเก็บไว้ในส่วนที่เรียกว่าจิตใต้สำนึก

    จิตใต้สำนึกงั้นเหรอ ทันย้ำคำ เพราะดูจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

    ใช่ คนเราเก็บอะไรไว้ในส่วนความจำหลักของสมองทีเดียวทั้งหมดเพื่อนำออกไปใช้ได้ในทันทีน่ะ ทำไม่ได้หรอก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ละก็ คงจะเป็นบ้ากันแน่ จึงมีส่วนของจิตใต้สำนึกเพื่อซึมซับทุกเรื่องราวเก็บไว้ ดังนั้นไม่มีเรื่องไหนที่เราพบเจอแล้วจะลืมได้

    เธอจะบอกว่า ฉันเคยทำอะไรเมื่อสองปีที่แล้ว วันนี้ เวลานี้ ก็จำได้อย่างนั้นเหรอทันถาม

    ถูกต้องแล้วเกดขานรับ เคยมีคนทดลองให้ฝรั่งคนหนึ่งซึ่งไม่รู้เรื่องหรือเกี่ยวข้องอะไรเลยเกี่ยวกับ เผ่าโบราณเผ่าหนึ่งในจีน หลังจากสะกดจิตแล้ว เขาบอกได้ว่าชาติก่อนเขาเป็นใคร และลองพูดภาษาของเผ่านั้นให้ฟังทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย

    หมายความว่า... ฉัตรเอ่ยขึ้น

    เราต้องไปหาจิตแพทย์ที่รู้เรื่องการสะกดจิต เกดจบประโยคให้ฉัตรอีกครั้ง เผื่อจะรู้อะไรเกี่ยวกับแม่ของนาย แล้วก็พู่กันนี้

    ฉัตรยิ้มแหย ๆ หันมามองหน้าทันซึ่งก็จ้องตอบอยู่ ไม่ใช่ว่าทั้งสองไม่เห็นด้วย  แต่เป็นเพราะจำคำพูดของฉัตรที่เคยบอกตัวเองว่าคงจะต้องไปหาจิตแพทย์เมื่อไม่นานมานี้ได้ แล้วดันต้องไปจริง ๆ เสียด้วย ทำเอาทันยิ้ม

    เอาน่า ยังไงนายก็ไม่ได้บ้าสักหน่อย อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนบ้ากว่านายอีกนะ ทันบอก หันไปมองเกดซึ่งเธอพอเข้าใจว่าทันหมายถึง ตัวเธอนั่นเอง

     

    ................................................................

     

    เอาล่ะ ขอให้เธอนอนในถ้าที่สบาย ไม่ต้องเกร็งนะ เสียงทุ่มต่ำของชายวัยกลางคนบอกกับฉัตรซึ่งบัดนี้ได้นอนอยู่บนเตียงคนไข้ โดยมีเพื่อน ๆ อีกสองคนยืนอยู่ข้างกาย ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำจนราวกับมันจะหลุดออกมานอกร่างกายเสียให้ได้ จึงพยายามข่มให้ใจเย็นลง

    ทันดูฉัตรอย่างเป็นกังวล เดิมทีเขาไม่ใช่คนที่จะมาเชื่อเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยค้านในสิ่งที่เพื่อนอยากจะทำ ทันเลือกที่จะเดินไปด้วยจนถึงที่สุดมากกว่า ครั้งนี้ก็เช่นกัน

    หมอขอให้เธอหลับตาลง ทำจิตให้ว่าง จากนั้นหมอจะนับถอยหลังจากสิบ ให้เธอจินตนาการถึงช่วงวัยสิบขวบนั้นว่าเธอไปทำอะไรมาบ้าง ทันทีที่นับถึงหนึ่ง เธอจะไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้อีก หมอพูดต่อ คำพูดของหมอทำให้ทันอมยิ้ม ถ้าเป็นเขาคงจะสะกดจิตไม่ลงแน่ คนนอนอยู่ทั้งคนจะให้คิดว่าไม่มีตัวตนได้อย่างไร แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาของเกดห้ามปรามไว้

    ฉัตรพยักหน้า ถึงหมอไม่บอกยังไงก็ต้องพยายามนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนสิบขวบให้ได้อยู่แล้ว สภาพอยู่ในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่น ได้ยินเสียงหมอพูดแว่ว ๆ อะไรบางอย่าง และแล้วหมอก็เริ่มนับถอยหลัง เป็รการนับถอยหลังที่ช้าแสนช้าในความรู้สึกของเขา เหมือนกับเวลามันค่อย ๆ หยุดนิ่งลงทีละนิด ๆ ฉัตรคอยฟังเสียงหมอสั่งการว่าจะให้ทำอะไรต่อไปอีกแต่ก็เงียบ เงียบเสียจนราวกับไม่มีใครอยู่รอบข้าง หรือว่าการสะกดจิตจะเป็นแบบนี้ ปล่อยให้คนนอนหลับนึกเรื่องที่ผ่านมาโดยไม่ต้องมีคนถามอะไร  สักพักร่างกายก็สัมผัสได้ถึงกระแสลมเย็น ๆ ผ่านหน้าจนรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลที่คับแคบอีกต่อไป ทำให้ฉัตรค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จริงอย่างที่คิด เขาไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลเสียแล้ว รอบข้างเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้าสีรุ้งไกลสุดลูกหูลูกตา และเห็นบ้านหลังหนึ่งห่างออกไปข้างหน้าประมาณหนึ่งร้อยเมตร บ้านที่คุ้นตา นั่นเป็นบ้านหลังเก่าที่เคยอยู่จริง ๆ สมัยอายุสิบขวบ ฉัตรไม่รอช้ารีบวิ่งตรงไปที่บ้านหลังนั้นทันที

    สิ่งของทุกอย่างยังคงวางอยู่ที่เดิม และล้วนแต่เป็นของที่เคยเห็นในกล่องเก็บของที่ห้องของพ่อทั้งสิ้นฉัตรเดินเข้าไปในห้องรับแขก เอื้อมมือไปหยิบรีโมทเปิดทีวี โดยไม่รู้เหมือนกันว่าหวังที่จะเห็นอะไรในจอนั่น บางทีอาจจะอยากให้ทีวีคุยกับเขาตามลำพังอีกก็เป็นได้ หากนี่เป็นความฝันมันก็ช่างเหมือนจริงยิ่งนัก ฉัตรสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบข้างกาย  บางทีเด็กหญิงที่รับรู้ได้ในฝันนั่นอาจมีตัวตนอยู่จริง ความคิดนี้นำพาให้ร่างมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องนอนของเขา ฉัตรค่อย ๆ บิดกลอนอย่างช้าๆ หวังว่าจะมีลมวูบใหญ่พัดตัวเข้าไปอย่างที่เคยเป็น แต่ก็ไม่มี แรงดันจากมือทำให้ประตูเปิดอ้าเห็นสภาพห้องภายใน และเขาก็พบร่างเด็กหญิงผมยาวคนนั้นนอนหลับอยู่บนเตียง ซึ่งบัดนี้ได้โตเป็นสาวแล้ว

    พลอย ฉัตรรำพึงกับตัวเองเบาๆ ถึงแม้รูปร่างอาจเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็จำหน้าตาได้เป็นอย่างดี

    ฉัตรกลั้นหายใจเดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ จับข้อแขนเช็คชีพจรซึ่งยังคงเต้นอยู่ อันที่จริงถึงชีพจรไม่เต้นแล้วเธอจะฟื้นขึ้นมาก็ไม่น่าแปลกใจอะไร ในเมื่อสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้มันไม่ควรจะมีอยู่เสียตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เอาล่ะ นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และจะให้พลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้

    พลอย ฉัตรเรียกพร้อมกับเขย่าตัวพลอย แต่ก็ไม่เป็นผล เธอยังคงนอนแน่นิ่งอยู่เช่นเดิม เขาจึงเขย่าตัวแรงขึ้นอีก

    พลอย

         พลอย

     

    ......ฉัตร ตื่นสิ ฉัตรตื่นเร็วเข้า....

     

    เสียงของพวกทัน ฉัตรรู้ตัวว่าเวลาน้อยลงทุกทีแล้ว เขาต้องรีบปลุกพลอยตื่นก่อนที่เขาจะตื่นขึ้น

    พลอย ตื่นสิ ฉันอยากรู้อะไรก็ได้จากเธอ เธอเป็นใครกันแน่

     

    ..... ฉัตร ถ้าหมอนับหนึ่งถึงสามเธอจะตื่นขึ้น ......

     

    พลอย!!”

     

    ทันใดนั้นร่างที่แน่นิ่งก็ขยับตัวขึ้น เธอค่อย ๆ ลืมตาสบมาฉัตรที่มองอยู่

     

    ….1…

     

    เธอเป็นใครกันแน่ เกิดอะไรขึ้นตอนฉันอายุสิบขวบฉัตรถามอย่างรวดเร็ว

     

          ………2……..

     

    โลกของเธอกำลังจะหายไป เธอต้องเอาพู่กันเหล่านี้ไป แล้วกลับมาหาฉันที่นี่อีกครั้ง ตรงห้องขาวโพลนแบ่งแยกนั่น เธอต้องเข้าไปให้ได้อย่าลังเลใจเด็ดขาด พลอยบอกพร้อมกับยื่นพู่กันเล็ก ๆ จำนวนสิบอันให้

    หมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ

                    ………….3………….

     

    ยังไม่ทันที่ฉัตรจะได้คำตอบอะไร ร่างก็สะดุ้งตื่นอย่างรวดเร็วโดยมีเกดคอยประคองไว้อยู่ เขาพบว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่บนเตียงอีกแล้ว กลับไปซุกอยู่ข้างมุมห้อง เหงื่อโชกตัว ทันกับหมอยังคงมองเขาด้วยสีหน้าตกใจ ฉัตรยกมือขึ้นมาดูก็พบว่าตัวเองกำพู่กันสิบอันไว้แน่นในมือ

    เป็นไงบ้าง ได้ผลเป็นไงบ้าง ฉันรู้เรื่องอะไรไหม ฉัตรถาม

    โว้โฮ่ ได้ผลเกินคาดเลยแหละฉัตร ทันพูดแกมหยอกแกมจริง พลางชี้ให้ดูสภาพห้องที่ตอนนี้เกะกะระเนระนาดเต็มไปหมด ห้องถูกแต่งเติมบิดเบี้ยวเพี้ยนไปจากความจริงมาก มีรอยหนามยื่นออกมาจากฝาผนังราวกับสีโดนอะไรปัดออกมา เตียงนอนถูกตัดออกเป็นสองท่อน

    ฝีมือนายล้วน ๆ เลยล่ะ บางทีอาจจะไม่ใช่ตัวนายด้วยซ้ำทันพูดต่อ

    หมายความว่ายังไง ฉัตรถามอย่างงุนงง

    หลังจากนับถึงหนึ่ง เธอก็พยายามที่จะนึกถึงเรื่องในอดีต แล้วก็เล่าถึงเรื่องตอนเด็ก เรื่องที่เธอเคยเล่าให้เพื่อนของเธอฟังก่อนหน้า ตั้งแต่นัดกับทันเรื่องไปเที่ยวบ้าน จนไปถึงเจอเด็กหญิงสาวคนหนึ่ง เธอให้พู่กันมาและสอนวิธีใช้ให้ และหลังจากนั้น.... หมอตอบก่อนจะหยุดชะงักไป

    หลังจากนั้นทำไม ฉันยิ่งเค้นมากขึ้น หลังจากเห็นสภาพห้องที่เกิดจากน้ำมือตัวเอง

    หลังจากนั้น เธอก็บอกว่าไม่มีความทรงจำต่อจากนั้นอีก มันเหมือนถูกลบออกไป แล้วเธอก็เหมือนกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่เธอ พยายามที่จะฆ่าตัวเองตาย พอพวกฉันเข้าไปห้ามก็ใช้พู่กันวาดอะไรแปลก ๆ ทำร้ายเรา แล้วสภาพห้องก็เปลี่ยนไป เกดเสริมต่อ

    โลกกำลังจะหายไปอย่างนั้นหรือ ฉัตรเอ่ยขึ้นเบา ๆ

    หา ว่าไงวะ ทันถาม

    ช่วงที่ฉันหลับ ฉันได้เจอพลอย เธอบอกว่าโลกกำลังจะหายไป พร้อมกับให้ของสิ่งนี้มา ฉัตรพูด ชูพู่กันที่อยู่ในกำมือ

    เกดสังเกตสีหน้าหมอซึ่งจ้องพู่กันตาไม่กระพริบ จึงรีบป้องมือฉัตรให้เอาพู่กันหลบไป พลางกระซิบบอก ในเวลานี้ ฉันว่าเธออย่าเอาพู่กันเดินเพ่นพ่านให้ใครเห็นที่ไหนดีกว่า

    ฉัตรกับทันพยักหน้ารับ ก่อนที่จะซุกพู่กันลงไปในเป้ที่เขาติดมา และรีบจ่ายเงินให้กับหมอ ไปกันเถอะ

    เดี๋ยวก่อน เสียงหนึ่งเรียกขึ้นก่อนที่พวกเขาจะก้าวออกไปจากห้อง เสียงของหมอจิตแพทย์ที่ทักด้วยน้ำเสียงสั่นครือ พู่กันนั่น.... ขอให้ฉันอันนึงได้ไหม

    นั่นไม่ใช่น้ำเสียงธรรมดาอย่างที่ได้ยินก่อนหน้าอีกแล้ว แต่เป็นเสียงข่มขู่เพื่อให้ได้ของสิ่งที่หมายปอง ในมือหมอกำปากกาแน่น แววตาของเขาดูราวกับไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว

    ไปกันเถอะ!!” ทันรีบฉุดทั้งสองคนวิ่งที่ออกไปจากห้องของหมอโดยเร็ว

    จับเด็กเวรนั่นไว้ มันยังไม่ยอมจ่ายเงิน

    บ้าจริง โกหกนี่หว่า ทันบ่น ก่อนที่จะกระโดดหลบชายคนหนึ่งที่กระโจนเข้ามาหมายจะจับตัวเขา ทำให้ชายคนนั้นเสียหลักลง ฉัตรก็กระโดดเหยียบซ้ำทันทีก่อนที่จะวิ่งหนีออกไปด้านนอกได้สำเร็จ

     

     พวกเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นกลุ่มคนมายมากเดินไปตามถนนใหญ่ด้านหน้าของตึกคลีนิคจิตแพทย์ ปิดกั้นเส้นทางการจราจรจนหมด เสียงรถบีบแตรอื้ออึงแต่ก็ไม่มีใครสนใจต่างยังคงเดินมุ่งหน้าไปที่ใดสักแห่งโดยมีตำรวจหลายร้อยนายยืนคุมอยู่ห่าง ๆ ในมือถือวิทยุรอคำสั่ง

    นี่มันอะไรกัน ฉัตรพูด ขณะเกาะกลุ่มวิ่งฝ่าฝูงคนหนีหมอโรคจิตนั่นที่กำลังตามอยู่ ทั้งสามซ่อกแซ่กไปตามช่องระหว่างคน อึดใจต่อมาก็ไปโผล่ฝั่งตรงข้ามของคลินิคปล่อยให้หมอหันซ้ายหันขวามองหาพวกเขา

    พี่ ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น คนเหล่านี้กำลังเดินไปไหนกัน ทันสะกิดคนหนึ่งในขบวน

    เรากำลังมุ่งหน้าตรงไปยังอนุสาวรีย์ อวยพรขอความเมตตาจากตัวแทนพระเจ้าให้ประทานพู่กันมาให้เราอีก

    ตัวแทนพระเจ้าอย่างนั้นเหรอ ทันร้องออกมา ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ลำพังแค่เหตุกาณ์ที่เขาเจอก็ดูเกินจริงไปสำหรับเขาแล้ว นี่โลกเป็นบ้าอะไรกันแน่ถึงได้เกิดเหตุอัศจรรย์ในเวลาอันรวดเร็วอย่างนี้ ดูท่ามนุษย์เราจะทำลายสิ่งแวดล้อมมากเกินไปจนเกิดวิกฤตกระทันหันแน่ ๆ ทันให้เหตุผลกับตัวเอง

    ใครกันที่เป็นตัวแทนพระเจ้า ฉัตรถาม

    ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้า เพียงแต่มีข่าวลือแว่วมาว่ามีคนได้รับพู่กันจากเขาในประเทศต่าง ๆ บนอินเตอร์เนทก็เท่านั้น และมีข่าวว่าเขากำลังจะมาในสองสามวันนี้ ชายแปลกหน้าตอบ ฉันต้องไปล่ะ

    ฉันว่าพวกเราก็ควรรีบไปจากที่นี่กันดีกว่า ฉัตรบอก ทุกคนเห็นด้วย เตรียมเดินเลี่ยงเข้าไปตามตรอกข้างตึก

    หยุดนะ เด็กเวรนั่นมีพู่กันเป็นกำมือ มันจะฮุบเอาไว้คนเดียว ไปจับมาเร็ว!!” เสียงหมอโรคจิตตะโกนมาแต่ไกลข้ามผ่านฝูงคนที่กำลังเดินตัดผ่านถนนทำให้ทุกคนหันมาดู

    เวรเอ้ย ฉัตรสบถ กอดเป้ไว้แน่น ขณะที่สายตานับร้อยจ้องมองเขา เกดเกาะฉัตรไว้ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา

    มีพู่กันเยอะอย่างนั้นเหรอไอ้น้อง คิดจะฮุบเอาไว้คนเดียวหรือไง ชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น เหมือนจุดชนวนให้คนอื่น ๆ โห่ร้องตามมา

    ไม่ต้องยืนแล้ว ทันพูดเบา ๆ ข้างๆ ฉัตร หนีเร็ว!!”

    ทั้งสามออกตัววิ่งเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็ว เส้นทางเหล่านี้ทันช่ำชองเป็นอย่างดี เพราะเป็นทางไปที่ทำงานแม่ของเขา พวกเขาวิ่งหลบซ้ายขวาไปตามซอย ถีบถังขยะข้างทางกันคนที่ตามมา ตรงไปตามช่องกระโดดปีนข้ามกำแพงเพื่อที่จะทะลุออกไปหลังตัวตึกหวังจะต่อรถตรงซอยแคบด้านหลังหนี แต่เหล่าฝูงคนก็ยังตามไปอย่างไม่ลดละ ต่างเริ่มแยกกันล้อมตึกไว้ ทำให้ทันต้องหาทางใหม่อีกครั้ง เขาวิ่งวนกลับมาทางช่องเดิมเพื่อจะปีนข้ามกำแพงกลับไปแต่ก็เจอคนปีนเข้ามาดักเอาไว้เสียแล้ว จึงตัดสินใจวิ่งไปแยกด้านซ้ายใกล้ตัวเขา แต่นั่นก็เป็นทางตัน

    ทัน ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว เกดร้อง

    บ้าชะมัดทันเอ่ย

    เธอหนีไปก่อนเถอะไม่ต้องห่วงฉัน เกดบอกต่อพลางหอบ

    ฉันไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอกน่า ทันตอบกลับ ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ก็รู้ดีใช่ว่าจะหนีง่าย ๆ

    เกด บอกวิธีใช้พู่กันซิ ฉัตรถาม

    วิธีใช้งั้นเหรอ

    ใช่ วีธีที่ฉันบอกตอนหลับน่ะ

    นี่คงเป็นวิธีสุดท้าย วิธีที่เดิมพันเอามาก ๆ เพราะก่อนหน้านี้ฉัตรได้ลองวาดอะไรหลาย ๆ อย่างแต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษขึ้นมา นอกจากลำแสงสีเหลืองที่ปรากฎอยู่กลางอากาศ

    เธอบอกว่า ให้นึกถึงสิ่งที่อยากได้ด้วยใจ เกดพูด

    ฮะ ฮะ งั้นเหรอ ทำไมพูดง่ายอย่างนั้นล่ะ ฉัตรบอกกลับเสียงแห้ง ๆ

    แต่นายเป็นคนบอกเองนะเฟ้ย ทันย้ำ

    จริงอย่างที่ทันพูด เขาเป็นคนบอกเอง ว่าแต่ตอนนี้เขาอยากได้อะไรล่ะ อะไรที่มันวาดง่าย ๆ ขณะนี้กลุ่มคนเจอพวกเขาแล้ว และค่อย ๆเดินเข้ามาใกล้ทุก ๆ

    ฉันรู้ล่ะ ว่าแล้วฉัตรก็วาดพู่กันขึ้นกลางอากาศ มันช่างเป็นเรื่องงี่เง่าจริง ๆ ที่ทำในสิ่งที่เหลือเชื่อและพวกเขาก็ไม่เคยลองใช้มันสักครั้ง ถ้าไม่ติดขึ้นมานั่นหมายถึงความเป็นตายทีเดียว เขาค่อย ๆ ร่างภาพออกมาเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีวงกลมอยู่ตรงกลาง พลันนั้น ภาพประตูสีน้ำตาลก็ปรากฎขึ้นตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสามและกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามา นั่นทำให้พวกคนเหล่านั้นชะงัก

    ทำไมนายไม่วาดบนกำแพงข้างหลังเราวะ ทันเอ่ยอย่างหงุดหงิด ถ้าเปิดไปแล้วมันเป็นประตูธรรมดาก็ไปเจ๊อะกับไอ้พวกนั้นน่ะสิ

    เออ จริงว่ะ ไม่ทันแล้ว รีบไปกันเถอะ ฉัตรบอก เกดเห็นดีด้วยเสียยิ่งกว่าด้วย ไม่มีอะไรที่ใจของทั้งสามจะตรงกันมากกว่านี้อีกแล้ว

    ฉัตรเปิดประตูและวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยมีเพื่อนตามหลังมาติด ๆ  ทันก่อนที่พวกคนเหล่านั้นจะมาถึงได้ในเสี้ยววินาที ช่วงเสี้ยววินาทีนั้นที่ทำให้ฉัตรคิดในใจว่าจะไม่ไปหาหมอโรคจิตอีกแล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×